06/09/2025
สวัสดีครับ
เกือบตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ผมหายหน้าไปจากเพจ เพราะผมกลับเมืองไทยเพื่อไปเยี่ยมคุณแม่ที่ไม่ได้เจอกันมานานครับ การได้อยู่ใกล้ ๆ ดูแลท่านในแต่ละวัน เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าเหลือเกิน ทำให้หัวใจอุ่นและมั่นคงขึ้นมาก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกนั้นไม่เคยจางหาย และทุกครั้งที่ได้กลับไปหาท่าน ก็เหมือนได้ย้อนกลับไปเติมรากฐานชีวิตให้แข็งแรงอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน เส้นทางวิชาชีพของผมที่เบลเยียมก็ก้าวสู่จุดหมายใหม่ที่สำคัญ เพราะเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมได้รับการอนุมัติขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์เวชศาสตร์การบิน (Aeromedical Examiner – AME) ของ Belgian Civil Aviation Authority (BCAA) หมายเลขทะเบียน AME.BE.2076
กว่าจะได้เลขนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเริ่มต้นด้วยการเรียนหลักสูตร Basic Course ของ European Society of Aerospace Medicine (ESAM) Academy ณ เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี และสอบผ่านจบหลักสูตรตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนปีที่แล้ว หลังจากนั้นคือกระบวนการยาวนานเกือบหนึ่งปีเต็ม เอกสารทุกแผ่นถูกตรวจสอบอย่างละเอียด สถานพยาบาลและอุปกรณ์ต้องสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด ผมต้องผ่านการอบรมและทดสอบการใช้ระบบ EMPIC ซึ่งเป็นระบบข้อมูลเวชศาสตร์การบินสากลที่ทั้งยุโรปและประเทศไทยใช้เหมือนกัน และสุดท้ายยังต้องผ่านการออดิทหลายขั้นตอน ก่อนที่ BCAA จะอนุมัติและมอบหมายเลขนี้ให้ปรากฏข้างชื่อผม
เบลเยียมขึ้นชื่อว่ามีระบบที่เข้มงวด และมีจำนวนแพทย์ AME ไม่มากนัก เพราะตั้งเกณฑ์สูงมากทั้งในด้านวิชาชีพและด้านประสบการณ์ทางคลินิก รวมทั้งกำหนดว่าผู้สมัครต้องมีทักษะภาษาราชการของเบลเยียมถึงระดับ C1
ที่นี่ก็มีข้อบังคับว่าการตรวจสุขภาพนักบินพาณิชย์ Class 1 ครั้งแรก (Initial) จะต้องทำใน AeMC เท่านั้น AME เอกชนเช่นผมจึงเริ่มทำได้จาก Class 2, LAPL และ Cabin Crew และในก้าวต่อไปคือสิทธิในการทำ Class 1 (Renewal) ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเรียนหลักสูตรแพทย์เวชศาสตร์การบินขั้นสูง (Advanced Course) ณ Austrian Aerospace Medicine Institute (AAMI) ที่เมืองซาลซ์บูร์ก สาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อเตรียมตัวต่อไปครับ
สิ่งที่ทำให้ AME ของเบลเยียมมีความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ กรุงบรัสเซลส์เองถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินหลักของยุโรป เป็นที่ตั้งของ Brussels Airlines, ฐานปฏิบัติการของ Ryanair และ TUI รวมถึงสายการบินธุรกิจ (bizjets) และหน่วยงานของ NATO และ EU นักบินและลูกเรือนับพันชีวิตหมุนเวียนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ความต้องการตรวจสุขภาพการบินจึงมีอย่างต่อเนื่อง และนั่นทำให้ทุกการอนุมัติจาก BCAA ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของแพทย์ แต่มีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของการบินในภูมิภาคนี้
เมื่อมองกลับไปที่ประเทศไทย ระบบแพทย์เวชศาสตร์การบินก็มีความเข้มแข็งไม่แพ้กัน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะผูกอยู่กับโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ หรือโรงพยาบาลทหาร ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้มี AME ในคลินิกส่วนตัวเหมือนในสหภาพยุโรป แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยเองก็ใช้ระบบ EMPIC เหมือนกับยุโรปเช่นกัน นั่นหมายความว่ามาตรฐานการบันทึกและการเก็บข้อมูลของนักบินและลูกเรือ ทั้งในกรุงเทพฯ และในบรัสเซลส์ เดินคู่กันในระดับเดียวกัน เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า ความปลอดภัยทางการบินไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นพันธะร่วมกันของโลกทั้งใบ
ผมนั้นมีรากเหง้าที่ผูกพันกับท้องฟ้ามาแต่เด็ก คุณพ่อของผมท่านเคยเป็นนักบินขับไล่ของกองทัพอากาศไทยในยุค 1960s-1970s ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เดินตามรอยเท้าพ่อเพื่อมาเป็นนักบิน แต่วันนี้ผมก็ได้มายืนอยู่ในเส้นทางที่เกี่ยวพันกับการบินอีกด้านหนึ่ง ด้วยการเป็นแพทย์เวชศาสตร์การบิน ผู้ตรวจสุขภาพนักบินให้พวกเขาพร้อมกลับขึ้นสู่ฟ้าได้อย่างมั่นใจ สำหรับผมแล้ว นี่คือเกียรติของชีวิต และเป็นเกียรติของวงศ์ตระกูลของผมในอีกจุดหนึ่ง
และผมเองก็น่าจะเป็นแพทย์ไทยคนแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์เวชศาสตร์การบิน (AME) ของสหภาพยุโรป (European Union) ความจริงข้อนี้ไม่ได้ทำให้ผมภูมิใจเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้พา “ธงเล็ก ๆ ของแพทย์ไทย” ไปปักอยู่ในระบบที่เข้มงวดที่สุดระบบหนึ่งของโลก เป็นการแสดงให้เห็นว่าแพทย์ไทยสามารถยืนหยัดได้บนเวทีสากล
จากนี้ไป ผมจะยังคงทำหน้าที่สองบทบาทควบคู่กัน ทั้งในฐานะแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวที่ดูแลผู้คนบนพื้นดิน และในฐานะแพทย์เวชศาสตร์การบินที่พิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องฟ้า แต่ผมตั้งใจว่าจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ ผมอยากพัฒนาตัวเองให้ลึกขึ้นไปอีก ทั้งด้านความรู้ ความสามารถ และมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ได้รับจากผู้ป่วยและนักบินทุกคน ในเวลาเดียวกัน ผมจะรักษาสมดุลของชีวิตไว้เสมอ เพราะผมเชื่อว่า work–life balance ไม่ใช่ความฟุ้งฝัน แต่คือรากฐานของการเป็นแพทย์ที่ดีได้อย่างยืนยาว
ทุกครั้งที่ผมเห็นหมายเลข AME.BE.2076 ขึ้นอยู่หลังชื่อ ผมจะระลึกเสมอว่านี่ไม่ใช่เพียงใบอนุญาต แต่คือเครื่องเตือนใจว่า ความเพียรพยายาม ความกตัญญูต่อครอบครัว และเกียรติของวิชาชีพแพทย์ไทย สามารถพาเราไปยืนอยู่ได้ทุกแห่งหนของโลก และหวังว่าเรื่องราวนี้จะเป็นแรงบันดาลใจเล็ก ๆ ให้แพทย์รุ่นน้องได้เห็นว่า หากมีความตั้งใจและไม่หยุดที่จะก้าวไปข้างหน้า วันหนึ่งพวกเขาก็สามารถสร้างเส้นทางที่ภาคภูมิใจของตนเองได้เช่นกัน
เป็นกำลังใจให้ FC ของผมทุกคนครับ
รศ.ดร.นพ.วัชรพล อเล็กซองดร์ กำเนิดศิริ
กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม