07/12/2025
#ยาวนะแต่อ่านเถอะ
ชนวนมรณะและสินไหมประกันชีวิต - กรณีการเสียชีวิตผิดธรรมชาติของผู้เอาประกันภัย
ก่อนอื่นในนามของเพจ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของคุณณัฐวุฒิ ปงลังกา มา ณ โอกาสนี้
ทางเราทราบดีว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของครอบครัว แต่จากกรณีการเสียชีวิตของคุณณัฐวุฒิ ปงลังกา ที่กำลังเป็นประเด็นสาธารณะและเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายประกันชีวิตและเงื่อนไขการจ่ายสินไหม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ ) นั้น ถือเป็นกรณีศึกษาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ต่อสาธารณชน จึงขออนุญาตเพื่อเป็นประโยชน์
กรณีการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของคุณณัฐวุฒิ ปงลังกา นักข่าวช่อง 8 ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นพบ "สารไซยาไนด์" ในร่างกายในระดับอันตรายถึงชีวิต ได้จุดประเด็นข้อสงสัยและนำไปสู่การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคลี่คลายว่าเป็นการ "ฆ่าตัวตาย" หรือ "ถูกฆาตกรรม"
เหตุการณ์ลักษณะนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเสียชีวิตที่จัดอยู่ในประเภท "การเสียชีวิตผิดธรรมชาติ" ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระบวนการพิจารณาและจ่ายสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันชีวิต
การเสียชีวิตผิดธรรมชาติมักต้องใช้เวลาในการสืบสวนเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่บริษัทประกันชีวิตใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
หลักการจ่ายสินไหมประกันชีวิต กรณีเสียชีวิตผิดธรรมชาติ
โดยทั่วไป กรมธรรม์ประกันชีวิตจะให้ความคุ้มครองกรณีการเสียชีวิตเกือบทุกกรณี แต่มีข้อยกเว้นและเงื่อนไขเฉพาะที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุการตาย ดังตัวอย่างในกรณีต่างๆ:
1. การเสียชีวิตจากสาเหตุธรรมชาติ (เช่น การไหลตาย)
แม้ "การไหลตาย" (Sudden Unexpected Death Syndrome - SUDS) จะฟังดูผิดปกติ แต่หากผลการชันสูตรสรุปว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือโรคประจำตัวอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกกระทำหรือสารพิษภายนอก ถือเป็นการเสียชีวิตจาก "สาเหตุธรรมชาติ" หรือ "เจ็บป่วย" ซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนตามจำนวนเงินเอาประกันภัยในกรมธรรม์ชีวิตให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ตามปกติ
👉 การจ่ายสินไหม: จ่าย เต็มจำนวน ตามทุนประกันชีวิต (ไม่รวมสัญญาเพิ่มเติมอื่นๆ หากไม่มีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง)
2. การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย
กรณีการฆ่าตัวตายมีข้อกำหนดที่สำคัญที่สุดในสัญญาประกันชีวิต
👉 เงื่อนไขการจ่ายสินไหม: โดยทั่วไป บริษัทประกันจะ ไม่จ่ายสินไหม หากผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตาย ภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันทำสัญญา หรือวันต่ออายุ หรือวันกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ (แล้วแต่กรณี)
👉 ข้อยกเว้น: หากการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น ภายหลัง 1 ปี นับจากวันที่ทำสัญญา บริษัทจะจ่ายสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ตามปกติ
3. การเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม
หากผลการสืบสวนและกระบวนการทางกฎหมายยืนยันว่าผู้เอาประกันภัยถูกบุคคลอื่นกระทำจนเสียชีวิต (เช่น ถูกยิง ถูกแทง ถูกวางยา) ถือเป็น "ฆาตกรรม" หรือ "การเสียชีวิตจากสาเหตุผิดธรรมชาติ"
👉 การจ่ายสินไหม: บริษัทประกันจะจ่ายสินไหมทดแทน เต็มจำนวน ตามทุนประกันชีวิต
👉 กรณีมีสัญญาเพิ่มเติมฆาตกรรม : อาจมีการจ่ายผลประโยชน์เพิ่ม (ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์)
4. การเสียชีวิตจากการถูกผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ฆ่าตาย
นี่คือประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนที่สุด โดยมีหลักการทางกฎหมายและประกันกำกับไว้ชัดเจน
โดยทั่วไปตามหลักกฎหมายและเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิต หาก ผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา บริษัทประกันชีวิตจะดำเนินการดังนี้
👉 ผู้รับประโยชน์ที่เป็นผู้ก่อเหตุฆ่าผู้เอาประกันภัย จะถูกตัดสิทธิ์จากการรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์นั้น
👉 ความรับผิดของบริษัทประกันชีวิต ต่อกรณีนี้ จะมีเพียงการ คืนเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต (Cash Surrender Value) ให้แก่ ทายาทโดยธรรม ของผู้เอาประกันภัยที่เสียชีวิต (ตามกฎหมายมรดก)
▪️ถ้ากรมธรรม์ยังไม่มีเงินค่าเวนคืน บริษัทอาจพิจารณาคืนเบี้ยประกันภัยสำหรับส่วนที่ไม่มีเงินค่าเวนคืนให้แทน (แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัทและกรมธรรม์)
👉 กรณีมีผู้รับผลประโยชน์รายอื่น
หากกรมธรรม์ระบุผู้รับผลประโยชน์ไว้หลายคน และกำหนดสัดส่วนการรับเงินไว้ชัดเจน: ผู้รับผลประโยชน์รายอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ยังคงได้รับเงินสินไหมในส่วนของตนเองตามปกติ
ข้อแนะนำ: ในกรณีที่มีการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ ผู้รับผลประโยชน์ควรเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจ และ สำเนารายงานการชันสูตรพลิกศพ เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นเรียกร้องสินไหม และอาจต้องใช้ระยะเวลารอการพิจารณาที่ยาวนานขึ้นจนกว่าคดีจะมีข้อสรุปจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง