15/11/2025
#ไข้หวัดใหญ่ #วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องค่ะ หลังจากที่เด็กๆได้เริ่มเปิดเทอม ฝนยังคงตกอยู่ มีการแพร่ระบาดของโรคเป็นวงกว้าง ตัวเลขจากกรมควบคุมโรคในปี 2025 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีคนป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 464,891 ราย พบทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อัตราป่วย 716.18 ราย ต่อประชากรหนึ่งแสนคน อาการรุนแรงจนเสียชีวิต 53 ราย (อัตราป่วยเสียชีวิต 0.011%) รายงานป่วยเพิ่มสัปดาห์ต่อสัปดาห์ร่วม 10,000 ราย
ดังนั้นการป้องกันจึงมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมแมสถ้ามีอาการป่วย และรับวัคซีน ซึ่งปัจจุบันไข้หวัดใหญ่มีวัคซีนป้องกันการป่วย แม้ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ ร้อย เปอร์เซ็นต์ แต่ลดความรุนแรงของโรคค่ะ ซึ่งมี 2 แบบ
1.แบบฉีด เป็นวัคซีนเชื้อตาย ฉีดเข้ากล้าม ปีละครั้ง โดยมากป้าหมอมักนัดคนไข้มาฉีดช่วงเดือน เมษายนถึง พฤษภาคม เพราะเป็น สายพันธุ์ update และก่อนเด็กๆ จะเปิดเทอม เมื่อฉีดแล้ว ร่างกายจะค่อยๆสร้างภูมิใน 2 สัปดาห์
2.แบบพ่นจมูก ทุกคนคงสงสัยค่ะ ซึ่ง เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (Live Attenuated Influenza Vaccine, LAIV) ที่ให้ผ่านการพ่นละอองเข้าสู่โพรงจมูกแทนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ วัคซีนชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในร่างกาย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทั้งในระบบและบริเวณเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งเป็นจุดแรกที่เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก มีข้อดีอย่างไร
LAIV ถือเป็นอีกทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แตกต่างจากวัคซีนชนิดฉีด ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวก และตอบโจทย์ผู้รับวัคซีนหลายกลุ่ม โดยข้อดีที่สำคัญได้แก่
1.ลดความกังวลเรื่องเข็ม เนื่องจากไม่ใช้เข็ม ทำให้ผู้ที่กลัวเข็มรวมถึงเด็กเล็กรับวัคซีนได้ง่ายขึ้น
2.ขั้นตอนสั้น สะดวก การให้วัคซีนทำได้โดยการพ่นเข้าสู่โพรงจมูก ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน
3.เสริมเกราะป้องกันได้ตรงจุด วัคซีนชนิดนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งเป็นบริเวณที่ไวรัสเข้าสู่ร่างกายเป็นอันดับแรก
4.ประสิทธิภาพสูงในเด็กและวัยรุ่น ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มอายุ 2-17 ปี
#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกเหมาะกับใครบ้าง
วัคซีนแบบพ่นจมูกกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย และไม่อยากเจ็บจากการฉีด โดยกลุ่มที่มักแนะนำ ได้แก่
1.เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ที่กังวลหรือกลัวการฉีดยา
2.วัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่อายุไม่เกิน 49 ปี มีสุขภาพแข็งแรง
3.ผู้ปกครองที่มองหาทางเลือกแทนการฉีดโดยเข็ม สำหรับบุตรหลาน
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีนทุกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก มีผลข้างเคียงไหม
โดยทั่วไปวัคซีนที่พ่นจมูก เพื่อป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ถือว่ามีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง มักหายได้เองภายในไม่กี่วัน โดยอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังจากรับวัคซีน มีดังนี้
คัดจมูกหรือมีน้ำมูก
ไอ จาม หรือระคายคอ
เจ็บคอหรือเสียงแหบ
มีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลียเล็กน้อย
หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรง เช่น หายใจลำบากหรือมีอาการบวม ควรรีบพบแพทย์ทันที
#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก มีข้อควรระวังอย่างไร
กลุ่มที่ควรระมัดระวัง หรืออาจไม่เหมาะสมในการใช้วัคซีนชนิดนี้ ได้แก่
1.เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 49 ปี
2.หญิงตั้งครรภ์
3.ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด
4.เด็กหรือวัยรุ่นที่กำลังใช้ยาแอสไพริน
5.ผู้ที่เคยมีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบของวัคซีน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก ทางเลือกป้องกันไร้เข็ม
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยให้การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นเรื่องง่าย สะดวก และไม่ต้องทนเจ็บจากการฉีดด้วยเข็ม เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มองหาทางเลือกที่อ่อนโยน รวดเร็ว แต่ยังคงมีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก
1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกต่างจากแบบฉีดอย่างไร?
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ให้ผ่านการพ่นละอองเข้าโพรงจมูก แทนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อเหมือนวัคซีนฉีดทั่วไป ทำให้ผู้รับวัคซีนไม่ต้องเจ็บจากเข็มและสะดวกต่อการใช้โดยเฉพาะเด็ก
2. วัคซีนพ่นจมูกป้องกันได้นานแค่ไหน?
วัคซีนแบบพ่นจมูกให้การป้องกันในช่วงฤดูกาลไข้หวัดใหญ่เพียงครั้งเดียว โดยประสิทธิภาพสูงสุดมักอยู่ในช่วง 6-12 เดือนหลังรับวัคซีน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์ตามฤดูกาล จึงแนะนำให้รับวัคซีนทุกปี เพื่อการป้องกันที่ต่อเนื่อง
3.อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก
อาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นอาการเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น มีน้ำมูกไหล คัดจมูก หรือไข้ ซึ่งสามารถหายได้เอง
การให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูกจะรู้สึกเย็น เพราะละอองจะเล็กกว่ายาพ่นจมูก
ปัจจุบันสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยและสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ได้แนะนำการให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง โดยมีวัคซีนให้เลือกทั้งชนิด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก สำหรับผู้ที่มีอายุ 2-49 ปี และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
#ป้องกันไข้หวัดใหญ่กัน
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา