25/10/2025
ถวายความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เวลานั้น เมื่อคืน ข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กำลังประชุมผ่าน Zoom กับคณะกัลยาณมิตร กำลังเล่าระลึกถึงพระองค์กันด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ โดยยังไม่ทราบว่าขณะนั้นจะเกิดเหตุอันใหญ่หลวงขึ้น
เดิมที ข้าพเจ้าตั้งใจจะอยู่ในประเทศไทยต่อ เพื่อไปร่วมงานเทศกาลกินเจที่จังหวัดภูเก็ต และมิได้มีแผนจะเดินทางมาประชุมที่เจนีวาและโลซาน แต่เมื่อระลึกได้ว่า การประชุมมีขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม (วันของรัชกาลที่ 5 )กับคณะธนาคารสวิสและ กองทุน Family offices ข้างโรงแรม Four Season ในกรุงเจนีวามีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และที่เมืองโลซาน เป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เคยประทับเมื่อครั้งทรงพระเยาว์
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเดินทางมายังเจนีวาเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม และพักอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่ ๒๔ ตุลาคม เพื่อเดินทางต่อไปประชุมงานที่ประเทศฝรั่งเศส
ขณะนั้น ข้าพเจ้ากำลังนั่งอยู่ในรถ ประชุม Zoom กับเพื่อนประมาณยี่สิบคน ต่างกล่าวสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระองค์ด้วยความซาบซึ้งและเปี่ยมล้นด้วยความจงรักภักดีว่าประเทศไทยโชคดีเหลือเกินที่มีพระมหากษัตริย์พระราชินีผู้ทรงเป็นดั่งแสงนำทางแห่งแผ่นดิน และเรากำลังนั่งรถผ่านบ้านที่ประทับของพระองค์ท่าน
ตาต้าก็แจ้งข่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่เสด็จสู่สวรรคาลัย
ข้าพเจ้ารู้สึกใจหาย อาลัยอาวรณ์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ แต่ก็ระลึกอยู่เสมอว่า พวกเราทั้งหลายจะยังคงมุ่งมั่นถวายงานและเดินตามรอยพระยุคลบาท ตราบเท่าที่ยังดำเนินอยู่ในวัฏสงสาร
ข้าพเจ้าขอส่งเสด็จพระองค์ด้วยการน้อมถวายบุญกุศลทั้งปวงที่ได้ประกอบไว้ดีแล้ว
— บุญที่ได้ปูทองคำลาด ณ พระธาตุพนม เพื่อ เป็นยอดฐานฉัตรทองคำ
— บุญที่ถวายทองคำแด่วัดป่านาคนิมิตต์ สถานที่ที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุยส์ หลวงปู่อุ่น หลวงปู่ทองสุข ที่เคยพำนักกับหลวงปู่มั่นที่นั่น และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้บรรลุธรรม ที่นั่น พร้อมทั้งถวายบูชาแด่หลวงปู่อว้าน และหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้เขียน มุตโตทัย ณ สถานที่นั้น
— บุญที่ถวายที่ดินแด่วัดมเหยงคณ์ พร้อมถวายบึงบัวและกุฏิพระสงฆ์จำนวน ๑๔ กุฏิ ร่วมสร้างอุโบสถและหล่อพระพุทธรูป
— บุญที่ถวายปัจจัยเพื่อปิดการก่อสร้างอุโบสถและเจดีย์ ณ วัดบุญญาวาส รวมถึงกุฏิพระอาจารย์
— บุญที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพซ่อมหลังคาอุโบสถวัดไทยพุทธประทีป ณ กรุงลอนดอน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระสังฆราช ได้เสด็จไปทรงประกอบพิธีเปิดด้วยพระองค์เอง
- บุญในการมอบที่ดินและสร้างสถานปฏิบัติธรรม จุ 2,000คน และ พระธาตุภูริทัต บางปะกง
- บุญในการเป็นเจ้าภาพจัดปฏิบัติธรรมตลอด 28ปี
ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลทั้งปวงนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
ดร. ฐิตินาถ ณ พัทลุง
On that night I was in Geneva and Lausanne, Switzerland, after attending several meetings. While in a car on the way back to France, I had a Zoom meeting with twenty friends. We were sharing heartfelt reflections on Their Majesties the late King and Queen of Thailand with deep reverence and gratitude for Their boundless benevolence, unaware that at that very moment a momentous event was unfolding.
Originally I had intended to remain in Thailand to attend the Vegetarian Festival in Phuket and had no plan to travel to Geneva or Lausanne. Yet upon realising that the meeting on 23 October with the founders of Switzerland’s leading family offices would be held near the Four Seasons Hotel in Geneva, where a statue of His Majesty King Chulalongkorn (Rama V) stands, and that Lausanne was the city where His Majesty King Bhumibol Adulyadej the Great (Rama IX) had once resided during His youth, I felt an inner calling to make the journey.
I therefore decided to travel to Geneva on 21 October and remained there until the 24th before proceeding onward to France for my next engagement.
At that time I was sitting in the car, continuing our Zoom session with twenty friends. Together we were joyfully extolling the virtues and divine grace of Their Majesties, speaking with heartfelt pride that Thailand has been so blessed to be guided by such a King and Queen, the radiant light of the nation from King Rama I to King Rama X.
As we drove past His former residence in Lausanne, Tata gently conveyed the news that Her Majesty the Queen Mother, the beloved Queen of King Rama IX, had ascended to heaven.
My heart sank in profound sorrow and reverence. I was filled with gratitude for Her immeasurable compassion and loving-kindness. Yet deep within I knew that we, Her loyal subjects, shall continue to serve and walk steadfastly in Her footsteps for as long as we journey through the cycle of existence.
In humble devotion I offer all merits accumulated throughout my life as a tribute in honour of Her Majesty, praying that they may accompany Her ascension to the celestial realms.
-The merit of laying several kilograms of gold bars upon the Phra That Phanom stupa as the golden finial of its sacred umbrella.
-The merit of offering several kilograms of gold bars to Wat Pa Nakinimit, the monastery where the great forest masters Luang Pu Mun Bhuridatta, Luang Pu Sao Kantasīlo, Luang Pu Tess, Luang Pu Chob, Luang Pu Louis, Luang Pu Un and Luang Pu Thong Suk once resided with Luang Pu Mun, where Luang Ta Maha Bua Ñāṇasampanno attained enlightenment, and where I also paid homage to Luang Pu Awan and Luang Por Viriyang Sirintharo, author of Mutto Thai.
-The merit of donating land to Mahayong temple together with a lotus pond and fourteen monks’ houses, and participating in the construction of the ordination hall and the casting of a Buddha image.
-The merit of offering funds to complete the ordination hall and the chedi at Wat Bun Ya Wat, including the monks’ quarters.
-The merit of being one of the benefactors who restored the roof of Wat Thai Buddhapadipa in London, the temple graciously inaugurated by His Majesty King Bhumibol Adulyadej the Great, Her Majesty the Queen, and the Supreme Patriarch.
-The merit of building the Compass Meditation Centre for 2,000 meditators and the Golden Stupa of Purithat.
-The merit of leading and hosting free Meditation retreat for the past 28 years.
With deepest humility I dedicate all these merits as a royal offering in everlasting remembrance of Her Majesty, the beloved Queen of our hearts, and in prayer for Her glorious ascension.
With the deepest respect and gratitude,
I remain Her Majesty’s loyal servant
Dr. Ddnard Napattalung
