30/11/2025
มหาวิทยาลัยสำหรับผู้เกษียณอายุ อ่านบทความนี้แล้วนึกถึงมังงะเรื่อง Ocean Rush ที่คุณยายไปสมัครเรียนนิเทศ เพื่อถ่ายหนังด้วยตัวเอง และพบเจอนักศึกษาหนุ่มสาวที่มีไฟอยากสร้างหนัง ความแตกต่างของ generation จุดอ่อนจุดแข็งของคุณยายที่เป็นแม่บ้านสามีเสียชีวิต กับเด็กๆ นศ.ที่ถ้าไม่แต่งตัวลุค uniqlo ก็แต่งตัว unique สุดไปตามสไตล์แฟชั่นของตัวเอง... บทความสนุก และมังงะ(มีแปลไทยแล้ว) ก็สนุกค่ะ❤️
ปัจจุบันนี้คนทั่วโลกมีอายุยืนกว่าตอนช่วงปี 1950 มากถึง 20 ปี หลายประเทศในโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไปเรียบร้อยแล้ว ประเทศไทยของเราก็เช่นกัน คำถามที่สำคัญจึงเป็นเรื่องที่ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้อย่างไรในช่วงบั้นปลายที่ดูเหมือนจะยืนยาวขึ้นเรื่อยๆ
คำตอบหนึ่งที่เราเห็นจากประเทศสหรัฐอเมริกาคือชุมชนผู้เกษียณอายุในมหาวิทยาลัยหรือ University Retirement Communities (URCs) นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา มีชุมชนเหล่านี้อย่างน้อย 86 แห่งเปิดขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นิวยอร์กไปจนถึงแอริโซนา ชุมชนสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตเหล่านี้เปิดโอกาสให้ผู้เกษียณอายุได้เข้าเรียน พบปะพูดคุยกับนักศึกษา และสร้างมิตรภาพกับผู้เกษียณอายุคนอื่นๆ ในชุมชนที่ออกแบบมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ
แบรด บรีดดิง ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ myLifeSite เว็บไซต์ที่มุ่งเน้นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในวัยสูงอายุให้สัมภาษณ์กับ Kiplinger.com ว่า “นี่เป็นกระแสที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะหลัง สิ่งสำคัญที่ทำให้คนหันมาสนใจคือสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของช่วงวัยที่ต่างกันและโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มหาวิทยาลัย”
ตัวอย่างชุมชนผู้เกษียณอายุในมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจคือ บ้านพักผู้สูงอายุมิราเบลลา (Mirabella) สำหรับผู้ที่มีอายุ 62 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (Arizona State University) ผู้อยู่อาศัยที่นี่จะได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยทำให้สามารถเข้าเรียนแบบไม่ได้รับหน่วยกิตได้เกือบทุกวิชาและได้รับสิทธิ์ให้ใช้อาคารต่างๆ ของมหาวิทยาลัยได้ เลือกไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารในมหาวิทยาลัยได้สี่แห่ง ใช้บริการห้องสมุดมหาวิทยาลัยทั้งห้าแห่งได้ และสามารถไปออกกำลังที่ศูนย์ออกกำลังกายและสระว่ายน้ำของชุมชนได้ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ สตูดิโอศิลปะ ช็อปงานไม้ สวนและพื้นที่กลางแจ้งมากมาย รวมถึงมีการดูแลจากเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะในกรณีที่ผู้สูงอายุช่วยเหลือตนเองได้หรือไม่ก็ตาม ส่วนบ้านพักนั้นมีตั้งแต่อพาร์ตเมนต์แบบหนึ่งห้องนอนถึงสองห้องนอนให้เลือกในตึกสูง 20 ชั้น โดยปัจจุบันมิราเบลลามีสมาชิก 373 คนเลยทีเดียว
ซินดี้ อดัมส์ วัย 76 ปี อดีตผู้บริหารระดับภูมิภาคของสภากาชาดอเมริกัน ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ตเมนต์ขนาดสองห้องนอนที่มิราเบลลากับบิล อดัมส์ สามีวัย 78 ปีเมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์กับ New York Times บอกเล่าประสบการณ์ของเธอว่า “ฉันลงเรียนภาษาสเปนเทอมที่แล้ว มีฉันกับวัยรุ่นอีก 12 คนอายุ 18-19 ปี ฉันคิดว่า ‘โอ้ จะเป็นยังไงนะ’ แต่ทุกคนเป็นมิตร ให้เกียรติ และมีส่วนร่วมกับฉันมาก” แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของคนที่ช่วงวัยต่างกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่ชุมชนผู้เกษียณอายุที่อื่นนั้นให้ไม่ได้
นอกจากเรียนแล้ว เหล่าผู้สูงอายุยังไปเป็นอาสาสมัครในตำแหน่งต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยสอนและผู้ช่วยห้องปฏิบัติการ เป็นกรรมการวิทยานิพนธ์ เข้าร่วมโครงการเพื่อนทางจดหมายของมหาวิทยาลัยที่จับคู่พวกเขากับนักศึกษามหาวิทยาลัย ช่วยนักศึกษาต่างชาติฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษ หรือทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ในชีวิตให้กับเหล่านักศึกษารุ่นลูกรุ่นหลานอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์แบบวิน-วินทั้งสองฝ่าย
ชุมชนเกษียณอายุของมหาวิทยาลัยโดนใจคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 ถึง พ.ศ. 2507 (หรือระหว่าง ค.ศ. 1946 ถึง 1964) เพราะพวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มีระดับการศึกษาดีที่สุดและยังชอบเข้าสังคมมากที่สุดอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ยังถือครองความมั่งคั่งมากกว่าคนรุ่นอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีปัญหากับค่าธรรมเนียมแรกเข้าของมิราเบลลาที่เริ่มต้นที่ 490,600 ดอลลาร์สหรัฐ บวกกับค่าธรรมเนียมรายเดือนที่เริ่มต้นที่ 5,541 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้เราเกิดคำถามว่าหากเป็นคนในช่วงวัยอื่น เช่น เจ็นเอ็กซ์หรือมิลเลนเนี่ยลนั้น เมื่อถึงเวลาเกษียณ เราจะสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในระดับนี้ได้หรือไม่
ไม่แน่ว่าในอนาคต ชุมชนผู้เกษียณอายุในมหาวิทยาลัยอาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาซึ่งน่าจะทำให้ราคานั้นถูกลง หรือมีชุมชนผู้เกษียณอายุในลักษณะคล้ายกันออกมาเป็นตัวเลือกอีกมากมาย และเมื่อเรากลับมามองที่ประเทศไทย ดูจากมหาวิทยาลัยของเราที่กระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ แล้ว หากมีโครงการแบบเดียวกันในประเทศไทยที่ราคาเป็นมิตรก็คงจะดีไม่น้อยเลย
เนื้อหาโดย ปอ เปรมสำราญ
อ้างอิง
https://www.instagram.com/p/DQMi5TXDr-C/?img_index=1
https://www.kiplinger.com/retirement/happy-retirement/is-a-university-retirement-community-right-for-you
https://www.nytimes.com/2025/10/20/realestate/why-are-more-retirees-going-back-to-college.html