03/04/2023
“มะเขือพวง” ประโยชน์มหาศาล สรรพคุณทางยากระฉ่อนโลก ปลูกง่าย แถมไม่ต้องใช้สารพิษ
มะเขือพวง” พืชผักสมุนไพรชนิดกินผลที่ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่มีปัญหาเรื่องโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ในแถบเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกนิยมเพาะปลูกใช้เป็นพืชอาหาร
มีถิ่นกำเนิดในแอนทิลลีส (Antilles) ตั้งแต่เขตฟลอริดา หมู่เกาะเวสต์ อินดีส์ เม็กซิโก จนถึงอเมริกากลาง และทวีปอเมริกาใต้แถบประเทศบราซิล เป็นวัชพืชขึ้นกระจัดกระจายเกือบทั่วเขตร้อน ปัจจุบันพบในทวีปแอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิกไกล ถึงมลรัฐฮาวายในสหรัฐอเมริกา
“มะเขือพวง” ประโยชน์มหาศาล สรรพคุณทางยากระฉ่อนโลก ปลูกง่าย แถมไม่ต้องใช้สารพิษ
“มะเขือพวง” พืชผักสมุนไพรชนิดกินผลที่ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่มีปัญหาเรื่องโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ในแถบเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกนิยมเพาะปลูกใช้เป็นพืชอาหาร
มีชื่ออื่นๆ อาทิ เช่น มะเขือพวง (กลาง) มะแคว้งกุลา (เหนือ) หมากแข้ง (อีสาน) มะเขือละคร (โคราช) เขือน้อย เขือพวง ลูกแว้ง เขือเทศ (ใต้) มะแว้งช้าง (สงขลา)
ชื่อสามัญ : Common Asiatic w**d, Turkey berry, Devil's fig, Prickly nightshade, Shoo-shoo bush, Pea eggplant แถบแคริบเบียนเรียก Susumba ภาษาทมิฬและอินเดียใต้เรียก Sundakkai ชื่อวิทยาศาสตร์ : Solanum torvum Swartz. วงศ์ : SOLANACEAE
ลักษณะทั่วไปของมะเขือพวง เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูง 1- 2 เมตร ใบแน่น ทรงพุ่ม ไม่มีรูปแบบที่แน่นนอน ลำต้นตั้งตรงและแข็งแรง ลำต้นมีขนนุ่มขึ้นปกคลุม ลำต้นและใบมีหนามเล็กๆ ห่างขึ้นทั่วไปประโยชน์ต่อสุขภาพ
มะเขือพวงเป็นพืชที่ช่วยเสริมสุขภาพ โดยมีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนไทยคือ ช่วยเจริญอาหาร ย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดี แก้ฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ฝีบวมมีหนอง
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงคุณสมบัติที่เด่นชัดของมะเขือพวงในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลำไส้ เพื่อตอบสนองต่อสารพิษที่เข้ามายังระบบทางเดินอาหาร มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสื่อมและแก่ก่อนวัย มีฤทธิ์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในโรคเบาหวาน อีกทั้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด
- สารโซลาโซดีน (Solasodine) ในมะเขือพวงช่วยต่อต้านโรคมะเร็งได้
- สารสกัดจากมะเขือพวงมีผลยับยั้ง Platelet activating factor (PAF) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหอบหืด
- มะเขือพวงมีสารทอร์โวไซด์ เอ, เอช (Torvoside A, H) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 (Herpes simplex virus type 1) โดยมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งไวรัสได้มากกว่าอะไซโคลเวียร์ถึง 3 เท่า
- มะเขือพวงมีสารทอร์โวนินบี (Torvonin B) ซึ่งเป็นซาโพนินชนิดหนึ่ง โดยเชื่อว่ามีฤทธิ์ในการขับเสมหะ
- มะเขือพวงมีสารเพกติน (Pectin) ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยสารนี้จะมีหน้าที่ช่วยเคลือบผิวในลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ช้า จึงช่วยดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง ทำให้ระดับของน้ำตาลในเลือดคงที่ มีคุณสมบัติช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินและอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต
- สารต่อต้านอนุมูลอิสระในมะเขือพวง ช่วยป้องกันความเสื่อมและช่วยชะลอความแก่
สรรพคุณ
- ต้น ใบ และ ผล เป็นยาเย็นรสจืด ทำให้โลหิตหมุนเวียนดี แก้ปวด ฟกช้ำ ตรากตรำทำงานหนัก กล้ามเนื้อบริเวณเอวฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ปวดกระเพาะ ฝีบวมมีหนอง อาการบวมอักเสบ ขับเสมหะ
- ต้น อินเดียใช้น้ำสกัดจากต้นมะเขือพวงแก้พิษแมลงกัดต่อย
-ใบสด น้ำคั้นใบสดใช้ลดไข้ ในแคเมอรูนใช้ใบห้ามเลือด ใช้เป็นยาระงับประสาท พอกให้ฝีหนองแตกเร็วขึ้น แก้ปวด ทำให้ฝียุบ แก้ชัก ไอหืด ปวดข้อ โรคผิวหนัง ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ และแก้ซิฟิลิส
- ผล ของมะเขือพวงมีรสขื่น เฝื่อน อมเปรี้ยวเล็กน้อย หลายประเทศนำผลมาต้มน้ำกรองน้ำดื่ม มีสรรพคุณในการขับเสมหะ ช่วยระบบย่อยอาหาร รักษาอาการเบาหวาน / ประเทศจีนใช้ต้มน้ำดื่มแก้ไอและบำรุงเลือด ทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ผลแห้งย่างกินแกล้มอาหารบำรุงสายตาและรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย / อินเดียกินผลเพื่อบำรุงตับ ช่วยบรรเทาโรคแผลในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ช่วยย่อย และช่วยให้ผ่อนคลายง่วงนอน บำรุงตับ / อินเดียทางตอนใต้ใช้ผลอ่อนบำรุงกำลังให้ร่างกาย ผลแห้งหุงน้ำมันเล็กน้อย บดเป็นผงกินครั้งละ 1 ช้อนชา ลดอาการไอและเสมหะ / และแคเมอรูนใช้ผลมะเขือพวงรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- เมล็ด มาเลเซียนำเมล็ดไปเผาให้เกิดควัน สูดเอาควันรมแก้ปวดฟัน
- ราก มาเลเซียใช้รากสดตำพอกรอยแตกที่เท้า หรือโรคตาปลา / อินเดียนำน้ำมะขามแช่รากมะเขือพวงต้มดื่มลดพิษในร่างกาย
โดยทั่วไปที่ประเทศอินเดียใช้มะเขือพวงกำจัดพยาธิในระบบทางเดินอาหาร และรักษาแผลกระเพาะอาหาร แต่หมอเท้าเปล่าของอินเดียใช้มะเขือพวงอยู่เสมอเป็นอาหารเสริมเพื่อควบคุมความดันโลหิต
ข้อควรระวัง
มะเขือพวงมีสาร “โซลานีน (Solanine)” ซึ่งเป็น “อัลคาลอยด์” ผู้ที่เป็น “โรคไขข้อ” ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน เพราะสารนี้อาจจะทำให้เกิดความไม่สมดุลของแคลเซียมในร่างกายได้
สำหรับประเทศไทยเรานั้นรู้จักมะเขือพวงกันมานานแล้ว โดยนิยมนำผลมาใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นแกงหรือน้ำพริก เช่น แกงเขียวหวาน แกงเนื้อ แกงป่า น้ำพริกกะปิ น้ำพริกแมงดา น้ำพริกกุ้งสด ปลาร้าทรงเครื่อง ผัดเผ็ด เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
ผู้จัดการออนไลน์
-clgc.agri.kps.ku.ac.th/resources/herb/---solanum.html medthai.com/มะเขือพวง/