Precision Health Genetic testing services, Cancer Genomic Profiling services, Specimen management

04/12/2025

หน้าหนาวทำไม PM2.5 สูงขึ้น?

ในช่วงหน้าหนาว อุณหภูมิลดลง ทำให้เกิด ชั้นอุณหภูมิผกผัน (Temperature Inversion) คืออากาศอุ่นลอยขึ้นไปอยู่เหนืออากาศเย็นที่กดทับอยู่ด้านล่าง ผลคือ มลพิษและฝุ่น PM2.5 ถูกกักไว้ใกล้พื้นดิน ไม่สามารถลอยขึ้นสูงได้ จึงสะสมอยู่ในระดับที่เราหายใจเข้าไป ทำให้ค่าฝุ่นสูงกว่าปกติ

อันตรายจาก PM2.5

- กระตุ้นภูมิแพ้ ไอ แสบจมูก คัดจมูก
- ทำให้หลอดลมอักเสบ หายใจลำบาก
- เสี่ยงโรคปอดเรื้อรัง
- เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดเมื่อได้รับสะสม

ใครบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

- เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยโรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือโรคปอด
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง

เคล็ดลับป้องกันตัวเองในวันที่ค่าฝุ่นสูง

- เช็กค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านเป็นประจำ
- ใส่หน้ากาก N95 หรือ KN95 ทุกครั้งที่อยู่นอกบ้าน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ
- เปิดเครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA filter
- ดื่มน้ำเยอะๆ และล้างจมูกเพื่อลดการสะสมของฝุ่น

สัญญาณอันตรายที่ควรพบแพทย์

- ไอเรื้อรัง เจ็บคอ
- แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
- ปวดศีรษะมากผิดปกติ หรือแสบตาตลอดเวลา

ดังนั้นในช่วงหน้าหนาวจึงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะค่าฝุ่นที่พุ่งสูงขึ้นสามารถทำร้ายสุขภาพได้แบบไม่รู้ตัว อย่าลืมป้องกันตัวเองทุกครั้งที่ออกจากบ้านนะคะ

‌อ่านบทความที่คุณสนใจได้ที่:
https://www.precisionhealth.co.th/blog

01/12/2025

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 ธันวาคม 2568

27/11/2025

ไวรัสตับอักเสบบี รู้ก่อน ป้องกันได้!

ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis คือ ภาวะการติดเชื้อของตับที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยภาวะนี้เป็นจุดเริ่มต้นของโรคอันตรายร้ายแรงต่อตับ เช่น มะเร็งตับ ตับแข็ง และ ตับวาย เป็นต้น การติดเชื้อไวรัสดังกล่าวจะมาจากสารที่หลั่งออกมาจากร่างกาย และสามารถติดต่อสู่ผู้อื่นได้ แต่ในประเทศไทยมักพบว่า มีการติดเชื้อโดยที่มีมารดาเป็นพาหะในการแพร่เชื้อไวรัสตับอักเสบบี

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไวรัสตับอักเสบบี

- การติดต่อผ่านทางของเหลวที่ออกมาจากร่างกาย เช่น สารคัดหลั่ง เลือด น้ำเชื้อ และน้ำเหลือง เป็นต้น
- โรคนี้จะติดต่อจากคนสู่คน ต่อเมื่อของเหลวในร่างกายของผู้ติดเชื้อ ผ่านเข้าสู่ร่างกายของบุคคลอื่น โดยจะติดต่อได้ ผ่านทางบาดแผล รอยแผล หรือผิวหนังถลอก
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- การใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น เข็มฉีดยา แปรงสีฟัน มีดโกน เป็นต้น
- การติดต่อจากแม่ที่มีเชื้อไวรัสสู่ทารกในครรภ์

อาการของไวรัสตับอักเสบบี

ผู้ป่วยโรคนี้มักแสดงอาการออกมา หลังจากติดเชื้อไปแล้วประมาณ 1-3 เดือน โดยจะมีอาการ ดังนี้
- มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนแรง และปวดตามข้อ
- เบื่ออาหาร
- ตา และผิวมีสีเหลือง
- ปวดบริเวณช่องท้อง และปัสสาวะมีสีเข้ม

กลุ่มบุคคลที่ควรฉีดวีคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ

- ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องฟอกไต
- ทารกที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- บุคลากรทางการแพทย์
- ผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่ ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัส
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่ป้องกันระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

การป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (HBV):

1. ฉีดวัคซีน HBV ให้ครบตามกำหนด
2. หลีกเลี่ยงสัมผัสเลือด/ของเหลวในร่างกาย ใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อ
3. ใช้ถุงยางอนามัย ป้องกันการติดเชื้อทางเพศ
4. คัดกรองแม่ตั้งครรภ์ หากแม่ติดเชื้อหรือเป็นพาหะ ทารกต้องได้รับวัคซีน 2 ชนิดภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด โดยฉีดวัคซีน HBV (วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี) และ HBIG (แอนติบอดีป้องกันไวรัสตับอักเสบบี)
5. ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกน แปรงฟัน

โรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคติดต่อที่แพร่ได้ง่าย การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันตัวเราและคนรอบข้าง หากมีอาการผิดปกติหรือสงสัยเสี่ยงติดเชื้อ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาทันที

อ่านบทความที่คุณสนใจได้ที่:
https://www.precisionhealth.co.th/blog

20/11/2025

5 โรคทางพันธุกรรมที่พบบ่อยในคนไทย

โรคทางพันธุกรรม คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซม ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกได้ ปัจจุบันมีโรคทางพันธุกรรมหลายชนิดที่พบในคนไทย โดยโรคที่พบบ่อยและควรรู้จักมีดังนี้

1. โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) เป็นโรคโลหิตจางที่เกิดจากความผิดปกติของยีนที่สร้างฮีโมโกลบิน ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย

อาการ
- ซีด เหนื่อยง่าย ตัวเหลือง ตาเหลือง โตช้า ม้ามโต

การคัดกรองพาหะและการป้องกันดูแล
- ตรวจคัดกรองพาหะธาลัสซีเมียก่อนแต่งงานหรือก่อนมีบุตร
- รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

2. โรคหูหนวกทางพันธุกรรม (Genetic Hearing Loss) เป็นภาวะสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากความผิดปกติของยีน ซึ่งอาจถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปยังลูก พบได้ทั้งแบบหูหนวกตั้งแต่แรกเกิด และหูหนวกที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นเมื่อโตขึ้น

อาการ
- ทารกไม่ตอบสนองต่อเสียง
- เด็กพูดช้าหรือพูดไม่ชัด
- ผู้ใหญ่มีการได้ยินลดลงอย่างต่อเนื่อง

การคัดกรองพาหะและการป้องกันดูแล
- ตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิด
- หากพบว่ามีความเสี่ยงในครอบครัว ควรปรึกษานักพันธุศาสตร์ก่อนตั้งครรภ์
- ใช้เครื่องช่วยฟัง หรือพิจารณาฝังประสาทหูเทียม (Cochlear implant) เพื่อช่วยการสื่อสารและพัฒนาการ

3. โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Spinal Muscular Atrophy: SMA) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจาก ความผิดปกติของยีน SMN1 (Survival Motor Neuron 1)** ทำให้ร่างกายขาดโปรตีนที่จำเป็นต่อการอยู่รอดของเซลล์ประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบลงเรื่อย ๆ

อาการ
- กล้ามเนื้อแขน ขา และลำตัวอ่อนแรง
- หายใจและกลืนลำบากในรายที่รุนแรง
- พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวล่าช้า เช่น นั่งหรือเดินไม่ได้ตามวัย

การคัดกรองพาหะและการป้องกันดูแล
- ตรวจคัดกรองยีน SMN1 ในคู่สมรสก่อนมีบุตร โดยเฉพาะหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
- ปัจจุบันมีการรักษาใหม่ ๆ เช่น ยากระตุ้นการสร้างโปรตีน SMN และยีนบำบัด (Gene Therapy) ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยได้มากขึ้น

4.โรค G6PD (จี-6-พีดี) หรือ โรคพร่องเอนไซม์ G6PD หรือ โรคแพ้ถั่วปากอ้า เป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีการกลายพันธุ์ของยีนที่สร้างเอนไซม์ G6PD (Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase) ทำให้ร่างกายมีระดับของเอนไซม์ G6PD ต่ำกว่าปกติ เอนไซม์ชนิดนี้พบได้ในเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงคงตัว และป้องกันไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ (Oxidants)

อาการในเด็กทารก
- มักเกิดใน อายุ 1–4 วันแรก
- มีอาการ ตัวเหลือง ตาเหลืองนานกว่าปกติ
- เกิดจาก เม็ดเลือดแดงแตกง่ายอย่างเฉียบพลัน
- ตรวจเลือดพบ ค่าสารเหลือง (bilirubin) สูง
- พบว่า 1 ใน 3 ของทารกที่ต้องส่องไฟรักษาตัวเหลือง เป็น G6PD deficiency
- หากเด็กมีตัวเหลือง ตาเหลือง แพทย์จะ ตรวจระดับเอนไซม์ G6PD ทันทีเพื่อวินิจฉัย

อาการในผู้ใหญ่
- มักเกิดเมื่อ ได้รับยา อาหาร หรือสารต้องห้าม โดยไม่รู้มาก่อนว่าตนเองเป็นโรคนี้
- เม็ดเลือดแดงแตกทันที ทำให้เกิดภาวะ
โลหิตจางเฉียบพลัน (Acute Hemolytic Anemia)
- อาการมักเกิดภายใน 1–2 วันหลังสัมผัสสารกระตุ้น
เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ซีด
- ปัสสาวะ สีเข้มคล้ายโค้กหรือสีน้ำปลา จากเม็ดเลือดแดงแตก
- ปริมาณปัสสาวะลดลง เสี่ยงต่อ ไตวายเฉียบพลัน
- หากมีอาการข้างต้นควรมาพบแพทย์ทันที

การคัดกรองพาหะและการป้องกันดูแล
- ทารกแรกเกิด: เด็กทุกคนในประเทศไทยจะได้รับการตรวจคัดกรอง G6PD ตั้งแต่แรกเกิด หากพบภาวะพร่องเอนไซม์ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแล
- คู่สมรสก่อนมีบุตร: สามารถตรวจคัดกรองโรคพาหะทางพันธุกรรมก่อนการมีบุตรได้ เพื่อเป็นข้อมูลให้แพทย์แนะนำและวางแผนการครอบครัว
- การดูแลที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงยา–อาหาร–สารเคมีต้องห้าม และดูแลสุขภาพเพื่อลดโอกาสเม็ดเลือดแดงแตก

5.กลุ่มภาวะดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) ภาวะดาวน์ซินโดรมเป็น ความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 โดยมีโครโมโซมเกินมาหนึ่งแท่ง (Trisomy 21) ทำให้ร่างกายและพัฒนาการของผู้ป่วยแตกต่างจากคนทั่วไป พบได้ประมาณ 1 ใน 700 การเกิดมีชีพ และเป็นหนึ่งในความผิดปกติทางพันธุกรรมที่พบบ่อยในคนไทย

อาการและลักษณะเด่น
- ศีรษะและใบหน้ามีลักษณะเฉพาะ เช่น ตาชี้ขึ้น จมูกแบน ลิ้นใหญ่ มือสั้น
- พัฒนาการด้านการพูดและสติปัญญาช้ากว่าเด็กทั่วไป
- อาจมีโรคร่วม เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือปัญหาการมองเห็นและได้ยิน

การคัดกรองพาหะและการป้องกันดูแล
- ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป
- ปรึกษาทางพันธุกรรมก่อนตั้งครรภ์ หากครอบครัวมีประวัติภาวะโครโมโซมผิดปกติ

โรคทางพันธุกรรมเกิดจากความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซม แม้บางโรคไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การตรวจคัดกรองและรู้เท่าทันตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์หรือระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยลดความเสี่ยงและวางแผนการดูแลได้อย่างเหมาะสม ทำให้เด็กเริ่มต้นชีวิตด้วยคุณภาพและสุขภาพที่ดีขึ้น

สนใจตรวจยีน ติดต่อเราได้ที่
Tel : 093-159-9599
Inbox : http://m.me/InvitaeThbyPrecisionHealth
Line :

16/11/2025

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568

13/11/2025

สัญญาณเตือนว่าอาจเป็น “ไข้หวัดใหญ่” ไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza) ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วและอาจมีอาการรุนแรงกว่าหวัดธรรมดา แม้อาการจะคล้ายกัน แต่ไข้หวัดใหญ่มักเริ่มต้นเฉียบพลันและมีไข้สูง ปวดเมื่อยมากกว่า การรู้เท่าทันและแยกแยะอาการได้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้สามารถดูแลตนเองและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างเหมาะสมค่ะ

อาการของไข้หวัดใหญ่

1. มีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาวสั่น
- ไข้หวัดใหญ่จะมีอาการไข้สูงมากกว่า 38–39°C
- มักมาแบบเฉียบพลันใน 1 วัน ต่างจากหวัดธรรมดาที่ไข้ต่ำ ๆ หรือไม่มีไข้เลย

2. ปวดเมื่อยทั่วตัว เหนื่อยง่าย
- ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และรู้สึกหมดแรงมาก
- เป็นอาการเด่นที่มักไม่พบในหวัดทั่วไป

3. ไอแห้ง เจ็บคอ เสียงแหบ
- ไอมาก โดยเฉพาะไอแห้งเรื้อรังต่อเนื่อง
- คออาจระคายเคืองและมีเสมหะเล็กน้อย

4. เบื่ออาหาร คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- โดยเฉพาะในเด็ก มักมีอาการทางระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย

5. ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วงได้
- เด็กบางคนอาจมีอาการทางระบบทางเดินอาหารร่วมกับไข้หวัดใหญ่ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วง เนื่องจากไวรัสสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร หรือเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อเชื้อไวรัสโดยรวม อาการเหล่านี้มักทำให้เด็กอ่อนเพลียและเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ

ติดต่อได้อย่างไร?

เชื้อแพร่ผ่าน
- การไอ/จามของผู้ป่วย
- การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ
- อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยในระยะไม่ถึง 1 เมตร

การป้องกันไข้หวัดใหญ่

1. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
2. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
3. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอาการไอหรือจาม
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรักษาร่างกายให้อบอุ่น
6. ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม
7. หากมีอาการป่วย ควรหยุดพักและไม่ไปสถานที่สาธารณะ

ดังนั้น ควรสังเกตอาการของตนเอง หากเริ่มมีไข้ ไอ หรือปวดเมื่อยผิดปกติ ควรรีบพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องค่ะ

‌อ่านบทความที่สุดสนใจได้ที่: https://www.precisionhealth.co.th/blog

06/11/2025

วิธีจัดการความเครียดง่ายๆ ที่คุณก็สามารถทำได้

ความเครียดคือภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาหรือแรงกดดัน ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ วิตกกังวล หรือกดดันโดยไม่รู้ตัว
อาการของความเครียดอาจแสดงออกทั้งทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ป่วยง่าย
และทางจิตใจ เช่น ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน หรือวิตกกังวล

แนวทางการลดความเครียด

1. ยอมรับว่าความเครียดเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้
- อย่ากดดันตัวเองว่า “ต้องไม่เครียด” แค่รู้เท่าทันและค่อย ๆ จัดการทีละขั้น

2. การออกกำลังกาย คลายเครียด
- การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดิน หรือการยืดกล้ามเนื้อ ไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย เพราะเมื่อออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดี

3. นั่งสมาธิ ฝึกจิต ลดเครียด
- การฝึกสมาธิหรือการหายใจอย่างมีสติช่วยลดความวิตกกังวล และทำให้จิตใจผ่อนคลาย

4. จัดสรรเวลาในชีวิตประจำวัน
- วางแผนการทำงานและพักผ่อนให้สมดุล เพื่อลดความเร่งรีบและความกดดันผ่อนคลายด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ การทำงานต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักอาจทำให้สมองล้าได้ ลองใช้เวลาสัก 5-10 นาทีในช่วงพักเที่ยง เพื่อทำกิจกรรมเบาๆ เช่น ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือสั้น ซึ่งจะช่วยให้สมองได้ฟื้นฟูและมีพลังพร้อมลุยงานต่อ

5. ปรับเปลี่ยนความคิด พยายามคิดในแง่บวก
- พยายามมองสิ่งต่าง ๆ ในแง่บวก ยอมรับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้

6. จัดสิ่งแวดล้อมรอบตัวใหม่
- ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เช่น จัดโต๊ะทำงานใหม่ จัดห้องให้โล่งสะอาด จะช่วยลดความรู้สึกจำเจและเพิ่ม พลังใจได้

7. ออกไปพบปะผู้คนหรือใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น
- ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ชิด การได้พูดคุยหรือแบ่งปันเรื่องราวกับคนใกล้ชิด ช่วยให้ใจเบาและคลายเครียดได้มากกว่าที่คิด

หากปล่อยไว้นาน ความเครียดสามารถส่งผลเสียต่อสมดุลของร่างกายและจิตใจได้ จึงควรเรียนรู้วิธีจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เพื่อให้ทั้งกายและใจกลับมาสมดุลอีกครั้ง

อ่านบทความที่คุณสนใจได้ที่นี่:
https://www.precisionhealth.co.th/blog

01/11/2025

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568

30/10/2025

วิตามินและอาหารเสริมที่คนชอบกิน…จำเป็นจริงไหม?

ในยุคที่คนเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หลายคนเลือกทาน อาหารที่ดีและออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีอีกหลายคนหันมาสนใจ อาหารเสริมและวิตามิน เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกัน

ข้อดีของอาหารเสริม

1. เติมสารอาหารที่ขาด
- ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุ หรือกรดไขมันจำเป็น เมื่ออาหารปกติไม่เพียงพอ

2. เสริมภูมิคุ้มกัน
- วิตามิน เช่น วิตามินซี วิตามินดี หรือแร่ธาตุบางชนิด ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น

3. ลดความเสี่ยงการขาดสารอาหาร
- สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ คนกินมังสวิรัติ หรือผู้ที่มีโรคบางชนิด

4. สะดวกและง่ายต่อการรับประทาน
- ใช้ได้ในชีวิตประจำวันที่ไม่สะดวกจัดอาหารครบหมู่

5. สนับสนุนสุขภาพเฉพาะด้าน
- เช่น โอเมก้า 3 ดีต่อสมองและหัวใจ, แคลเซียมช่วยกระดูกและฟัน

ข้อควรระวังของอาหารเสริม

1. กินเกินความจำเป็น
- ร่างกายอาจขับสารส่วนเกินทิ้ง หรือเกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือการทานแคลเซียมมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหากระดูกหรือไต

2. ไม่ทดแทนอาหารจริง
- การทานอาหารเสริมไม่สามารถทดแทนการทานอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ได้ ถ้าคุณทานอาหารเสริมแทนการทานผักผลไม้หรือแหล่งโปรตีนที่ดี อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารในรูปแบบที่ดีที่สุด

3. มีปฏิกิริยากับยา
- วิตามินบางตัวอาจรบกวนการทำงานของยา เช่น วิตามินเค กับยาต้านการแข็งตัวของเลือด

4. คุณภาพไม่เท่ากันทุกยี่ห้อ
- ผลิตภัณฑ์บางตัวอาจปนสารปนเปื้อน หรือมีปริมาณสารไม่ตรงฉลาก ควรเลือกซื้ออาหารเสริมจากแหล่งที่มีคุณภาพ และมีการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น อย. เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารเสริมที่ทานไม่มีสารพิษหรือสารเจือปน

5. ไม่เหมาะกับทุกคน
- ผู้ป่วยบางโรค เช่น โรคไต โรคตับ หรือผู้ที่ได้รับยาบางชนิด เพราะอาหารเสริมอาจรบกวนการรักษาหรือเกิดผลข้างเคียง ผู้ตั้งครรภ์ หรือผู้สูงอายุ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

ดังนั้นอาหารเสริม จำเป็น สำหรับบางกลุ่ม: ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยบางโรค, คนกินมังสวิรัติ, หรือคนที่ขาดสารอาหารจริง ๆ สำหรับคนทั่วไปที่กินอาหารครบถ้วน วิตามินและอาหารเสริม อาจไม่จำเป็น และอย่าลืมว่า “อาหารธรรมชาติ ไม่แปรรูป” (Whole foods) คือแหล่งสารอาหารที่ดีที่สุด

อ่านบทความที่คุณสนใจได้ที่:
https://www.precisionhealth.co.th/blog

23/10/2025

เคล็ดลับกินเจไม่พัง ไม่ขาดสารอาหาร

เทศกาลกินเจ 2568 จัดขึ้นในช่วง วันที่ 21-29 ตุลาคม 2568 รวมเป็นเวลา 9 วันเทศกาลกินเจ คือช่วงเวลาที่หลายคนใช้พักระบบย่อย และทำบุญด้วยการละเว้นเนื้อสัตว์ แต่ถ้าไม่วางแผนให้ดี อาจกินพัง ได้แป้ง ไขมัน และโซเดียมเกิน จนกลายเป็นเจแบบ “ขาดสารอาหาร” แทนที่จะสุขภาพดี

5 เคล็ดลับกินเจให้ได้สารอาหารครบ

1. โปรตีนจากพืชต้องมีทุกมื้อ
เลือกแหล่งโปรตีนดี เช่น เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วเขียว งา หรือธัญพืชเต็มเมล็ด: ช่วยซ่อมแซมร่างกายและรักษามวลกล้ามเนื้อ
2. เลี่ยงของทอด ของมัน อาหารแปรรูปเจ
ของเจบางอย่าง เช่น หมูเจ ปลาหมึกเจ เต้าหู้ทอด มีไขมันทรานส์และโซเดียมสูง: ควรเน้นเมนูต้ม นึ่ง ย่าง แทนการทอด
3. ผักผลไม้ 5 สีช่วยเติมวิตามิน-ไฟเบอร์
ผักผลไม้หลากสีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี และเสริมภูมิคุ้มกัน: ยิ่งสดใหม่ ยิ่งได้คุณค่าสูง
4. ไม่ลืมธาตุเหล็กและวิตามินบี 12
ช่วงกินเจอาจขาดธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ได้: เสริมด้วยเห็ด ผักใบเขียวเข้ม งาดำ และอาหารเสริมจากยีสต์หรือน้ำหมักพืชที่มี B12
5. ดื่มน้ำมาก และพักระบบลำไส้
น้ำช่วยขับของเสียจากการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และช่วยระบบย่อยทำงานดีขึ้น: แนะนำดื่มวันละ 6–8 แก้ว

เสริมพลังสุขภาพช่วงกินเจ

ถ้าอยากให้ระบบย่อยดีและรู้สึกเบาสบายลองดื่มสมุนไพรอ่อน ๆ เช่น ขิง มะตูม หรือชาใบเตย ช่วยลดอาการแน่นท้องและเพิ่มการไหลเวียนเลือด

“กินเจให้ได้บุญ ต้องได้สุขภาพด้วย”
เลือกกินให้ครบ 5 หมู่ เน้นพืชธรรมชาติ ดื่มน้ำให้พอ แล้วร่างกายจะได้สารอาหารที่เพียงพอต่อวัน

อ่านบทความที่คุณสนใจได้ที่:
https://www.precisionhealth.co.th/blog

16/10/2025

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ตุลาคม 2568

16/10/2025

วันอาหารโลก (World Food Day)

วันที่ 16 ตุลาคม “วันอาหารโลก” จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ทั่วโลกร่วมแก้ปัญหา ความหิวโหยและการขาดแคลนอาหาร พร้อมทั้งตระหนักถึงอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ คือ ขยะอาหาร (Food Waste) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ โลกร้อนและสิ้นเปลืองทรัพยากรของโลก

สุขภาพดี…ไม่ได้เกิดขึ้นจากอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
แต่เกิดจาก “การเลือกกินอย่างมีสติ และพอประมาณ” ในทุกวัน เมื่อเรากินอย่างรู้คุณค่า ปัญหา Food Waste ก็จะลดลงเช่นกัน

ทุกคำที่เรากิน คือการดูแลร่างกายและใจของเราในระยะยาว
เพราะอาหารไม่ใช่แค่ “สิ่งที่ทำให้อิ่ม”
แต่คือ “พลังชีวิต” ที่หล่อเลี้ยงร่างกายให้แข็งแรงจากภายใน

ในวันอาหารโลกนี้ขอให้ทุกคนเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย

ลองเริ่มต้นง่าย ๆ วันนี้

- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ลดหวาน มัน เค็ม
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- ที่สำคัญ — กินเท่าที่ร่างกายต้องการ

เพราะ “สุขภาพที่ดี” ไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เรามี
แต่เกิดจาก “สิ่งที่เราเลือกใส่ในจาน”
ให้ทุกมื้อเป็นมื้อแห่งการดูแลตัวเอง และโลกของเราไปพร้อมกัน

อ่านบทความที่คุณสนใจได้ที่:
https://www.precisionhealth.co.th/blog

ที่อยู่

ดุสิต
Bangkok
10300

เบอร์โทรศัพท์

+66931599599

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Precision Healthผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Precision Health:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

Precision Health

Cancer Genetic Profiling