ศูนย์ดูแลตาดีคอนแทค โดย อ.แฮมสมิธ

ศูนย์ดูแลตาดีคอนแทค โดย อ.แฮมสมิธ ดีคอนแทคดูแลตา บำรุงฟื้นฟู ดูแลตาต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม
สนใจปรึกษาฟรี ตลอด24ชม.

นํ้าหนักเยอะพุงยุ้ยลดพุงลดโรคด้วยสมุนไพร11ชนิด"ไพรเวช"กินง่ายถ่ายคล่องอยากให้คุณลองโทร0943757209
09/07/2019

นํ้าหนักเยอะพุงยุ้ยลดพุงลดโรคด้วยสมุนไพร11ชนิด"ไพรเวช"กินง่ายถ่ายคล่องอยากให้คุณลองโทร0943757209

ช่วงนี้ฝนตก  😷🌧❄️☔️อากาศเปลี่ยน เป็นหวัดคัดจมูก ขอแนะนำยาดม สมุนไพร แม่จรรยา ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ปราศจากสารเจือป่นโดย...
08/07/2019

ช่วงนี้ฝนตก 😷🌧❄️☔️อากาศเปลี่ยน เป็นหวัดคัดจมูก ขอแนะนำยาดม สมุนไพร แม่จรรยา ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ปราศจากสารเจือป่น
โดยแพทย์ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพร 👨‍⚕️
พกพาง่าย กลิ่นหอม ติดทนนาน ราคาประหยัด
พิเศษ โปรโมชั่น ขวดละ30บาท (ปกติ35บาท)💸
ส่งฟรีในเขตตลาดด่านช้าง 🛵🛵🛵
สำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม 💸💸💸
เรามีราคาส่งให้ ขายง่าย กำไรดี เพราะเราคือผู้ผลิตเองไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง👨🏼‍💼
สนใจสอบถามได้จร้า

ยาดมสมุนไพรเวช ชอบชื่นใจโทร.0943757209ทั้งปลีกและส่ง
07/07/2019

ยาดมสมุนไพรเวช ชอบชื่นใจโทร.0943757209
ทั้งปลีกและส่ง

🍌🍉🍇สมุนไพรไพรเวช🥝🥬🍅ผลิตจากสมุนไพรจากธรรมชาติ 11 ชนิด 😘สรรพคุณ 👉🏻ช่วยลดน้ำหนัก 🏃🏻‍♀️ 👉🏻ช่วยระบายท้อง 🥦👉🏻ดีท๊อกซ์ล้างสารพิ...
07/07/2019

🍌🍉🍇สมุนไพรไพรเวช🥝🥬🍅
ผลิตจากสมุนไพรจากธรรมชาติ 11 ชนิด 😘
สรรพคุณ
👉🏻ช่วยลดน้ำหนัก 🏃🏻‍♀️
👉🏻ช่วยระบายท้อง 🥦
👉🏻ดีท๊อกซ์ล้างสารพิษ 🥗
👉🏻ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 🍰
👉🏻บำรุงร่างกาย 💪🏻
👉🏻แก้อาการนอนไม่หลับ 💤
👉🏻ควบคุมน้ำหนัก 🧘🏻‍♀️
👉🏻ดื่มง่าย 1 แก้วก่อนนอน 🍷
✅ สามารถดื่มได้ 15-20 วัน ของดีๆแบบนี้จะพลาดได้ไง
ราคาประหยัด เพียงซอง150บาท 💸
ผลิตโดย ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพร 👨‍⚕️
👉👉👉จำหน่ายทั้ง ราคาปลีก และส่ง สนใจสอบถามได้จ้า 📲
หรือ 📞โทร 0923439550
***มีจำหน่ายที่ร้านทรัพย์นคร และร้านเจ้ซิ้มตลาดด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 😁

03/06/2017
ส่งของครับๆๆๆลูกค้ารอรับได้เลยๆๆๆ
03/06/2017

ส่งของครับๆๆๆลูกค้ารอรับได้เลยๆๆๆ

สิ้นค้าดีคอนแทค ส่งไวทันใจดีคอนแทคดูแลตา โดย อ.แฮมสมิธสนใจสอบถามปรึกษา สั่งซื้อโทร094-3757209อ .แฮมสมิธ สายตรง ของแท้จาก...
03/06/2017

สิ้นค้าดีคอนแทค ส่งไวทันใจ
ดีคอนแทคดูแลตา โดย อ.แฮมสมิธ
สนใจสอบถามปรึกษา สั่งซื้อโทร094-3757209อ .แฮมสมิธ สายตรง ของแท้จากบริษัท👏👏👏

ต้อลม เป็นก้อนสีขาวเหลือง ที่อาจเรียบหรือนูนเล็กน้อยอยู่บนเยื่อตาที่คลุมตาขาว พบอยู่ทางด้านข้างของกระจกตา ส่วนต้อเนื้อมี...
21/05/2017

ต้อลม เป็นก้อนสีขาวเหลือง ที่อาจเรียบหรือนูนเล็กน้อยอยู่บนเยื่อตาที่คลุมตาขาว พบอยู่ทางด้านข้างของกระจกตา ส่วนต้อเนื้อมีลักษณะเหมือนแผ่นเนื้อสีแดง รูปสามเหลี่ยม งอกมาจากบริเวณเยื่อตาโดยมียอดสามเหลี่ยมอยู่ทางด้านกระจกตา ต้อเนื้อจะค่อยๆ โตอย่างช้าๆ มีขนาดหลากหลายตั้งแต่ขนาดเล็กและดูฝ่อ จนถึงขนาดใหญ่ โตอย่างรวดเร็วและมีเส้นเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก ถ้าเป็นมาก อาจลามเข้าถึงกลางกระจกตาและปิดบังการมองเห็นได้ ต้อเนื้อเป็นเนื้องอกที่ไม่อันตราย ทั้งต้อลมและต้อเนื้อไม่ใช่มะเร็ง

ทั้งต้อลมและต้อเนื้อ มักถูกพบที่หัวตามากกว่าหางตา อย่างไรก็ตามอาจพบบนตาขาวทางด้านหัวตา หางตา หรือพบทั้งสองตำแหน่งได้ในคราวเดียวกัน ต้อลมต่างจากต้อเนื้อตรงที่ต้อลมจะไม่ลุกลามไปบนกระจกตา ต้อลมและต้อเนื้ออาจมีการอักเสบ ทำให้มีอาการแดง เคืองและปวดตาได้
สาเหตุของการเกิดต้อลมและต้อเนื้อ
ต้อลม เกิดจากการเสื่อมของเส้นใยคอลลาเจน (collagen fibers) ในเยื่อตา สาเหตุหลักไม่ได้เกิดจากลมเหมือนชื่อ แต่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet, UV) ที่มีในแสงแดดเป็นเวลานาน ร่วมกับการสัมผัสกับลม ฝุ่น ควัน และความร้อนที่ทำให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อตา ส่วนต้อเนื้อ เกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจน (elastotic degeneration of collagen) และการมีเนื้อเยื่อพังผืด (fibrovascular tissue) เกิดขึ้น แม้ว่าชื่อโรคจะมาจากลักษณะที่เหมือนก้อนเนื้อ แต่สาเหตุของการเกิดไม่เกี่ยวข้องกับการรับประทานเนื้อเลย โดยมีสาเหตุเหมือนต้อลม และมีรังสี UV เป็นสาเหตุหลัก

อาการ
ผู้ที่เป็นต้อลมและต้อเนื้อ จะมีอาการที่หลากหลายตั้งแต่ไม่มีอาการเลยจนถึงมีอาการตาแดง บวมคันตา เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล โดยทั่วไปต้อลมและต้อเนื้อจะไม่ทำให้เกิดตามัว ยกเว้นต้อเนื้อที่เป็นมากและลามเข้ามากลางกระจกตา ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับเยื่อตาที่มีการยกตัวขึ้น และกระจกตาที่อยู่รอบๆ


การรักษา

1. ใส่แว่นกันแดด เมื่อออกกลางแจ้งเพื่อลดการโดนรังสี UV และลดอาการต่างๆ
2. กรณีที่เป็นไม่มาก ไม่มีอาการผิดปกติ สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้โดยไม่มีอันตราย
3. ถ้ามีอาการ อาจใช้ยาหยอดตาหรือสารหล่อลื่น เช่น น้ำตาเทียม ยาหยอดตาผสมสเตียรอยด์ในระยะสั้น เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองตาและทำให้ตาไม่แดง แต่อย่างไรก็ตาม ยาหยอดตาไม่สามารถทำให้ต้อลมและต้อเนื้อหายไปได้
4. การผ่าตัด ทำในกรณีต้อเนื้อลุกลามเข้าไปบนกระจกตาพอสมควร มีการมองเห็นลดลงจากต้อเนื้ออย่างผิดปกติ หรือเพื่อความสวยงาม ถ้าเป็นน้อย ไม่จำเป็นต้องทำผ่าตัด ส่วนต้อลมนั้นไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออกเพราะไม่มีอันตรายต่อตา การผ่าตัดลอกต้อเนื้อมีหลายวิธี การเลือกวิธีผ่าตัดขึ้นกับสภาพต้อเนื้อและคนไข้
หลังผ่าตัดลอกต้อเนื้อ
ควรพบแพทย์ตามนัด และสวมแว่นกันแดดอย่างต่อเนื่อง เมื่อออกกลางแจ้ง เนื่องจากในบางรายอาจกลับเป็นซ้ำได้ ต้อเนื้อที่เป็นซ้ำมักจะมีลักษณะที่หนา แดงกว่าเดิม และการลอกอีกครั้งจะทำยากกว่าครั้งแรก

21/05/2017

ต้อกระจก (Cataract) อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคต้อกระจก 12 วิธี !!
โรคต้อกระจก
ต้อกระจก (Cataract) เป็นภาวะที่แก้วตา (Lens) ภายในลูกตาเสื่อมลงจนมีลักษณะขุ่นขาวจากปกติที่มีลักษณะโปร่งใสเหมือนกระจก เมื่อแก้วตาขุ่นขาวก็จะมีลักษณะทึบแสง ทำให้บดบังแสงที่จะผ่านเข้าไปในตา แสงจึงส่งผ่านเข้าสู่ลูกตาไปรวมตัวที่จอประสาทตาหรือเรตินาได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดอาการสายตาฝ้าฟางหรือสายตามัวคล้ายหมอกบัง

แก้วตา หรือ เลนส์ตา (Lens) เป็นเลนส์นูนใสที่อยู่หลังม่านตา มีลักษณะเหมือนเลนส์นูนทั่วไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งด้านหน้าจะแบนกว่าด้านหลัง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9 มิลลิเมตร และมีความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร มีหน้าที่ร่วมกับกระจกตาในการหักเหแสงจากวัตถุให้ตกโฟกัสที่จอประสาทตา (Retina) จึงทำให้เกิดการมองเห็น อีกทั้งแก้วตายังสามารถเปลี่ยนกำลังการหักเหได้ด้วยตัวเองเพื่อให้สามารถโฟกัสภาพในระยะต่าง ๆ ได้ชัดขึ้น ทำให้มองเห็นได้ชัดทั้งในระยะไกลและระยะใกล้ ด้วยความสำคัญนี้เอง ธรรมชาติจึงสร้างแก้วตาให้มาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย โดยอยู่ตรงใจกลางของดวงตาเพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายได้โดยง่าย
สาเหตุของต้อกระจก
ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 80% ต้อกระจกจะเกิดจากภาวะเสื่อมตามวัยหรือจากวัยชรา โดยผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปจะเป็นต้อกระจกกันแทบทุกราย แต่อาจจะเป็นมากหรือน้อยแตกต่างกันไป เรียกว่า “ต้อกระจกในผู้สูงอายุ” (Senile cataract) และในส่วนน้อยอีกประมาณ 20% อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่จากวัยชรา เช่น

เป็นต้อกระจกมาแต่กำเนิด ได้แก่ ต้อกระจกในเด็กทารกที่เกิดจากแม่ซึ่งเป็นหัดเยอรมันในช่วงระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์, ต้อกระจกในเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการหรือขาดอาหาร และต้อกระจกแต่กำเนิดชนิดกรรมพันธุ์ที่ไม่ทราบสาเหตุ
เกิดจากการได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือนที่ตาอย่างแรง (โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว) เช่น การเล่นกีฬาบางประเภท อาทิ โดนลูกเทนนิสพุ่งเข้าตา โดนลูกขนไก่, การประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเชื่อมโลหะโดยไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา, การเกิดอุบัติเหตุถูกของมีคมทิ่มแทง เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วถูกกระจกทิ่มแทงในตา หรือมีเศษเหล็กกระเด็นเข้าตาในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ แม้ว่าจะให้การรักษาอุบัติเหตุระยะต้นถูกต้องแล้วก็ตาม แต่อาจเป็นต้อกระจกได้ในอีก 2-3 ปีต่อมา
โรคประจำตัวในวัยกลางคน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ โรคขาดสารอาหาร ก็มักจะเกิดต้อกระจกก่อนวัยได้
เกิดจากความผิดปกติของตาหรือเป็นโรคเกี่ยวกับตา เช่น ต้อหิน ม่านตาอักเสบ ตาติดเชื้อ
เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น การใช้ยาลดความอ้วนบางชนิด การใช้ยาหยอดตาที่เข้าสเตียรอยด์หรือกินยาสเตียรอยด์นาน ๆ (เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) ซึ่งเป็นยาที่นิยมใช้รักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ อย่างโรคภูมิแพ้ โรคหืด โรคไต โรคข้อ ถ้าผู้ป่วยได้รับยาในกลุ่มนี้อยู่เป็นประจำ ควรพึงระลึกไว้เสมอว่าตนก็อาจเป็นต้อกระจกก่อนวัยอันควรได้ เพราะมีผู้ป่วยอยู่จำนวนไม่น้อยที่เป็นโรคภูมิแพ้และซื้อยามารับประทานเอง พอนาน ๆ เข้าตาก็เริ่มมัวลงเรื่อย ๆ จากการเป็นโรคต้อกระจก แต่หากหยุดใช้ยาดังกล่าว แม้ว่าต้อที่เป็นแล้วจะไม่หายไป แต่ก็ช่วยระงับไม่ให้โรคลุกลามเร็วขึ้นได้)
เกิดจากการถูกรังสีที่บริเวณตาเป็นเวลานาน (เช่น ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่เบ้าตาและรักษาด้วยรังสีบ่อย ๆ) หรือถูกแสงแดดหรือแสงอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดต้อกระจกได้เช่นกัน
เกิดจากการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์จัด อาจทำให้เกิดต้อกระจกได้เร็วกว่าปกติ
อาการของต้อกระจก
ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตาค่อย ๆ มัวลงเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ โดยไม่มีอาการเจ็บปวดหรือตาแดงแต่อย่างใด ในระยะเริ่มแรกจะรู้สึกว่ามีอาการตามัวเหมือนมีหมอกบัง มองเห็นในที่มืดชัดกว่าที่สว่าง หรือถูกแสงสว่างจะรู้สึกว่าตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ หรือเห็นภาพซ้อน (เพราะแก้วตามักจะขุ่นขาวเฉพาะบริเวณตรงกลาง เมื่อมองในที่มืดรูม่านตาจะขยายและเปิดทางให้แสงผ่านเข้าแก้วตาส่วนรอบนอกที่ยังใสอยู่ได้เป็นปกติ จึงทำให้เห็นภาพได้ชัดในที่มืด แต่ถ้ามองในที่สว่างรูม่านตาจะหดแคบลง จึงทำให้แสงสว่างผ่านเฉพาะแก้วตาบริเวณตรงกลางที่ขุ่นขาว จึงทำให้พร่ามัว)
ผู้ป่วยบางรายอาจสังเกตว่าการมองเห็นของตนเองนั้นผิดไปจากเดิม เช่น มองเห็นจุดอยู่หน้าตา, มองเห็นแสงไฟเป็นแสงกระจาย, อาจมองเห็นภาพเป็นสีเหลือง, มองเห็นแสงไฟเป็น 2 ดวงซ้อนกัน หรือมองเห็นพระจันทร์สองดวงหรือหลายดวง แม้จะดูด้วยตาข้างเดียวแต่ก็ยังเห็นภาพซ้อนกัน ทั้งนี้เป็นเพราะแก้วตาที่ขุ่นมัวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการหักเหของแสงไม่เท่ากัน การหักเหของแสงไปที่ประสาทตาจึงไม่รวมเป็นจุดเดียว

โรคต้อกระจกผู้ที่มีอาการของต้อกระจกมักจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนปกติ บางครั้งมองเห็นได้ชัดเจนกว่าในที่มีแสงน้อย เนื่องจ...
21/05/2017

โรคต้อกระจก

ผู้ที่มีอาการของต้อกระจกมักจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนปกติ บางครั้งมองเห็นได้ชัดเจนกว่าในที่มีแสงน้อย เนื่องจากอาการของต้อกระจกส่วนใหญ่ เลนส์แต้อกระจก เกิดจากเลนส์แก้วตามีความขุ่นมัวเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งพบได้ทั่วไปในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ต้อกระจก ทำให้การมองเห็นแย่ลง ก้วตาจะเริ่มขุ่นมัวจากบริเวณส่วนกลาง ในที่มีแสงน้อย เมื่อม่านตาขยาย แสงสามารถผ่านเข้ามาทางส่วนอื่นของเลนส์แก้วตาได้ ต้อกระจกสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีกเช่น ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ไฟดูด หรือการติดเชื้อเรื้อรังที่ดวงตา และการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ สามารถทำให้เกิดต้อกระจกได้ด้วยเช่นกัน

ต้อเนื้อและต้อลม

เป็นโรคตาที่พบได้บ่อยมาก แต่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงแบบต้อหินและต้อกระจก ต้อเนื้อเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงของเยื่อบุตา (ตาขาว) มีลักษณะเป็นแผ่นเนื้อสีแดงๆ รูปสามเหลี่ยมงอกจากเยื่อบุตาลามเข้าไปบนกระจกตา (ตาดำ) มักพบบริเวณหัวตามากกว่าหางตา ต้อเนื้อจะค่อยๆ โตอย่างช้าๆ ส่วนใหญ่มักเป็นนานร่วมสิบปีจึงจะรู้สึกว่าเป็นมากขึ้น ถ้าเป็นมากจะลามเข้าถึงกลางกระจกตาปิดบังการมองเห็นบางส่วน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการตามัวได้

ต้อลมเป็นโรคในกลุ่มเดียวกับต้อเนื้อแต่เป็นน้อยกว่า มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อขนาดเล็ก นูน สีขาว หรือเหลืองอยู่ข้างๆ กระจกตา แต่ไม่ได้ลุกลามไปบนกระจกตา
ต้อเนื้อและต้อลมอาจมีการอักเสบได้ ทำให้เยื่อบุตาบริเวณนั้นแดง ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บตาและเคืองตา

สาเหตุที่ทำให้เกิดต้อเนื้อและต้อลม

ต้อเนื้อและต้อลม เกิดจากการที่ตาได้รับรังสีอุลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นเวลานานร่วมกับการโดนฝุ่นละออง ควัน ลม ความแห้งแล้ง อากาศร้อนและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา โรคนี้จึงมักเกิดกับผู้ที่อยู่ในเขตร้อนและผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง มีหลายคนเข้าใจผิดว่าต้อเนื้อเกิดจากการรับประทานเนื้อ จึงป้องกันโดยการไม่รับประทานเนื้อ เพราะกลัวว่าจะทำให้เป็นมากขึ้นซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะโรคนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอาหารที่รับประทาน คำว่า “เนื้อ” ในที่นี้มาจากลักษณะของโรคที่เห็นเป็นก้อนเนื้องอกขึ้นมา

2.โรคต้อลม สาเหตุเกิดจากลม การใส่แว่นจะป้องกันโรคได้หรือไม่

ตอบ สิ่งระคายเคืองที่เป็นสาเหตุของโรคต้อลม เป็นไปได้ทั้งจากลม ฝุ่น หรือแสงแดดจ้า ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคต้อลมแล้ว ยังทำให้ผู้ที่เป็นต้อลมอยู่แล้ว มีอาการเคืองตามากขึ้น ซึ่งต้อลมจะลุกลามมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองดังกล่าว แว่นตามักช่วยกันลมเฉพาะจากทางด้านหน้า จึงไม่เพียงพอต่อการป้องกันทั้งลม ฝุ่น และแสงแดด ดังนั้น คำแนะนำที่ดีที่สุดจึงควรให้ผู้ป่วยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลม ฝุ่น หรือแสงแดดจ้า ๆ จะเป็นประโยชน์มากกว่า

3.โรคต้อเนื้อ เกิดจากการกินเนื้อ และหลังลอกต้อเนื้อควรงดอาหารประเภทเนื้อสัตว์จริงหรือไม่

ตอบ โรคต้อเนื้อ เกิดจากการเสื่อมสภาพของเยื่อบุตาบริเวณข้างตาดำ จากการสัมผัสสิ่งระคายเคือง เช่น ลม ฝุ่น แสงแดด แม้มีลักษณะคล้ายเป็นก้อนเนื้อ แต่ไม่ได้มีคามสัมพันธ์กับอาหารประเภทเนื้อ และการกินอาหารประเภทเนื้อหลังการลอกต้อเนื้อ ก็ไม่ทำให้แผลเกิดการอักเสบหรือเกิดต้อเนื้อขึ้นใหม่แต่อย่างใด

4.โรคต้อกระจกจำเป็นต้องเป็นทุกคนหรือไม่

ตอบ โรคต้อกระจกเกิดจากการเสื่อมสภาพของเลนส์แก้วตา ทำให้เลนส์แก้วตาซึ่งควรมีลักษณะใส กลับมีสีขาวหรือขาวอมน้ำตาลมากขึ้น

เมื่อมนุษย์ทุกคนมีอายุมากขึ้นจะต้องเกิดการเสื่อมของเลนส์ตาทุกคน เมื่อการขุ่นของเลนส์ตามากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดปัญหาตามัวจะเรียกว่าเป็นโรคต้อกระจก ดังนั้น มนุษย์ทุกคนจะต้องเป็นต้อกระจกแน่นอน แต่อาจเป็นตั้งแต่อายุมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

5.โรคต้อกระจกสามารถใช้ยาหยอดรักษาให้หายได้หรือไม่

ตอบ ปัจจุบันยังไม่มียาหยอดตา หรือยากินที่สามารถให้การรักษาโรคต้อกระจกให้หายขาดได้ การรักษาที่ได้ผลคือการผ่าตัด (หรืออาจเรียกว่าลอกต้อ) เอาเลนส์ตาธรรมชาติที่ขุ่นเป็นต้อกระจกออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ โดยวิธีการเอาเลนส์ตาที่เป็นต้อกระจกออกอาจใช้วิธีดันออก หรือใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) สลายออกก็ได้ แต่ยังไม่มีการใช้แสงเลเซอร์ในการผ่าตัดโรคต้อกระจก

6.โรคต้อหิน ต้องรักษาโดยการผ่าตัดเสมอไปหรือไม่ และการผ่าตัดทำเพื่อวัตถุประสงค์ใด

ตอบ โรคต้อหินมีหลายชนิด ดังนั้นการรักษาจึงมีหลากหลายวิธี เช่น การใช้ยาหยลอดตาลดความดันตา ยากินลดความดันตา การใช้แสงเลเซอร์ และการผ่าตัดโดยในกรณีที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ไม่ใช่การผ่าเอาหินหรือของแข็งใด ๆ ออกจากตา แต่เป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดทางระบายน้ำเลี้ยงในลูกตา (aqueous) ออกจากลูกตา ทำให้ความดันตาลดลงและไม่เป็นอันตรายต่อขั้วประสาทตา

7.โรคต้อต่าง ๆ เป็นโรคกรรมพันธุ์หรือไม่

ตอบ โรคต้อลมและต้อเนื้อ เป็นโรคที่เกิดจากการสัมผัสสิ่งระคายเคืองจึงไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุเกิดจากการเสื่อมของเลนส์แก้วตาตามสภาพไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแต่โรคต้อกระจกที่เกิดในเด็กหรือเป็นแต่กำเนิดในบางรายอาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ส่วนโรคต้อหินอาจเป็นได้ทั้งเป็นและไม่เป็นโรคพันธุกรรม แต่ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน เมื่ออายุเกิน 40 ปี ควรได้รับการตรวจวัดความดันตากับจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังโรคต้อหินที่อาจเกิดขึ้นได้

ของขายดีอย่างงี้สั่งเบิกสิ้นค้าอีกสิครับรอไร55
19/05/2017

ของขายดีอย่างงี้สั่งเบิกสิ้นค้าอีกสิครับรอไร55

วุ้นในลูกตาเสื่อม อันตรายที่คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่านวุ้นในลูกตาเสื่อม อันตรายที่คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน (emaginfo)     ...
17/05/2017

วุ้นในลูกตาเสื่อม อันตรายที่คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน
วุ้นในลูกตาเสื่อม อันตรายที่คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน (emaginfo)

ในชีวิตประจำวันของคนทุกคน เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ บางคนต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เกือบทั้งวัน ก็เลยทำให้หนุ่มสาววัยทำงาน เริ่มเป็นกันมากขึ้น

โรควุ้นในตาเสื่อมเป็นโรคที่มักจะเกิดกับผู้มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันกลับพบโรคนี้ในวัยหนุ่มสาวคนทำงานออฟฟิศกันมากขึ้นจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าโรควุ้นในตาเสื่อมเป็นหนึ่งในโรค office syndrome โดยตอนนี้ในประเทศไทย มีคนเป็นโรคนี้ถึง 14 ล้านคนแล้ว จากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์

วุ้นในตาเสื่อม กับความเสี่ยงที่มากขึ้น

ในคนที่เป็นโรคอาการวุ้นในตาเสื่อม เวลาลืมตาจะเห็นเป็นคราบดำ ๆ เหมือนหยากไย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจก โดยจะเห็นชัดก็ต่อเมื่อมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาว ๆ ฝาห้องขาว ๆ ฝาห้องน้ำขาว ๆ จะเห็นเป็นคราบดำ ๆ ลอยไปลอยมา

ในบางคน อาจมีอาการมากกว่านั้นคือ ประสาทตาฉีกขาด จะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา ซึ่งอาการนี้น่ากลัวมาก ๆ และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิมจะตาบอดหรือไม่
สาเหตุของโรค

การใช้สายตามากเกินไป หรือเพ่งจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เป็นเวลานาน คือสาเหตุของโรควุ้นในตาเสื่อม

แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้ที่สายตามาก ๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมาก ๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะเล่นอินเทอร์เน็ต หรือเล่นคอมพิวเตอร์ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าไม่ว่าคุณจะเล่นเน็ต, เล่นเกม, อ่านไดอารี่, อ่านบทความ, อ่าน หนังสือหรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้น

เพราะถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดา ๆ ระยะห่างระหว่างลูกตากับตัวหนังสือจะคงที่แน่นอน เพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างคงที่

แต่ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุด ๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่คมชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป อย่าลืมว่าจอ LCD เราก็ต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือน อยู่บนแผ่นกระดาษ

ดังนั้นจึงทำให้การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับลักษณะการอ่านหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อที่จะอ่านบรรทัดด้านล่างได้หรือไม่ก็ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ

แต่การเลื่อนบรรทัดนี้ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษ ที่แขนกับคอเราจะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนเม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุก ๆ จึงทำให้ปวดตามาก ๆ เพราะจะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุก ๆ นั้นไปตลอด

นอกจากนี้ยังรวมถึงการพิมพ์ตัวหนังสือ ที่บางทีคุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้นพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามาก ๆ

เป็นโรควุ้นตาเสื่อมทำอย่างไร

ผู้มีวุ้นตาเสื่อมประเภทไม่เป็นอันตราย: ภาวะนี้เป็นภาวะที่ไม่จำเป็นต้องให้การรักษา แต่ควรสังเกตตัวเอง หากมีภาวะดังต่อไปนี้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ เพราะมักเกิดจากสาเหตุที่ทำให้เกิดวุ้นตาเสื่อมประเภทอันตราย

1. จุดลอยดังกล่าวมีจุดใหม่ลอยมากขึ้น

2. มีแสงระยับคล้ายแสงแฟลช (Flash)

3. สายตามัวลง

4. มีอาการคล้ายมีม่านบังดวงตาเป็นแถบ ๆ

ผู้มีวุ้นตาเสื่อมประเภทมีอันตราย ควรปฏิบัติตามจักษุแพทย์ และพยาบาลจักษุแนะนำอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องดูแลรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุให้ได้ เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น

วิธีชะลอการเสื่อมของวุ้นตา

1. มีบางรายงานแนะนำใช้ยาประเภทบำรุงร่างกายเป็นวิตามิน/อาหารประเภทสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ (Antioxidant) แต่ยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่าได้ผลจริง โดยทั่วไปการรับประทานอาหารครบทุกหมู่ (อาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ในปริมาณเหมาะสมที่ไม่ทำให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน) นำมาซึ่งร่างกายแข็งแรงน่าจะเพียงพอ

2. ไม่สูบบุหรี่ งด/เลิกบุหรี่เมื่อสูบอยู่

3. มีการออกกำลังกายที่พอดีกับสุขภาพสม่ำเสมอ

4. หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่จะส่งผลถึงดวงตา

5. หากมีโรคทางกายเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมให้ดี

ที่อยู่

Min Buri
10510

เบอร์โทรศัพท์

0943757209

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ดูแลตาดีคอนแทค โดย อ.แฮมสมิธผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram