Mystical Selkie Tarot Deck

ขอบคุณคุณคูล วารีแห่งใจ สำหรับมุมมองใหม่ๆ ในการเป็นนักอ่านไพ่เพื่อหาเยียวยาหัวใจนะครับ 🥰
18/04/2023

ขอบคุณคุณคูล วารีแห่งใจ สำหรับมุมมองใหม่ๆ ในการเป็นนักอ่านไพ่เพื่อหาเยียวยาหัวใจนะครับ 🥰

💡 ทริคไม่ลับสำหรับนักอ่านไพ่ธาโรต์ 💡
🪄 นักอ่านไพ่ธาโรต์นั้นควรมุ่งเน้นการใช้ไพ่เป็นเครื่องมือ โดยเครื่องมือชิ้นนี้จะช่วยทำหน้าที่ดังนี้

- กางต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาออกมา เพื่อให้สามารถเข้าไปทำความเข้าใจ และเกิดการยอมรับความจริง นำไปสู่ความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา
- ชี้ให้เห็นว่าเรื่องราวนั้น ๆ ไม่ได้มีแค่มุมเดียว แต่ยังมีมุมอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาและได้ผลที่ดีตามมา
- แนะนำวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
- ฝึกฝนใจของนักอ่านไพ่ธาโรต์ให้เป็นกลาง ช่วยให้มีสมาธิและเกิดปัญญา นักอ่านไพ่ธาโรต์ที่ฝึกใจของตนเองจนเป็นกลางจะสามารถให้คำปรึกษาที่ดีกับตัวเองและช่วยเหลือคนอื่น ๆ ให้เขาไปลงมือดับทุกข์ด้วยตนเองได้

หลาย ๆ คน ปรารถนาชีวิตที่สุขสงบ การดับทุกข์ไม่ใช่อำนาจวิเศษอื่นใดมาช่วยดับได้ ดังนั้น เมื่อเกิดความทุกข์ นักอ่านไพ่ธาโรต์จะตั้งคำถามและใช้ไพ่เป็นเครื่องมือดับทุกข์ที่ขังในใจ
ขอบคุณ Mr.Selkie ที่ตั้งใช้ไพ่เป็นเครื่องมือสำหรับการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและเลือกมาเรียนรู้ร่วมกันต่อ ขอให้สมปรารถนาและพบกับสิ่งที่เป็นคำตอบของหัวใจค่ะ 💞
สำหรับคอร์สเรียนอ่านไพ่ของคุณคูลวารี เราเน้นการใช้ไพ่เป็นเครื่องมือให้คำปรึกษา และออกแบบการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน กระบวนการจึงมีความพิเศษเฉพาะบุคคลค่ะ มาเรียนรู้กันด้วยนะคะ ♥️
Cr. ภาพประกอบในส่วนของไพ่ โดย Mystical Selkie ฝากส่งกำลังใจให้ Mr.Selkie ของเราจัดทำไพ่ชุดนี้จนสำเร็จนะคะ 😊😊
รอบต่อไป จะเปิดรับ Private 20 ช.ม. และ 40 ช.ม. เร็ว ๆ นี้ รับจำนวนจำกัดนะคะ
#วารีแห่งใจ #ไพ่ธาโรต์ #ไพ่ทาโรต์ #ไพ่ยิปซี

01/03/2023

“คุณมักจะถึงจุดสุดยอดตอนสอดใส่ หรือตอนกระตุ้นคลิตอริส หรือทั้งคู่ หรือไม่เลยทั้งคู่?” นี่เป็นคำถามแรกที่เราสุ่มหยิบได้จากการ์ดเกม The Women’s Collective และหลังจากนึกคำตอบเอาไว้ในใจ พอกลับมาอ่านตรงท้ายของการ์ดก็มีระบุเอาไว้อีกว่า “มีผู้หญิงแค่ 18% เท่านั้น ที่ระบุว่าถึงจุดสุดยอดจากการสอดใส่ ส่วนอีก 82% ต้องอาศัยการกระตุ้นคลิตอริสด้วยกันทั้งนั้น”
นี่เป็นเพียงการ์ด 1 ใบจากทั้งหมด 70 ใบในสำรับ และแค่ใบแรกนี้ก็มีประเด็นให้พูดถึงได้อีกยาว เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าผู้หญิงปกติทั่วไปควรต้องถึงได้จากการสอดใส่ (แล้วทำไมเรายังไม่เคยถึงสักทีหว่า) หลายคนก็ต้องใช้การแสดง ‘แกล้งเสร็จ’ ให้มันจบๆ หรือไม่ก็เอาแต่โหยหาการถึงจุดสุดยอดในอุดมคติจนลืมไปว่าเรายังมีคลิตอริสให้ใช้ และหากลองนึกต่อ พอเป็นคลิตอริส เราไม่จำเป็นต้องทำเองแต่ฝ่ายเดียวแต่ขอให้คู่ของเราช่วยกระตุ้นมันไปด้วยกันก็ยังได้
เราลองหยิบใบถัดไป และถัดไป
“โดยอุดมคติแล้ว คุณอยากให้คู่ของคุณมีส่วนร่วมในการคุมกำเนิดยังไงบ้าง?”
“คุณเคยกินยาคุมฉุกเฉินมั้ย?”
“แคมสองข้างของคุณเท่ากันมั้ย?”
“จำตอนเป็นเมนส์ครั้งแรกได้หรือเปล่า?”
“อะไรที่ทำให้คุณชอบที่ตัวเองเป็นผู้หญิง?”
โอเค เราขอสปอยล์คำถามแต่เพียงเท่านี้
การ์ดทั้งหมด 70 ใบในสำรับ เต็มไปด้วยคำถามที่น่าสนใจและชวนให้คิดต่อได้อีกหลายประเด็น ทำให้เราสามารถถือโอกาสนี้ในการถามตัวเอง ทบทวนตัวเอง และท้าทายความรู้ความเข้าใจที่เรามีได้แบบสนุกๆ ไม่ว่าจะชวนเพื่อนสาว พี่สาว น้องสาว มาเล่นด้วยกัน—สามารถครีเอตกติกาแบบไหนก็ได้ หรือใครยังไม่พร้อมแชร์กับคนอื่นจะลองเอาไว้เล่นคนเดียวก็เป็นอะไรที่โอเคมากๆ
คำถามบนการ์ดจะแบ่งออก 7 หมวดหมู่ 7 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่เรื่องของประจำเดือน เซ็กซ์ การคุมกำเนิด สรีระร่างกาย สภาวะเจริญพันธุ์ สุขภาพผู้หญิง และ self-love ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าจับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นหญิงได้อย่างครอบคลุม แถมยังชวนให้เพลิดเพลินเจริญใจไปกับสีสันและภาพประกอบสวยๆ ด้านหลังการ์ด โดยการ์ดเกม The Women’s Collective นี้เป็นผลงานร่วมกันระหว่าง Vira แพลตฟอร์มเพื่อผู้หญิงแบบครบวงจร และ Laia Alonso ครูสอนโยคะ เวลล์เนสโค้ช และผู้เชี่ยวชาญประสาทวิทยาจากอัมสเตอร์ดัม ที่ดีไซน์เนื้อหาขึ้นมาและชักชวนศิลปินเกาหลี Dohee Kwon มาวาดภาพให้
ที่สำคัญ เรามีทริกที่อยากแนะนำสำหรับใครที่มีคู่ไม่ว่าจะเพศไหน การชวนแฟนมาเล่นด้วยกันนั้นเป็นอะไรที่น่าสนุก เพราะนี่คือโอกาสในการเปิดอกเปิดใจและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ไปพร้อมๆ กันโดยมีการ์ดเกมเป็นเครื่องมือ อาจจะให้แฟนลองทายว่ารู้จักร่างกายของเรา หรือเข้าใจสภาวะต่างๆ ของเรามากน้อยแค่ไหน ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่งได้เลยทีเดียว
หมายเหตุ: เพื่อการสื่อสารที่เปิดกว้างขึ้น ถ้อยคำทั้งหมดบนการ์ดจึงเป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับใครที่ไม่ถนัดภาษาไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะภาษาที่เขาเลือกใช้นั้นเรียบง่ายและบางคำศัพท์ก็เสิร์ชหาความหมายได้ไม่ยาก
ใครสนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://instagram.com/thewomenscollective_
หรือ Vira

[ชวนฟัง] Alljit Podcast กับรายการ Pick a card ,Pick a life เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ ถึงชอบการดูดวง...
28/02/2023

[ชวนฟัง] Alljit Podcast กับรายการ Pick a card ,Pick a life เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ ถึงชอบการดูดวงมากขึ้น 😊

เคยสงสัยกันไหม ว่าเพราะอะไรคนรุ่นใหม่ถึงชอบดูดวง ? ในวันที่รู้สึกแย่การดูดวงช่วยเราได้จริง ๆ หรือเปล่า ? ด...

กิจกรรมดีๆ ฝึกทักษะด้านการพูดเชิงบวก 🥰
01/09/2022

กิจกรรมดีๆ ฝึกทักษะด้านการพูดเชิงบวก 🥰

 #ส่วนหนึ่งของบทความ เราสามารถปรับสถานะการดูดวงจาก ‘เครื่องฟันธงอนาคต’ มาเป็น ‘กระจกสะท้อน’ ที่เอื้อให้สำรวจตัวเองได้ มอ...
21/07/2022

#ส่วนหนึ่งของบทความ เราสามารถปรับสถานะการดูดวงจาก ‘เครื่องฟันธงอนาคต’ มาเป็น ‘กระจกสะท้อน’ ที่เอื้อให้สำรวจตัวเองได้ มองมันในฐานะเครื่องมือที่ช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น

ปล. หายไปนาน เดี๋ยวจะค่อยๆ ทยอยอัพเดทน้าาาา หน้าไพ่ใกล้เสร็จแย้วววววววว

ช่วงนี้เห็นได้ชัดว่าการดูดวงกลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนยุคเรามากขึ้น ซึ่งเข้าใจได้ว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องคาดเดาไม่ได้ และรับมือลำบากในระดับสังคม ไล่เรียงตั้งแต่การเมือง โรคระบาด สงคราม ไปจนถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่บุคคลระดับปัจเจกไม่อาจควบคุม (รวมถึงถูกลิดรอนสิทธิ์ที่จะควบคุมในบางกรณี) นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาส่วนตัวตบเท้าเข้ามาให้แก้ไข หากมีอะไรที่ผู้คนที่กำลังต่อสู้กับหลายสิ่งพอจะฉวยคว้าให้อุ่นใจได้บ้าง เช่นการรู้ล่วงหน้าว่าเดี๋ยวสิ่งต่างๆ จะดีขึ้น ก็นับเป็นความหวังหนึ่งในแต่ละวันที่ท้าทาย
บางครั้งเรารู้สึกมืดแปดด้าน หรือไม่มีทรัพยากรเพียงพอจะเสี่ยงลงทุนกับทุกทางเลือกที่ลังเลใจ จึงเลือกพึ่งการดูดวงเพื่อรับพลังใจหรือรับความคิดเห็นเพิ่มให้ตัดสินใจในปัจจุบันได้ดีที่สุด ในเชิงความรู้สึก เราทุกคนต่างก็ไม่อยากเสี่ยงกับความรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ ในสายตานักจิตวิทยาการปรึกษา ไม่น่าแปลกใจที่คนยุคเราจะอินกับการดูดวงขนาดนี้

ข้อมูลที่น่าสนใจจากงานวิจัยเรื่อง ‘การพยากรณ์โชคชะตาและกระบวนการช่วยเหลือด้านจิตใจ’ ของ เรวดี สกุลอาริยะ คือ เมื่อเกิดปัญหา ผู้คนเลือกพึ่งพาการดูดวงมากกว่าเข้ารับบริการช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ เพราะสังคมยังตีตราผู้เข้ารับบริการด้านสุขภาพจิต แต่ไม่ตีตราคนที่ไปดูดวง (มีแต่จะขอคอนแทคต์ให้ช่วยป้ายยาต่อ) สอดคล้องกับข้อมูลในงานวิจัย ‘Fortune-tellers as counselors in Bangkok: exploratory research’ โดย Ksenia Kubasova ที่สัมภาษณ์เชิงลึกกับบรรดาหมอดูและลูกค้าดูดวง พบว่า คนยังเชื่อมโยงการเข้ารับบริการด้านสุขภาพจิตกับการมีปัญหาสุขภาพจิต ทำให้การตีตรายังคงอยู่และส่งผลให้คนไม่ไปใช้บริการเท่าที่ควร ในเชิงความเข้าใจต่อศาสตร์จิตวิทยาการปรึกษาที่เป็นการพูดคุยบำบัด ผู้คนก็ยังมองกระบวนการนี้มีความวิชาการเกินไป วิทยาศาสตร์เกินไป รวมทั้งเข้าใจว่าผู้รับบริการต้องมีปัญหาสุขภาพจิตรุนแรงและต้องถูกจ่ายยา (ทั้งที่จริงไม่ใช่แบบนั้น)
ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยชิ้นแรกยังบอกว่า คนดูดวงได้ความสนุกจากการได้ลุ้นเป็นของแถม หากคำทำนายแม่นยำ สัมพันธภาพระหว่างหมอดู-ลูกค้า ก็อาจพัฒนากลายเป็นที่ปรึกษา-ผู้มาปรึกษา หรือสนิทสนมกันเหมือนญาติพี่น้อง ในสายตาผู้รับบริการ การดูดวงคงมีบรรยากาศที่เป็นมิตรกว่าการเดินเข้าห้องบำบัดเป็นไหนๆ
ผู้เขียนมองเรื่องนี้ในหลายมิติ ทั้งในมุมที่เราต้องส่งเสริมความเข้าใจด้านสุขภาพจิตในประชาชนมากขึ้น มุมที่ต้องช่วยให้ผู้รับบริการกล้ามาหาเรามากขึ้น รวมถึงมุมความพร้อมทางทุนทรัพย์ของผู้รับบริการ ประเด็นสำคัญที่อยากกล่าวถึงจึงไม่ใช่การห้ามดูดวง แต่อยากชวนผู้อ่านสำรวจตัวเองว่าการดูดวงของเรายังอยู่ในระดับและรูปแบบที่ ‘เฮลตี้’ ต่อตัวเองอยู่ไหม
ก่อนมาเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษา ผู้เขียนก็เป็นแฟนคลับคอลัมน์ดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์รายสัปดาห์ ในวิกฤติชีวิตก็เคยพึ่งพาไพ่ จองคิวหมอดูถามเรื่องสำคัญเพื่อคลายกังวล ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากคำทำนายออกมาดี เราก็ใจชื้นไปหลายเปลาะ ในมุมมองส่วนตัวการรับบริการจากหมอดู คือ ทางลัดที่เราไม่ต้องสู้กับความ ‘ไม่รู้’ ต่างไปจากกระบวนการทางจิตวิทยาที่มุ่งช่วยให้ผู้รับบริการอยู่กับความไม่รู้ได้ วางใจในตัวเองได้แม้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น คนดูดวงก็ต้องรับความเสี่ยงที่จะใจเสียหากคำทำนายไม่เป็นอย่างที่คาด กลายเป็นว่าต้องแบกรับความกังวลก่อนเวลานั้นมาถึงจริงๆ เสียอีก
พอมองย้อนเห็นความกังวลนั้นในตัวเอง ผู้เขียนไม่ได้คิดว่าต้องตัดทอนมิตินี้ไปจากชีวิตโดยสิ้นเชิง แต่เลือกใช้ให้ถูกเวลา ถูกมุมมอง และถูกสัดส่วนในชีวิตส่วนตัวมากกว่า เพราะสิ่งสำคัญกว่าการตัดสินใจว่าจะดูดวงหรือไม่ คือเรารับรู้ถึงศักยภาพในการดูแลชีวิตผ่านการกระทำของตัวเราได้มากน้อยแค่ไหน ไม่เช่นนั้นเมื่อไหร่คำทำนายออกมาไม่ตรงกับที่หวังไว้ เราก็จะยังเป็นทุกข์ เมื่อไหร่ที่ขาดการคอนเฟิร์มจากหมอดู เราจะวิตกกังวลมากขึ้น ทำให้ต้องฝากความหวังไว้กับการดูดวงครั้งถัดไป และถัดไป
งานวิจัยชื่อ ‘การรับรู้ การเสพติด และผลกระทบจากการดูดวง’ จัดทำโดยอัครกิตติ์ สิทธุวงศ์ศรี ที่ศึกษาใน 6 แหล่งดูดวงยอดฮิตของกรุงเทพมหานคร พบว่ามีผู้ที่มีพฤติกรรมเสพติดการดูดวงจากกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามอยู่ร้อยละ 3.9 โดยอ้างอิงตามเกณฑ์วัดการเสพติดของ Griffiths และแบ่งการเสพติดออกเป็น 6 ระดับ คือ 1. การดูดวงมีความสำคัญและน่าสนใจมากกว่าสิ่งอื่น จนบางครั้งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต 2. อารมณ์ปรับเปลี่ยนก่อนและหลังดูดวง เช่น ตื่นเต้น เครียด กังวล ดีใจ ผ่อนคลาย 3. ต้องการดูดวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความถี่และระยะเวลาที่ใช้ 4. แม้จะพยายามเลิกดูแต่ก็ยังเคยชินจนตัดหรือลดการดูดวงไม่สำเร็จ 5. รู้สึกขัดแย้งในตัวเองโดยรู้สึกว่าการดูดวงจะส่งผลกระทบทางลบในระยะยาว แต่ก็เลิกดูไม่ได้ 6. เมื่อเลิกไม่ได้ก็เข้าสู่วงจรการเสพติดและอาจอยากดูมากกว่าเดิม
เราอาจลองใช้เกณฑ์ข้างต้นรีเช็กตัวเองคร่าวๆ และหาจุดที่การดูดวงไม่ทำร้ายตัวเองจนเกินไป เพราะการยึดคำทำนายเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวอาจค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจและศักยภาพการใช้ชีวิตในระยะยาว ทั้งยังกระทบสุขภาพร่างกายได้ เพราะเมื่อตกอยู่ในความวิตกกังวล บางรายก็เครียด เสียสมาธิ และนอนไม่หลับ
ถ้าเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะติดอกติดใจการดูดวงมากเกินควร หากสาเหตุต้นตอมาจากความรู้สึกขาดผู้รับฟังหรือคนให้คำปรึกษา ไม่กล้าเล่าเรื่องลึกๆ ข้างใน นอกจากดูดวงให้หายอยาก ลองค่อยๆ เปิดใจบอกเล่าเรื่องทุกข์ใจกับคนรอบข้างหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตไปควบคู่กัน เพราะการได้บอกเล่าไม่ได้ช่วยแค่ให้เราได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการระบายความอัดอั้นตันใจ แต่ยังช่วยให้เราได้ฟังเสียงตัวเองและได้เรียบเรียงความคิดไปในขณะเดียวกัน จังหวะนั้นเราอาจพบทางออกเล็กๆ ด้วยตัวเอง และได้ลองมองเรื่องราวจากมุมอื่นๆ จากคู่สนทนา เมื่อนั้นเราจะมองเห็นทางไปต่อและรับรู้ความสามารถในการดูแลความรู้สึกตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาแค่การดูดวง หรือรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง
ถ้ายังไม่มีจังหวะได้ระบาย ชวนกลับมาดูแลความรู้สึกที่เป็นทุกข์และกังวลใจผ่านกิจกรรมดูแลตัวเองในรูปแบบอื่นๆ ควบคู่กันไป จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน บางครั้งเรารีบวิ่งไปหาการดูดวงเพราะอยากจบความรู้สึกร้อนรนภายใน แต่ในความเป็นจริง แม้จะดูดวงมากแค่ไหน หรือต่อให้คำทำนายออกมาดี สถานการณ์ต่างๆ ก็มีเวลาคลี่คลายของมันที่เร่งรัดไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะยอมรับและค่อยๆ ‘อยู่’ กับความรู้สึกนั้นอย่างเข้าใจ เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติและที่มาที่ไปของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความรู้สึกท่วมท้นที่บีบเค้นบรรเทาลง ความรู้สึกมั่นคงในตัวเองก็จะค่อยๆ กลับมา นำไปสู่การวางแผนชีวิตที่ดียิ่งขึ้นได้
ส่วนในกรณีที่ดูดวงเพราะอยากรู้อนาคต ได้ยินคำทำนายไม่ดีแล้วจะพาใจเสีย สุดท้ายแม้แต่ในแวดวงหมอดูก็ยังบอกกันว่าชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง หากเรารับรู้คำทำนายในฐานะข้อมูลเพื่อตั้งรับและเข้าใจธรรมชาติชีวิต การลงมือทำของเจ้าชะตาก็ยังมีความสำคัญ ในการดูดวงฝั่งตะวันตกก็มีการเอ่ยถึง free will หรือเจตจำนงเสรีของเจ้าชะตา ดังนั้นจุดสำคัญคือการรับรู้และมองเห็นเสมอว่า แม้ในโลกนี้จะมีสิ่งที่ไม่อาจควบคุม แต่ทุกขณะฉันยังมีพื้นที่เล็กๆ ที่ฉันดูแลได้ ฉันไม่ได้สูญเสียการควบคุมไปเสียทุกอย่าง
มีตัวแปรหนึ่งทางจิตวิทยาชื่อว่า Locus of Control หรือ ‘ความเชื่อในอำนาจควบคุม’ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คนที่มี Internal Locus of Control คือคนที่เชื่อว่าตนขีดเขียนโชคชะตาของตัวเองได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นผลจากการกระทำ คนกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากการอ่านดวงน้อยกว่า ต่างจากคนที่มี External Locus of Control หรือคนที่เชื่อว่าเหตุการณ์ดีร้ายเป็นผลจากผู้อื่นและโชคชะตาที่ไม่อาจควบคุม
ดังนั้นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เอนจอยการดูดวง ผู้เขียนคิดว่าเราสามารถปรับสถานะการดูดวงจาก ‘เครื่องฟันธงอนาคต’ มาเป็น ‘กระจกสะท้อน’ ที่เอื้อให้สำรวจตัวเองได้ มองมันในฐานะเครื่องมือที่ช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจลักษณะความคิดความรู้สึกตัวเองมากขึ้น รู้ทันนิสัยบางอย่างของตัวเองมากขึ้น ใช้สำรวจว่าเมื่ออยู่กลางทางแยกชีวิตและต้องตัดสินใจ เราให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร ลองใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่ส่วนตัวในการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจมากขึ้น เมื่อนั้นเราและการดูดวงก็จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขทั้งในเชิงจิตใจและกระเป๋าสตางค์ เพราะเราไม่ได้ทรีตการดูดวงเป็น ‘ยารักษาโรค’ หนึ่งเดียวที่ฝากความหวัง แต่เป็นเหมือน ‘วิตามิน’ เสริมพลังในแต่ละจังหวะชีวิต แม้ขาดไปก็ยังไปต่อได้แบบไม่สะดุด
ผู้เขียน: กันตพร สวนศิลป์พงศ์: นักเขียน นักจิตวิทยาการปรึกษา ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา MASTERPEACE
อ้างอิง:
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/55189

http://cuir.car.chula.ac.th.chula.idm.oclc.org/handle/123456789/17082

https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/00207411.2021.1968570

https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0191886916307826

อุ๋งขอลาไปบำบัดก่อนนะงับ ไว้จะมาอัพเดทใหม่ มุแงงงงงง 🥺🤣
16/04/2022

อุ๋งขอลาไปบำบัดก่อนนะงับ ไว้จะมาอัพเดทใหม่ มุแงงงงงง 🥺🤣

BRIEF: เชื่องผิดวิสัย ไม่ใช่เรื่องดี แมวน้ำถูกส่งเข้ารับการบำบัด เพราะเฟรนด์ลี่และคุ้นชินกับคนเกินไป
การได้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าอาจเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เมื่อพบเจอสัตว์เหล่านั้นจึงอดไม่ได้ที่จะให้อาหารเพื่อให้พวกมันคุ้นชินกับคน แต่การทำแบบนั้นก็อาจทำให้เกิดปัญหา เช่นเดียวกับเจ้าแมวน้ำตัวนี้ที่เฟรนด์ลี่เกินไป เป็นเหตุให้มันถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัด
แมวน้ำตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า สเปียร์มินท์ เป็นแมวน้ำที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าว Plymouth Sound ในสหราชอาณาจักร สเปียร์มินท์มีพฤติกรรมที่คุ้นชินกับมนุษย์เกินไป มีคนพบเห็นมันมีปฏิสัมพันธ์กับนักดำน้ำ ปีนป่ายไปบนกระดานโต้คลื่น และขึ้นชายฝั่งที่มีผู้คนพลุกพล่านด้วย
เจ้าหน้าที่จากองค์กร RSPCA ซึ่งช่วยเหลือดูแลด้านสวัสดิภาพของสัตว์ป่า กล่าวว่า สาเหตุที่สเปียร์มินท์ใกล้ชิดกับคนเกินไป มาจากการที่ผู้คนป้อนอาหารให้มันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาหารที่ผู้คนมอบให้มันมีทั้งโดนัท แซนวิช และปลา บางอย่างไม่ใช่อาหารตามธรรมชาติของแมวน้ำ แต่พอคุ้นชินกับผู้คนมากเกินไป มันก็เชื่อใจและกินอาหารที่คนโยนให้
หรือต่อให้เป็นปลา ซึ่งเป็นอาหารตามธรรมชาติของแมวน้ำ แดน จาร์วิส (Dan Jarvis) ผู้อำนวยการด้านสวัสดิภาพและการอนุรักษ์สัตว์จาก British Marine Life Rescue ก็กล่าวว่า จะทำให้มันมีปัญหากับการหาอาหารกินเองตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ ผลจากการที่แมวน้ำคุ้นชินกับมนุษย์เกินไป ทำให้สเปียร์มินท์ไม่เกรงกลัวผู้คน และเจอสถานการณ์เสี่ยงอันตรายหลายครั้ง อย่างเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มันถูกพบอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง และคลานไปมาอยู่บนท้องถนน ผู้คนในหมู่บ้านพยายามหาที่กั้นมากันไม่ให้น้องข้ามไปที่ถนนได้ แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังพยายามปีนข้ามไปให้ได้อยู่ดี
สเปียร์มินท์ยังเป็นแมวน้ำอายุน้อย ทำให้ปัญหานี้อาจส่งผลกับพฤติกรรมของมันไปตลอดชีวิต เจ้าหน้าที่จึงพาน้องไปเข้ารับการบำบัด ซึ่งตอนนี้มันเริ่มเรียนรู้ที่จะไม่เข้าใกล้มนุษย์และไม่กินอาหารที่คนโยนให้แล้ว คาดว่าหากบำบัดเสร็จแล้ว จะสามารถพาสเปียร์มินท์ไปปล่อยสู่ธรรมชาติอีกครั้งในพื้นที่ที่ห่างไกลผู้คน
“เจ้าแมวน้ำที่น่าสงสารนี้ เป็นตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ให้อาหารสัตว์ป่า และทำให้สัตว์ป่าคุ้นชินกับผู้คน สัตว์เหล่านี้คือผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมาน” เจสสิก้า คอลลินส์ (Jessica Collins) อาสาสมัครจาก British Divers Marine Life Rescue (BDMLR) กล่าว
ขณะที่ Rame Wildlife Rescue Network ระบุว่า นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีการนำตัวแมวน้ำไปบำบัด โดยรอบแรกมีสาเหตุมาจากการที่ถิ่นที่อยู่อาศัยของแมวน้ำถูกรุกรานโดยมนุษย์
อ้างอิงจาก
https://www.independent.co.uk/news/uk/dan-jarvis-plymouth-taunton-somerset-b2058628.html

https://www.telegraph.co.uk/news/2022/04/15/spearmint-seal-sent-rehab-becoming-over-friendly-beachgoers/

https://www.bbc.com/news/uk-england-cornwall-61094860

ก่อนที่จะมาเป็นไพ่0 - INNOCENCE—     ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นการทำงานกับนักวาดเป็นครั้งแรก ผู้เขียนเองมีทักษะด้านกราฟิกดีไซ...
07/04/2022

ก่อนที่จะมาเป็นไพ่
0 - INNOCENCE

ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นการทำงานกับนักวาดเป็นครั้งแรก ผู้เขียนเองมีทักษะด้านกราฟิกดีไซน์ก็จริง แต่สกิลการวาดภาพแบบดิจิทัลคือไม่ได้เลย

ซึ่งก็พยายามเขียนบรรยายเพื่อให้ทางนักวาดเองเข้าใจง่าย พร้อมกับหยิบยกภาพประกอบท่วงท่าหรือลักษณะท่าทางต่างๆ ที่พอหาได้จากในเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด

จากตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะให้เป็น The Fool แบบปกติทั่วไป คือชายหนุ่มเดินไปตรงหน้าผา พร้อมสุนัขที่เปลี่ยนเป็นแมวน้ำ แต่รู้สึกว่ามันไม่มีความแปลกใหม่ เลยลองปรับมุมมองใหม่ ถ้าเป็นเซลกี้ที่เพิ่งจะขึ้นบกครั้งแรกล่ะ มันจะเป็นยังไง

ภาพในหัวก็เลยออกมาเป็นเซลกี้สาวที่ขึ้นมาบนบกครั้งแรก แล้วรายล้อมไปด้วยเหล่าเพื่อนแมวน้ำ ที่เหมือนจะพยายามเตือนเธอว่ามันจะอันตรายถ้ามีใครรู้ตัวตนเข้า แต่ด้วยความที่เธอก็มีความไร้เดียงสา แต่ก็กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ชอบทำตามใจตัวเองมากกว่า ก็เลยออกมาเป็นภาพ Innocence ตามที่ทุกคนได้เห็นนี่แหล่ะครับ

ปล. เรื่องคำที่ใช้ ผู้เขียนขอไปหาข้อมูลเทียบเคียงกับไพ่สำรับอื่นเพิ่มเติมก่อนนะครับว่าสุดท้ายแล้วจะใช้ Innocence เหมือนเดิม หรือจะปรับไปใช้ Innocent ทีหลัง ยังไงจะอัพเดทอีกครั้งนะครับ ตอนนี้ขอยึดตามนี้ไปก่อนครับ

ผู้เขียน : Mr. Selkie The Oracle
ผู้วาด : Cronus Artwork

[ไพ่ใบที่ 0]INNOCENCE—     หลายคนคงสงสัยว่าทำไมไพ่ใบที่ 0 ถึงเป็น Innocence แต่ไม่เป็น The Fool หรือเหมือนสำหรับอื่นทั่ว...
06/04/2022

[ไพ่ใบที่ 0]
INNOCENCE

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมไพ่ใบที่ 0 ถึงเป็น Innocence แต่ไม่เป็น The Fool หรือเหมือนสำหรับอื่นทั่วไป โพสต์นี้ผมมีคำตอบให้ครับ

ไพ่ Innocence ปรากฏเป็นภาพของเซลกี้(Selkie)สาวสวมผ้าคลุมหนังแมวน้ำที่เพิ่งขึ้นจากทะเลและกลายเป็นมนุษย์เป็นครั้งแรก พร้อมกับเพื่อนแมวน้ำคู่ใจ ที่กำลังจะออกไปผจญภัยในโลกกว้าง โดยที่ไม่กลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นถ้ามีคนรู้ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์

นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมไพ่ใบแรก จากที่ควรจะใช้คำว่า "The Fool" แต่ผู้เขียนก็ได้เปลี่ยนมาเป็น "Innocence" แทน เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของตัวละครและเนื้อหาที่สื่อออกมาบนหน้าไพ่ครับ

Author & Artwork : Mr. Selkie The Oracle
Illustrator : Cronus Artwork

ที่อยู่

Bangkok
10220

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mystical Selkieผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram