หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา เพจความรู้การดูแลเด็กทั่วไป ภูมิแพ้ในเด็กและผู้ใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก
15/11/2025

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก

15/11/2025

#ไข้หวัดใหญ่ #วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องค่ะ หลังจากที่เด็กๆได้เริ่มเปิดเทอม ฝนยังคงตกอยู่ มีการแพร่ระบาดของโรคเป็นวงกว้าง ตัวเลขจากกรมควบคุมโรคในปี 2025 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีคนป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 464,891 ราย พบทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อัตราป่วย 716.18 ราย ต่อประชากรหนึ่งแสนคน อาการรุนแรงจนเสียชีวิต 53 ราย (อัตราป่วยเสียชีวิต 0.011%) รายงานป่วยเพิ่มสัปดาห์ต่อสัปดาห์ร่วม 10,000 ราย
ดังนั้นการป้องกันจึงมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมแมสถ้ามีอาการป่วย และรับวัคซีน ซึ่งปัจจุบันไข้หวัดใหญ่มีวัคซีนป้องกันการป่วย แม้ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ ร้อย เปอร์เซ็นต์ แต่ลดความรุนแรงของโรคค่ะ ซึ่งมี 2 แบบ
1.แบบฉีด เป็นวัคซีนเชื้อตาย ฉีดเข้ากล้าม ปีละครั้ง โดยมากป้าหมอมักนัดคนไข้มาฉีดช่วงเดือน เมษายนถึง พฤษภาคม เพราะเป็น สายพันธุ์ update และก่อนเด็กๆ จะเปิดเทอม เมื่อฉีดแล้ว ร่างกายจะค่อยๆสร้างภูมิใน 2 สัปดาห์
2.แบบพ่นจมูก ทุกคนคงสงสัยค่ะ ซึ่ง เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (Live Attenuated Influenza Vaccine, LAIV) ที่ให้ผ่านการพ่นละอองเข้าสู่โพรงจมูกแทนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ วัคซีนชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในร่างกาย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทั้งในระบบและบริเวณเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งเป็นจุดแรกที่เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย

#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก มีข้อดีอย่างไร

LAIV ถือเป็นอีกทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แตกต่างจากวัคซีนชนิดฉีด ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวก และตอบโจทย์ผู้รับวัคซีนหลายกลุ่ม โดยข้อดีที่สำคัญได้แก่

1.ลดความกังวลเรื่องเข็ม เนื่องจากไม่ใช้เข็ม ทำให้ผู้ที่กลัวเข็มรวมถึงเด็กเล็กรับวัคซีนได้ง่ายขึ้น
2.ขั้นตอนสั้น สะดวก การให้วัคซีนทำได้โดยการพ่นเข้าสู่โพรงจมูก ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน
3.เสริมเกราะป้องกันได้ตรงจุด วัคซีนชนิดนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งเป็นบริเวณที่ไวรัสเข้าสู่ร่างกายเป็นอันดับแรก
4.ประสิทธิภาพสูงในเด็กและวัยรุ่น ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มอายุ 2-17 ปี

#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกเหมาะกับใครบ้าง

วัคซีนแบบพ่นจมูกกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย และไม่อยากเจ็บจากการฉีด โดยกลุ่มที่มักแนะนำ ได้แก่

1.เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ที่กังวลหรือกลัวการฉีดยา
2.วัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่อายุไม่เกิน 49 ปี มีสุขภาพแข็งแรง
3.ผู้ปกครองที่มองหาทางเลือกแทนการฉีดโดยเข็ม สำหรับบุตรหลาน

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีนทุกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก มีผลข้างเคียงไหม

โดยทั่วไปวัคซีนที่พ่นจมูก เพื่อป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ถือว่ามีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง มักหายได้เองภายในไม่กี่วัน โดยอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังจากรับวัคซีน มีดังนี้
คัดจมูกหรือมีน้ำมูก
ไอ จาม หรือระคายคอ
เจ็บคอหรือเสียงแหบ
มีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลียเล็กน้อย

หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรง เช่น หายใจลำบากหรือมีอาการบวม ควรรีบพบแพทย์ทันที

#วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก มีข้อควรระวังอย่างไร

กลุ่มที่ควรระมัดระวัง หรืออาจไม่เหมาะสมในการใช้วัคซีนชนิดนี้ ได้แก่

1.เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 49 ปี
2.หญิงตั้งครรภ์
3.ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด
4.เด็กหรือวัยรุ่นที่กำลังใช้ยาแอสไพริน
5.ผู้ที่เคยมีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบของวัคซีน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก ทางเลือกป้องกันไร้เข็ม

วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยให้การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นเรื่องง่าย สะดวก และไม่ต้องทนเจ็บจากการฉีดด้วยเข็ม เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มองหาทางเลือกที่อ่อนโยน รวดเร็ว แต่ยังคงมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก

1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกต่างจากแบบฉีดอย่างไร?

วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูกเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ให้ผ่านการพ่นละอองเข้าโพรงจมูก แทนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อเหมือนวัคซีนฉีดทั่วไป ทำให้ผู้รับวัคซีนไม่ต้องเจ็บจากเข็มและสะดวกต่อการใช้โดยเฉพาะเด็ก

2. วัคซีนพ่นจมูกป้องกันได้นานแค่ไหน?

วัคซีนแบบพ่นจมูกให้การป้องกันในช่วงฤดูกาลไข้หวัดใหญ่เพียงครั้งเดียว โดยประสิทธิภาพสูงสุดมักอยู่ในช่วง 6-12 เดือนหลังรับวัคซีน เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์ตามฤดูกาล จึงแนะนำให้รับวัคซีนทุกปี เพื่อการป้องกันที่ต่อเนื่อง

3.อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก

อาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นอาการเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น มีน้ำมูกไหล คัดจมูก หรือไข้ ซึ่งสามารถหายได้เอง
การให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูกจะรู้สึกเย็น เพราะละอองจะเล็กกว่ายาพ่นจมูก

ปัจจุบันสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยและสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ได้แนะนำการให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง โดยมีวัคซีนให้เลือกทั้งชนิด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก สำหรับผู้ที่มีอายุ 2-49 ปี และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
#ป้องกันไข้หวัดใหญ่กัน
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

 #วัคซีนเด็ก  #ทำไมเด็กต้องฉีดวัคซีน วันนี้มีลูกเพจ inbox มาถามป้าหมอเกี่ยวกับวัคซีนเด็ก ว่าทำไมบางตัวฉีดแล้วมีไข้ บางตั...
08/11/2025

#วัคซีนเด็ก #ทำไมเด็กต้องฉีดวัคซีน วันนี้มีลูกเพจ inbox มาถามป้าหมอเกี่ยวกับวัคซีนเด็ก ว่าทำไมบางตัวฉีดแล้วมีไข้ บางตัวไม่มีไข้ และอีกหลายๆคำถามป้าหมอมาเล่าให้ฟังค่ะ #วัคซีน ทำงานโดยการสอนระบบภูมิคุ้มกันของเด็กให้จดจำและต่อสู้กับเชื้อโรค เมื่อเด็กได้รับวัคซีน ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคนั้นๆ โดยไม่ต้องเจ็บป่วยจริง การได้รับวัคซีนครบตามกำหนดไม่เพียงช่วยปกป้องลูกของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องเด็กอื่นๆ ในชุมชนด้วย
#ทำไมเด็กต้องได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกเกิด?
เพราะภูมิคุ้มกันของเด็กแรกเกิดยังอ่อนแอ วัคซีนช่วยป้องกันโรคร้ายแรง เช่น วัณโรค ตับอักเสบบี ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก
#ต้องไปตามนัดที่ฉีดวัคซีนไหม
คำตอบคือ ควรไปตามนัด แต่อาจมีเว้นระยะห่างออกได้ค่ะถ้าไม่ว่างตามนัดจริง แต่ไม่ควรไปรับก่อนกำหนด เพราะในวัยแรกเกิดถึง หนึ่งปี มักจะมีวัคซีนทั้งภาคบังคับ และวัคซีนเสริม ซึ่งจะมีนัดแทบทุกเดือน หรือทุก สองเดือน
#วัคซีนเสริม (Optional Vaccine) จำเป็นหรือไม่?
วัคซีนเสริม เช่น ไข้หวัดใหญ่ HPV อาจไม่อยู่ในสิทธิ์พื้นฐาน แต่แพทย์มักแนะนำเพราะช่วยป้องกันโรคที่พบบ่อยและอาจรุนแรงได้
#ทำไมบางตัวฉีดแล้วมีไข้?
วัคซีนมีหลายชนิด ซึ่งในปัจจุบัน วัคซีนที่ฉีดแทบจะไม่มีไข้หลังฉีดค่ะ ยกเว้น วัคซีนรวม คอตีบไอกรนชนิดเต็มเซลล์ บาดทะยัก ซึ่งตัวการที่ทำให้มีไข้คือ เจ้าไอกรนชนิดเต็มเซลล์ ค่ะ วัคซีนกลุ่มนี้เป็นวัคซีนภาคบังคับที่เด็กต้องได้รับที่ 2 4 6 เดือน กระตุ้นที่อายุ4-6ปี และ อายุ10 ปี อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีไข้สูงได้ตามหลังการฉีดจึงมีการพัฒนาวัคซีนนี้เป็นแบบไอกรนชนิดเซลล์บางส่วนเพื่อลดอาการข้างเคียงเรื่องไข้ แต่ยังให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสูงอยู่ และเมื่อมีการพัฒนาวัคซีนจึงทำให้ราคาวัคซีนตัวนี้แพงกว่าชนิดเต็มเซลล์ และมักนิยมฉีดในสถานพยาบาลเอกชน มากกว่ารัฐบาล นั่นเอง
#สมุดบันทึกวัคซีน สำคัญแค่ไหน?
เป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามว่าลูกได้รับ วัคซีนครบถ้วน ตามตารางหรือไม่
ควรเก็บไว้ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาล และนำไปแสดงเมื่อตรวจสุขภาพหรือเข้าศึกษาในโรงเรียน
การมีบันทึกวัคซีนที่ครบถ้วนช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพระยะยาวได้อย่างแม่นยำ
แนวทางการให้วัคซีนยังสอดคล้องกับคำแนะนำของ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการปรับปรุงแนวทางอยู่เสมอ
ปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค ได้จัดทำ ตารางวัคซีนเด็กแห่งชาติ (EPI) ครอบคลุมตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจว่าลูกได้รับวัคซีนครบถ้วน ป้องกันโรคได้ตามมาตรฐาน ดูรายละเอียดได้จาก ตารางวัคซีนเด็กล่าสุดจากกรมควบคุมโรค หรือสอบถามคุณหมอเด็กประจำตัวได้เลยค่า
พ่อแม่อาจรู้สึกว่าต้องพาลูกไปฉีดหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ
ปกป้องลูกจากโรคร้ายแรง เช่น หัด คอตีบ ไอกรน โปลิโอ
ลดโอกาสการเจ็บป่วยที่อาจกระทบการเรียนและการใช้ชีวิต
สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ปกป้องทั้งครอบครัวและสังคม
เติบโตแข็งแรง พร้อมอนาคตที่สดใส
การฉีดวัคซีนเด็กครบถ้วนตาม ตารางวัคซีน คือการลงทุนที่ดีที่สุดในสุขภาพของลูก การดูแลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิดจะช่วยให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อร้ายแรง และยังช่วยสร้างสังคมที่แข็งแรงสำหรับเด็กทุกคน
พ่อแม่ควร ศึกษาข้อมูลวัคซีนให้เข้าใจ ปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย และปฏิบัติตามกำหนดการอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้ลูก
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

    ไวรัสชื่อนี้คืออะไร ช่วงนี้นอกจาก    #ไข้หวัดใหญ่ ก็มีเจ้า HmpV ที่พบได้บ่อยขึ้นในเด็กๆ ที่มาด้วยอาการ  #ไข้ไอน้ำมูก...
08/10/2025

ไวรัสชื่อนี้คืออะไร ช่วงนี้นอกจาก #ไข้หวัดใหญ่ ก็มีเจ้า HmpV ที่พบได้บ่อยขึ้นในเด็กๆ ที่มาด้วยอาการ #ไข้ไอน้ำมูก ป้าหมอเลยมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเจ้าไวรัสตัวนี้กันค่า
คือไวรัสทางเดินหายใจที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่นะคะ เพราะพบครั้งแรกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2544
#การระบาด คล้าย พบมากสุดในช่วงปลายฝนต้นหนาว คือช่วงสิงหาคมถึงตุลาคม ก็คือช่วงนี้นี่เองค่า #ระยะฟักตัว อยู่ที่ 3-5 วัน ผู้ป่วยจะแพร่เชื้อได้นานถึง 1-2 สัปดาห์หลังติดเชื้อ การติดต่อจากละอองฝอยน้ำลาย
#อาการ คล้ายกับ RSV มากคือไข้สูงไอน้ำมูก บางรายพบอาการหอบเหนื่อย มีอาการของหลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดอักเสบได้และพบลักษณะ หลอดลมตีบตามมาได้ ถึง 25% นอกจากนี้ยังพบอาการนอกระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ อาเจียน ถ่ายเหลว ไข้สูงชักค่ะ
#รักษา ประคับประคองตามอาการ เนื่องจากไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะ ได้แก่ การพ่นยา ดูดน้ำมูกเสมหะ ให้ยาละลายเสมหะ
#ป้องกัน หลักการเดิมค่ะ กินร้อน ช้อนกลาง โดยเฉพาะ #การล้างมือ สำคัญมากค่ะ ใส่แมสถ้ามีอาการไม่สบายไอน้ำมูกจะลดโอกาสการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนเฉพาะค่ะ
#ความคงทนของเชื้อ มีชีวิต 2-3 ชม และถูกทำลายด้วยความร้อนมากว่า 55องศา นาน 1ชม นอกจากนี้น้ำยาฆ่าเชื้อ สบู่ ก็สามารถทำลายเชื้อได้
ดังนั้นการหมั่นทำความสะอาด พื้นผิวสัมผัสที่ใช้ร่วมกันบ่อยๆ เช่น ราวบันได ของเล่นที่ใช้ร่วมกัน ก็ลดโอกาสการแพร่เชื้อได้ค่ะ
ที่มา: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

 #ไวรัสทางเดินหายใจ
21/09/2025

#ไวรัสทางเดินหายใจ

 #ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ   มาแรงแซงทางโค้งมากค่ะสำหรับเจ้าตัวร้าย ไข้หวัดใหญ่ ช่วงนี้คนไข้ของป้าหมอตรวจเจอกันระนาวค่ะ  #...
18/09/2025

#ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ มาแรงแซง
ทางโค้งมากค่ะสำหรับเจ้าตัวร้าย ไข้หวัดใหญ่ ช่วงนี้คนไข้ของป้าหมอตรวจเจอกันระนาวค่ะ
#โรคไข้หวัดใหญ่ คืออะไร?
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ พบบ่อยในฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) และฤดูหนาว (มกราคม-มีนาคม) ของทุกปี อาการของโรคจะมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการที่รุนแรงและเสียชีวิตได้
#ไข้หวัดใหญ่มีความแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร ?
เกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน และมีความรุนแรงแตกต่างกัน โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ส่วนไข้หวัดธรรมดานั้นเกิดจากการเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น rhinovirus, adenovirus เป็นต้น โดยไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
#ไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้อย่างไร?
ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอและการจามของผู้ป่วย เชื้อไวรัสจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก และน้ำลาย โดยผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-4 วัน
#อาการของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นอย่างไร?
ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มีอาการแตกต่างกันตามอายุ โดยในกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นจะมีอาการของไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในบริเวณหลัง ต้นแขน ต้นขา บางรายเดินไม่ได้ชั่วคราว มีน้ำมูกใส คัดจมูก ไอแห้ง เจ็บคอ และเบื่ออาหาร ส่วนในเด็กเล็กจะมีไข้สูง ร่วมกับอาการทางระบบอื่น เช่น ถ่ายเหลว คลื่นไส้อาเจียน และชักจากไข้สูง
#ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่?
1.หญิงมีครรภ์
2.เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
3.บุคคลที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป
4.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย มะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อเอชไอวี
5.ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
#ไข้หวัดใหญ่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนมักเกิดในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ และสมองอักเสบ
#ไข้หวัดใหญ่รักษาอย่างไร?
ไข้หวัดใหญ่สามารถหายเองได้ หากมีอาการไม่รุนแรงสามารถดูแลเองที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว และใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล หรือถ้ามีน้ำมูกให้ใช้ยาลดน้ำมูกและยาละลายเสมหะ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อนและให้นอนพักผ่อน ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน อาจต้องใช้ยาต้านไวรัส โอลเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ในการรักษา ผู้ป่วยที่มีอาการหอบเหนื่อย สงสัยปอดอักเสบหรือมีอาการที่รุนแรงอื่น อาจมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาโดยการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
#วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างไรบ้าง?
1.ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด หรือถ้าจำเป็นควรปิดปาก จมูกด้วยหน้ากากอนามัย
2.ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น
3.หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
4.ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
5.ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
#ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี ?
เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ ในการผลิตวัคซีนแต่ละปีจึงมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน และเนื่องจากระยะก่อโรคสั้น จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมในการป้องกันโรค ดังนั้นจึงต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี ปีละครั้ง
ที่มา:สมาคมโรคติดเขื้อในเด็ก แห่งประเทศไทย
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

    ไวรัสวายร้ายที่กำลังระบาดอยู่ช่วงนี้โดยเฉพาะเด็กเล็กวัยอนุบาล และที่สำคัญคือน้องเล็กอายุน้อยกว่า1ปี ซึ่งมักจะมีความร...
11/09/2025

ไวรัสวายร้ายที่กำลังระบาดอยู่ช่วงนี้โดยเฉพาะเด็กเล็กวัยอนุบาล และที่สำคัญคือน้องเล็กอายุน้อยกว่า1ปี ซึ่งมักจะมีความรุนแรงของโรคสูง มีหลายคำถาม ป้าหมอมาเล่าให้ฟัง
คืออะไร ?
RSV คือไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม ชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus มีสองสายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B เป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีการระบาดเกือบทุกปี โดยมาก เริ่มจากเดือน มิถุนายนถึงตุลาคม
#หลังรับเชื้อนานเท่าไรจึงมีอาการป่วย (ระยะฟักตัว) ?
พบว่าหลังรับเชื้อ RSV สามารถแสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน ช้าที่สุดประมาณ 8 วัน โดยส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 วัน
#อาการเป็นอย่างไร ?
ช่วงแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดาเช่น ไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่แข็งแรงดีอาการมักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่สำหรับเด็กเล็ก (ต่ำกว่า 2 ป๊) ที่ติดเชื้อครั้งแรกพบร้อยละ 20-30 ที่มีอาการโรคลุกลามไปทางเดินหายใจส่วนล่าง (หลอดลม เนื้อปอด) ทำให้เกิดหลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบตามมาได้ เหมือนในภาพ X ray โดยมักแสดงอาการไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีดหวิว หรือ เสียงครืดคราดในลำคอ โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 1-2 ปี เด็กที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เด็กที่คลอดก่อนกำหนด โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนเช่น หูอักเสบ ไซนัสหรือปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ซึ่งจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้
#การรักษาทำอย่างไร ?
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV มีแค่รักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก ต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมหรือน้ำเกลือผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอดและดูดเสมหะออก การใช้ออกซิเจน แรงดันสูง ยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์หากไม่มีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
#อาการอย่างไรต้องนอนโรงพยาบาล ?
เมื่อผู้ป่วยไข้สูง ไม่กิน ไม่เล่น หายใจเร็วกว่าปกติ หายใจมีเสียงหวีด หงุดหงิดง่าย หรือเซื่องซึม ผู้ปกครองควรจะพามาพบแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
#รู้ได้อย่างไรว่าลูกเราเป็น RSV ?
แพทย์สามารถตรวจจาก #น้ำมูก ซึ่งจะตรวจพบเชื้อ RSV เพียงร้อยละ 53-96 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSVการตรวจทำได้ในบางโรงพยาบาลเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่มีความจำเป็นต้องตรวจทุกรายเพราะการตรวจพบหรือไม่พบเชื้อ RSV ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการรักษา แต่ช่วยในการแยกผู้ป่วยเพื่อลดการแพร่กระจายโรค และการตรวจ อาจต้องทำในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากในช่วงเริ่มป่วย วันแรก จำนวนเชื้อยังน้อย อาจจะไม่สามารถตรวจพบได้ นอกจากนี้ ไม่สามารถตรวจจากเลือดได้
#ติดต่อได้อย่างไร ?
ติดต่อผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลายหรือสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งเช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของเล่น ฯลฯ เชื้อ RSV สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมงและสามารถอยู่ที่มือของเราได้นานประมาณ 30 นาที ดังนั้นผู้ใหญ่ที่มีเด็กเล็กป่วยในบ้านควรล้างมือบ่อยๆก่อนสัมผัสเด็ก

#เป็นแล้วเป็นอีกได้หรือไม่ ?
เป็นได้หลายครั้งเนื่องจากไวรัส RSV มี 2 สายพันธุ์และกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ
#ผู้ใหญ่ติดได้หรือไม่ ?
ผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อ RSV ได้แต่อาการมักไม่รุนแรงเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันมาบ้างแล้ว

#แพร่กระจายโรคได้นานไหม ?
โดยทั่วไปผู้ป่วยจะแพร่เชื้อได้นาน 3-8 วันหลังมีอาการป่วยแต่อาจนานถึง 3-4 สัปดาห์ในเด็กเล็กหรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

#หายป่วยไปโรงเรียนได้ไหมและเริ่มไปโรงเรียนได้เมื่อไหร่ ?
หากมีอาการป่วยควรให้หยุดเรียน หยุดไปเนอเซอร์รี่จนกว่าอาการจะหาย หรืออย่างน้อย 5-7 วัน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
#การป้องกันทำได้อย่างไร ?
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียาป้องกัน จึงควรป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนี้
1.ทุกคนในบ้านหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ทั้งมือของตนเองและลูกน้อย เพราะการล้างมือนอกจากจะลดเชื้อ RSV และเชื้ออื่นๆที่ติดมากับมือทุกชนิด ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ถึงร้อยละ 70
2.การใช้แอลกอฮอลเจลถูมือช่วยป้องกันโรคได้บ้าง ยังแนะนำให้ล้างมือบ่อยๆได้ประโยชน์กว่า
3.หลีกเลี่ยงเด็กทั้งสบายดีหรือป่วยไปในที่ชุมชนหรือสถานที่แออัด
4.ทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ
5.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทารกที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV และพบอาการที่รุนแรงได้มากกว่า
6.ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมากๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา
7.สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองเมื่อบุตรหลานมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ
8.ปัจจุบัน มีวัคซีน สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถรับได้ที่ รพ ที่อายุครรภ์ 24-36 สัปดาห์ ถ้าคาดการณ์ว่าลูกจะคลอดในช่วงที่มี ระบาด ประมาณ มิถุนายนถึง ตุลาคม ส่วนในเด็ก จะมีภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ที่แนะนำในเด็กแรกเกิดถึง 8 เดือน รับได้ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรงในเด็กเล็กได้
ที่มา สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

 #ภูมิแพ้จมูก  #ภูมิแพ้ตา ช่วงนี้ใครมีน้ำมูก จาม คันตา คันจมูก คัดจมูก น้ำตาไหลบ้าง ยกมือขึ้น! วันนี้ป้าหมอมี applicatio...
03/09/2025

#ภูมิแพ้จมูก #ภูมิแพ้ตา ช่วงนี้ใครมีน้ำมูก จาม คันตา คันจมูก คัดจมูก น้ำตาไหลบ้าง ยกมือขึ้น! วันนี้ป้าหมอมี application ดีๆ ที่มานำเสนอค่ะ เพื่อช่วยคนที่เป็น #ภูมิแพ้จมูกและตา สามารถประเมินอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ อย่างง่ายๆ ซึ่ง application นี้คือ จะประกอบด้วย การประเมินอาการภูมิแพ้ จมูกและตา โดยการให้คะแนน ตั้งแต่ 0-10 จากไม่มีอาการถึงอาการรุนแรงที่สุด ทำให้เราทราบถึงอาการความรุนแรงในขณะนั้นได้ และมี แนวทางในการรักษาตัวเองในการใช้ยาเบื้องต้นก่อน และปรึกษาแพทย์และเภสัชกร ได้ผ่านทาง application นอกจากนี้ ยังมีวิธีปฏิบัติในการหลีกเลี่ยงสารก่อแพ้ และ clip ในการพ่นจมูก และล้างจมูก อีกด้วย สามารถ scan qr codes (เฉพาะ Android ) และ ประเมิน ผ่านทางการ app ด้วยค่ะ
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

 #ไวรัสโรต้า   เป็นอย่างไร ป้าหมอเห็นข่าวนี้ เลยจะมาแชร์ข้อมูลเรื่องนี้ให้ฟังกันค่ะไวรัสโรต้าเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอุจจาร...
23/08/2025

#ไวรัสโรต้า เป็นอย่างไร ป้าหมอเห็นข่าวนี้ เลยจะมาแชร์ข้อมูลเรื่องนี้ให้ฟังกันค่ะ
ไวรัสโรต้าเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอุจจาระร่วงที่รุนแรงในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กที่เข้านอนโรงพยาบาลด้วยโรคอุจจาระร่วงมีสาเหตุมาจากไวรัสโรต้า ไวรัสนี้มีหลายสายพันธุ์ ดังนั้นจึงสามารถเป็นซ้ำได้อีก แต่การติดเชื้อครั้งหลังๆ อาการจะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก ไวรัสนี้ระบาดได้ตลอดทั้งปีและพบมากขึ้นในช่วงอากาศเย็น ฤดูหนาว
#ติดต่อ
การติดต่อเกิดจากได้รับเชื้อไวรัสโรต้าเข้าสู่ปากโดยตรง โดยเชื้ออาจปนเปื้อนมากับมือ สิ่งของ เครื่องใช้หรือของเล่นต่างๆ รวมทั้งอาหารและน้ำ ผู้ป่วยที่เป็นโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าจะสามารถแพร่เชื้อออกมากับอุจจาระได้ตั้งแต่ 2 วันก่อนเริ่มมีอาการจนกระทั่งหายอุจจาระร่วงไปแล้ว 10 วัน บางรายอาจแพร่เชื้อได้เป็นเดือน
โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายมาก ไวรัสจำนวนเพียง 10 ตัวก็สามารถก่อให้เกิดโรคได้ ในขณะที่อุจจาระผู้ป่วย 1 กรัม มีไวรัสโรต้าหลายล้านตัว อีกทั้งไวรัสนี้สามารถมีชีวิตอยู่บนมือ และสิ่งแวดล้อมได้นาน จึงก่อให้เกิดการแพร่กระจายและระบาดได้ง่าย
#อาการ หลังรับไวรัสโรต้าเข้าไปในร่างกาย จะมีอาการป่วยได้ภายใน 2 วัน โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไป หากเป็นการติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการรุนแรงได้ ส่วนใหญ่มักมีอาการอาเจียนนำมาก่อน ต่อมามีถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ อาการเป็นได้นาน 3-7 วัน ประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วยจะมีไข้สูง และอาจมีอาการชักได้ ในเด็กเล็ก ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีอาการรุนแรง สูญเสียน้ำและเกลือแร่ ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตลดลง เกิดภาวะช็อก และเสียชีวิตได้ สำหรับผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสโรต้า ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอุจจาระร่วงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสามารถก่อให้เกิดโรครุนแรงได้เช่นกัน
#รู้ได้อย่างไรว่าลูกติดเชื้อไวรัสโรต้า
อาการและลักษณะอุจจาระของโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าไม่ได้มีลักษณะจำเพาะ จึงไม่สามารถแยกจากการติดเชื้ออื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของอุจจาระร่วงได้ ต้องอาศัยการตรวจอุจจาระทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อไวรัสโรต้า
#รักษา ในปัจจุบันไม่มียารักษาจำเพาะสำหรับไวรัสโรต้า การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคองตามอาการ หากอาการไม่รุนแรง สามารถรับประทานได้ อาจให้ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ให้ยาแก้อาเจียน ยาลดไข้ หากพบมีภาะพร่องเอนไซม์แลคเตส อาจพิจารณาเปลี่ยนนมเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส
ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพราะไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้และอาจก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาตามมา ในกรณีที่มีไข้สูง อาเจียนมาก รับประทานไม่ได้ อ่อนเพลีย ซึมลง ให้รีบพามาพบแพทย์ ผู้ป่วยที่มีอาการสูญเสียน้ำรุนแรง จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้สารน้ำทดแทนทางเส้นเลือด
#ป้องกัน เนื่องจากไวรัสโรต้าติดต่อกันทางสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือทางอ้อมผ่านมือ สิ่งของ และอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าปาก การส่งเสริมให้มีสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือด้วยสบู่ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังการขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อม ทำความสะอาดของเล่น หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ในการรับประทานอาหารร่วมกัน หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัดที่มีการเล่นร่วมกันในช่วงที่มีการระบาดของโรค อาจช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อได้ นอกจากนี้การกินนมแม่ อาจช่วยลดความรุนแรงของโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าได้
#วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโรต้า
วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโรต้าผลิตจากเชื้อไวรัสโรต้าที่ทำให้อ่อนฤทธิ์จนก่อโรคไม่ได้ เป็นวัคซีนชนิดรับประทาน ปัจจุบันมี 2 บริษัทผู้ผลิต คือ RotarixTM หยอด 2 ครั้ง เมื่ออายุ 2 และ 4 เดือน และ RotateqTM หยอด 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน และให้โดสสุดท้ายไม่เกิน อายุ 8 เดือน วัคซีนทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงไม่แตกต่างกัน โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโรต้าที่รุนแรงได้ดีใกล้เคียงกันประมาณร้อยละ 85-98 วัคซีนมีความปลอดภัยสูง พบผลข้างเคียงได้น้อย เช่น ถ่ายอุจจาระเหลว อาเจียน ซึ่งอาการจะไม่รุนแรง แม้ว่าจะมีรายงานการเกิดลำไส้กลืนกันหลังจากหยอดวัคซีน แต่พบได้ในอัตราที่น้อยมากประมาณ 1-5 คนใน 100,000 ราย ซึ่งเป็นโรคที่รักษาได้ เมื่อคำนึงถึงประโยชน์จากวัคซีนในการป้องกันโรคแล้ว ถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำว่า เด็กเล็กทุกคนควรได้รับการหยอดวัคซีนนื้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน โดยให้พร้อมกับวัคซีนอื่นๆ ตามวัย เด็กที่ได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าครบแล้ว อาจยังเกิดโรคอุจจาระร่วงจากการติดเชื้อไวรัสโรต้าได้ แต่อาการมักไม่ค่อยรุนแรง #โรต้าในผู้ใหญ่ ไม่สามารถรับวัคซีนได้แล้ว การป้องกันคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือค่ะ
ที่มา : สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
ผู้จัดการออนไลน์
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

 #โควิด2025   ตั้งแต่หลังสงกรานต์ที่ผ่านมา ป้าหมอพบเคสโควิดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ในเดือน พฤษภาคม ที่ยอดผู้ป่วยโควิดพุ่...
06/06/2025

#โควิด2025 ตั้งแต่หลังสงกรานต์ที่ผ่านมา ป้าหมอพบเคสโควิดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ในเดือน พฤษภาคม ที่ยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งสูงสุด และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงในเดือน มิถุนายน มีหลากหลายคำถาม ซึ่งป้าหมอได้ไปพบผลสำรวจจากไทยรัฐโพลล์ที่สำรวจความคิดเห็นของคนไทย ช่วง 22-25 พค 68 จำนวน 6,443 ราย พบว่า
#คนไทยมีความกังวลกับโควิดไหม พบว่า 44% กังวลน้อย กังวลมาก 19% และไม่กังวลเลย 37%
#ยังใส่หน้ากากอนามัยไหม พบว่า 54% ใส่เฉพาะอยู่ในที่แออัด 23%ใส่เป็นประจำ และ 23% ไม่ใส่เลย
#ติดโควิดมาแล้วกี่ครั้ง พบว่า 32 % ยังไม่เคยติดโควิด เคยติด1ครั้ง 35% ติด 2 ครั้ง 20.5% ติด 3 ครั้ง 7.3% ติดมากกว่า3 ครั้ง 4.7%
#ปี2025ติดโควิดแล้วหรือยัง พบว่า 72.8% ยังไม่ติด ติดแล้ว 16.5% และไม่แน่ใจ 10.6%
#วัคซีนต้องฉีดไหม จำเป็น 32.4% ไม่จำเป็น 67.6%
ซึ่ง จากผลสำรวจ มีความน่าสนใจ ที่โควิดยังมีความสำคัญอยู่ อาการของโควิด2025 นี้โดยทั่วไปในคนแข็งแรงดี อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยได้แก่ ไข้ต่ำ ไข้ประมาณ 2-3 วัน มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ(ไม่มาก)แต่ที่ป้าหมอตรวจคนไข้มา ลักษณะเด่น คือ #คอจะแดงมาก ทำให้คนไข้มักจะบอกว่าเจ็บคอมาก แต่ถ้าเป็นในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก น้อยกว่า 1 ปี ยังมีอาการมากอยู่ โดยไข้สูง ไอมาก บางรายเชื้อลงปอด เป็นปอดอักเสบ มีอาการทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น ถ่ายเหลว เป็นต้น
#รักษาโควิด ยาต้านไวรัสยังมีความจำเป็น ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 608 ยาที่ใช้ได้แก่ #ฟาวิพิราเวีย ในเด็ก #โมโนพิราเวีย ในผู้ใหญ่ หรือ ยาฉีด #แรมดีเซอเวีย ในกรณีมีอาการรุนแรงหรือเชื้อลงปอด นอกจากนี้ยังต้องใช้ยาตามอาการอื่นๆด้วยค่ะ
#โควิดต้องกักตัวไหมหยุดเรียนกี่วัน ถ้าไม่มีอาการเลยไม่ต้องกักตัวค่ะ แต่ถ้ามีอาการไข้ ให้พักจนหายไข้ก่อน ก็สามารถกลับไปเรียนหรือทำงานได้ แต่ ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่รับประทานอาหารกับผู้อื่น จนกว่าจะครบ10 วันหลังจากตรวจพบเชื้อ
#อาการหลังโควิด ที่มีรายงานมากขึ้นในช่วงนี้คือ -C ซึ่งเป็นขบวนการอักเสบของหลายอวัยวะพร้อมกันหลังจากการติดเชื้อโควิด มักเกิดตามหลังหายจากโควิดแล้วใน 4-8 สัปดาห์ ซึ่งถ้าลูกมีไข้สูง เกิน 38 องศา นานเกิน 24 ชม ควรมาพบแพทย์ค่ะ
#วัคซีนยังจำเป็นไหม โควิดยังมีอาการรุนแรงในเด็กเล็ก และภูมิคุ้มกันต่ำ ดังนั้นราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำ
@ เด็กอายุ 6 เดือนถึง 1 ปี ที่สุขภาพแข็งแรงดี ไม่เคยติดโควิดและไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนควร รับวัคซีน 3 เข็ม โดย เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็ม2 2 เดือน แต่ถ้าเคยติดเชื้อมาก่อนให้เว้นห่างหลังติดเชื้อที่ 3 เดือน
@เด็ก อายุ มากกว่า 1 ปี ที่แข็งแรงดีพิจารณาฉีดได้ โดยรับเพียง 1 เข็ม หลัง การรับวัคซีนเข็มก่อน ที่
มากกว่า 8 สัปดาห์ หรือหลังการติดเชื้อ 3 เดือน
@ เด็ก อายุ < 12 ปี ที่มีโรคประจำตัว และมีภูมิคุ้มกันต่ำ ปานกลางถึง รุนแรง แนะนำให้ รับวัคซีน โควิด สายพันธุ์ล่าสุด ทุก 6-12 เดือน
เนื่องจากวัคซีนปี 2025 เป็นวัคซีน สายพันธุ์ JN1 ซึ่งยังเป็นสายพันธุ์ หลักในปีนี้ (ประมาณ 64%) และ มีสายพันธุ์อื่นๆอีก ตามมา ดังนั้นการรับวัคซีนจึงมีความจำเป็นในการป้องกัน ลดความรุนแรง ลดโอกาสการเกิด -C และลดการเกิด ได้
#ป้องกัน เหมือนที่ทุกคนทราบค่ะ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยโดยเฉพาะในคนป่วย
#ที่มา ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แห่งประเทศไทย และไทยรัฐโพลล์
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา

 #วัคซีนRSV
27/05/2025

#วัคซีนRSV

27/05/2025

#ไวรัสอาร์เอสวี ไวรัสทางเดินหายใจที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลระบาด อาการอย่างไร และเราจะมีวิธีป้องกันลูกน้อยของเราได้อย่างไร มาฟังกันค่ะ
#หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา
#วัคซีนคุณแม่ตั้งครรภ์
#ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

ที่อยู่

คลินิคเด็ก รพ พระรามเก้า ออกตรวจ จ อ พ ศ อาทิตย์ 8-16 น. หยุด พฤหัสบดี และเสาร์
Bangkok
10250

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 16:00
อังคาร 08:00 - 16:00
พุธ 08:00 - 16:00
ศุกร์ 08:00 - 16:00
อาทิตย์ 08:00 - 16:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หมอภูมิแพ้หมอฉัฐฐิมา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram