เวชศึกษาสมัยใหม่ - Medical AI

เวชศึกษาสมัยใหม่ - Medical AI ช่องทางการติดต่อสำหรับคนไข้

คำเตือนเรื่องการนวด ตอนที่ 4 - เจอคนไข้บอกว่า "ปวด" อย่าเพิ่งนวดจนกว่าจะรู้ว่ามันคือ "Refer Pain" หรือ "Main Pain" - เพร...
17/12/2025

คำเตือนเรื่องการนวด ตอนที่ 4 - เจอคนไข้บอกว่า "ปวด" อย่าเพิ่งนวดจนกว่าจะรู้ว่ามันคือ "Refer Pain" หรือ "Main Pain" - เพราะถ้าไม่เช็ค ไม่ตรวจและวินิจฉัยให้รู้ก่อน จากจุดที่มันไม่ได้เป็นอะไร มันจะกลายเป็น "บรรลัย" ไปโดยปริยาย - เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานแท้ ๆ แต่กลับไม่ค่อยมีใครสอนเท่าไหร่เลย

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
(แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.น นวดไทย)

*** ข้อมูลบทความนี้เป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้น ใครที่อ่านแล้วบอกว่าเอาไปใช้ได้เลย แปลว่ายังไม่เข้าใจ

บอกเลยว่า จริง ๆ แลเวเรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรจะต้องเรียนรู้ ก่อนที่จะไปเรียนท่าทางการนวดหรือจัดทางท่านการนวดด้วยซ้ำ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไปสมัครเรียนนวดแล้วจับสอนท่านวดเลยซะ "ฉิบ" เพราะคุณยังไม่รู้เลยว่าอาการของคนไข้เป็นอะไร และจะรู้ได้ยังไงว่าต้องนวดยังไง

*** เท่ากับว่า "ไอ้ที่นวดไปเนี่ย นวดตามที่ท่องที่จำมาใช่ป่าว" ไม่ได้นวดไปเพราะฉันรู้ว่าคนไข้เป็นอะไร และวิเคราะห์มาแล้ว

ถ้าจะดูแค่อาการ "ปวด" ต้องแยกลักษณะอาการให้ได้ก่อนว่า อาการของคนไข้ตรงหน้าเป็นอาการปวดแบบ "Refer Pain" หรือปวดแบบ "Main Pain" เพราะพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในแต่ละแบบมันไม่เหมือนกัน และถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ เพราะนวดกับอาการและบริเวณที่มันไม่สมควรจะนวดอยู่แล้ว มันคือ "หายนะ"

**************************

1) อาการ "Refer Pain" ที่หลาย ๆ คนอาจจะเรียกมันว่าอาการปวดร้าว ลักษณะอาการแบบนี้ จะเรียกว่าอาการ "ปวดทิพย์" ก็ได้ เพราะอาการปวดแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตรงไหน ตรงนั้นไม่ใช่ที่เกิดเหตุ ไม่มีพยาธิสภาพใดเกิดขึ้นแถวนั้น แต่ดันปวดเพราะ "หทัยวาตะ" ไม่สามารถแยกตำแหน่งได้ว่าจริง ๆ แล้ว "Main Pain" มันอยู่ตรงไหน

*** อารมณ์เหมือนได้รับข่าวว่า "นนทบุรีน้ำท่วม" แต่ดันแยกพิกัดไม่ได้ว่าท่วมตรงไหน อำเภอไหน ตำบลไหน แล้วก็เอาไปออกข่าวว่านนทบุรีเกิดน้ำท่วม พาลให้คนนอกที่ดูข่าวคิดเอาว่า นนทบุรี แม่งท่วมทั้งจังหวัด

จริง ๆ ต้นต่อมันเกิดจาก "วิวัฒนาการ" ของร่างกายมนุษย์ที่ยังพัฒนาไม่มากพอที่จะแยกตำแแหน่งได้ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจถามว่าแล้วมันสำคัญตรงไหนถึงต้องแยก เพราะยังไงก็ต้องนวด - มันสำคัญตรงที่ ไอ้ตรงที่เกิด "Refer Pain" มันไม่ได้มีบ้าอะไรเกิดขึ้นสักอย่างแถวนั้น แต่ที่รู้สึกเพราะสมองทักทักเอาว่าปวด เรารู้สึกว่าสมองบอกว่ามันปวดทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้บาดเจ็บเลย

*** ถ้านวดตรงที่มันไม่ได้เป็นอะไร จากกล้ามเนื้อปรกติมันจะกลายเป็น "ไม่ปรกติ" เพราะคุณก็จะเน้นนวดขยี้หนัก ๆ แถว ๆ นั้น เพราะเข้าใจว่ามันเป็นจุดเกิดเหตุ "เจ็บเพิ่มแน่นอนหรือไม่ก็ระบม"

***************************

2) อาการ "Main Pain" นี่แหละคือจุดเกิดเหตุหลักจริง ๆ จุดต้นต่อของอาการที่เกิดขึ้นมันอยู่ตรงนี้แหละ

*** "สัตถกะวาตะ" รับรู้และส่งข่าวขึ้นไปที่ "หทัยวาตะ" ว่าจุดเกิดเหตุมันอยู่ตรงนี้ แต่ "หทัยวาตะ" มันแยกไม่ได้ เลยตีเหมาเป็นบริเวณกว้าง

เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะงมือนวดรักษาหรือนวดผ่อนคลายใครก็ตาม จะดูว่าปวดตรงไหนแล้วหยำไปเลยแบบนั้นไม่ได้ ต้องหาจุดหลักให้เจอก่อน ซึ่งจะอาศัยดูรูปจาก Internet ดูว่า Main Pain อยู่ตรงไหนแบบนี้ไม่ได้ เพราะในความเป้นจริงคนไข้แต่ละคนที่เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ พฤติกรรมเขาแตกต่างกัน

***************************

ยกตัวอย่างเช่น กล้ามเนื้อ Biceps Brachii Muscle

*** จุดที่เกิดอาการปวดหลัก (Main Pain Area) อาการปวดหลักของกล้ามเนื้อ Biceps Brachii มักเกิดขึ้นที่:

1) ด้านหน้าของต้นแขนบริเวณกลางแขน
2) ใกล้ข้อศอกบริเวณเอ็นกล้ามเนื้อ (distal biceps tendon)
3) ใกล้หัวไหล่ (long head tendon insertion)
4) และอื่น ๆ อีกบางจุด

*** แต่ Refer Pain ที่เกิดขึ้นจริง คือ ด้านหน้าของข้อศอก ด้านหน้าของไหล่ บางครั้งแผ่ลงไปถึงปลายแขนและข้อมือ อาจมีอาการปวดแบบตื้อๆ ที่แขนส่วนหน้า

*** คุณต้องตรวจอาการของคนไข้ก่อนเท่านั้นถึงจะรู้ และขอบอกเลยว่าถ้าใครคิดว่าเอามือจับ ๆ ดูก็รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แนะนำว่าควรไปเรียนมาใหม่เพราะแค่นั้นไม่พอหรอก อยู่ดี ๆ จะไปจับสุ่มสี่สุ่มห้า กล้ามเนื้อคนนะพี่น้องไม่ใช่หมอข้างที่จะไปบี้เล่นตอนไหนก็ได้

ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

อาการ "ความดันโลหิตสูง" กับการรักษาทางการแพทย์แผนไทย - ถ้ากินยาสมุนไพรตำรับไหน หรือยาสมุนไพรเดี่ยวตัวไหนแล้วไม่เห็นผล อย...
17/12/2025

อาการ "ความดันโลหิตสูง" กับการรักษาทางการแพทย์แผนไทย - ถ้ากินยาสมุนไพรตำรับไหน หรือยาสมุนไพรเดี่ยวตัวไหนแล้วไม่เห็นผล อย่าเพิ่งโทษว่าสมุนไพรไม่ดี ไม่เห็นผล แต่เพราะคุณกินยาไม่ตรงกับสาเหตุของอาการตนเอง - ความดันโลหิตสูงไม่ได้มีแค่สาเหตุเดียว

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
(แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภสัชกรรมไทย)

บอกก่อนเลยว่า หมอสมัยก่อนไม่รู้จักโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีเครื่องวัดความดันโลหิต เพราะฉะนั้นถ้าจะให้เทียบชื่อโรคตรง ๆ กับโรคทางการแพทย์แผนไทย ไม่สามารถทำได้ อาการความดันโลหิตสูงกระจายอยู่ในหลาย ๆ โรคทางการแพทย์แผนไทย

*** แต่เรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องรู้ ก่อนที่จะลงมือจ่ายยารักษาคนไข้ที่มีอาการความดันโลหิตสูง คือ โรคนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครก็ได้ง่าย ๆ เพราะร่างกายมีการปรับตัวเพื่อปรับความดันโลหิตไม่ให้สูงอยู่แล้ว

*** เพราะฉะนั้น ถ้าคนไข้เกิดอาการความดันโลหิตสูงเรื้อรัง แปลว่าระบบควบคุมหลาย ๆ ระบบเกิดความผิดปรกติแล้ว

************************************

1) ความผิดปรกติในระดับตัวคุมธาตุ "หทัยวาตะ" ถ้าเปรียบเทียบในทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่การทำงานของหัวใจเท่านั้น แต่รวมไปถึงการสั่งการของสมองด้วย - ความผิดปรกติในระดับนี้สามารถทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ ยกตัวอย่าง (แค่บางส่วน) เช่น

*** อาการความดันโลหิตสูง (Hypertension) ที่เกิดจากภาวะ "แพนิค" หรือ โรคแพนิค (Panic Disorder) เกิดจากการตอบสนองทางจิตใจที่มีผลกระทบต่อระบบร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในระบบหัวใจและหลอดเลือด ในขณะที่ความดันโลหิตจะสูงขึ้นตามอาการทางจิตใจที่เกิดขึ้นในช่วงภาวะแพนิค

- เมื่อเกิดอาการแพนิค หรือความเครียดอย่างรุนแรง ร่างกายจะตอบสนองด้วยการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเธติก ซึ่งทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน เช่น อะดรีนาลีน (Adrenaline) และ นอร์อะดรีนาลีน (Noradrenaline) ออกมาในปริมาณมาก

- ฮอร์โมนเหล่านี้จะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และทำให้หลอดเลือดหดตัว (vasoconstriction) ซึ่งจะเพิ่มความดันโลหิตในระยะสั้น

*** เพราะฉะนั้น ในกรณีคนไข้ที่มีอาการความดันโลหิตสูงในลักษณะนี้ ความดันจะสูงเพียงชั่วคราวเท่านั้น เฉพาะช่วงเวลาที่เกิดอาการ หากไม่เกิดอาการความดันโลหิตจะไม่สูง ดังนั้น การจ่ายยาจะต้องระวัง เพราะถ้าในช่วงเวลาที่คนไข้ไม่ได้มีอาการแต่กินยาลดความดันโลหิตไป อาจเกิดความดันโลหิตต่ำจนเวียนหัวได้

***********************************

2) ความผิดปรกติในระดับตัวคุมธาตุ "สุมนาวาตะ" อาการในกลุ่มนี้จะต้องระมัดระวังในการรักษาให้ดี ๆ เพราะมีหลอดเลือดและไขมันมาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบางส่วน เช่น

*** หลอดเลือดแข็งตัว (หรือ Atherosclerosis) เป็นภาวะที่หลอดเลือดมีการแข็งตัวและสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากการที่หลอดเลือดไม่สามารถขยายตัวได้ดีเหมือนเดิม ทำให้เลือดต้องออกแรงดันมากขึ้นเพื่อไหลผ่านหลอดเลือดที่แคบลง ซึ่งอาจจะเกิดจาก

- อายุมากขึ้น ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดจะลดลง เนื่องจากการสะสมของคอลลาเจนในผนังหลอดเลือดและการเสื่อมสภาพของเส้นใยที่ทำให้หลอดเลือดสามารถขยายตัวได้ ทำให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงขึ้นและการไหลเวียนของเลือดไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง

**********************************

บอกก่อนว่า สาเหตุที่ทำให้คนไข้เกิดอาการความดันโลหิตสูงมีอีกเยอะ แต่ละสาเหตุที่ทำให้คนไข้เกิดอาการความดันโลหิตสูง ใช้ยาสมุนไพรตำรับและยาสมุนไพรเดี่ยวรักษาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าระบบควบคุมความดันโลหิตส่วนไหนของคนไข้มีปัญหา

*** ถ้าจ่ายยาไม่ตรงกับสาเหตุของอาการคนไข้ นอนกจากความดันโลหิตจะควบคุมได้ ความดันอาจจะสวิงขึ้นลงจนเกิดอาการไม่พึงประสงค์กับคนไข้

*** การจ่ายยาสมุนไพรตำรับ หรือยาสมุนไพรเดี่ยว ที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะเพื่อควบคุมความดันโลหิตไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำอย่างแรง

ข้อมูลที่เหลือเดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

เรื่องของอาการ "กษัยท้น" ที่ไม่ควรเอาไปเทียบกับโรคกรดไหลย้อน ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม เพราะถ้าเอาไปเทียบกับโรคกรดไหลย้อน แ...
16/12/2025

เรื่องของอาการ "กษัยท้น" ที่ไม่ควรเอาไปเทียบกับโรคกรดไหลย้อน ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม เพราะถ้าเอาไปเทียบกับโรคกรดไหลย้อน แปลว่าคุณยังไม่เข้าใจโรคของคนโบราณจริง ๆ และยังไม่เข้าใจภาวะโรคในทางวิทยาศาสตร์จริง ๆ ด้วย

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภสัชกรรมไทย

หลาย ๆ คนเอาโรคกษัยท้น ไปเทียบเคียงกับโรค GERD ที่เป็นโรคในยุคปัจจุบัน เพราะดูจากลักษณะอาการแล้วดูมันค่อนข้างใกล้เคียงกันเหลือเกิน แต่เอาจริง ๆ บอกเลยว่า "กษัยท้น" ไม่มีทางใช่โรคกรดไหลย้อนได้เลย

*** โรคกรดไหลย้อน ในยุคนี้ ถ้าดูอาการดี ๆ จะเห็นว่าไม่ใช่โรคที่จะทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ถ้าคนโบราณเป็นโรคที่คนสมัยนี้เรียกว่า "กรดไหลย้อน" เขาไม่ไปหาหมอหรอก

*** สมัยก่อนไม่มีคลินิกหมอเปิดทุก ๆ ระยะ 100 เมตร เหมือนสมัยนี้ ไม่มีโรงพยาบาลใช้สิทธิ 30 บาท เหมือนสมัยนี้ ถ้าไม่จะเป็นจะตายจริง ๆ เขาไม่ไปหาหมอหรอก

*******************************

จะเป็นแพทย์แผนไทย รักษาโรคทางการแพทย์แผนไทย ต้องเข้าใจสิ่งที่แพทย์สมัยนั้นเห็นก่อน ว่าหมอเห็นอะไร แล้วค่อยเอามาเทียบกับตำราวิชาการสมัยนี้

*** หมอโบราณน่าจะเห็นคนไข้ มีอาการแบบนี้

- ซูบลงอย่างเห็นได้ชัด / ท่าทางอ่อนแรง / เหนื่อยง่าย
- กินได้น้อย หรือกินแล้วแน่น / บ่นแน่นลิ้นปี่ เรอ แสบร้อน
- ถ่ายไม่ปกติ / ฟื้นตัวช้า ดูไม่สดใส
- ไม่ใช่เจ็บเฉียบพลัน แต่ “ทรุดเรื่อย ๆ”

แน่นอนว่าคนโบราณไม่ได้เรียกอาการแบบนี้ว่า "กรดไหลย้อน" แน่ ๆ เขาก็มีชื่อโรคของเขา นั่นคือ "กษัยท้น"

*** สิ่งที่คนโบราณเห็น คือ ภาวะอาการที่เป็นปัจจุบันของคนไข้ตรงหน้า เท่านั้น และก็ไม่ชัวร์ด้วยว่าประวัติที่คนไข้สมัยนั้นให้มาจะตรงกับความเป็นจริง (ไม่ต่างกันกับสมัยนี้หรอก ซักประวัติแต่ละครั้งยังไม่เหมือนกันเลย)

******************************

ถ้าถามว่า "ทำไม" ถึงไม่ควรเทียบ "กษัยท้น" กับ "GERD" ขอบอกเลยว่าเหตุผลเยอะมาก แต่ถ้าจะให้อธิบายบางส่วนก็ต้องขอบอกว่า

*** GERD เป็น disease ที่ “ไม่ทำให้ระบบอื่นพังตาม” ในเชิง physiology - GERD ไม่รบกวน

- mitochondrial function
- muscle protein balance
- systemic inflammatory tone
- neuroendocrine regulation

*** แต่ pathology จากตำรา / GI dysfunction → downstream effect / multiple systems affected / recovery capacity ↓

*** GERD ไม่มี systemic cascade แบบนี้

*******************************

ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

อาการ "มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" - ที่หลาย ๆ คนอาจคิดว่าเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ใช่อาการร้...
16/12/2025

อาการ "มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" - ที่หลาย ๆ คนอาจคิดว่าเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ใช่อาการร้ายแรง - ขอบอกเลยว่าให้ระวัง - ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปบอกคนไข้ว่า "นวดแล้วหาย" ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตรวจคัดกรองอะไรเลย

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภวัชกรรมไทย

ขอบอกเลยว่า จะกระทำอะไรบนร่างกายมนุษย์ต้องระวัง ต้องตรวจเช็คเพื่อหาสาเหตุความผิดปรกติของร่างกายให้ละเอียดก่อนเสมอ เพื่อดูว่า จริง ๆ กำลังเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคนไข้บ้าง และด้วยความรู้กับอำนาจในใบประกอบวิชาชีพของเรา "รักษาได้หรือไม่"

*** หลาย ๆ อาการที่ถูกมองว่าเป็นอาการ "พื้น ๆ" ไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริงมันเป็นอาการแสดงความผิดปรกติร้ายแรงที่ควรระวังเป็นพิเศษ นวดไปแล้วอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็มี

*** อาการ "มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" ก็เหมือนกัน ถูกมองว่าเป็นอาการพื้น ๆ ที่ใคร ๆ ก็เป็นได้ ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะจริง ๆ แล้วถ้าร่างกายมันเป็นปรกติ อาการแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับคนไข้เลยด้วยซ้ำ

********************************

หลาย ๆ คนอาจคิดว่าอาการ "มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" เกิดจากความผิดปรกติของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อตึงทำให้เลือดเดินขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่ดี - ขอบอกเลยว่า ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะว่า

*** ไม่มีกล้ามเนื้อ คอและบ่า มัดไหนเลย ที่จะเกิดอาการเกร็งตึงแล้วไปเบียดเส้นเลือดได้ถึงขนาดจะรบกวนการไหลเวียนเลือดขึ้นศีรษะได้
ยกตัวอย่างเช่น เส้นอัษฎาศ - บริเวณเส้นนี้มีจุดสัญญาณนวดราชสำนักเกี่ยวข้องอยู่ 2 จุดใหญ่ ๆ นั่นคือ สัญญาณ 3-4 หัวไหล่ ซึ่งบริเวณนี้ไม่มีกล้ามเนื้อมัดไหนที่จะเบียดเส้นเลือดทำให้เกิดอาการ "มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" ได้เลย แม้แต่ Sternocleidomasroid ก็ตาม

*** เส้นอัษฎากาศ เกิดป้ญหาทำให้เกิดอาการ มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้ (ตัวอย่าง)

1) วาตะผิดปรกติ (วาตะกำเริบ)

- การไหลเวียนของวาตะ (พลังลมหายใจ, ลมประสาท) ผิดปกติ ควบคุมสมอง หัวใจ การรับรู้ และความตื่นตัว / หากหลอดเลือดแคบหรือเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง เคลื่อนไหวผิดปกติ เกิดอาการเวียนหัว บ้านหมุน มึนงง

********************************

2) ปิตตะผิดปรกติ (ปิตตะกำเริบ)

เหตุปัจจัยกระตุ้น ปิตตะ - อาหารเผ็ดจัด รสเปรี้ยว ของทอด ความเครียด โกรธจัด แสงแดดจัด พักผ่อนไม่พอ

ผล - ปิตตะเพิ่มขึ้นในระบบโลหิต ทำให้เลือดร้อนจัด ทำให้ผนังหลอดเลือดแดง ถูกกระตุ้นด้วยความร้อนและการอักเสบ

*** นี่เป็นแค่ตัวอย่างของอาการบางส่วนเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ถ้าร่างกายมันยังทำงานเป็นปรกติอยู่ อาการ "มึนหัว ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับอาการตึงกล้ามเนื้อคอและบ่า" มันจะไม่เกิดขึ้นเลย

*** ถ้ามันเกิดขึ้น คุณต้องหาให้เจอก่อนที่จะลงมือทำอะไรลงไป หรือแม้กระทั่งก่อนจะลงมือนวดผ่อนคลายก็ตาม

เพราะอาการเหล่านี้มันมักจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงหลาย ๆ โรค เช่น ภาวะโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปรกติของหลอดเลือด ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ควรนวดเลยด้วยซ้ำ

*********************************

ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

แจ้งสมาชิก ความรู้ทางการแพทย์แผนไทย เทียบเคียงวิทยาศาสตร์โดยละเอียดของเพจเรา จะถูกเก็บเอาไว้ใน TTMNG GPT ซึ่งเป็น AI ทาง...
16/12/2025

แจ้งสมาชิก ความรู้ทางการแพทย์แผนไทย เทียบเคียงวิทยาศาสตร์โดยละเอียดของเพจเรา จะถูกเก็บเอาไว้ใน TTMNG GPT ซึ่งเป็น AI ทางการแพทย์ที่เพจเราค่อย ๆ พัฒนาการใช้งาน และความละเอียดทางวิชาการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ป.ล. การใช้งานขึ้นอยู่กับความสามารถทาง AI ของแต่ละท่าน

16/12/2025

เพจเรา ไม่อนุญาตให้นำรูป 3D ในบทความไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางเรา เป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ ถ้าเจอจะดำเนินการขั้นสูงสุด

15/12/2025

เพจจะรับสมัครสมาชิกห้อง พท. รับอีกแค่ 1-2 คนสุดท้ายเท่านั้น - มาก่อนได้ก่อน ถ้าครบแล้วจะปิดรับทันที - จากนี้จะเน้นพัฒนา AI ทางการแพทย์แผนไทย เท่านั้น - สอบถามสมัครทางไลน์ได้ที่ Line ID : revthai

จุดนวด "สัญญาณ 1-2 ศีรษะด้านหลัง" กับอาการ "มึนหัว ตาพร่า ปวดศีรษะร้าวลงบ่า บ้านหมุน" - ก่อนจะลงมือนวดหรือยืดเหยียดใด ๆ ...
15/12/2025

จุดนวด "สัญญาณ 1-2 ศีรษะด้านหลัง" กับอาการ "มึนหัว ตาพร่า ปวดศีรษะร้าวลงบ่า บ้านหมุน" - ก่อนจะลงมือนวดหรือยืดเหยียดใด ๆ ต้องตรวจวินิจฉัยอาการให้ละเอียดและต้องมั่นใจก่อนว่า - ต้นเหตุไม่ได้เกิดจากภาวะที่ห้ามนวดเด็ดขาด (เท่านั้น)

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.น นวดไทย

ขอบอกเลยว่า การเป็นหมอนวดทั่วไปนวดผ่อนคลาย ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ต้องตรวจคนไข้หรือบางคนอาจจะเรียกว่า "ลูกค้า" ก่อนนวด เพราะในหลักสูตรการเรียนการสอนในทุกระดับ ของกลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนไทย มีรายละเอียดการเรียนการสอนเรื่อง "การซักประวัติและตรวจร่างกาย" เพื่อคัดกรองตามระดับของความรู้อยู่แล้ว

*** อาการ "มึนหัว ตาพร่า ปวดศีรษะร้าวลงบ่า บ้านหมุน" หลาย ๆ คนอาจมองว่าเป็นอาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อเกร็งตึง นวดนิด ๆ หน่อย ๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นแล้ว - ขอบอกเลยว่าให้ระวัง เพราะอาการแบบนี้ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้ออย่างเดียว ถ้าไปเจออาการที่ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อขึ้นมา เรื่องใหญ่และอันตรายกับคนไข้แน่นอน

*****************************

อาการในกลุ่มนี้มีเส้นประธาน 10 เกี่ยวข้องอย่างน้อย 4 เส้น นั่นคือ เส้นอิทา ปิงคลา สหัสรังสีและทวารี และจากลักษณะอาการของโรค มีโรค "ลมประจำเส้น" เกี่ยวข้องอย่างน้อย 4 กองลม คือ

1) ลมปะกัง บน "เส้นอิทา"
2) ลมจันทะกลา บน "เส้นอิทา"
3) ลมจักขุนิวาต บน "เส้นสหัสรังสี"
4) ลมทิพจักขุ บน "เส้นทวารี"

ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นใน 4 กองลม ที่จะแสดงให้เห็นที่จุดสัญญาณ 1-2 ศีรษะด้านหลัง จะคล้าย ๆ กัน นั่นคือ อาการ "มึนหัว ตาพร่า ปวดศีรษะร้าวลงบ่า บ้านหมุน" แต่ต้นเหตุที่ทำให้เกืดอาการไม่เหมือนกัน ส่วนของอาการที่พอจะนวดได้บ้างจะเป็นอาการที่อยู่ในระยะโรค "ชาติเอกโทษวาตะ" เท่านั้น ยกตัวอย่างลักษณะอาการบางส่วน เช่น

1) ปวดแบบตึงและล้า (Tightness & Fatigue Pain)
- รู้สึก ตึงหรือหนักๆ ที่ท้ายทอยและลำคอ
- อาจรู้สึกปวดร้าวไปยัง ศีรษะ ไหล่ หรือสะบัก

2) ศีรษะหนักและทรงตัวได้ไม่ดี
- รู้สึก เหมือนศีรษะหนักขึ้น หรือพยุงศีรษะได้ลำบาก
- อาจต้องใช้มือช่วยพยุงศีรษะเมื่อต้องก้ม เงย หรือหัน

******************************

อาการในกลุ่ม "ชาติเอกโทษวาตะ" ส่วนใหญ่จะเป็นอาการแสดงที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อ ซึ่งกล้ามเนื้อที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการนี้มีหลัก ๆ อยู่ไม่กี่มัด ยกตัวอย่างกล้ามเนื้อเช่น

1) Sternocleidomastoid (SCM)
2)Trapezius
3) Splenius Capitis
และอื่น ๆ อีกบางมัด

อาการทางกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นกับอาการใน "ชาติเอกโทษ" ที่เกิดขึ้นสามารถนวดได้ และอาการจะดีขึ้นค่อนข้างชัดเจน แต่แพทย์แผนไทยและหมอนวดจะต้องตรวจดูว่าเป็น "ชาติเอกโทษวาตะ"​ จริง ๆ หรือเปล่า เพราะถ้าไม่ใช่ขอบอกเลยว่าเสี่ยงมาก

*** จุดที่แสดงอาการอาจอย่างที่บอกคือ สัญญาณ 1-2 ศีรษะด้านหลัง ก็จริงอยู่ แต่อาการ Refer Pain ไม่ต้องห่วงเลยไปไกลกว่านั้นแน่นอน ยกตัวอย่างลักษณะอาการที่อาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการนี้ เช่น

- อาการ "ลมปลายปัตฆาตโค้งคอ"
- อาการ "ลมปะกังยังไม่ถึงขั้นสรรนิบาต"
- อาการ "ลมจันทะกลาและลมสุริยะกลา"
- อาการ "ลมขึ้นขบเบื้องสูง"

ถ้าอาการรูปแบบนี้ถ้าต้นเหตุของอาการเกิดกับ "ชาติเอกโทษ" จาก Dosha อื่น การนวดจะค่อนข้างอันตรายมาก ยกตัวอย่างเช่น

*******************************

อาการที่เกิดจาก "ชาติเอกโทษกผะ" ยกตัวอย่างลักษณะอาการ และพยาธิสภาพบางส่วน เช่น

1) ปวดศีรษะรุนแรง (Dural Headache / Thunderclap Headache) ที่เกิดขึ้นตรงจุดสัญญาณ 1-2 ศีรษะด้านหลัง

- อาการปวดจะ รุนแรง เฉียบพลัน และปวดลึกในสมอง
- มัก ไม่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของคอ

2) ปวดศีรษะท้ายทอย (Occipital Headache)

- ปวด ตุบๆ หรือปวดแปล๊บๆ ตามแนวของเส้นเลือดท้ายทอย
- ปวดมากขึ้นเมื่อ สัมผัสหรือกดที่หนังศีรษะ
- บางครั้งอาการคล้าย ไมเกรน โดยปวดข้างเดียว

อาการ "ชาติเอกโทษกผะ" เป็นอาการที่ไม่ควรนวดอย่างร้ายแรง เพราะอาจทำให้อาการของคนไข้ที่เป็นอยู่กลับรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ในทุกอาการที่คนไข้เป็นอยู่

*** อาการในลักษณะนี้ควรต้องรักษาทางเวชกรรมไทยก่อนที่จะลงมือนวดในทุกกรณี ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์แผนไทยท่านไหนจะมีความรู้มากพอที่จะวินิจฉัยพบอาการแบบนี้หรือเปล่า

*******************************

ข้อมูลที่เหลือเดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

อาการ “อัมพฤกษ์ อัมพาต” กับอาการลม 2 กองที่ชื่อว่า “ลมชิวหาสดมภ์และลมมหาสดมภ์” - ไม่ว่าจะรักษาทางเวชกรรมไทยหรือนวดไทย ต้...
14/12/2025

อาการ “อัมพฤกษ์ อัมพาต” กับอาการลม 2 กองที่ชื่อว่า “ลมชิวหาสดมภ์และลมมหาสดมภ์” - ไม่ว่าจะรักษาทางเวชกรรมไทยหรือนวดไทย ต้องระวังและมีความรู้เฉพาะโรคอย่างละเอียด - คนไข้กลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือกล้ามเนื้อเกร็งตึงเสมอไป

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภสัชกรรมไทย

ความชำนาญเฉพาะโรค ไม่ได้ดูแค่ว่าแพทย์แผนไทยหรือหมอนวดคนนั้นมีใบประกาศณียบัตรเฉพาะทางหรือไม่ แต่ต้องดูว่า แพทย์แผนไทยหรือหมอนวดคนนั้น ๆ มีความรู้เรื่องอาการในกลุ่มโรคนี้จริง ๆ หรือเปล่า (ไม่อยากจะเผาอะมากมายเพราะคนในวิชาชีพก็น่าจะรู้กัน)

*** หลาย ๆ คนเวลารักษาอาการของคนไข้ที่เป็น “อัมพฤกษ์ อัมพาต” ส่วนใหญ่จะคิดอย่างเดียวเลยว่า นวดยังไงถึงจะทำให้กล้ามเนื้อของคนไข้ที่เกร็งอยู่อ่อนตัวลง หรือในกรณีของคนไข้ที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง จะนวดยังไงให้กำลังของกล้ามเนื้อกลับมา

*** ถ้าจะรักษาคนไข้จริง ๆ คิดแค่นี้ไม่ได้ เพราะถ้าคิดแค่นี้ก็หมายความว่าคุณไม่มีความเข้าใจภาวะโรคที่คนไข้เป็น

*******************************

ในทางการแพทย์แผนไทยมีโรคลมอยู่หลายโรคที่เกี่ยวข้อง แต่ส่วนใหญ่มักจะโยนบาปให้กับลม 2 กองนี้ก่อนเสมอเลย นั่นคือ ”ลมชิวหาสดมภ์“ และ ”ลมมหาสดมภ์“ ซึ่งขอบอกเลยว่าลม 2 กองนี้ มันเป็นอาการปลายทางแล้วไม่ใช่อาการต้นทางหรือกลางทาง และขอบอกเลยว่าในความเป็นจริงก็ไม่ได้มีแค่ลม 2 กองนี้เท่านั้น

*** คนสมัยก่อนไม่รู้จักคำว่า stroke เพราะฉะนั้นคำจำกัดความของ Stroke สมัยนี้กับกลุ่มอาการของโรคลมสมัยก่อนจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ดังนั้นจะเอามาเทียบกัน 1 ต่อ 1 ไม่ได้

ยกตัวอย่างอาการของลม 2 กอง เช่น

- ลมชิวหาสดมภ์ ลักษณะอาการที่มีบันทึกเอาไว้คือ เมื่อแรกให้หาวเรอ และให้เหียน ขากรรไกรแข็ง อ้าขบมิลง ให้แน่นิ่งไปมิรู้สึกตัว ปลุกมิตื่น

- ลมมหาสดมภ์ เมื่อจับให้หาวนอน เป็นกำลัง ให้หวาดหวั่นอยู่แต่ในใจ ให้นอนแน่นิ่งไปมิรู้สึกกายเลย

แพทย์แผนไทยคนไหน ที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และรักษาคนไข้กลุ่มนี้บ่อย ๆ จะรู้ว่าอาการที่ตำราบันทึกเอาไว้คือหนึ่งในอาการของกลุ่มอัมพฤกษ์ อัมพาต จริง ๆ แต่ก็ยังไม่ครบอยู่ดี

*********************************

อาการกลุ่ม Stroke ในทางวิทยาศาสตร์แบ่งอาการที่เจอได้บ่อย ๆ ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ นั่นคือ

- โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke)
- โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke)

แต่ในทางแพทย์แผนไทยไม่ได้แบ่งลักษณะอาการกลุ่มโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตแบบนี้ เพราะอาการกลุ่มอัมพฤกษ์อัมพาตทางการแพทย์แผนไทยไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มโรค stroke อย่างเดียว ยกตัวอย่างอาการทางการแพทย์แผนไทยที่อาจเข้าข่ายกลุ่มโรคนี้เพิ่มเติม เช่น

- ลมจันทะกลา (ลมประจำเส้นประธาน “อิทา”) หากคนไข้มีอาการแบบนี้นั่นหมายความว่า ต้นเหตุของอาการโรคที่คนไข้เป็นอาจเกิดจาก “หทัยวาตะ” อาการกลุ่มนี้การนวดจะทำได้แค่พยุงชั่วคราวเท่านั้น อาการของคนไข้จะดีขึ้นก็ต่อเมื่อ “หทัยวาตะ” ฟื้นตัวแล้วเท่านั้น ซึ่งการนวดไม่สามารถฟื้นหทัยวาตะโดยตรง

*********************************

สิ่งที่แพทย์แผนไทยและหมอนวดต้องคำนึงถึงคือ ลักษณะอาการทางกล้ามเนื้อของกลุ่มอาการ “อัมพฤกษ์ อัมพาต” ไม่ใช่อาการต้นทาง อาการต้นทางของโรคกลุ่มนี้อาจเกิดจากความผิดปรกติของระบบประสาท และระบบการไหลเวียนของเลือด

*** เพราะฉะนั้น ความผิดปรกติของหลอดเลือด เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับแพทย์แผนไทยอาจได้เรียนความผิดปรกติของหลอดเลือดมาระดับหนึ่ง แต่กับหมอนวดทั่วไป บอกเลยว่าแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับความผิดปรกติของหลอดเลือดเลย

ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. สาขานวดไทย ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

จะรักษาอาการ "ปวดไหล่" - ไม่ได้ดูแค่ว่า "ปวดไหล่นวดยังไงถึงหาย" แต่ต้องวิเคราะห์วินิจฉัยให้รู้ก่อนว่าเกิดจากอะไร - มันไม...
14/12/2025

จะรักษาอาการ "ปวดไหล่" - ไม่ได้ดูแค่ว่า "ปวดไหล่นวดยังไงถึงหาย" แต่ต้องวิเคราะห์วินิจฉัยให้รู้ก่อนว่าเกิดจากอะไร - มันไม่ได้มีแค่อาการทางกล้ามเนื้ออย่างเดียว - ไปเจออาการที่ไม่ควรนวดขึ้นมา ระวังคนไข้ต้องเข้าโรงพยาบาลโดยไม่รู้ตัว

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภสัชกรรมไทย

ช่วงนี้หลาย ๆ คนทักมาถามว่า "ปวดไหล่นวดยังไงถึงหาย" - ขอบอกเลยว่า แค่บอกว่ามีอาการปวดไหล่แล้วถามว่านวดยังไงถึงหาย ไม่มีหมอคนไข้ตอบได้หรอกครับ - ถ้ามีใครบอกว่านวดได้ โดยที่ยังไม่ได้ตรวจเลย ผมจะไม่เรียกเขาว่าหมอ เพราะยังไม่ทันรู้เลยว่าอาการของคนไข้เกิดจากอะไร ทำไมฟันธงบอกคนไข้ไปแบบนั้น

*** ก่อนจะลงมือรักษาใครหรือบอกอะไรกับใครไป ควรต้องรายละเอียดของอาการที่เป็นของคนไข้แต่ละคนพอสมควรเลย

**********************************

อาการปวดไหล่ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว เส้นเลือดอักเสบก็ทำให้เกิดอาการปวดไหล่ได้เหมือนกัน และที่ไหล่ก็มีเส้นเลือดอยู่หลายเส้นที่ทำให้เกิดอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบได้

*** ยกตัวอย่างเช่น Anterior Circumflex Humeral Artery

แต่ก็ไม่ใช่แค่เส้นเลือดที่ทำให้มีอาการในลักษณะนี้ ความผิดปรกติของกระดูกเองก็ทำให้เกิดอาการในลักษณะนี้ได้เหมือนกัน

*** วิธีเดียวที่จะรู้ได้ คือ ต้องซักประวัติและตรวจอาการแบบละเอียดก่อนจะลงมือนวดเท่านั้น ซึ่งหมอนวดทุกคนสามารถตรวจได้ เพราะมันเป็นการคัดกรองความปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย *** แค่ตรวจเช็ค *** ถ้าทำไม่ได้ กฎหมายที่บัญญัติแบบนี้ก็ควรยกเลิกซะ

*********************************

หากยังมีอาการปวดอยู่ นั่นอาจจะเป็นอาการแสดงของอาการอักเสบ และถ้ากำลังอักเสบ ไม่มีหมอนวดมือเทวดาหน้าไหน นวดให้หายอักเสบได้ - ถ้ายิ่งอักเสบแล้วยิ่งไปนวด อาการอักเสบก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

*** ระวังอาการปวดเอาไว้ เพราะอาการปวดบางที่มันก็ไม่ใช่อาการปวด แต่คนไข้อธิบายลักษณะอาการได้ไม่ตรง ต้องอาศัยการตรวจร่างกายเช็คเพิ่มด้วย

*** ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

อาการอันตราย "ไม่ควรนวดเด็ดขาด" ตอนที่ 1 - อาการ "Vasculitis" หรือเส้นเลือดอักเสบ - สังเกตุอาการของคนไข้หรือลูกค้าที่จะม...
13/12/2025

อาการอันตราย "ไม่ควรนวดเด็ดขาด" ตอนที่ 1 - อาการ "Vasculitis" หรือเส้นเลือดอักเสบ - สังเกตุอาการของคนไข้หรือลูกค้าที่จะมานวดให้ดี ๆ ถ้าเจอว่ามีอาการแบบนี้ "อย่านวด" เด็ดขาด - ในส่วนของเวชกรรมไทย ถ้าไม่มีความรู้เรื่องอาการกลุ่มนี้มากพอ "อย่าจ่ายยา" สมุนไพรตำรับเด็ดขาด

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
(แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.ภ เภสัชกรรมไทย)

บอกเลยว่า อาการ "Vasculitis" คือหนึ่งในอาการน่ากลัวที่ควรบรรจุลงในกลุ่มอาการห้ามนวด อาการมีความอันตรายไม่แพ้กับอาการความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันพนักงานนวดและแพทย์แผนไทยมีความรู้เกี่ยวกับอาการนี้น้อยมาก

*** เราเป็นแพทย์แผนไทย ต้องรักษาด้วยยาสมุนไพรตำรับทางการแพทย์แผนไทยหรือนวดไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องรู้วิทยาศาสตร์ เรารู้วิทยาศาสตร์เพื่อคัดกรองคนไข้ที่เรารักษาได้ และส่งต่อคนไข้ที่เราไม่สามารถรักษาได้

*** เพราะฉะนั้น "Vasculitis" คืออาการที่บุคคลากรทางการแพทย์แผนไทยต้องรู้ ทั้งนวดและสายเวชกรรมไทย เพราะคนไข้เป็นกันเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ

**************************************

ยกตัวอย่างลักษณะอาการ และลำดับการเกิดอาการ เช่น

- ลักษณะอาการทั่วไปในระยะแรกที่เจอบ่อย ๆ เช่น มีอาการไข้ต่ำ ๆ คนไข้อาจไม่ได้บอกว่าเป็นไข้ แต่อาจบอกว่า "ครั่นเนื้อครั่นตัว" เหมือนจะเป็นไข้ ทางการแพทย์แผนไทยอาจเรียกอาการนี้ว่า "สวิงสวาย"

- อาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือตามข้อต่อของร่างกายในอาการระยะแรก ซึ่งคนไข้อาจเข้าใจว่าเป็นอาการกล้ามเนื้อตึงเลยมานวด แต่หลังจากนวดไปแล้วอาจเกิดอาการ "ระบม" จนเป็นไข้ตัวขึ้นมาให้เห็นภายในไม่กี่ชั่วโมง กินยาลดไข้อาการไข้ตัวร้อนก็ไม่ลดลงด้วย ในบางกรณี *** ถ้าเจอแบบนี้ไม่ควรนัดนวดครั้งต่อไป ***

*** ถ้าตรวจเจอหรือซักประวัติคนไข้เจอตั้งแต่ในระยะนี้ได้ ถือเป็นโชคดีของคนไข้ที่จะได้รับการรักษาด้วยยาอย่างทันทวงที ตรวจเจอก่อนลงมือนวดได่ยิ่งดี เพราะอาการที่อาจเกิดขึ้นมาตามอาจส่งผลต่อสุขภาพของคนไข้ในระยะยาว

**************************************

แต่หากตรวจเจออาการในระยะที่ 2 แล้ว ซึ่งลักษณะอาการของคนไข้แสดงออกมาทางผิวหนังชัดเจน ยกตัวอย่างลักษณะอาการ เช่น

- จุดแดงหรือจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (purpura) อันนี้ต้องอาศัยความใส่ใจของแพทย์แผนไทยหรือพนักงานนวดพอสมควร แต่เอาจริง ๆ สังเกตไม่ยากเท่าไหร่ เพราะอาการจุดเลือดออกแบบนี้ค่อนข้างเป็นอาการเฉพาะตัว และถ้าเจออาการแบบนี้ก็อย่าได้หมายลองนวดเด็ดขาด เพราะค่อนข้างเสี่ยงต่อลิ่มเลือดอยู่พอสมควร

*** ในส่วนทางเวชกรรมไทย มีอาการหลายโรคที่เข้าข่ายอาการ "Vasculitis" ยกตัวอย่างเช่น ลมรัตฆาต อาจจะต้องหาสาเหตุต่อเพื่อดูว่าต้นเหตุของอาการคนไข้เกิดจากอะไร

*** ถึงแม้ท่านอาจจะมองว่า คนไข้ที่มีอาการแบบนี้มี "ปิตตะสูง" จำเป็นต้องจ่ายยาเย็น แต่ขอบอกเลยว่า การระบุยาที่จะรักษาด้วย "รสประธาน" เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะมันไม่ละเอียดมากพอ ท่านจะต้องระบุรสยาให้ชัดเจนว่ารสยาที่ว่าเย็นแบบไหนที่จะสามารถบรรเทารักษาอาการคนไข้แบบนี้ได้

************************************

ป.ล การจ่ายยากลุ่มรสยา "หวาน" เพื่อดึงปิตตะลงในกรณีอาการแบบนี้ ไม่ควรทำ อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึ่งประสงค์กับคนไข้ได้

*** แชร์ได้ แต่ห้ามนำภาพไปใช้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ จากเพจเวชศึกษาสมัยใหม่

*** ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

12/12/2025

ใครที่เรียน AI แล้วกำลังหาคัดลอก Prompt มาเขียน - ขอบอกเลยว่ายุคแห่ง Prompt หมดลงแล้ว - ยุคใหม่เริ่มขึ้นพร้อมกับ chatGPT 5.2

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66917056938

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เวชศึกษาสมัยใหม่ - Medical AIผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท