Nirvaxis Innovation For Life Extension

“ฉันยังสาวแค่ 25 จะเป็นมะเร็งได้ไง?”นี่คือความเข้าใจผิดที่ทำให้หลายคน รู้ตัวช้าเกินไปเพราะมะเร็งบางชนิด...ชอบ “ซ่อนตัว” ...
03/10/2025

“ฉันยังสาวแค่ 25 จะเป็นมะเร็งได้ไง?”
นี่คือความเข้าใจผิดที่ทำให้หลายคน รู้ตัวช้าเกินไป
เพราะมะเร็งบางชนิด...ชอบ “ซ่อนตัว” ตั้งแต่วัย 20s
❗️แต่ข่าวดีคือ…
หากเจอเร็ว โอกาสรอดสูงถึง 90–95%
📍เรารวบรวม 5 มะเร็งที่พบบ่อยในวัย 20–29 มาให้คุณแล้ว
เช็กตัวเองด่วน…ก่อนมันจะเงียบแล้วร้าย!
🔬 CTC Test — ตรวจเจอเร็ว ก่อนเห็นก้อน
✅ เจาะเลือดเพียง 4 ml
✅ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรังสี
✅ ตรวจเจอ “เซลล์มะเร็ง” ที่หลุดเข้ากระแสเลือด
✅ แม้ยังไม่มีอาการ หรือก้อนยังไม่ปรากฏ
✅ เร็วกว่าการเห็นจาก CT/MRI ถึง 3–5 ปี
🎯 เพราะ "วัย 20s" ไม่ใช่แค่วัยสร้างอนาคต
แต่มันคือ "จุดเริ่มต้นของมะเร็งฮอร์โมน"
การรู้ทัน = โอกาสรอดที่คุณเลือกได้
📩 สนใจตรวจ CTC หรือให้คลินิกของคุณร่วมโปรแกรม
ทัก Line เพื่อรับข้อมูลเลยค่ะ

"วัยรุ่นยังหนุ่มสาว จะเป็นมะเร็งได้ไง?"นี่คือคำถามที่หลายคนมักคิด แต่ความจริงคือ มะเร็งไม่ได้เลือกวัย และในวัยรุ่น มะเร็...
02/10/2025

"วัยรุ่นยังหนุ่มสาว จะเป็นมะเร็งได้ไง?"
นี่คือคำถามที่หลายคนมักคิด แต่ความจริงคือ มะเร็งไม่ได้เลือกวัย
และในวัยรุ่น มะเร็งบางชนิดกลับพบบ่อยกว่าที่คิด!
วันนี้เรามีข้อมูลสำคัญจากงานวิจัยระดับโลกมาบอกคุณ พร้อมสถิติที่น่าตกใจ
ตัวเลขที่คุณควรรู้
🔴สถิติโลก
- ปี 2024: มีเด็กและวัยรุ่นอายุ 0-19 ปี ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 14,910 คน ได้รับการวินิจฉัยมะเร็ง
- มีเด็กและวัยรุ่น 1,590 คน เสียชีวิตจากมะเร็งในปีเดียวกัน
- 25.4% ของมะเร็งทั้งหมดในเด็กเป็น Leukemia (เกือบ 1 ใน 4!)
🔴 สถิติในวัยรุ่น 15-19 ปี
- 18% ของการวินิจฉัยมะเร็งในวัยรุ่น/หนุ่มสาวเป็น Hodgkin Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน)
- 3.1% ของมะเร็งเม็ดเลือดทั้งหมด (leukemia, lymphoma, myeloma) พบในคนอายุต่ำกว่า 20 ปี
- 30% ของผู้ป่วย Hodgkin Lymphoma อยู่ในช่วงอายุ 15-25 ปี
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
🔴Top 3 มะเร็งที่พบบ่อยในวัย 15-19 ปี
1. Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
Hodgkin Lymphoma คือมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในวัยรุ่น 15-19 ปี!
คิดเป็น 3 ใน 4 ของผู้ป่วย lymphoma ในวัยรุ่นเป็น Hodgkin type
มักเกิดใน lymph nodes บริเวณคอ, รักแร้, หน้าอก
2. Leukemia (มะเร็งเม็ดเลือดขาว)
Leukemia คิดเป็น 1 ใน 3 ของมะเร็งทั้งหมดในเด็กและวัยรุ่น
3 ใน 4 (75%) ของ leukemia ในวัยนี้เป็น Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL)
ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็น Acute Myeloid Leukemia (AML)
3. Germ Cell Tumor (มะเร็งเซลล์สืบพันธุ์)
มะเร็งที่หลายคนไม่รู้จัก แต่พบบ่อยในวัยรุ่น!
เกิดจากเซลล์สืบพันธุ์
มักพบที่: อัณฑะ และ รังไข่
พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ในวัยรุ่น 15-19 ปี
เพศชายพบบ่อยกว่าเพศหญิง (2:1)
ช่วงอายุ peak : 15-35 ปี
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ข่าวดีที่วัยรุ่นควรรู้!
✅ 1. อัตราการรักษาหายสูงมาก!
Lymphoma: 90-95%
Leukemia (ALL): 90%
Germ Cell Tumor: 85-90%
เด็กและวัยรุ่นตอบสนองการรักษาได้ดีกว่าผู้ใหญ่!
✅ 2. การรักษามีความก้าวหน้ามาก
เคมีบำบัดที่มีผลข้างเคียงน้อยลง
Targeted therapy (ยาจำเพาะเจาะจง)
Immunotherapy (กระตุ้นภูมิคุ้มกันฆ่ามะเร็ง)
ปลูกถ่ายไขกระดูกมีความสำเร็จสูง
✅ 3. Early Detection = Early Cure
ยิ่งพบเร็ว ยิ่งรักษาหายง่าย
มะเร็งในวัยรุ่นมักเติบโตเร็ว = ตอบสนองการรักษาดี
การติดตาม follow-up ทำให้รู้ progression ได้เร็ว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
CTC Test เครื่องมือคัดกรองสำหรับวัยรุ่น
ทำไมวัยรุ่นถึงควรสนใจ CTC?
✅ ตรวจได้ง่าย ไม่เจ็บ
เจาะเลือดเพียง 4 mL (น้อยกว่าการตรวจเลือดทั่วไป)
ไม่ต้องเตรียมตัว ไม่ต้องงดอาหาร
ได้ผลภายใน 5 วัน
✅ จับได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ตรวจพบเซลล์มะเร็งที่หลุดเข้ากระแสเลือด
แม้ก้อนมะเร็งยังเล็กมาก (ไม่มีอาการ)
เร็วกว่า CT/MRI 3-5 ปี!
✅ ติดตามได้บ่อย ไม่อันตราย
ทำซ้ำทุก 6-12 เดือนได้
ไม่มีรังสี ไม่มีผลข้างเคียง
เหมาะสำหรับการ monitoring ระยะยาว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
มะเร็งในเด็กและวัยรุ่น รักษาหายได้สูงถึง 85-95%
การพบเร็ว = โอกาสรักษาหายเร็ว ผลข้างเคียงน้อย
CTC Test เป็นเครื่องมือคัดกรองที่ปลอดภัย สะดวก ครอบคลุม
References :
-National Cancer Institute (NCI). "Cancer in Children and Adolescents" (2024) "14,910 children and adolescents ages 0 to 19 will be diagnosed with cancer and 1,590 will die in 2024"
-Leukemia & Lymphoma Society (LLS). "Childhood and Adolescent Blood Cancer Facts" (2024) "3.1% of all blood cancers were diagnosed in children and adolescents younger than 20 years (2016-2020)"
-World Health Organization (WHO). "Cancer in children" (2024)

"การคัดกรองไม่ใช่เรื่องเหมือนกันสำหรับทุกคนเพราะร่างกายในแต่ละช่วงวัย…มีศัตรูที่ต่างกันจึงต้องมี ‘แนวทางเฉพาะ’ เพื่อมองใ...
01/10/2025

"การคัดกรองไม่ใช่เรื่องเหมือนกันสำหรับทุกคน
เพราะร่างกายในแต่ละช่วงวัย…มีศัตรูที่ต่างกัน
จึงต้องมี ‘แนวทางเฉพาะ’ เพื่อมองให้ลึกกว่าที่เคยเห็น
และรับมือกับมะเร็งที่พบบ่อยในแต่ละวัย…ให้ทันเวลา"
📊 ยกตัวอย่างเช่น
▪️ วัย 20–29 ปี: แม้มะเร็งจะยังพบไม่มาก แต่บางคนมีพันธุกรรมเสี่ยง เช่น มะเร็งต่อมไทรอยด์หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
▪️ วัย 30–39 ปี: เริ่มมีความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมและปากมดลูก — แต่หลายคนยังไม่รู้ตัว เพราะยัง “ไม่มีอาการ”
▪️ วัย 40+ เป็นต้นไป: คือจุดเริ่มต้นที่มะเร็งหลายชนิดพบบ่อยขึ้น (เช่น ลำไส้ใหญ่, ปอด, ต่อมลูกหมาก) และต้องใช้หลายเครื่องมือร่วมกัน
🔬 นั่นคือเหตุผลที่ CTC Test (Circulating Tumor Cell)
จึงเป็น 1 ในเครื่องมือที่ใช้คัดกรองร่วมในทุกช่วงวัย
✅ เพราะสามารถ “เห็นเซลล์มะเร็งที่หลุดในกระแสเลือด” ได้ตั้งแต่ก่อนมีอาการ
✅ ใช้แค่การเจาะเลือด 10 มล. โดยไม่ต้องฉายรังสีหรือผ่าตัด
✅ มีบทบาทสำคัญในการติดตามความเสี่ยงซ้ำ (surveillance) และการตรวจซ้ำในคนที่มีประวัติมะเร็งครอบครัว
📌 การรู้ก่อน ไม่ได้แปลว่ากลัวเกินไป —
แต่คือ “การให้โอกาสตัวเองมากที่สุด เท่าที่จะทำได้”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ CTC ในงานคัดกรอง
👉 ทัก LINE ได้เลยค่ะ
#มะเร็ง

เรื่องหัวใจ…ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปโรคหัวใจและหลอดเลือดยังเป็น “ฆาตกรเงียบ” ของโลก ในปี 2022 มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 19...
29/09/2025

เรื่องหัวใจ…ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
โรคหัวใจและหลอดเลือดยังเป็น “ฆาตกรเงียบ” ของโลก
ในปี 2022 มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 19.8 ล้านคน คิดเป็นราว 32% ของการเสียชีวิตทั้งหมด และ 85% มาจากหัวใจขาดเลือด/อัมพาตอัมพฤกษ์
นั่นคือหลายชีวิตที่ “ไม่ควรพลาดไป” ถ้าเราเริ่มดูแลหัวใจตั้งแต่วันนี้
เริ่ม “3 นิสัยง่ายๆ” ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยลดเสี่ยงหัวใจและหลอดเลือด :
- เดินเร็ว/ปั่น/แกว่งแขนอย่างน้อย 20–30 นาที
- ลดเค็มลงวันละ 1 ช้อนชา
- งดบุหรี่
หลักฐานชี้ชัดว่าการขยับตัว + ลดเกลือ + เลิกบุหรี่ ลดความดัน/ไขมันและลดเสี่ยงหัวใจวาย/อัมพาตได้จริง
เช็กพฤติกรรมเสี่ยง 5 ข้อ :
- เกลือสูง
- ไขมันทรานส์
- ไม่ขยับ
- สูบบุหรี่
- ดื่มแอลกอฮอล์เกิน
ลดได้ เริ่มได้ทันทีวันนี้ เพื่อสุขภาพหัวใจที่ดีของคุณ
References :
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/cardiovascular-diseases-%28cvds%29

#วันหัวใจโลก

EGF vs FGF: เลือกให้ตรงชั้นผิว = เห็นผลคุ้มกว่า-EGF (Epidermal Growth Factor) → ทำงานเด่นที่ ผิวชั้นบนช่วย “เร่งซ่อม” หล...
24/09/2025

EGF vs FGF: เลือกให้ตรงชั้นผิว = เห็นผลคุ้มกว่า
-EGF (Epidermal Growth Factor) → ทำงานเด่นที่ ผิวชั้นบน
ช่วย “เร่งซ่อม” หลังระคายเคือง/หัตถการเบา ๆ
สนับสนุนการผลัดผิวและปิดแผลเร็วขึ้น
จึงเหมาะกับ รอยสิวตื้น แดงลอก ผิวเรียบไม่เสมอ และช่วงฟื้นตัวให้ผิวกลับสมดุลไว
- FGF (Fibroblast Growth Factor) → โฟกัส ชั้นเดอร์มิส (โครงสร้างผิวลึก)
กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้สร้าง คอลลาเจน/อีลาสติน
และจัดระเบียบเนื้อเยื่อ
จึงเหมาะกับ ริ้วรอย ร่องตื้น–กลาง และ รอยสิวหลุม ที่ต้องการการฟื้นจาก “โครงสร้างด้านลึก”
ใช้ยังไงให้เวิร์ก?
- ผิวเพิ่งระคาย/ทำทรีตเมนต์เบา : เริ่ม EGF เพื่อฟื้นผิวให้สงบและปิดแผลไว
- เป้าหมายโครงสร้าง/ริ้วรอย–รอยหลุม : เติม FGF ต่อเนื่องช่วงกลางคืน 8–12 สัปดาห์
- ทำงานเป็นทีม: EGF (ผิวบน) + FGF (ผิวลึก) สลับช่วงเวลา/วัน ช่วยครอบคลุมทั้ง “ซ่อม–สร้าง”
- อย่าลืมพื้นฐาน: กันแดด + ความชุ่มชื้น สม่ำเสมอ ผลจะเสถียรกว่า

References :
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10333026/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6691935/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK563154/
#รอยสิว #ริ้วรอย

Growth Factor ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” และไม่ใช่สเต็มเซลล์ แต่คือ สัญญาณที่ร่างกายใช้คุยกับเซลล์ เพื่อบอกให้ผิว/รากผมเริ่มโหมด ซ...
22/09/2025

Growth Factor ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” และไม่ใช่สเต็มเซลล์ แต่คือ สัญญาณที่ร่างกายใช้คุยกับเซลล์ เพื่อบอกให้ผิว/รากผมเริ่มโหมด ซ่อม–สร้าง–ฟื้นฟู อย่างเป็นระบบ ดังนั้นผลลัพธ์ดี ๆ มักเกิดจากการใช้ สูตรที่เสถียร + ใช้ให้ถูก + ทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้เกิดชั่วข้ามคืนค่ะ
ผู้ใช้จะได้อะไรบ้าง (ถ้าใช้ถูกทางและต่อเนื่อง)
-ผิว: ฟื้นตัวไวขึ้นหลังระคาย/หัตถการเล็ก ๆ, ผิวดูเรียบขึ้น, รองพื้นติดผิวดีขึ้นเวลา
-โครงสร้าง: สนับสนุนการสร้างคอลลาเจน/อีลาสติน → ผิวแน่นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
-หนังศีรษะ/ผม: สภาพหนังศีรษะสมดุลขึ้น, เลือดมาเลี้ยงรากผมดีขึ้น, วงจรผมอยู่ในช่วงงอกได้ยาวขึ้น (ผมดูแน่นขึ้นทีละน้อย)
เวลาคาดหวังผล: โดยมาก เริ่มสังเกตใน 4–8 สัปดาห์ และชัดขึ้นใน 8–12 สัปดาห์
ตอบข้อเข้าใจผิดแบบสั้น ๆ
-“เปอร์เซ็นต์ยิ่งสูงยิ่งดี” → ไม่เสมอไปค่ะ คุณภาพสูตร/ความเสถียร/วิธีส่งผ่านสำคัญกว่า %
“ใช้ตัวเดียวจบทุกปัญหา” → ได้ผลสุดเมื่อดูแล ทั้งระบบ: กันแดด, ความชุ่มชื้น, การนอน, โภชนาการ, จัดการความเครียด และเรื่องผมอาจจับคู่กับแนวทางมาตรฐานอย่างเหมาะสม
References :
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10333026/
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC199257/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK563154/
#ใช้ให้ถูกเห็นผลจริง #ดูแลผิวและผม

Growth Factor (GF) คือ “สัญญาณ” ที่บอกให้รากผมและผิวรอบ ๆ ทำงานได้ดีขึ้นผลคือช่วย ซ่อมแซม ดูแลโครงสร้าง และรักษาจังหวะกา...
22/09/2025

Growth Factor (GF) คือ “สัญญาณ” ที่บอกให้รากผมและผิวรอบ ๆ ทำงานได้ดีขึ้น
ผลคือช่วย ซ่อมแซม ดูแลโครงสร้าง และรักษาจังหวะการงอกของผมให้สมดุล
สิ่งที่มักสังเกตได้เมื่อใช้ต่อเนื่อง :
-หนังศีรษะ สงบขึ้น (คัน/ระคายง่ายลดลง)
-การไหลเวียนเลือดที่หนังศีรษะ ดีขึ้น → รากผมได้ออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น
-วงจรผม อยู่ในช่วงงอกได้นานขึ้น → ผมร่วงน้อยลง และ ดูแน่นขึ้น ค่อยเป็นค่อยไป
ตัวอย่าง “สัญญาณ” ที่เจอบ่อย
-สัญญาณเรียกเลือดมาเลี้ยงรากผม → ทางเดินอาหารและออกซิเจนมาได้สะดวก
-สัญญาณช่วย “เตรียมพื้นผิวรอบรูขุมขน” → พร้อมให้เส้นผมเริ่มงอก
สัญญาณที่ช่วยให้เส้นผม อยู่ในช่วงเติบโตได้นาน → ไม่ร่วงง่าย
เหมาะกับใคร?
-คนที่หนังศีรษะระคายง่าย/แห้งคันเป็น ๆ หาย ๆ
-คนที่มีผมร่วงกระจาย ไม่ได้หลุดเป็นหย่อมเฉียบพลัน
-คนที่สังเกตว่าผมเริ่มบางลงจากอายุ ความเครียด หรือฮอร์โมน
ดูแลรากผมวันนี้ เพื่อความมั่นใจของวันพรุ่งนี้
ค่อย ๆ ทำอย่างสม่ำเสมอ—ผลลัพธ์จะค่อยๆ ตามมาค่ะ

🧬 Growth Factor 5 ตัวหลัก ที่ร่างกายใช้ซ่อมผิว ฟื้นฟูแผล และสร้างคอลลาเจนเคยสงสัยไหม... ทำไมผิวบางคนฟื้นตัวเร็ว? ทำไมบาง...
20/09/2025

🧬 Growth Factor 5 ตัวหลัก ที่ร่างกายใช้ซ่อมผิว ฟื้นฟูแผล และสร้างคอลลาเจน
เคยสงสัยไหม... ทำไมผิวบางคนฟื้นตัวเร็ว?
ทำไมบางสูตรถึงเห็นผลไว?
หนึ่งในคำตอบคือ “โปรตีนส่งสัญญาณระดับเซลล์” ที่เรียกว่า Growth Factor (GF)
โพสต์นี้เราสรุปหน้าที่ของ GF 5 ตัวหลักที่มีบทบาทสำคัญกับ “การฟื้นฟู–การสร้าง–การซ่อมแซม” ผิวและเนื้อเยื่อ
📍 ใครทำหน้าที่อะไร?
📍 เกี่ยวกับชั้นผิวตรงไหน?
📍 ช่วยฟื้นฟูแบบไหน?
📍 ตัวไหนต้องใช้พอดีไม่มากเกินไป?
อ่านจบ เข้าใจง่ายในภาพเดียว
📚 แหล่งอ้างอิง:

StatPearls: Physiology, Growth Factor

NCBI: Growth Factor Signaling in Wound Healing

Nature Reviews: Transforming Growth Factor-β: Biology and Clinical Relevance

Journal of Dermatological Science: Use of topical GF in dermatology
---
#ฟื้นฟูผิวลึกถึงเซลล์

กุญแจสู่การซ่อมผิว: Growth Factor✳️Growth Factor  คือโปรตีน “ส่งสาร” ระหว่างเซลล์เมื่อไปจับ ตัวรับ (receptor) บนผิวเซลล์...
19/09/2025

กุญแจสู่การซ่อมผิว: Growth Factor
✳️Growth Factor คือโปรตีน “ส่งสาร” ระหว่างเซลล์
เมื่อไปจับ ตัวรับ (receptor) บนผิวเซลล์ จะส่งสัญญาณให้เซลล์เปิด/ปิดยีนบางตัว
ทำให้เซลล์ ซ่อมแซม-สร้างเนื้อเยื่อ/สร้างคอลลาเจน-แบ่งตัว-อยู่รอด
✳️Growth Factor ทำงานยังไง
1. จับตัวรับบนเยื่อหุ้มเซลล์ (เช่น Receptor Tyrosine Kinase)
→GF = “กุญแจ” / ตัวรับ = “แม่กุญแจ” พอจับกันก็เหมือน “กดสวิตช์เริ่มงาน”
จุดนี้ยังไม่เกิดผลลัพธ์กับผิวทันที แต่เป็นการ “สตาร์ทระบบ” ให้พร้อมส่งคำสั่งต่อ
2. กระตุ้นเส้นทางสัญญาณ ภายในเซลล์ (เช่น MAPK/ERK, PI3K/Akt/mTOR)
→สัญญาณจะถูกส่งต่อเป็นทอด ๆ เหมือนโดมิโน ไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ภายในเซลล์
ชื่อย่อเหล่านี้คือ “เส้นทางสื่อสาร” ต่าง ๆ ที่บอกให้เซลล์ทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน (เช่น โหมดซ่อมแซม / โหมดสร้างพลังงาน / โหมดเติบโต)
3. ปรับการแสดงออกของยีน ทำให้เซลล์ .“ซ่อม–สร้าง–เพิ่มจำนวน หรืออยู่รอด” ตามสัญญาณที่ได้รับ
สรุปคือ เซลล์ได้รับ “คำสั่งทำงาน” แล้วเริ่มลงมือจริง: ซ่อมแซมผิว สร้างคอลลาเจน เพิ่มการแบ่งตัว หรือเสริมการปกป้องตัวเอง
ผลที่เกิดขึ้น “แบบไหน-มากน้อยแค่ไหน” ขึ้นกับชนิดของ GF และสภาพผิว/เนื้อเยื่อในขณะนั้น
References :

StatPearls: Physiology, Growth Factor (NCBI Bookshelf).

NCBI Bookshelf: Extracellular Control of Cell Division, Cell Growth, and Apoptosis.

🔔 สัญญาณที่บ่งบอกว่าภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอกว่าที่คิด- บางครั้งร่างกายส่งสัญญาณมาแล้ว แต่เรามองข้ามไป — ถ้าคุณมีอาการต่อ...
15/09/2025

🔔 สัญญาณที่บ่งบอกว่าภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอกว่าที่คิด
- บางครั้งร่างกายส่งสัญญาณมาแล้ว แต่เรามองข้ามไป — ถ้าคุณมีอาการต่อไปนี้บ่อยๆหรือเป็นซ้ำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

📍1) ติดเชื้อบ่อยหรือซ้ำๆ
-เช่น เป็นไซนัสอักเสบ หูอักเสบ ปอดอักเสบ หรือแผลติดเชื้อบ่อยกว่าเดิม — ถ้าต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหลายครั้งหรือต้องให้ยาทางเส้นเลือดซ้ำๆ นั่นเป็นสัญญาณต้องสังเกต
📍2) แผลหายช้าหรือมีฝีลึกซ้ำๆ
-แผลผิวหนังที่หายช้าหรือมีฝีซ้ำเป็นบ่อย อาจสะท้อนการทำงานของภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง
📍3) การติดเชื้อราหรือไวรัสซ้ำๆ (เช่น หนองในช่องปาก ยีสต์ คีลอยด์ หรือตุ่มหูดเรื้อรัง)
-การติดเชื้อที่มักเป็น “เชื้อฉวยโอกาส” หรือไวรัสซ้ำๆ อาจเป็นสัญญาณของภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์
📍4) ท้องเสียเรื้อรัง / น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-ปัญหาทางเดินอาหารเรื้อรัง อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของภูมิคุ้มกันหรือการขาดแอนติบอดี้บางชนิด.
📍5) เหนื่อยง่าย ฟื้นตัวช้าจากการเจ็บป่วยหรือหายช้า
-อาการอ่อนเพลียเรื้อรังและฟื้นตัวช้าหลังการเจ็บป่วยเป็นสัญญาณที่พบร่วมกับภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องบางชนิด
📍6) การตอบสนองต่อวัคซีนไม่ดี (เช่น ยังเป็นซ้ำหลังฉีดวัคซีน)
-ถ้าวัคซีนหรือการติดเชื้อก่อนหน้านี้ยับยั้งการป้องกันไม่ดี อาจต้องตรวจระดับแอนติบอดี้
ใครเสี่ยงมากขึ้น
📍ผู้ที่รับประทานยากดภูมิหรือเคมีบำบัด
📍ผู้ป่วยเบาหวาน, ติดเชื้อเรื้อรัง, หรือผู้สูงอายุ
📍ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(กลุ่มเหล่านี้มักมีความเสี่ยงเพิ่มต่อการติดเชื้อรุนแรง)
ทำอย่างไรถ้าคุณสงสัยว่าภูมิคุ้มกันอ่อนแอ?
📍เก็บ “บันทึกการติดเชื้อ” — วันที่เป็น อาการ ระยะเวลา การรักษา เช่นต้องให้ยาทางเส้นเลือดหรือไม่
📍ปรึกษาแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกัน (immunologist) เพื่อประเมินและสั่งตรวจหาสาเหตุ
📍ปรับปัจจัยเสี่ยงได้ เช่น ควบคุมเบาหวาน หยุดยาที่อาจกดภูมิ (ถ้าแพทย์เห็นสมควร) และอัปเดตวัคซีนตามคำแนะนำ
📍หลีกเลี่ยงการรักษาทางเลือกที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน — ขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์ก่อนทุกครั้ง
แหล่งอ้างอิง :
-https://medlineplus.gov/lab-tests/immunoglobulins-blood-test/?
-https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/primary-immunodeficiency/symptoms-causes/syc-20376905?
#ภูมิคุ้มกันบำบัด #มะเร็ง

แม้ว่า LAK Cell จะเป็น “แนวหน้า” ของภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นให้แข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรทราบ1. ต้องใ...
11/09/2025

แม้ว่า LAK Cell จะเป็น “แนวหน้า” ของภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นให้แข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรทราบ
1. ต้องใช้เวลาสกัดและเพาะเลี้ยงภายนอก
📍LAK Cell ต้องเก็บจากเลือดของผู้ป่วย แล้วนำไปกระตุ้นด้วย Cytokine (เช่น IL-2) ภายนอกร่างกาย ต้องใช้เวลาประมาณ 7–14 วัน ถึงจะได้จำนวนเซลล์ที่เพียงพอ
จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “ผลลัพธ์ทันที” หรือมีอาการทรุดเร็วมาก
2. ประสิทธิภาพขึ้นกับสุขภาพของผู้ป่วย
📍หากผู้ป่วยมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำมาก (เช่น หลังคีโม, ติดเชื้อหนัก, ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ) อาจได้จำนวน LAK Cell ไม่เพียงพอ ต้องประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนทุกครั้ง
3. ไม่สามารถใช้ทดแทนการรักษาหลักได้ในทุกกรณี
📍LAK Cell เหมาะสำหรับใช้ร่วมกับการรักษาหลัก เช่น เคมีบำบัด, ผ่าตัด, ยามุ่งเป้า
โดยเฉพาะกรณี solid tumors หรือผู้ป่วยระยะลุกลาม
ไม่แนะนำให้ใช้เดี่ยวเป็น “ทางเลือกเดียว” โดยไม่ปรึกษาแพทย์
4. การวิจัยในประเทศไทยยังมีจำกัด
📍แม้มีงานวิจัยในญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐฯ รองรับประสิทธิภาพของ LAK Cell
แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเชิงคลินิกในวงกว้าง จึงต้องใช้ความระมัดระวัง และเลือกสถานพยาบาลที่เชี่ยวชาญจริง
LAK Cell จึง “ไม่ใช่คำตอบทุกคน” แต่เป็น “ทางเลือกเสริม” ที่อาจช่วยได้มากในผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน หรือควบคุมเซลล์ผิดปกติในร่างกายอย่างปลอดภัย เช่น
📍ผู้ป่วยที่ต้องการ “เสริมภูมิคุ้มกันแบบเฉพาะเจาะจง”
📍ผู้ที่มีความเสี่ยงมะเร็งจากกรรมพันธุ์
📍ผู้ที่เพิ่งจบการรักษา (เช่นผ่าตัด / เคมีบำบัด) และอยากลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
📍ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่ร่างกายยังแข็งแรงพอรับการกระตุ้นภูมิ
📍กลุ่มเสริมภูมิผู้สูงวัย ที่ต้องการดูแลแบบป้องกัน
References:
-https://www.j-immunother.com/english/treatment/jpresult.html?
-https://www.nature.com/articles/bjc2011290?
-https://ar.iiarjournals.org/content/anticanres/24/5C/3321.full.pdf?
-https://www.cancer.gov/about-cancer/treatment/types/immunotherapy?
-https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/3871657/
#ภูมิคุ้มกันบำบัด #มะเร็ง

เคยสับสนไหม? LAK Cell กับ T‑Cell Therapy ไม่เหมือนกัน!📌T‑Cell Therapy (เช่น CAR‑T)คือการนำ T‑Cell ออกมา ดัดแปลงพันธุกรรม...
10/09/2025

เคยสับสนไหม? LAK Cell กับ T‑Cell Therapy ไม่เหมือนกัน!
📌T‑Cell Therapy (เช่น CAR‑T)
คือการนำ T‑Cell ออกมา ดัดแปลงพันธุกรรม ให้ไล่ล่าเซลล์มะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง
– ใช้รักษามะเร็งชนิด เลือด (leukemia, lymphoma, multiple myeloma) ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ
- แต่ใช้เวลานาน (~2–4 สัปดาห์) และมี ความเสี่ยงสูง เช่น Cytokine Release Syndrome
📌LAK Cell Therapy
ใช้เซลล์เม็ดเลือดขาวจากร่างกายเราเอง (NK + T‑Cell)
– กระตุ้นให้แข็งแรงขึ้นด้วย Cytokine (เช่น IL‑2) อย่างปลอดภัย
– ไม่ตัดต่อพันธุกรรม ไม่ใช้ไวรัส
– เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการ เสริมระบบภูมิคุ้มกันแบบเชิงรุก
– ใช้ได้กับ tumor cells หลายชนิด, รวมถึง solid tumors
เหมาะกับใคร?
✅CAR‑T Therapy เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดดื้อยา (เช่น ALL, lymphomas) ที่ต้องการการรักษาเฉพาะจุด
✅LAK Cell เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพของระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถควบคุมเซลล์ผิดปกติได้อย่างกว้างขึ้น โดยที่ยังคงความปลอดภัยสูง
References :
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC8471526/
- https://journalofethics.ama-assn.org/article/how-should-we-determine-value-car-t-cell-therapy/2019-10?utm_source=chatgpt.com
- https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/eu-regulator-mandates-label-updates-car-t-cancer-therapies-2024-06-14/?utm_source=chatgpt.com
- https://www.cancer.gov/about-cancer/treatment/research/car-t-cells?utm_source=chatgpt.com
#ภูมิคุ้มกันบำบัด

ที่อยู่

Bangkok

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:30
อังคาร 08:30 - 17:30
พุธ 08:30 - 17:30
พฤหัสบดี 08:30 - 17:30
ศุกร์ 08:30 - 17:30

เบอร์โทรศัพท์

+6621156825

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Nirvaxisผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Nirvaxis:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram