อเลอไทด์ อาหารเสริมบำรุงสมอง

อเลอไทด์ อาหารเสริมบำรุงสมอง อาหารเสริมบำรุงสมอง แก้สมาธิสั้น
โ? บำรุงสมอง ฟื้นฟูความจำ แก้ปัญหาสมาธิสั้น
นุ่นค่ะ โทร.086-3166062 , 086-3845299
Line ID :

🍭สมาธิสั้น VS ไฮเปอร์🍭🛐เจ้าตัวเล็กของคุณเป็นโรคสมาธิสั้นหรือแค่มีพลังงานเหลือเฟือกันแน่?เด็กไฮเปอร์ คือเด็กสมาธิสั้นจริง...
18/02/2022

🍭สมาธิสั้น VS ไฮเปอร์🍭

🛐เจ้าตัวเล็กของคุณเป็นโรคสมาธิสั้น
หรือแค่มีพลังงานเหลือเฟือกันแน่?

เด็กไฮเปอร์ คือเด็กสมาธิสั้นจริงหรือไม่ เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนสงสัย จริงๆ แล้ว “ไฮเปอร์” เป็นเพียงแค่อาการอยู่ไม่สุข ไม่อยู่นิ่งของเด็กๆ ไม่จำเป็นว่าเด็กทุกคนที่มีอาการไฮเปอร์จะมีสมาธิสั้นด้วยเสมอไป เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไฮเปอร์นั้นมีอยู่มากมาย

เด็กไฮเปอร์ เกิดจากอะไร?

ไฮเปอร์นั้นเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยนั้น ได้แก่ เกิดจากสมาธิสั้น, เกิดจากการที่เด็กมีไอคิวสูง, เกิดจากพัฒนาการทางระบบประสาทล่าช้า, เกิดจากการที่เคยได้รับความกระทบกระเทือน หรือติดเชื้อของสมอง และเกิดจากไฮเปอร์โดยธรรมชาติ

เด็กสมาธิสั้น เกิดจากอะไร?

อาการสมาธิสั้น เกิดจากความผิดปกติของสมอง โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ว่าอะไรทำให้สมองมีความผิดปกติ แต่จากวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เกิดจากพันธุกรรม ซึ่งมีส่วนในการถ่ายทอด และส่งผลต่อสมอง ทำให้สมองบางส่วนบกพร่อง โดยเฉพาะส่วนของสมาธิ เกิดการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กัน และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

📕 ลองสำรวจว่าเด็กแบบไหนเป็นเด็กสมาธิสั้นและแบบไหนคือเด็กไฮเปอร์ผ่านแบบสำรวจนี้

🚫สัญญาณโรคสมาธิสั้นในเด็กเล็ก🚫

🚩อาการของโรคที่สมาธิสั้น คือ🚩

1.ซนมากกว่าปกติซนจะมากกว่าเด็กทั่วๆไป ซนแบบไม่อยู่นิ่ง
อยู่ไม่เป็นสุข ลุกลี้ลุกลน ตลอดเวลา

2.วอกแวกง่ายทำงานต่างๆไม่ค่อยสำเร็จต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไช

3.อาการหุนหันพลันแล่นมักจะรอคอยไม่เป็นคิดอะไรก็ทำขึ้นมาโดยทันที

ซึ่งถ้าเด็กมีอาการครบทั้ง 3 กลุ่ม
หรือมีลักษณะเด่นร่วมกัน 1 - 2 อาการ
ก็เข้าข่ายกลุ่มอาการสมาธิสั้นแล้ว

🚩ส่วนอาการไฮเปอร์ คือ🚩

🔶️การที่เด็กซนมากกว่าปกติ
ซนจะมากกว่าเด็กทั่วๆไป
ไม่อยู่นิ่ง อยู่ไม่เป็นสุข
วอกแวกถูกกระตุ้นง่าย

🔶️ซึ่งหมายความว่า
อาการไฮเปอร์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง
ของ โรคสมาธิสั้น เท่านั้นเอง

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก #แม่นุ่นอเลอไทด์ #แม่นุ่นอุ่นใจ

สนับสนุนโดยผลิตภัณฑ์ "อเลอไทด์ ALERTIDE"
ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ดูแลระบบสมองและระบบประสาท ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความจำ เสริมสร้างสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ลดปัญหาภาวะสมาธิสั้น

👉โทร คุณนุ่น 095-2344214
☎Line ID :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

อเลอไทด์ เป็นสารอาหารธรรมชาติที่มีสารอาหาร 10 ชนิด รวมอยู่ในเม็ดเดียวค่ะจะช่วยเพิ่มสมาธิ เพิ่มความจำให้น้องค่ะ ฟื้นฟูระบ...
01/12/2021

อเลอไทด์ เป็นสารอาหารธรรมชาติที่มีสารอาหาร 10 ชนิด รวมอยู่ในเม็ดเดียวค่ะ

จะช่วยเพิ่มสมาธิ เพิ่มความจำให้น้องค่ะ
ฟื้นฟูระบบสมองและประสาทค่ะ

อเลอไทด์จะไม่มีส่วนผสมของสารเคมี เป็นจากธรรมชาติล้วนๆค่ะ

สอบถาม/สั่งซื้อ
095-2344214

🔰🕖 ตัวช่วย คุณแม่ ....อยากเสริม ให้ลูกเรียนเก่ง มีพัฒนาการเร็ว ส่งเสริมการเรียนรู้และความจำ ลดภาวะสมาธิสั้น อารมณ์รุนแรง...
12/11/2021

🔰🕖 ตัวช่วย คุณแม่ ....
อยากเสริม ให้ลูกเรียนเก่ง มีพัฒนาการเร็ว ส่งเสริมการเรียนรู้และความจำ ลดภาวะสมาธิสั้น อารมณ์รุนแรง หมดปัญหา เบลอ เพลีย หงุดหงิด เรียนไม่รู้เรื่อง...

⏩ต้อง "อเลอไทด์" ค่ะ เพียงวันละ 1 เม็ด ต่อเนื่องคุณแม่จะเห็นผลลัพท์ที่ชัดเจน

สมองดี สมาธิไม่มี..จะเรียนดีได้อย่างไร??

🔻สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม🔻
☎ 095-2344214 #แม่นุ่นอเลอไทด์
หรือคลิกทักแชทไลน์

🔔ลูกติดมือถือแก้ยังไง🌝คุณพ่อ คุณแม่สมัยใหม่หลายคนคงหนักใจไม่น้อยที่เห็นลูกๆ ติดจอ ทั้งมือถือ และแท็บเลต คุณพ่อคุณแม่หลาย...
03/10/2021

🔔ลูกติดมือถือแก้ยังไง

🌝คุณพ่อ คุณแม่สมัยใหม่หลายคนคงหนักใจไม่น้อยที่เห็นลูกๆ ติดจอ ทั้งมือถือ และแท็บเลต คุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวคงตั้งใจเอาไว้ก่อนที่จะมีเจ้าตัวน้อย ว่าถ้ามีลูกจะไม่ยอมให้ลูกเล่น Smart Phone และ Tablet เป็นอันขาด ยิ่งเวลาที่เห็นพ่อแม่คนอื่นๆ ให้ลูกเล่นก็มักจะคิดในใจว่า “ไม่รู้หรือไงว่ามันไม่ดี”

🔛เมื่อพบเจอกับตัวเองจึงได้รู้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ค่อยๆ ซึมซับไปกับลูกทีละเล็ก ทีละน้อย เริ่มจากการที่คุณพ่อ คุณแม่เปิดเพลงสอนภาษาอังกฤษให้ลูกฟัง เพื่อให้ลูกอยู่นิ่งๆ จะได้เลี้ยงง่ายๆ คุณพ่อคุณแม่ก็จะเห็นดีเห็นงามไปกับอุปกรณ์เหล่านี้ไปด้วย คิดว่าคงไม่แย่เพราะลูกได้เรียนรู้ จดจำคำศัพท์ได้หลายคำ หลังจากนั้นเวลาในการใช้ก็เริ่มนานขึ้น นานขึ้น จาก 5-10 นาที กลายเป็นชั่วโมง และเริ่มบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นดูก่อนนอนทุกคืน

🔛หลังจากนั้นก็เริ่มสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกอย่างจริงจัง ลูกเริ่มดูไม่จบคลิป ดูสักพักก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ยอมให้เปลี่ยนก็จะเริ่มโวยวาย เป็นสัญญาณของโรคสมาธิสั้น เมื่อเห็นมือถือหรือแท็บเลตที่ไหน ก็จะรบเร้าขอดูตลอด เป็นสัญญาณว่าเริ่มติดอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว และยังมีนิสัยใจร้อนเพิ่มเข้ามาอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่หลายคนจึงเริ่มกังวลใจ และหาวิธีแก้ไขแบบเร่งด่วน ดังนี้

🔝วันที่ 1

วันแรกเริ่มจากการเก็บอุปกรณ์มือถือ และแท็บเลต ออกไปให้พ้นหูพ้นตาลูกๆ ปิดเครื่องได้จะยิ่งดี คุณพ่อ คุณแม่ก็ต้องไม่ใช้ด้วย ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ถ้าลูกร้องอยากขอดูมือถือ แท็บเลต ก็ชักจูงให้ลูกไปทำอย่างอื่น เช่น เล่นน้ำ ให้อาหารปลา เล่นกับสุนัข เก็บก้อนหิน รดน้ำต้นไม้ ดูนก อ่านนิทาน เป็นต้น คุณพ่อ คุณแม่ต้องอดทน เพราะลูกจะขอเล่นมือถือบ่อยๆ บางครั้งอาจจะทุกๆ 15 นาที คุณพ่อ คุณแม่อาจจะต้องทำตัวเป็นมือถือแทน เช่น ลูกติดเพลงที่ฟังทุกคืนในมือถือ คุณพ่อ คุณแม่ก็ต้องร้องเพลงนี้แทนการใช้มือถือจริงๆ ใจความสำคัญหลักคือ ความอดทน ใจเย็นๆ อย่าหงุดหงิด อย่าดุลูก พยายามทำให้ลูกสนุก

🔝วันที่ 2 – 4

เมื่อคุณพ่อ คุณแม่ผ่านวันแรกมาได้แล้ว วันต่อๆ มาก็จะง่ายขึ้น แต่ลูกอาจจะเริ่มเบื่อดูนก ดูปลา อาจหาตัวช่วย เช่นซื้อหนังสือเล่มใหม่ให้ลูก ในเรื่องที่ลูกสนใจ เช่นลูกสนใจสัตว์ต่างๆ ก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ให้ลูก เลือกหนังสือที่มีภาพ และสีสันดึงดูดใจ หลายๆ หน้า ลูกจะได้เปิดอ่านจนหลับ แทนมือถือ และแท็บเลต ต้องใช้ความอดทน เพราะตอนแรกๆ ลูกอาจจะไม่สนใจ ลองเปิดหนังสือ ชี้ให้ลูกดูภาพ ทำเสียงสนุกๆ ตื่นเต้นประกอบภาพจะยิ่งทำให้สนุกตื่นเต้น

🔝วันที่ 5 – 6

เมื่อลูกสงบลง มีสมาธิมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เล่นสิ่งของรอบตัวมากขึ้น เริ่มไม่ถามหามือถือ และแท็บเลต คุณพ่อ คุณแม่ลองวางมือถือ และแท็บเลตเอาไว้ให้ลูกเห็น พอลูกเดินมาจะหยิบ ก็พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลปกติกับลูกว่า “อย่าหยิบนะลูก วางมันลง” อย่าเสียงดัง แรกๆ ลูกอาจไม่วางทันที ลองใช้วิธีเอามือไปจับมือลูกออก แล้วชมลูกว่า “ดีมากจ้ะ” ทำแบบนี้ประมาณ 2 – 3 ครั้ง ลูกจะรู้ว่าควรทำอย่างไรด้วยตัวเอง และเขาจะเตือนตัวเขาเองว่า “ไม่ ไม่” แล้วเดินจากไปแทน

🔝วันที่ 7

เมื่อลูกไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับมือถือ และแท็บเลตอีกต่อไป เห็นใครใช้ก็ไม่เข้าไปขอดู พ่อแม่ก็ควรใช้ไม่ให้ลูกเห็น เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก นอกจากนี้ลูกจะกลายเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือ และมีสมาธิมากขึ้น เรียนรู้คำศัพท์ได้เร็ว สังเกตได้จากถ้าเราเปิดคลิปจากมือถือ 20-30 ครั้ง ลูกจะจำคำศัพท์ได้เพียง 2-3 คำ แต่เมื่อคุณพ่อ คุณแม่พูดเอง หรือเปิดหนังสือให้ลูกอ่าน ลูกจะจำคำศัพท์ได้รวดเร็วกว่ามาก

⏳⌛⏳⌛
นี่เป็นเพียงแนวทางในการแนะนำให้คุณพ่อ คุณแม่หาวิธีมาเบี่ยงเบนความสนใจลูกจากมือถือ และแท็บเลต วิธีเหล่านี้อาจจะไม่ได้ผลกับเด็กทุกคน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของเด็กแต่ละคน คุณพ่อ คุณแม่ต้องมีความยับยั้งชั่งใจว่า เมื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว จะให้ลูกใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ต่อหรือไม่ อะไรที่ง่ายสำหรับเราย่อมไม่เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกแน่นอน เด็กได้ความรู้และพัฒนาสมองได้จากสิ่งรอบตัวมากกว่าการนั่งดูมือถือ และแท็บเลตเสียอีก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : amarinbabyandkids.com

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก #แม่นุ่นอเลอไทด์ #แม่นุ่นอุ่นใจ

สนับสนุนโดยผลิตภัณฑ์ "อเลอไทด์ ALERTIDE"
ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ดูแลระบบสมองและระบบประสาท ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความจำ เสริมสร้างสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ลดภาวะสมาธิสั้น

👉โทร คุณนุ่น 095-2344214
☎Line ID :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

🔥"รับประทานอเลอไทด์ แล้วทำไมสมองถึงทำงานได้ดีขึ้น???"🔥วันนี้มาคลายข้อสงสัย ให้กับผู้ปกครองหลายๆท่าน เชื่อว่าแต่ละท่านคงเ...
20/09/2021

🔥"รับประทานอเลอไทด์ แล้วทำไมสมองถึงทำงานได้ดีขึ้น???"🔥

วันนี้มาคลายข้อสงสัย ให้กับผู้ปกครองหลายๆท่าน เชื่อว่าแต่ละท่านคงเคยสงสัยใช่มั้ย ว่าทำไมน้องๆ รับประทานอาหารเสริมแล้วถึงจะเรียนดีขึ้น โดยเฉพาะอเลอไทด์ มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร??

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

👉 ก่อนอื่นก็ต้องเล่าไปถึง "สมองของเรา" ก่อน
ถ้าท่านได้ติดตามอ่านบทความของเราเป็นประจำ ก็จะทราบว่าสมองของเรามีอยู่ด้วยกันหลายส่วนด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง หรือสมองส่วนท้าย ยังไม่นับกลีบย่อยๆ แต่ละกลีบที่ลึกลงไปอีก

ซึ่งแต่ละส่วน จะมีหน้าที่ดูแลและควบคุมพฤติกรรมต่างๆที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนต่างๆ หรือ ที่เวลาหลายๆท่านทักเข้ามาปรึกษา อาจจะได้ยินคำว่าสารเคมีในสมองใช่ไหม ตัวสารเคมีในสมองนี่ล่ะครับ ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมสภาวะทางอารมณ์ต่างๆของร่างกายแตกต่างกันไป

⚡ ดังนั้น การที่หลายท่านหรือน้องๆ มีอาการขี้หลงขี้ลืม ไม่สามารถที่จะเรียกความจำ หรือ เรียนรู้อะไรต่างๆ ได้ช้ากว่าปกติ รวมไปถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว ภาวะทางอารมณ์ต่างๆ ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า สารเคมีต่างๆ ที่หลั่งในสมองไม่หลั่งหรือมีการหลั่งออกมาไม่สมดุลกัน

⚡⚡ ประเด็นก็คือ หากเนื้อเยื่อสมองไม่เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ หรือ ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอสำหรับสมองแล้ว สมองก็คงไม่มี "วัตถุดิบที่มีคุณภาพ" ไปผลิตสารเคมีหรือฮอร์โมนเพื่อหลั่งออกมาตามกลไกที่ควรจะเป็นได้

⚡ ซึ่งในจุดนี้เองที่อเลอไทด์เข้าไปตอบโจทย์สำหรับปัญหาดังกล่าว เหมือนเราส่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพให้แก่สมองของเรา จากนั้นสมองก็จะเอาวัตถุดิบที่ดีนั้นไปทำการผลิตฮอร์โมนต่างๆ เพื่อใช้ในการทำงานต่อไป ซึ่งฮอร์โมนที่ได้ออกมาก็จะเป็นฮอร์โมนที่ดี มีคุณภาพ เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ 1 ในฮอร์โมนหรือสารเคมีในสมองที่สำคัญในการเรียนรู้ก็คือ "เซโรโทนิน" ซึ่งสารตัวนี้จะมีส่วนช่วยในเรื่องของการเรียนรู้และการผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีเลย

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

✅ เมื่อสมองของเรามีความผ่อนคลาย จะทำให้สมองเกิดคลื่นการเรียนรู้ที่เรียกว่า อัลฟ่า เวฟ ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่ทำให้เกิดสภาวะ Super Learning จะสามารถเรียกได้ว่า สภาวะสมองพร้อมต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่แล้วนั่นเอง

นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม อเลอไทด์ถึงสามารถทำให้น้องหรือตัวเรามีสมาธิหรือเรียนดีขึ้นมาได้ เพราะเมื่อสมองได้รับวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอ ก็จะทำให้การหลั่งสารเคมีในสมองและฮอร์โมนมีความสมดุล จนเกิดคลื่นสมองแบบอัลฟ่าเวฟ ทำให้สมองเราสดใหม่ พร้อมที่จะเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาจากต้นเหตุเลยทีเดียว

✅ และเมื่อเรารับประทานอเลอไทด์อย่างต่อเนื่อง เชื่อไหมว่าอะไรๆ ที่เราเคยทำแล้วรู้สึกว่ายาก ต้องทำใช้เวลานาน เบลอๆ คิดได้ช้า ก็จะรู้สึกได้เลยว่ามีความเปลี่ยนไปจากเดิมในทางที่ดีขึ้น (ซึ่งผลลัพธ์ต่างๆที่ได้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

✅ ลองรับประทานอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันซัก 3 เดือนดูนะคะ ท่านจะพบความเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่ตัวท่านเองต้องตกใจอย่างแน่นอน

📌ลองให้อเลอไทด์มอบชีวิตที่ง่ายขึ้นให้กับท่านและคนที่ท่านรักตั้งแต่วันนี้ดีกว่านะ เพราะการ "ลงทุน" เพื่อให้ได้มาซึ่ง "สมองที่ดี" เป็นเรื่องที่คุ้มค่าและมีประโยชน์มากเลยใช่ไหมล่ะรับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอน

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

🌟การได้รับสารอาหารสำหรับสมองที่ถูกต้อง🌟
ก็จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการสมองลูกน้อยให้โตทันวัย
สนใจเสริมสร้างเซลล์สมองด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

💯ลองมาหลายตัว หมดเงินไปเยอะ แต่ไม่เห็นผล ฟังทางนี้

🌿 อเลอไทด์ เป็นอาหารเสริมสารบำรุงสมอง
รังสรรค์จากสกัดจากธรรมชาติกว่า 12 ชนิด

🍃จึงไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงในการใช้งาน
มีผลช่วยให้การทำงานของสารสื่อประสาทสมองสมดุล

📚 ทำให้มีสมาธิมากขึ้น ✏ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ไว
มีความสามารถในการจดจำดีขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้ดึ

🏡ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จริงมากมายกว่า10ปี
มี อย. อย่างถูกต้องจากองค์กรอาหารและยา

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก #แม่นุ่นอเลอไทด์ #แม่นุ่นอุ่นใจ

สนับสนุนโดยผลิตภัณฑ์ "อเลอไทด์ ALERTIDE"
ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ดูแลระบบสมองและระบบประสาท ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความจำ เสริมสร้างสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ลดภาวะสมาธิสั้น

👉โทร คุณนุ่น 095-2344214
☎Line ID :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

E.Q.Emotional Quotient E.Q.) คือ การวัดความฉลาดทางอารมณ์ เชาวน์อารมณ์ หรือ Emotional Intelligence ซึ่งเป็นความสามารถในกา...
15/08/2021

E.Q.

Emotional Quotient E.Q.) คือ การวัดความฉลาดทางอารมณ์ เชาวน์อารมณ์ หรือ Emotional Intelligence ซึ่งเป็นความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น มีแรงจูงใจในตนเอง และจัดการอารมณ์ต่างๆ ได้ อันจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข ทั้งชีวิตส่วนตัว ครอบครัว สังคม และชีวิตทำงานของเด็กในอนาคต อีกทั้ง เรายังสามารถเพิ่มพูนอีคิวให้กับเด็กได้ด้วยการฝึกฝน และการเสริมสร้างทักษะ

องค์ประกอบของอีคิวมีอะไรบ้าง?

องค์ประกอบพื้นฐานของความฉลาดทางอารมณ์มีดังนี้

ความตระหนักในตน (Self Awareness) หมายถึง ความสามารถในการรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง มีความเชื่อมั่นในตนเอง และตัดสินใจได้ตามวัย

การควบคุมอารมณ์ (Managing Emotion) หมายถึง ความสามารถที่จะควบคุมความกลัว ความกังวล ความโกรธ ฯลฯ ของตนเองได้ และแสดงออกอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์

การจูงใจตนเอง (Motivating Oneself) หมายถึง ความมุ่งหวังและการคิดบวกเพื่อแก้ไขปัญหา ฟันฝ่าอุปสรรค ยอมรับความผิดพลาด ซึ่งจะมีผลระยะยาวต่อเด็กในการตั้งเป้าหมายและการสร้างความสำเร็จในอนาคต

การเห็นอกเห็นใจ Empathy) หมายถึง ความสามารถในการสังเกต รับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นจากน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง และตอบสนองแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา

ทักษะทางสังคม (Social Skills) หมายถึง ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ในทางบวกต่อผู้อื่น แก้ปัญหาความขัดแย้ง ด้วยวิธีประนีประนอม รวมไปถึงความมีน้ำใจ ช่วยเหลือ แบ่งปัน

เด็กที่มีอีคิวดีมีคุณลักษณะอย่างไร?

Daniel Goleman ได้จำแนกความฉลาดทางอารมณ์ ออกเป็น 2 ทักษะใหญ่ๆ ดังนี้

ทักษะการจัดการตนเอง (Self-Management Skills) ได้แก่ ความสามารถในการรู้จักตนเองทั้งจุดเด่นและจุดด้อย ความสามารถในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต มีความขยันขันแข็ง มุ่งมั่นในการทำงาน การคิดเชิงบวก (Positive Thinking) และไม่ท้อถอยเมื่อพบกับปัญหาหรืออุปสรรค

ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Relationship Skills) ได้แก่ ความสามารถในการเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีทักษะการเข้าสังคม รู้จักระมัดระวังคำพูด รู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ รู้กาลเทศะ การสร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ ความสามารถในการโน้มน้าว ชักจูงให้ผู้อื่นคล้อยตามความคิดเห็นหรือร่วมมือด้วย

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาการประเมินความฉลาดทางอารมณ์เด็ก ซึ่งจะช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ได้ทราบถึงจุดดีจุดเด่นของลักษณะความฉลาดทางอารมณ์ที่ควรส่งเสริมและจุดอ่อนที่ควรพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ในการติดตามเพื่อดูพัฒนาการทางอารมณ์ว่ามีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใดเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยการประเมินความฉลาดทางอารมณ์เด็กจากคุณลักษณะ 3 ด้าน คือ ดี เก่ง และสุข ดังนี้

ด้านดี คือ ความพร้อมทางอารมณ์ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยประเมินจากการรู้จักอารมณ์ การมีน้ำใจ และการ รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ประกอบด้วย
ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง ได้แก่ รู้อารมณ์และความต้องการของตนเอง ควบคุมอารมณ์และความต้องการได้ แสดงออกอย่างเหมาะสม

การรู้จักเห็นใจผู้อื่น ได้แก่ ใส่ใจผู้อื่น เข้าใจและยอมรับผู้อื่น แสดงความเห็นใจผู้อื่นอย่างเหมาะสม

ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ได้แก่ รู้จักการให้ รู้จักการรับ รู้จักรับผิด รู้จักให้อภัย เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม

ด้านเก่ง คือ ความพร้อมที่จะพัฒนาตนไปสู่ความสำเร็จ โดยประเมินจากความกระตือรือร้น/สนใจใฝ่รู้ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และการกล้าพูดกล้าบอกรู้จักตนเอง มีแรงจูงใจ สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหาและแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ประกอบด้วย

การรู้จักและสามารถสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง ได้แก่ การรู้ศักยภาพของตนเอง สร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเองได้ มีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย

ความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา ได้แก่ ความสามารถในการรับรู้และเข้าใจปัญหา มีขั้นตอนในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม มีความยืดหยุ่น

ความสามารถในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้แก่ การรู้จักการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม แสดงความเห็นที่ขัดแย้งได้อย่างสร้างสรรค์

ด้านสุข คือ ความพร้อมทางอารมณ์ที่ทำให้เกิดความสุข โดยประเมินจากการมีความพอใจ ความอบอุ่นใจ และความสนุกสนานร่าเริง ความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข มี

ความภูมิใจในตนเอง พอใจในชีวิตและมีความสุขสงบทางใจ

ความภูมิใจในตนเอง ได้แก่ การเห็นคุณค่าในตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง

ความพึงพอใจในชีวิต ได้แก่ รู้จักมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่

ความสงบทางใจ ได้แก่ มีกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุข รู้จักผ่อนคลาย มีความสงบทางจิตใจ

พ่อแม่จะเพิ่มอีคิวให้ลูกได้อย่างไร?

เราสามารถพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กได้ด้วยการฝึกฝน เพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง จัดการกับอารมณ์ตนเองได้อย่างเหมาะสม และสามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นได้ ดังนี้

เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เด็กจะมีความฉลาดทางอารมณ์ได้ ต้องเริ่มจากครอบครัวที่มีความฉลาดทางอารมณ์ ทั้งนี้เพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างความฉลาดทางอารมณ์ให้แก่ลูก หากลูกเติบโตท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้ง และการใช้อารมณ์ ลูกจะไม่สามารถเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ได้เลย พ่อแม่จึงควรสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ให้ลูก โดยเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมอารมณ์ หากลูกทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น เดินชนผู้อื่น พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักกล่าวคำขอโทษ ในขณะเดียวกัน หากพ่อแม่ทำผิดพลาด เช่น เดินชนลูก ก็ควรกล่าวคำขอโทษเช่นกัน เพื่อให้ลูกเห็นตัวอย่างที่ดีเสมอ

ให้เวลากับลูกเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี หาเวลาใกล้ชิดสร้างความคุ้นเคยกับลูก เพราะเด็กทุกคนต้องการให้พ่อแม่อยู่ใกล้ชิด คอยปกป้องและให้กำลังใจ โดยเฉพาะเวลาที่เริ่มทำอะไรด้วยตนเองเป็นครั้งแรก จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นใจ ไม่กังวล มีความมั่นคงทางอารมณ์ และกล้าที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองในระยะต่อไป จึงควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เล่านิทาน ร้องเพลง ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ สอนการบ้าน พาลูกเข้านอน ฯลฯ โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการในการทำกิจกรรมที่สนุกสนาน มีความสุข มากกว่าผลงานที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ หากลูกบอกความรู้สึก แสดงความคิดเห็น มีข้อสงสัยหรือซักถามเหตุผล ควรรับฟังด้วยความสนใจ เพราะท่าทีที่สนใจของพ่อแม่จะสนับสนุนให้ลูกมีความมั่นใจในตนเอง ซึ่งเด็กวัยนี้มักมีความสนใจ อยากรู้ อยากเห็นสิ่งแปลกใหม่รอบตัว จึงควรส่งเสริมให้ลูกรู้จักวิธีค้นหาคำตอบอย่างง่ายที่สอดคล้องกับวัย

ใส่ใจกับอารมณ์ ความรู้สึกของลูก และสิ่งที่ลูกทำ ใช้คำพูดที่แสดงความรู้สึกเห็นใจและเข้าใจปัญหาของลูกอยู่เสมอ รับฟังความรู้สึกซึ่งกันและกันด้วยความเข้าใจ ยอมรับความเป็นตัวตนของลูก ไม่พูดย้ำแต่ความผิดพลาดของลูกที่ผ่านมา เลี้ยงดูลูกด้วยความรักและความเข้าใจในแบบที่ลูกเป็น จะทำให้ลูกมีความมั่นใจในตนเองมากยิ่งขึ้น สอนให้ลูกรู้จักแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่น หรือกล่าวชมเมื่อลูกช่วยเหลือผู้อื่นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวลูกเองในการอยู่ร่วมกับคนอื่น และควรให้ลูกได้พบปะคนอื่นๆ นอกบ้านบ้าง เช่น พาไปเที่ยวบ้านญาติ บ้านเพื่อน หรือเล่นกับเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับคนอื่นหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้ลูกมีความมั่นใจ และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น จึงควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่น หรือร่วมสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนเพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อพัฒนาการด้านสังคม ทั้งนี้พ่อแม่อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นโดยการร่วมกิจกรรมกับลูก สิ่งเหล่านี้จะเป็นการฝึกให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี และเป็นการช่วยผ่อนคลายอารมณ์ที่ขุ่นมัวทั้งหลายได้เป็นอย่างดี และหากลูกมีท่าทางหงอยเหงา พ่อแม่ไม่ควรละเลย แต่ควรสนับสนุนให้ได้ร่วมในกิจกรรมที่สนุกสนานกับผู้อื่น

สอนให้ลูกรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง เมื่อมีเหตุการณ์มากระทบ ทุกคนล้วนมีอารมณ์และความรู้สึกเกิดขึ้นไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เราจึงควรสอนให้ลูกรู้จักและจัดการกับความอารมณ์ ความรู้สึกเหล่านั้น และแสดงออกอย่างเหมาะสม ซึ่งวิธีการเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์ที่ดี คือ การให้ลูกเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงให้มีโอกาสสัมผัสกับอารมณ์ด้านลบของตนเอง เช่น ความโกรธ ความกลัว เสียใจ อิจฉา และให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพียงแต่ต้องรู้จักอารมณ์ของตนเอง เรียนรู้ที่จะจัดการ หาแนวทางแก้ปัญหา และแสดงอารมณ์ให้เหมาะสม อันจะเป็นพื้นฐานที่ดีของการควบคุมอารมณ์ได้ในอนาคต พ่อแม่ไม่ควรตำหนิลูก แต่ควรแสดงท่าทีที่เข้าใจ เช่น การโอบกอดซึ่งจะทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย และควรถามเพื่อให้ลูกทบทวนอารมณ์ของตนเอง เช่น “หนูรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังโกรธ” “หนูรู้สึกว่าใครๆ ก็พากันรักน้องมากกว่าหนูใช่ไหม” หรือเมื่อลูกทำของเล่นเสียหายแล้วร้องไห้ อาจบอกลูกว่า “แม่รู้ว่าหนูเสียใจ และเสียดายของเล่น แม่ก็เคยทำของเล่นหักและเสียใจ แต่การร้องไห้ไม่ช่วยให้ของเล่นกลับดีขึ้นมาได้ แม่ว่าเราลองมาช่วยกันหาวิธีซ่อมของเล่นให้ดีเหมือนเดิมกันดีกว่า”

เลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับวัย สนับสนุนให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองหรือแสดงความสามารถเฉพาะตัว ควรกล่าวชมเชยเมื่อลูกทำได้ จะทำให้ลูกเกิดความภูมิใจและมีความสุข ควรฝึกวินัยให้ลูกโดยการรับผิดชอบหน้าที่ง่ายๆ ที่ลูกทำได้ในบ้าน เช่น เก็บของเล่น จัดโต๊ะอาหาร รู้จักการช่วยเหลือแบ่งปัน การเล่นร่วมกับผู้อื่น หัดคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา ฝึกการมองโลกด้านบวก พูดความจริง โดยพ่อแม่คอยให้กำลังใจและชมเชย หรือจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้เหมาะสม ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรหัวเราะขำหรือพูดประชดหากลูกแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะจะทำให้เด็กเกิดความสับสน ไม่เข้าใจตนเอง

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากเวป taamkru

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก #แม่นุ่นอเลอไทด์ #แม่นุ่นอุ่นใจ

สนับสนุนโดยผลิตภัณฑ์ "อเลอไทด์ ALERTIDE"
ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ดูแลระบบสมองและระบบประสาท ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความจำ เสริมสร้างสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ลดปัญหาภาวะสมาธิสั้น

👉โทร คุณนุ่น 095-2344214
☎Line ID :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

คลิ๊กเว็ปไซด์ศึกษาข้อมูลและประสบการณ์ผู้ใช้
http://www.dnetworkbynoon.com/

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคสมัยนี้ คงหนักใจไม่น้อยกับปัญหาลูกรัก “ติดจอ” ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต ไอแพด ไอโฟน จริงๆ ปัญหานี้ไม่ไ...
31/07/2021

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคสมัยนี้ คงหนักใจไม่น้อยกับปัญหาลูกรัก “ติดจอ” ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต ไอแพด ไอโฟน จริงๆ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว แม้แต่เด็กอายุ 1 ขวบบางคนก็นั่งดูแท็บเล็ตกันแล้ว แม้การที่ให้ลูกเล่นแท็บเล็ต หรือเครื่องมือสื่อสารต่างๆ จะมีข้อดีในการให้ความรู้และความบันเทิงแก่ลูก แต่ถ้ามากเกินไปก็เป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อลูกได้

ผลเสียเมื่อลูกมีอาการติดจอ

ร่างกายไม่พัฒนาตามวัย เพราะลูกนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ขยับ ร่างกายเด็กจะไม่แข็งแรง ไม่คล่องแคล่ว ป่วยง่าย ป่วยบ่อย

ขี้หงุดหงิด ก้าวร้าว เพราะหน้าจอที่ลูกดู เคลื่อนไหวรวดเร็วตามที่ต้องการ ทำให้ลูกไม่รู้จักอดทนและรอคอยไม่เป็น

เข้าสังคมยาก เพราะไม่ค่อยได้เล่นกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน ทำให้ขาดการปรับตัวเมื่อต้องเข้าสู่สังคม

วิธีแก้เมื่อลูกติดจอ

1. ชวนลูกทำกิจกรรมอื่น เราต้องชักจูงลูกไปทำอย่างอื่น จะที่บ้านหรือออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านก็ได้ เช่น การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายอย่างว่ายน้ำ ชวนลูกให้อาหารปลา เล่นกับสัตว์เลี้ยง รดน้ำต้นไม้ ทำอาหาร เป็นต้น

2. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก เราไม่สามารถบอกให้ลูกหยุดเสพเทคโนโลยีต่างๆ ได้หากตัวเราเองยังคงดูไอแพดจนดึกดื่น ส่งข้อความในขณะขับรถหรือมีมือถือไว้ข้างตัวขณะทานอาหาร จิตแพทย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า หากเราลดปริมาณการดูหนังลง เด็กๆ จะมีพฤติกรรมการติดหนังลดลงด้วย เราต้องมีวินัยกับตัวเองก่อน เพราะหากใช้เทคโนโลยีมากเกินไป นอกจากจะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่ลูกแล้ว ยังส่งผลให้เวลาในการดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยลงด้วย

3. กำหนดเวลา เด็กที่อายุมากกว่า 3 ขวบขึ้นไป สามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยเสริมพัฒนาการเด็กได้ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยต้องใช้ร่วมกับพ่อแม่ และจำกัดเวลาการให้เพียงวันละไม่เกิน 30 นาที ซึ่งถือว่าใช้เวลามากแล้วสำหรับเด็ก

4. ซื้อหนังสือเล่มโปรด ลองซื้อหนังสือที่คิดว่าลูกจะสนใจ เช่น หนังสือเกี่ยวกับสัตว์ มีตัวการ์ตูนที่น่ารัก มีภาพและสีที่สวยงาม น่าสนใจ เลือกแบบหนาๆ หลายๆ หน้า จะได้อ่านจนลูกหลับได้ พอลูกร้องอยากจะดูไอแพด เราสามารถจะเอาหนังสือมาเปิดอ่าน ชี้ภาพให้เค้าดูทีละหน้าแทน โดยอ่านให้มีเสียงสูงๆ ต่ำๆ เล็กๆ ใหญ่ๆ ทำให้น่าสนุก ตื่นเต้นเข้าไว้ ลูกก็เลือกดูหนังสือแทนไอแพดได้เองค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก – แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก #แม่นุ่นอเลอไทด์ #แม่นุ่นอุ่นใจ

สนับสนุนโดยผลิตภัณฑ์ "อเลอไทด์ ALERTIDE"
ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ดูแลระบบสมองและระบบประสาท ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความจำ เสริมสร้างสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ลดภาวะสมาธิสั้น

👉โทร คุณนุ่น 095-2344214
☎Line ID :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

📋ถ้าทานแล้ว ต้องทานตลอดไปมั้ย??❓เป็นอีก 1 คำถามยอดฮิตของคุณพ่อคุณแม่เลยทีเดียวที่ถามกันเข้ามาเยอะพอสมควรค่ะเราเข้าใจได้ถ...
21/07/2021

📋ถ้าทานแล้ว ต้องทานตลอดไปมั้ย??

❓เป็นอีก 1 คำถามยอดฮิตของคุณพ่อคุณแม่เลยทีเดียวที่ถามกันเข้ามาเยอะพอสมควรค่ะ

เราเข้าใจได้ถึงความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องของ..
กลัวน้องทานไปนานๆ จะมีสารตกค้างในร่างกายสะสมหรือป่าว?
หรืออาจจะเป็นเรื่องของงบประมาณที่อาจจะไม่ไหว เพราะนอกจากค่าเทอมลูกแล้วยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ เชื่อว่าหลายๆครอบครัวอาจจะมีภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ จึงอาจจะกังวลกลัวลูกทานไม่ต่อเนื่องแล้วอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจนได้

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

👇👇 ซึ่งตรงนี้นะคะ เราจะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ดังนี้นะคะ 👇👇

📝 1. เคสกรณีที่เป็นการดูแล และไม่หนักมาก จะอยู่ที่ 2-3 เดือนค่ะ ส่วนวิธีการทานจะขึ้นอยู่กับอาการ ตรงส่วนนี้สามารถเข้ามาปรึกษาขอคำแนะนำวิธีการทานได้ค่ะ ซึ่งหากได้รับการเห็นผลที่ชัดเจนเป็นที่พอใจแล้ว สามารถหยุดทานก็ได้ค่ะ

📝 2. ถ้าอาการที่ปรึกษาค่อนข้างหนักอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการทานนานหน่อยนะคะ เพื่อการเห็นผล บางรายจะอยู่ที่ 4-6 เดือนค่ะ

📝 3. ถ้ากรณีทานแล้วดีขึ้น จะทานต่อไปก็สามารถทำได้นะคะ อย่างกรณี น้องๆที่เราดูแลอยู่ คุณแม่ก็จะให้น้องๆทานต่อเนื่อง ทานช่วงอ่านหนังสือหรือช่วงสอบ จะเสริมสมาธิและความจำได้ดีค่ะ

📝 4. คุณพ่อคุณแม่ #ตรงนี้สำคัญนะคะ📌📌 ต้องทำความเข้าใจกันก่อน ว่า...

" ➡️ อเลอไทด์นั้นเป็นผลิตภัณท์เสริมสารอาหาร ❌💊ไม่ใช่ยา ❗️"

เราผลิตมาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาด
ไม่ใช่การผลิตเพื่อแก้ไขอาการในทันทีแบบการผลิตยา

(ยาส่วนใหญ่ จะเป็นการระงับอาการทันที ถ้าฤทธิ์ยาหมด อาการอาจกลับมาใหม่)

ดังนั้น อเลอไทด์จึงออกแบบมาเพื่อสำหรับการบำบัด เติมเต็มสารอาหารให้กับสมอง
#ต้องใช้ปริมาณที่ถึงและต่อเนื่อง เพราะเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบ ร่างกายเราจะนำวัตถุดิบไปซ่อมแซมตัวเองได้ค่ะ

✨✨ นี่จึงเป็นเหตุผลที่สามารถตอบได้ว่า ถ้าน้องทานแล้วดีขึ้นอย่างชัดเจน หยุดทานได้มั๊ย
ตอบได้เลยค่ะ ว่าสามารถหยุดทานได้เลยค่ะ ✨✨

📝 5. ถ้าน้องๆทานแล้วจนถึงจุดที่เห็นผลเป็นที่น่าพอใจ ถ้าอยากทานต่อ จะทานแบบไหนดี?
เราสามารถให้น้องทานแบบเดิมได้ หรือ จะลดปริมาณการทานลงได้
สมมุติน้องทานวันละ 2 เม็ดต่อวัน ต่อไปอาจปรับให้เหลือวันละ 1 เม็ดได้
หรือจะหยุด และมาทานตอนช่วงที่ต้องเตรียมสอบ อันนี้ก็สามารถทำได้เหมือนกันค่ะ

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

☘☘☘ ส่วนเรื่องของความปลอดภัยนั้น ...
อย่างที่บอกไปนะคะว่า อเลอไทด์ เป็นสารอาหาร ส่วนประกอบหลักนั้นมาจากธรรมชาติ จึงไม่ทิ้งสารตกค้าง หรือผลข้างเคียงใดๆ

⏩เปรียบเทียบง่ายๆ ลองนึกภาพตามนะคะ เหมือนว่า
🍚"ข้าว" เราต้องทานทุกวันถูกมั้ยคะ ทำไมเราจึงสามารถทานทุกวันได้ โดยไม่มีอันตราย ⏪

🌱อเลอไทด์ก็คล้ายๆกันค่ะ มาจากธรรมชาติ เหมือนเราทานข้าวค่ะ

🌟การได้รับสารอาหารสำหรับสมองที่ถูกต้อง🌟
ก็จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการสมองลูกน้อยให้โตทันวัยค่ะ
สนใจเสริมสร้างเซลสมองด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ ทักรายละเอียดเพิ่มเติมในแชทได้ที่ลิ้งด้านล่างนี้เลยนะคะ👇👇

http://line.me/ti/p/

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก #แม่นุ่นอเลอไทด์ #แม่นุ่นอุ่นใจ

สนับสนุนโดยผลิตภัณฑ์ "อเลอไทด์ ALERTIDE"
ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ดูแลระบบสมองและระบบประสาท ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความจำ เสริมสร้างสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ลดปัญหาภาวะสมาธิสั้น

👉โทร คุณนุ่น 095-2344214
☎Line ID :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

คลิ๊กเว็ปไซด์ศึกษาข้อมูลและประสบการณ์ผู้ใช้
http://www.dnetworkbynoon.com/

ติดตามแฟนเพจ เราได้ที่
https://www.facebook.com/AlertideByNamoon/

เราพ่อแม่หลายครั้งสงสัยว่า เอ๊ะ!!! เราเลี้ยงลูกถูกไหม ใช่ไหม ลองสังเกตุสัญญาณต่อไปนี้นะคะ ...."7 สัญญาณ" ที่แสดงว่าเรากำ...
19/06/2021

เราพ่อแม่หลายครั้งสงสัยว่า เอ๊ะ!!! เราเลี้ยงลูกถูกไหม ใช่ไหม ลองสังเกตุสัญญาณต่อไปนี้นะคะ ....

"7 สัญญาณ" ที่แสดงว่าเรากำลังเลี้ยงลูกมาถูกทางแล้ว 😊

1.ลูกแสดงออกทางอารมณ์กับเราได้ ทั้งโกรธ เศร้าเสียใจ หรือ กลัว นั่นแสดงว่าลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะเป็นตัวเองต่อหน้าเรา

2.ลูกมาหาเราเมื่อเค้าเจ็บหรือมีปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ นั่นแสดงว่าเราเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูก ที่ลูกจะเข้ามาพักทั้งกายและใจได้เสมอ ตลอดชีวิตของเค้า

3.ลูกสามารถพูดคุยกับเราได้ในทุกปัญหา โดยที่ไม่กลัว มันเป็นสัญญาณที่บอกว่า เราและลูกยอมรับซึ่งกันและกัน หลายครั้งลูกไม่กล้าบอก ไม่กล้าเล่าเพราะกลัวพ่อแม่โกรธ กลัวพ่อแม่เสียใจ และกลัวพ่อแม่รับไม่ได้

4.สิ่งที่เรา Feeedback กลับไปในสิ่งที่ลูกทำลูกเป็น ไม่ใช่การบ่นต่อว่า หรือตีตรา ไม่ว่าจะเป็น "เด็กไม่ดี ขี้เกียจ โง่ งี่เง่า ฯลฯ" แต่เป็นการสอน แนะนำ เพื่อให้ลูกมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น

5.ให้กำลังใจลูกเสมอที่จะไปให้ถึงสิ่งที่ลูกฝัน หรือไปให้สุดศักยภาพของเค้า หลายครั้งพ่อแม่จะชี้นำลูกตลอดให้ไปในทางที่พ่อแม่ต้องการ แม้จะไปถึงเป้าหมายของพ่อแม่ แต่ลูกจะรู้สึกล้มเหลว กดดันและถูกควบคุมชีวิต

6.สามารถกำหนดขอบเขตในพฤติกรรมของลูก เพื่อให้ลูกปลอดภัยได้ ลูกทำได้แค่ไหน อะไรที่ทำได้ และอะไรที่ทำไม่ได้ เพราะอะไร ทำไม เด็กจะรู้สึกปลอดภัยเพราะรู้ว่าพ่อแม่ใส่ใจ "ใจดีแต่ไม่ตามใจ"

7.สามารถซ่อมแซมความสัมพันธ์กลับมาคืนดีกับลูกได้เสมอ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความสำเร็จของลูกแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก

Cr.เพจ #ดีต่อลูก

รีวิว..จากคุณแม่ ลูกทานแล้วเห็นผลดี🔰🕖 ตัวช่วย คุณแม่ ....อยากเสริม ให้ลูกเรียนเก่ง มีพัฒนาการเร็ว ส่งเสริมการเรียนรู้และ...
04/06/2021

รีวิว..จากคุณแม่ ลูกทานแล้วเห็นผลดี
🔰🕖 ตัวช่วย คุณแม่ ....
อยากเสริม ให้ลูกเรียนเก่ง มีพัฒนาการเร็ว ส่งเสริมการเรียนรู้และความจำ ลดภาวะสมาธิสั้น อารมณ์รุนแรง หมดปัญหา เบลอ เพลีย หงุดหงิด เรียนไม่รู้เรื่อง...

⏩ต้อง "อเลอไทด์" ค่ะ เพียงวันละ 1 เม็ด ต่อเนื่องคุณแม่จะเห็นผลลัพท์ที่ชัดเจน

🔻สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม🔻
☎ 095-2344214 #แม่นุ่นอเลอไทด์

หรือคลิกทักแชทไลน์
https://line.me/R/ti/p/%40sirinunshop

ที่อยู่

54/4/5
Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0863166062

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อเลอไทด์ อาหารเสริมบำรุงสมองผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram