15/10/2025
What is Sweat Test?
เวลาที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะควบคุมอุณหภูมิด้วยการขับเหงื่อออกมา แต่สิ่งที่ออกไปพร้อมกับเหงื่อไม่ได้มีแค่น้ำ เพราะในเหงื่อยังมีเกลือแร่สำคัญอย่างโซเดียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียมที่มีบทบาทต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อและการทำงานของระบบประสาท งานวิจัยจาก Journal of Applied Physiology (Baker et al., 2019) พบว่า นักกีฬามีอัตราการสูญเสียเหงื่อเฉลี่ยตั้งแต่ 0.5 ถึง 2.5 ลิตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ การฝึกซ้อม และพันธุกรรมของต่อมเหงื่อ ขณะเดียวกันความเข้มข้นของโซเดียมในเหงื่อก็แตกต่างกันในแต่ละคน โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 300 ถึง 1,800 มิลลิกรัมต่อลิตร (Maughan & Shirreffs, 2008) นั่นหมายความว่าในระยะเวลาการวิ่งเพียงสองชั่วโมง นักกีฬาคนหนึ่งอาจสูญเสียโซเดียมมากกว่าอีกคนถึงสองหรือสามเท่าเลยทีเดียว
หากเราไม่รู้ตัวเลขเหล่านี้ การเติมน้ำหรือเกลือแร่แบบเดา ๆ อาจทำให้ร่างกายไม่สมดุล การดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำ กล้ามเนื้อตะคริว หรืออ่อนแรง ในทางกลับกันการดื่มน้ำมากเกินไปโดยไม่เติมเกลือแร่เพียงพอก็อาจนำไปสู่ภาวะน้ำเกิน หรือ hyponatremia ซึ่งเป็นภาวะที่ระดับโซเดียมในเลือดลดต่ำจนกระทบต่อสมรรถภาพและความปลอดภัยของนักกีฬา
เราจึงให้บริการ Sweat Test เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจร่างกายของตัวเองอย่างแม่นยำ ลดการคาดเดา ผ่านการใช้ wearable sensor ที่ติดบนผิวหนังระหว่างออกกำลังกาย อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลเหงื่อของคุณในสถานการณ์จริง และส่งต่อข้อมูลให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Mileage วิเคราะห์เชิงลึกเป็น รายงานเฉพาะบุคคล Personalized Sweat Report เพื่อบอกอย่างชัดเจนว่าร่างกายของคุณสูญเสียน้ำและเกลือแร่เท่าไหร่ต่อชั่วโมง และควรเติมในปริมาณใดจึงจะพอดี
จากข้อมูลที่ได้จากการตรวจจริง เราได้นำผลลัพธ์เหล่านี้มาใช้พัฒนา Mileage Ultra Electrolyte Formula ซึ่งเป็นสูตรเกลือแร่ที่ออกแบบโดยอิงจากข้อมูลเหงื่อของนักกีฬา เพื่อให้สอดคล้องกับการสูญเสียโซเดียมและของเหลวในสภาพอากาศร้อนชื้น ช่วยให้การเติมน้ำและเกลือแร่ของคุณ สมเหตุสมผล และตอบโจทย์ร่างกายอย่างแท้จริง
งานวิจัยจาก Galloway & Maughan (1997) พบว่า ความเข้มข้นของโซเดียมที่เหมาะสมในเครื่องดื่มเกลือแร่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้ดีขึ้นถึง 15–20% เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว และยังช่วยรักษาความสมดุลของปริมาตรเลือดในระหว่างการออกกำลังกายต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสมรรถนะ ความทนทาน และการฟื้นตัวหลังวิ่ง เช่นเดียวกับรายงานของ Sawka & Montain (2000) ที่ระบุว่า การคงระดับโซเดียมในร่างกายให้อยู่ในช่วงปกติสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะ hyponatremia ได้อย่างมีนัยสำคัญในนักวิ่งมาราธอน
นอกจากนี้ Cheuvront et al. (2010) ยังได้อธิบายว่า แม้การขาดน้ำเพียง 2% ของน้ำหนักตัวก็สามารถทำให้สมรรถภาพการวิ่งลดลงกว่า 10% และอุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “hydration” ไม่ใช่แค่การดื่มน้ำ แต่คือการเข้าใจกลไกของเหงื่อและเกลือแร่ในร่างกายอย่างเป็นระบบ นี่คือเหตุผลที่ Mileage มุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่กับผลิตภัณฑ์จริง เพื่อให้ทุกคนสามารถเติมพลังได้อย่างมีเหตุผลและยั่งยืนในทุกเส้นทางการออกกำลังกาย
ที่ Mileage เราเชื่อว่าทุกหยดเหงื่อคือข้อมูลที่มีค่า การรู้จักเหงื่อของตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการวิ่งและแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน Hydration จึงไม่ใช่เพียงการดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย แต่คือการเข้าใจสมดุลของร่างกาย เพื่อให้คุณวิ่งได้ไกลขึ้น และรู้สึกดีขึ้นในทุกก้าว
Hydrated,Run further.
สนใจเข้ารับบริการ Sweat test by Mileage ติดต่อได้ที่
Line OA :
-Baker, L. B., et al. (2019). Sweat testing methodology in exercise science: Best practices and future directions. Journal of Applied Physiology, 126(3), 800–809.
-Maughan, R. J., & Shirreffs, S. M. (2008). Development of individual hydration strategies for athletes. European Journal of Sport Science, 8(5), 341–350.
-Galloway, S. D. R., & Maughan, R. J. (1997). Effects of ambient temperature on the capacity to perform prolonged cycle exercise in man. Journal of Physiology, 498(2), 593–599.
-Sawka, M. N., & Montain, S. J. (2000). Fluid and electrolyte supplementation for exercise heat stress. American Journal of Clinical Nutrition, 72(2), 564S–572S.
-Cheuvront, S. N., Kenefick, R. W., Montain, S. J., & Sawka, M. N. (2010). Mechanisms of aerobic performance impairment with heat stress and dehydration. Journal of Applied Physiology, 109(6), 1989–1995.