Beyond Wellness นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพที่เหนือกว่า

Beyond Wellness นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพที่เหนือกว่า สุขภาพที่ดี กับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เ? สุขภาพดี เริ่มต้นได้ที่ตัวเรา

24/05/2020
📍Physique​ ฟิสิกฃ์ นาโน บอดี้ เจลครีม เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย และผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ และป้องกันเชื้อไวรัส และแบคทีเร...
23/05/2020

📍Physique​ ฟิสิกฃ์ นาโน บอดี้ เจลครีม เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย และผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ และป้องกันเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย จาก Silver Nano (ซิลเวอร์ นาโน)
📍มีพลังงาน FIR; Far Infrared (ฟาร์ อินฟราเรด): ช่วยการไหลเวียนโลหิตดี ช่วยปรับสมดุลร่างกาย

📍Silver Nano : สารสกัดแร่เงินระดับนาโน ป้องกันไวรัส และแบคทีเรีย ป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ช่วยปกป้องและซ่อมผิว

📍Gold Nano : สารสกัดทองคำ ระดับนาโน ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ ผลิตคอลลาเจนให้ผิวได้

📍น้ำมันการบูร : ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตในเส้นเลือดฝอย ลดภาวะความตึงเครียด ช่วยผ่อนคลาย

📍เมนทอล คริสตัล : ลดอาการคัน และการระคายเคืองผิว ช่วยเรื่องการขับลม ช่วยระบบการย่อยอาหาร บรรเทาอาการคลื่นไส้ ช่วยดูแลระบบหายใจ ลดอาการไข้ ลดอาการเจ็บคอ ลดอาการอักเสบต่างๆ ช่วยดูแลบาดแผลถลอก ฟกช้ำ และบรรเทาความเครียด

📍อโรเวล่า ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ดูแลแผลฟกช้ำ แผลน้ำร้อนลวก และแผลไฟไหม้ ดูแลผิวและชะลอริ้วรอยก่อนวัย

📍น้ำมันมะพร้าว ช่วยล้างพิษในผิว ช่วยลดกลิ่นตัว ช่วยบรรเทาอาการคัน ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดที่จะทำร้ายผิว
ขนาด 100 ml
เลขที่จดแจ้ง 10-16200023424

📍ประโยชน์ของคลื่นฟาร์อินฟราเรดที่ดีต่อสุขภาพ.          〽️ในปีคศ 1800 นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ วิลเลี่ยม เฮอเชล พบว่า ค...
23/05/2020

📍ประโยชน์ของคลื่นฟาร์อินฟราเรดที่ดีต่อสุขภาพ.
〽️ในปีคศ 1800 นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ วิลเลี่ยม เฮอเชล พบว่า คลื่นฟาร์อินฟราเรด Far Infrared หรือ FIR ที่มีความถี่อยู่ที่ 6-14 ไมครอน คือคลื่นแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกที่มีผลดีอย่างมากต่อสุขภาพของมนุษย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้มีผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เกาหลี รวมถึงองค์การนาซ่าได้รวบรวมองค์ความรู้ของฟาร์อินฟราเรดมาพัฒนาต่อยอดเพื่อช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีได้ให้ความสำคัญกับองค์ความรู้นี้และนำมาใช้ประโยชน์ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นและบำบัดโรคได้ จนก่อตั้งสมาคมและมีการศึกษาพัฒนาอย่างต่อเนื่องมานานหลายสิบปี.
〽️ #ฟาร์อินฟาเรด สามารถแผ่คลื่นรังสีผ่านร่างกายมนุษย์ได้ลึกประมาณ 1.5 นิ้ว พลังงานแสงเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ด้วยคุณสมบัติของฟาร์อินฟาเรดจะทำให้หลอดเลือดขยายโดยไม่ทำอันตรายใดๆ หรือไม่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ปลอดภัยและมีประโยชน์มาก ช่วยให้โครงสร้างของน้ำในเลือดเป็นกลุ่มโมเลกุลที่มีขนาดเล็กลงและเรียงตัวอย่างมีระเบียบ มีแรงตึงผิวที่ต่ำ จะช่วยทำให้ความเหนียวและข้นของเลือดลดลง ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก มีประสิทธิภาพในการพาออกซิเจน เอ็นไซม์ สารอาหาร และแร่ธาตุที่ละลายในน้ำซึมเข้าสู่ผนังของเซลล์ได้คล่องตัวและเต็มที่ครบถ้วน ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถพาเอาขยะสารพิษรวมถึงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นกรด อันเป็นผลจากการเผาผลาญอาหารขับทิ้งออกจากร่างกายได้สูง เซลล์จึงแข็งแรง ส่งผลดีกับทุกอวัยวะในร่างกาย.
〽️ ในโลกของเรามีคลื่นฟาร์อินฟราเรดได้จากธรรมชาติอีกหลายชนิด เช่น หินจากน้ำตกธรรมชาติ,แร่ธาตุคาร์บิค, ไบโอเซรามิค ผลิตขึ้นจาก เซรามิคอย่างน้อย 26 ชนิดผสมกับอ๊อกไซด์ของแร่ธาตุต่างๆ และนำไปเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,600 องศาเซลเซียส เมื่อเย็นลงแล้วจะมีความสามารถในการแผ่คลื่นฟาร์อินฟราเรดได้ , เปลือกของถั่วแมคคาเดเมีย เมื่อนำไปผ่านกระบวนการเผาด้วยไฟสูงพบว่ามีคลื่นฟาร์อินฟราเรด, ผงถ่านจากไม้ไผ่ชนิดพิเศษที่ผ่านกรรมวิธีโดยเฉพาะก็มีคลื่นฟาร์อินฟราเรด , เซรามิค เฟลสปาก็สามารถแผ่คลื่นฟาร์อินฟาเรดได้เช่นเดียวกับพลอยทัวร์มาลีนสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าอ่อนๆซึ่งเป็นที่มาของคลื่นฟาร์อินฟราเรดและประจุลบซึ่งมีประโยชน์มากต่อสุขภาพ และพลอยทัวร์มาลีนยังมีกระแสคลื่นอัลฟ่าซึ่งดีกับสมองอีกด้วย

▪️🔬 #นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology) ..                  🔔เป็นเทคโนโลยีการประกอบและผลิตสิ่งต่างๆขึ้นจากการจัดเรียงตัวของอ...
23/05/2020

▪️🔬 #นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology)
..
🔔เป็นเทคโนโลยีการประกอบและผลิตสิ่งต่างๆขึ้นจากการจัดเรียงตัวของอนุภาคขนาดเล็ก เช่น อะตอมหรือ โมเลกุลเข้าด้วยกันด้วยความแม่นยำในระดับนาโนเมตร (หนึ่งส่วนในร้อยล้านเซนติเมตร) หรือ เรียกในอีกชื่อว่า แองสตรอม ยูนิต (Angstrom unit) ซึ่งต้องอาศัยวิทยาการหลากหลายสาขาทั้งเคมี, ฟิสิกส์, ชีววิทยา, อิเลคโทรนิคและอื่นๆ โดยเฉพาะสาขาคอมพิวเตอร์ (ระดับการใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์) วิทยาการนี้มีการค้นคว้าวิจัยในระดับห้องทดลองเป็นเวลานานกว่า 30 ปี เราเพิ่งจะรู้จักนาโนเทคโนโลยีกันอย่างแพร่หลายเมื่อไม่กี่ปีมานี้เมื่อนัก วิทยาศาสตร์เพียรพยายามที่จะนำเอาทฤษฎีในห้องทดลองมาปรับใช้กับสินค้าทั่วไป ในท้องตลาด เมื่อนาโนเทคโนโลยีเป็นเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน จึงเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก เนื่องจากหลักการการนำนาโนฯ มาปรับใช้นั้นไม่ได้แตกต่างกันมาก
🔔 “เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีสินค้านาโนเทคโนโลยีออกป้อนสู่ตลาดโดย บรรดาผู้ประกอบการเอกชนเพียงบางกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มแคบๆเท่านั้น เช่นกลุ่มสิ่งทอ และกลุ่มเครื่องสำอาง เนื่องจากเหตุผลทางด้านต้นทุนและการตลาดที่ถือว่ายังใหม่อยู่มากสำหรับคน ทั่วไป” ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา หัวหน้าหน่วยวิเคราะห์ทดสอบของศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) กล่าว ซึ่งผลที่ตามมาอย่างแน่นอนที่สุดก็คือ “ราคา” หลังจากนั้นมานาโนเทคโนโลยีก็ค่อยๆ ผนวกเอาคุณสมบัติดีเด่นสุดยอดของมันเข้ากับการดำรงชีวิตของเรามาตลอด มีการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ๆ และพัฒนาคุณสมบัติเดิมให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ตอบโจทย์วีชีวิตคนเมืองด้วยคำว่า “ดีและง่าย” จนกระทั่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากยิ่งขึ้น “ในปัจจุบันกลุ่มสินค้าที่ใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในตัวเองก็มี เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น กลุ่มอาหารเสริม กลุ่มเคมีภัณฑ์ เช่น สีทาบ้าน กลุ่มสุขภัณฑ์ และกลุ่มปิโตรเคมี เป็นต้น โดยจะมีการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างไม่หยุดยั้ง” ดร.ณัฐพันธุ์กล่าวทิ้งท้าย
“ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่แตกต่างจากของเดิมเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตัวเอง ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะพิเศษ เช่น มีกลิ่นหอม ช่วยฟอกอากาศ ป้องกันคราบสกปรก เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิได้ กันน้ำ กันรังสียูวี กันยับ เป็นต้น
🙏ที่มา: คุณเวฬุรีย์ ทองคำ จากฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิชาการ ของศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) กล่าวไว้กับ Metro Life จากผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2551

📍โดยทั่วไปแล้ว ทองคำบริสุทธิ์ จะมีมูลค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว และก็มีคุณสมบัติด้านความงามมานานตั้งแต่อดีตโบราณ🕌สมัยยุคอ...
23/05/2020

📍โดยทั่วไปแล้ว ทองคำบริสุทธิ์ จะมีมูลค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว และก็มีคุณสมบัติด้านความงามมานานตั้งแต่อดีตโบราณ
🕌สมัยยุคอียิปของคลีโอพัตรา จนไปถึงยุคกรีก ที่สาวๆ หลายคน นำทองคำไปเป็นเครื่องประโคมผิว เพราะมีความเชื่อกันว่า สามารถ #ช่วยชะลอความชรา #ลดริ้วรอย #บำรุงผิวพรรณให้สดใส และแพร่หลายไปในหมู่สาวๆ ผู้นำประเทศในหลายๆ ทวีป หลายๆ ยุค
⚠️จนมาถึงปัจจุบัน ทองคำ ก็ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอาง ที่สุดจะเลอค่า แล้วแต่ว่า สินค้าเครื่องสำอางชนิดใด จะนำไปผสมทำเป็นเครื่องสำอางแบบต่างๆ ขึ้นมาเพื่อคุณสาวๆ ได้ใช้กัน
#ทองคำบริสุทธิ์
#เครื่องสำอางกับทองคำ

📍 #ช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังกายมากที่สุด💪▪️1. การออกกำลังกายช่วงเช้า🌄การออกกำลังกายตอนเช้าอาจเป็นกิจวัตรประจำวันของ...
23/05/2020

📍 #ช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังกายมากที่สุด💪
▪️1. การออกกำลังกายช่วงเช้า🌄

การออกกำลังกายตอนเช้าอาจเป็นกิจวัตรประจำวันของใครหลายๆคนที่ตื่นเช้า เพราะพวกเค้าต้องการได้รับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าที่สามารถสูดหายใจเข้าได้เต็มปอด ต้องการได้รับวิตามินดีจากเเสงเเดดอ่อนๆ ในยามเช้า เเละต้องการได้รับการกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะระบบไหลเวียนโลหิตที่ทำให้รู้สึกสดชื่นเเละสมองตื่นตัวพร้อมสำหรับการทำงาน เเละสำหรับใครที่ต้องการออกกำลังกายทุกวันพวกเขาจะได้ไม่ต้องมีความกังวลว่าวันนี้จะไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะเมื่อได้ออกกำลังกายตอนเช้าไปเเล้วต่อให้ตอนเย็นมีนัดกับลูกค้า ติดงานเลี้ยง หรือเกิดเหตุด่วนอะไรก็ไม่ใช่อุปสรรคของการออกกำลังกายในวันนั้น เพราะพวกเขาได้ทำมันเสร็จไปเรียบร้อยตั้งเเต่เช้าเเล้ว

นอกจากนี้โบนัสที่คนออกกำลังกายตอนเช้าเป็นประจำจะได้เพิ่มก็คือความสามารถในการนอนหลับลึก ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังกายตอนเช้าจะสามารถหลับได้ลึกกว่าคนที่ออกกำลังกายหลังจากนั้นได้มากกว่าถึง 75% เลยทีเดียวซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับเเสงเเดดอ่อนในยามเช้าที่ช่วยควบคุมรอบการนอนเเละการตื่นของคุณได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นการออกกำลังกายตอนเช้ายังเปิดโอกาสให้ร่างกายมีเวลาซ่อมเเซมตัวเองได้นานกว่าอีกด้วย
.
▪️2. การออกกำลังกายตอนเย็นหลังเลิกงาน🌅

หากการออกกำลังกายในช่วงเช้าดูเหมือนจะเป็นการรีบเร่งเเข่งกับเวลามากไปหน่อย การออกกำลังกายในช่วงเย็นจึงเป็นอะไรที่เหมาะสมที่คุณจะได้เต็มที่กับการออกกำลังกายให้มากขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายในช่วงเย็นหลังเลิกงานนี้มีประโยชน์ทั้งในเรื่องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของร่างกายได้อย่างเต็มที่สำหรับคนที่เข้าฟิตเนส สามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่สำหรับคนที่ออกกำลังกายเเบบคาร์ดิโอ เเละช่วยให้นอนหลับได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้การออกกำลังกายช่วงเย็นยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้ดี เพราะกล้ามเนื้อเเละเส้นเอ็นต่างๆ ของร่างกายนั้นพร้อมเต็มที่เเล้วสำหรับการออกกำลังกาย

หากใครที่มีปัญหาการนอนไม่หลับเป็นประจำ เราขอเเนะนำให้คุณออกกำลังกายด้วยการเเอโรบิคตอนเย็นจะช่วยเรื่องการนอนหลับได้เป็นอย่างดี ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าหลังจากที่คุณเต้นเเอโรบิคอุณหภูมิของร่างกายคุณจะสูงขึ้นเล็กน้อยประมาณ 4-5 องศาเซลเซียส จากนั้นอุณหภูมิร่างกายจะค่อยๆปรับตัวลดลงพร้อมกับการปรับเข้าสู่โหมดการนอนหลับนั่นเอง
.
▪️3. การออกกำลังกายตอนกลางคืน🌠

จริงๆเเล้วช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายซักเท่าไรนักโดยเฉพาะเมื่อผ่าน 3 ทุ่มไปเเล้ว เพราะโดยธรรมชาติของการออกกำลังกายจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวเเละมีอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นจึงทำให้หลับได้ยากขึ้น เเต่สำหรับใครที่อยากขยับเนื้อตัวในตอนกลางคืนบ้างเราขอเเนะนำให้คุณออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะ เพราะจะช่วยให้คุณได้เหยียดเเข้งเหยียดขายืดกล้ามเนื้อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเส้นเอ็นในร่างกายซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเเละนอนหลับได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

เเต่คำเเนะนำนี้ใช่ว่าจะเป็นจริงกับทุกคนนะคะ สำหรับท่านใดที่ออกกำลังกายกลางคืนเป็นกิจวัตรประจำวันเเล้วทำให้นอนหลับได้ดีอยู่เเล้วก็จงรักษากิจวัตรนั้นของคุณต่อไป เพราะคำเเนะนำนี้เป็นคำเเนะนำทั่วไปๆ ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นจริงเสมอกับทุกคน😀😀😀

📍10 อาหารที่ช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น💪▪️1. ราสเบอร์รี🍇ราสเบอร์รีถือว่าเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่มีไฟเบอร์สูง เนื่องจากมีปริมาณ...
23/05/2020

📍10 อาหารที่ช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น💪
▪️1. ราสเบอร์รี🍇
ราสเบอร์รีถือว่าเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่มีไฟเบอร์สูง เนื่องจากมีปริมาณไฟเบอร์ประมาณ 8 กรัมต่อถ้วย ซึ่งมากกว่าสตรอว์เบอร์รีถึงสองเท่า โดยประโยชน์ของไฟเบอร์ คือ ช่วยเพิ่มมวลของอุจจาระเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายไปยังระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ไฟเบอร์ยังเป็นอาหารที่สำคัญของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
.
▪️2. ส้ม🍊
นอกจากส้มจะอุดมไปด้วยวิตามินซีแล้วก็ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมวลของอุจจาระได้ อีกทั้งยังมีสารนารินจีนิน (Naringenin) ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่ถูกค้นพบว่าทำหน้าที่คล้ายยาระบาย
.
▪️3. น้ำเปล่า🍶
การที่ร่างกายขาดน้ำจะส่งผลให้อุจจาระแข็งและเคลื่อนตัวไปยังระบบย่อยอาหารได้ยากและนำไปสู่การเกิดอาการท้องผูก ดังนั้นในแต่ละวันควรดื่มน้ำด้วยปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
.
▪️4. คีเฟอร์🥛
คีเฟอร์ (Kefir) เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านกรรมวิธีการหมักซึ่งอุดมไปด้วยโปรไบโอติก (Probiotics) ที่นับว่าเป็นแบคทีเรียชนิดดีและมีความสำคัญต่อลำไส้ใหญ่ เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกให้ดีขึ้น รวมถึงทำให้อุจจาระมีความอ่อนตัวลงซึ่งส่งผลดีต่อการขับถ่าย นอกจากนี้คีเฟอร์ยังมีปริมาณของแบคทีเรียมากกว่าโยเกิร์ตถึงสิบเท่าอีกด้วย
.
▪️5. อัลมอนด์🌰
นอกจากถั่วอัลมอนด์จะอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อหัวใจ โปรตีน และไฟเบอร์แล้ว ก็ยังเป็นแหล่งของธาตุโพแทสเซียมซึ่งช่วยรักษาสมดุลของกรดในกระเพาะอาหารและทำให้อุจจาระเคลื่อนผ่านลำไส้ได้สะดวกขึ้น
.
▪️6. ถั่วดำ🥜
ถั่วดำหนึ่งถ้วยอุดมไปด้วยไฟเบอร์ถึง 15 กรัม อีกทั้งยังมีธาตุโพแทสเซียมและแมคนีเซียมที่ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น
.
▪️7. ลูกพรุน🍑
นอกจากจะพบไฟเบอร์ปริมาณสูงในลูกพรุนแล้ว ก็ยังมีสารไดไฮดรอกซีฟีนีลอิซาติน (Dihydroxyphenylisatin) ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ อีกทั้งยังมีสารซอร์บิทอล (Sorbitol) ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย อย่างไรก็ตามลูกพรุนมีปริมาณของธาตุโพแทสเซียมมากกว่ากล้วยถึงสองเท่า ซึ่งหากร่างกายขาดธาตุดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้ ดังนั้นการบริโภคลูกพรุนเป็นประจำจะช่วยให้มีระบบขับถ่ายดีขึ้นอย่างแน่นอน
.
▪️8. ผักใบเขียว🥦
ผักใบเขียวอย่างผักโขม ผักสวิสชาร์ด และผักเคล อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อระบบขับถ่าย เช่น ไฟเบอร์ที่ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนตัวในลำไส้ได้สะดวกขึ้น ธาตุ แมคนีเซียมและโพแทสเซียมที่ล้วนดีต่อการทำงานของกล้ามเนื้อของระบบย่อยอาหาร เป็นต้น
.
▪️9. รำข้าวสาลี🌾
ด้วยความที่เปลือกของรำข้าวสาลีอุดมไปด้วยไฟเบอร์ถึง 25 กรัมต่อถ้วย จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
.
▪️10. กาแฟ ชา☕
เครื่องดื่มอย่างชาและกาแฟซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีสารคาเฟอีนโดยสามารถช่วยให้บางคนขับถ่ายได้ดีขึ้น เนื่องจากมีผลการวิจัยหนึ่งพบว่าเครื่องดื่มทั้งแบบมีคาเฟอีนและดีแคฟ (Decaf) ทำให้คนประมาณ 30% รู้สึกปวดอุจจาระซึ่งเชื่อว่ากุญแจหลักของการเกิดความรู้สึกดังกล่าวเกิดจากสารที่ทำให้กาแฟมีรสขมอย่างกรดโครโรจีนิก (Chrologenic acid) นั่นเอง
แม้ว่าอาการท้องผูกจะสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย แต่หากบริโภคอาหารที่กล่าวไว้ข้างต้นเป็นประจำ รับรองว่าจะสามารถป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างแน่นอน
.
📌📌📌นักโภชนาการแนะนำว่าควรกินใยพืชอย่างน้อยวันละ 6 กรัม ถ้าอยากรู้ว่ากินผักหรือผลไม้ได้กากเพียงพอหรือยัง ให้สังเกตที่อุจจาระ ถ้าอ่อนและลอยน้ำแสดงว่าใบพืชเพียงพอแล้ว ถ้าแข็งจะจมน้ำ ต้องกินผักและผลไม้เพิ่มขึ้น..

🙏ที่มา : Honestdocs

📍12 พฤติกรรมทำง่าย ๆ ช่วยให้สุขภาพดี💪      ▶️ ทุกวันนี้ชีวิตเราต้องเจอกับสภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพและโรคภัยมากมาย ทั้งภัยจากม...
23/05/2020

📍12 พฤติกรรมทำง่าย ๆ ช่วยให้สุขภาพดี💪
▶️ ทุกวันนี้ชีวิตเราต้องเจอกับสภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพและโรคภัยมากมาย ทั้งภัยจากมลพิษทางอากาศ และภัยจากอาหารการกิน จนอาจจะรู้สึกว่าโลกนี้เริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน ดังนั้นนำ 12 พฤติกรรมทำได้ง่าย ๆเผื่อใครสนใจอยากมีสุขภาพดีขึ้นจะได้ลองทำตามนี้ดู

▪️1. #หัวเราะคิกคัก ช่วยเลือดไหลเวียน

หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส คำกล่าวนี้ได้รับการยืนยันจากผลการวิจัยของ The University of Texas at Austin แล้วว่าเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเขาได้ทำการทดลองให้กลุ่มอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งดูหนังตลกและพบว่า กลุ่มคนเหล่านี้ จะมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นเล็กน้อย ทำให้หลอดเลือดหัวใจขยายมากกว่าปกติ และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นถึง 24% .

▪️2. #แปรงและขัดฟันไล่มะเร็ง

รู้ไหมว่าการสะสมของคราบแบคทีเรียและคราบพลัคภายในช่องปากของเรา สามารถกลายร่างเป็นมะเร็งสมองและมะเร็งลำคอได้ด้วย โดยการศึกษาของสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง Roswell Park รัฐนิวยอร์ก พบว่า คนที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบเรื้อรังมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งสมอง และมะเร็งลำคอเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า โดยไม่จำเป็นว่าผู้ป่วยจะมีประวัติสูบบุหรี่มาก่อนหรือไม่
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งสมองและลำคอ ก็ควรต้องหมั่นดูและรักษาความสะอาดของช่องปากให้ดี ด้วยการแปรงฟันเป็นประจำ และใช้ไหมขัดฟันช่วยขจัดคราบจุลินทรีย์และคราบพลัคด้วยก็จะดีมากค่ะ.

▪️3. #จิบชาสลายเส้นเลือดสมองอุดตัน

ผลการวิจัยของ UCLA School of Medicine พบว่า ผู้ที่นิยมจิบชาเป็นประจำอย่างต่ำ 3 แก้วต่อวัน จะมีอัตราเสี่ยงเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตันเพียงแค่ 1 ใน 5 ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ที่จิบชาน้อยกว่า 1 แก้วต่อวัน เพราะในน้ำชามีสาร EGCG ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง และกรดอะมิโนธีอะนีน ซึ่งจะช่วยขยายหลอดเลือดสมอง และหลอดเลือดแดงให้สูบฉีดเลือดได้อย่างสะดวก จึงไม่มีความเสี่ยงเป็นเส้นเลือดอุดตัน ห่างไกลจากโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตแบบไร้กังวลกันไปเลย.

▪️4. #เขียนระบายความในใจ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

อาจจะดูเป็นวิธีการระบายความในใจที่ล้าสมัย แต่เชื่อไหมว่าการนั่งเพ้อเขียนโน้ตถึงความรู้สึกดี ๆ ที่มีในแต่ละวัน จะสามารถทำให้เรามีความสุขขึ้นได้ง่าย ๆ ยืนยันด้วยผลการศึกษาของ Kent State University ที่พบว่า คนที่เขียนโน้ตหรือไดอารีถึงความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การทำงานของปอด และตับให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติดี

นอกจากนี้ ยังช่วยลดระดับความดันเลือดในเป็นปกติอีกด้วย เพราะการเขียนหนังสือระบายความในใจ จะช่วยให้สมองได้รำลึกถึงช่วงเวลาของความสุข จึงทำให้ร่างกายมีความสุขไปด้วยนั่นเอง แต่สงวนสิทธิ์เฉพาะการจับปากกาเขียนลงบนกระดาษเท่านั้นนะคะ การระบายความสุขด้วยการแชท หรือโพสต์ข้อความทางโซเซียลเน็ตเวิร์กไม่นับ เพราะวิธีเหล่านี้ใช้เวลานิดเดียว ไม่พอให้สมองได้หวนรำลึกถึงความสุขได้มากเท่าการเขียนลงบนกระดาษนะจ๊ะ.

▪️5. #ลุกไปเปลี่ยนช่องทีวี ลดอัตราเสี่ยงอ้วนลงพุง

การศึกษาของชาวออสเตรเลียพบว่า ผู้ที่ขยับร่างกายเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งรีโมท จะมีขนาดรอบเอวที่น้อยกว่าผู้ที่ใช้รีโมทเปลี่ยนช่องทีวีถึง 16% เพราะการขยับลุกเดินอยู่เรื่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายได้ออกกำลังเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และระดับกลูโคสในเลือดให้ลดลง ช่วยลดอัตราเสี่ยงเป็นโรคอ้วนลงพุงได้อย่างสบาย นอกจากนี้ในระหว่างวัน ควรหมั่นหาโอกาสลุกเดินบ่อย ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ร่างกายได้ออกกำลัง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเดินคุยโทรศัพท์ หรือลุกเดินออกจากโต๊ะไปพักสายตาก็ได้.

▪️6. #จดโน้ตเพิ่มความจำ

สถาบันวิจัยทางกายภาพแนะนำว่า เราควรจะจดโน้ตการประชุม หรือการสอนของอาจารย์ลงในสมุดแทนที่จะใช้วิธีการอัดเสียง หรือเพียงแค่นั่งฟังเฉย ๆ เพราะการจดสิ่งที่ได้ยินลงไปในกระดาษ จะช่วยให้สมองจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น เนื่องจากเวลาที่ต้องเขียนอะไรลงไปในกระดาษ เราจะมีสมาธิและตั้งใจฟังข้อมูลที่จะจดได้ดีขึ้นนั่นเอง.

▪️7. #ถามย้ำผลการตรวจรักษา ป้องกันตรวจพลาด

อย่าชะล่าใจหากคุณไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอแต่กลับไม่พบว่าเกิดความผิดปกติใด ๆ กับร่างกาย เพราะในความเป็นจริง การตรวจรักษามีโอกาสพลาดได้ถึง 1 ใน 14 และอาการของโรคบางอย่างก็ปรากฏช้า เมื่อพบว่าเป็นโรคอีกทีก็เมื่อสายไปแล้ว ดังนั้น หากคุณรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ค่อยปกติ และสงสัยว่าอาจจะเจ็บป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง ให้ถามผลการตรวจรักษาย้ำกับแพทย์โดยตรงอีกครั้งและหากเป็นไปได้ควรจะกลับมาตรวจใหม่ด้วยก็จะดีมาก.

▪️8. #บีบมือคนรักขจัดความเครียด

การได้กอดใครแน่น ๆ หรือจับมือคนที่รักเราสามารถช่วยลดความเครียดที่มีอยู่ไปได้มากโข ยืนยันด้วยผลการศึกษาของ American Psychosomatic Society ที่ได้ทดลองให้คู่รักจำนวนหนึ่งระบายความเครียดด้วยการเล่าให้อาสาสมัครฟัง กลุ่มหนึ่งเล่าไปจับมือคนรักไป อีกกลุ่มเล่าโดยไม่ได้จับมือคนรัก และจากการศึกษาก็พบว่า กลุ่มที่ระบายความเครียดโดยไม่ได้สัมผัสกับคนรัก ยังคงมีระดับความดันเลือดสูงอยู่ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่จับมือคนรักไปด้วย

นั่นก็หมายความว่า การได้สัมผัสกับคนรัก สามารถช่วยลดระดับความดันเลือด และลดความเครียดได้ เพราะการได้แชร์ความรู้สึกกับคนที่เราไว้ใจ จะช่วยให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยว และรู้สึกว่ามีหลักพึ่งพิงที่ดี จึงทำให้ลดความกังวลลงไปได้มาก.

▪️9. #ฝึกโยคะรักษาอาการปวดหลังเรื้อรัง

West Virginia University เขาได้ทำการศึกษากับผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ให้ฝึกเล่นโยคะเป็นเวลา 90 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้งติดต่อกันนาน 6 เดือน เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งได้ทำการรักษาบำบัดด้วยวิธีอื่นอยู่แล้ว และพบว่า กลุ่มคนผู้ป่วยที่เล่นโยคะ มีอาการปวดหลังน้อยลงกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่บำบัดด้วยวิธีอื่นโดยเฉลี่ยถึง 60% และจะค่อย ๆ บรรเทาอาการปวดหลังลงไปอีกมากเมื่อฝึกเล่นโยคะต่อไปเรื่อย ๆ อีก 6 เดือนต่อมา ดังนั้นใครที่มีปัญหาสุขภาพหลัง จะลองเล่นโยคะดูบ้างก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ.

▪️10. #กินปลาย่างมื้อเย็นเลี่ยงความจำเสื่อม

ใคร ๆ ก็รู้ว่าเนื้อปลามีประโยชน์ต่อร่างกายและสมองของเราเป็นอย่างมาก เพราะมีสารอาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ เช่น โอเมก้า 3 โปรตีน และแร่ธาตุที่สำคัญต่อสุขภาพของเราหลากหลายชนิด ที่จะช่วยบำรุงเส้นเลือดในสมอง และลดอาการอักเสบของหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม

อีกทั้งผลการวิจัยของสถาบันสุขภาพยังเผยด้วยว่า คนที่รับประทานปลาย่างเป็นประจำ หรือรับประทานมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมเพียงแค่ 1 ใน 5 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นอัตราเสี่ยงที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่นิยมรับประทานปลา ดังนั้นคงจะดีไม่น้อยหากเราจะเพิ่มเมนูปลาย่างเข้าไปในมื่อเย็นด้วย จะเลือกกินปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาแมคเคอแรลก็ได้ค่ะ.

▪️11. #ดื่มนมในตอนเช้า ช่วยลดน้ำหนัก

ผลการศึกษาของ American Journal of Clinical Nutrition พบว่า ผู้หญิงที่ดื่มนม 1 แก้ว ร่วมกับอาหารอื่น ๆ ในมื้อเช้า จะช่วยลดพลังงานแคลอรี่ในมื้อกลางวันได้โดยเฉลี่ย 50 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า นมจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่ม และช่วยลดอาการอยากอาหารอื่น ๆ ทำให้เรารับประทานอาหารในมื้อถัดไปได้น้อยลง ส่งผลให้น้ำหนักลดลงประมาณ 2 กิโลกรัมด้วยล่ะจ้า.

▪️12. #ดื่มแอลกอฮอล์บำรุงเลือดและหัวใจ

ข้อนี้น่าจะถูกใจนักดื่มตัวยง เพราะผลการวิจัยจากประเทศฮอลแลนด์ออกมายืนยันแล้วว่า ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 แก้วต่อวัน โดยเฉพาะการดื่มไวน์แดง จะทำให้ร่างกายผลิตสาร tPA (tissue plasminogen activator) ซึ่งเป็นสารสลายลิ่มเลือดอุดตัน และช่วยให้ร่างกายผลิตแคลอรี่ชนิดดี ส่งผลดีต่อหัวใจ และลดความดันโลหิตได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดื่มในปริมาณที่จำกัด คือไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน หากมากกว่านั้นก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างที่เรารู้กันดีอยู่นะจ๊ะ

📍ไม่น่าเชื่อว่าพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราอาจจะทำกันจนชิน หรือไม่เคยเห็นถึงความสำคัญของมันเลย จะสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นได้มากขนาดนี้ ฉะนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองปฏิบัติตามคำแนะนำที่เรานำมาฝากกันดูก็ได้ จะได้รู้ว่าจะมีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดีขึ้นอย่างที่บอกกันไว้หรือเปล่า
🙏CREDIT : KAPOOK

🍟🍕🍔อาหารขยะ (Junk food) 🍗🍿🍫เป็นคำไม่เป็นทางการ เป็นศัพท์สแลง (Slang) หมายถึงอาหารไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณภาพทางโภชนาการให้พ...
23/05/2020

🍟🍕🍔อาหารขยะ (Junk food) 🍗🍿🍫
เป็นคำไม่เป็นทางการ เป็นศัพท์สแลง (Slang) หมายถึงอาหารไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณภาพทางโภชนาการให้พลังงานสูงมากเกินไป จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต่างๆโดยเฉพาะ #โรคอ้วน อาหารขยะประกอบด้วย อาหารคาวหวาน ขนม เครื่องดื่ม ที่มีปริมาณสูงของแป้ง น้ำตาล ไขมัน และเกลือ แต่มีโปรตีนและใยอาหารต่ำ
📍 #ตัวอย่างอาหารขยะ เช่น ขนมหวานต่างๆ ลูกอม ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่งทอด แซนวิส (Sandwich ประเภทที่มีแต่น้ำสลัดและโปรตีนแปรรูปเช่น แฮม หรือไส้กรอก) อาหารโปรตีนแปรรูป (เช่น ไส้กรอก) และน้ำอัดลมโทษของอาหารขยะในผู้ใหญ่เป็น สาเหตุสำคัญของโรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
📍ส่วนในเด็กจะเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ภาวะโภชนาการจากการขาดวิตามินเกลือแร่และใยอาหาร และโรคไขมันในเลือดสูง อันจะนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวและเมื่อเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ต้องเลือกทานให้เหมาะสมกับร่างกายตัวเองหรือรับประทานให้พอประมาณและหมั่นออกกำลังกายเพื่อนสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคนะคะ

😖😣😵 #ปวดท้องบอกอะไร⁉️เราทุกคนต่างก็ต้องเคยผ่านประสบการณ์ปวดหรือแน่นบริเวณช่องท้องกันมาแล้ว ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในรูปแบบ...
23/05/2020

😖😣😵 #ปวดท้องบอกอะไร⁉️
เราทุกคนต่างก็ต้องเคยผ่านประสบการณ์ปวดหรือแน่นบริเวณช่องท้องกันมาแล้ว ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในรูปแบบที่แตกต่างกันไป อาจเป็นการปวดแน่น ปวดเกร็ง ปวดบีบ หรือปวดเบา ๆ อาการปวดท้องเหล่านี้ ส่งสัญญาณที่บอกถึงปัญหาสุขภาพได้หลายประการ ซึ่ง นพ. สิริวัฒน์ อนันตพันธุ์พงศ์ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ อธิบายว่าโดยทั่วไปแล้วอาการปวดท้องสามารถแบ่งตามบริเวณที่ปวดได้เป็น 2 ส่วน คือ.....
.
📍 #ปวดท้องส่วนบน เป็นการปวดบริเวณเหนือสะดือซึ่งเกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้ำดี ม้าม ตับอ่อน
📍️ #ปวดท้องส่วนล่าง เป็นการปวดบริเวณต่ำกว่าสะดือซึ่งจะเกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ไส้ติ่ง ไต มดลูกและปีกมดลูก เป็นต้น “เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง เราต้องถามก่อนว่าปวดตรงไหน หรือเริ่มปวดจากตรงไหนก่อน เพื่อจะบอกได้ว่าเกี่ยวข้องกับอวัยวะส่วนใด จากนั้นแพทย์จะต้องวินิจฉัยอย่างรวดเร็วว่าเป็นการปวดจากสาเหตุใดเพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที”
🙏ที่มา : รพ. บำรุงราษฎร์

💥“ #กระเพาะอาหารอักเสบ”💥กับ 7 วิธีปรับเปลี่ยนชีวิตพิชิตโรค💪💪💪      🔴อาการปวดท้องทุกครั้งที่หิว หรืออิ่มท้อง ไม่ใช่เรื่อง...
23/05/2020

💥“ #กระเพาะอาหารอักเสบ”💥
กับ 7 วิธีปรับเปลี่ยนชีวิตพิชิตโรค💪💪💪
🔴อาการปวดท้องทุกครั้งที่หิว หรืออิ่มท้อง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะเป็นความทรมานที่ไม่มีใครอยากเผชิญ แต่หลายคนก็จำใจจำยอมต้องทนกับความเจ็บปวดเหล่านี้ เพราะดันดูแลร่างกายไม่ดีตั้งแต่แรก โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงโดยไม่สนใจสุขภาพของตัวเองเท่าที่ควร เมื่อย่างเข้าสู่วัยที่เรียนหนัก หรือทำงานหนัก โรคกระเพาะอาหารอักเสบจะเป็นโรคแรกๆ ที่อาจมาทักทายคุณได้ง่ายๆ ทั้งหมดมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ไม่คำนึงถึงกระเพาะอาหารของคุณนั่นเอง...

👩🏻‍⚕️พญ. สกุณี ภระกูลสุขสถิต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปรับเปลี่ยนชีวิต พิชิตโรคกระเพาะอาหารอักเสบเอาไว้ ดังนี้
..

👉1.รับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด

หลายคนอาจไม่ทราบว่า โรคกระเพาะอาหารอักเสบ มีสาเหตุหนึ่งที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือ เอชไพโลไร (Helicobacter pylori / H.pylori) ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ในอาหาร หรือน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ และอาจรวมถึงอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นการทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้
..

👉2.รับประทานอาหารให้ตรงเวลาทุกมื้อ

เรื่องนี้หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา จนน้ำย่อยในกระเพาะอาหารถูกผลิตออกมา แล้วมาทำร้ายผนังกระเพาะอาหารแทน อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และทำให้เราปวดท้องทรมานได้ ดังนั้นเราสามารถหลีกเลี่ยงความทรมานนี้ได้ง่ายๆ ด้วยการทานข้าวให้ตรงเวลา ให้ระบบย่อยอาหารของกระเพาะอาหารเราทำงานตามปกติ
..

👉3.ไม่ทานอาหารน้อย หรือมากเกินไป

ในแต่ละมื้อ ควรทานอาหารแต่พอดี ไม่มาก หรือไม่น้อยจนเกินไป เพราะทานอาหารน้อยมากจนไม่มีอะไรให้กระเพาะอาหารได้ย่อย ก็อาจทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำลายผนังในกระเพาะจนเป็นแผลได้เช่นกัน สำหรับการทานอาหารมากเกินไป อาจเป็นการเร่งให้กระเพาะอาหารผลิตน้ำย่อยออกมามากจนเกินไป จนกรดในน้ำย่อยที่หลั่งออกมามีมากเกินไปจนทำลายผนังกระเพาะอาหารด้วย นอกจากนี้ควรเคี้ยวข้าวให้ละเอียดก่อนกลืน เพื่อเป็นการลดภาระในการทำงานของกระเพาะอาหาร ช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

👉4.หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง

การทานอาหารรสจัด หรืออาหารหมักดอง จะไปกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารให้ผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น (เพราะเข้าใจว่าเป็นอาหารที่ย่อยยาก) ส่งผลให้ผนังกระเพาะอาหารระคายเคือง เป็นแผลอักเสบได้
..

👉5.งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีคาเฟอีน

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน จะไปกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารให้ผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น ดังนั้นน้ำย่อยส่วนเกินที่เป็นกรดจึงอาจทำลายผนังกระเพาะอาหารได้อีกเช่นกัน นอกจากนี้การดื่มน้ำอัดลมในขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมาก และยังอาจทำให้อืดท้อง แน่นท้องได้อีกด้วย.

👉6.ปรึกษาแพทย์ก่อนทานยาที่มีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

ระมัดระวังการใช้ หรือทานยาที่อาจส่งผลให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากลุ่มเอนเสด (NSAIDs) เช่น แอสไพริน และยาบรเทาอาการปวดอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลในผนังกระเพาะอาหารจนเกิดการอักเสบ และมีอาการปวดแสบท้องขึ้นได้
..

👉7.จัดการกับความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ

ทราบหรือไม่ว่า ภาวะเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีส่วนที่ทำให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมามากเกินไป หรือแม้กระทั่งน้ำย่อยหลังออกมาผิดเวลาได้ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรผ่อนคลายความเครียดของตัวเอง และเข้านอนให้ตรงเวลาทุกคืน จะช่วยให้ร่างกายของคุณเข้าที่เข้าทาง และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้
🙏ขอขอบคุณ
ข้อมูล :โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

▶️ปฎิบัติตัวอย่างไร❓❓❓  #เมื่อรู้ตัวเป็นกรดไหลย้อน◀️▪️️กินยาให้ครบถ้วนและต่อเนื่อง ตามคำแนะนำของแพทย์▪️️ถ้าน้ำหนักเกินหร...
23/05/2020

▶️ปฎิบัติตัวอย่างไร❓❓❓
#เมื่อรู้ตัวเป็นกรดไหลย้อน◀️
▪️️กินยาให้ครบถ้วนและต่อเนื่อง ตามคำแนะนำของแพทย์
▪️️ถ้าน้ำหนักเกินหรืออ้วน ควรหาทางลดน้ำหนัก
▪️️สังเกตว่าบริโภคสิ่งใดบ้างที่ทำให้อาการกำเริบ แล้วพยายามหลีกเลี่ยง เช่น อาหารมัน (รวมทั้งข้าวผัด ของทอด ของผัดที่อมน้ำมัน) อาหารเผ็ดจัด หัวหอม กระเทียม แอลกอฮอล์ บุหรี่ ชา กาแฟ เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน น้ำอัดลม น้ำผลไม้เปรี้ยว ผลไม้เปรี้ยว ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ ช็อกโกแลต ยาบางชนิด
▪️️หลีกเลี่ยงการกินอาหารปริมาณมาก (หรืออิ่มจัด) และหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากๆ ระหว่างกินอาหาร ควรกินอาหารมื้อเย็นในปริมาณน้อย และทิ้งช่วงห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
▪️️หลังกินอาหารควรปลดเข็มขัด และตะขอกางเกงให้หลวม ไม่ควรนอนราบหรือนั่งงอตัว โค้งตัวลงต่ำ ควรนั่งตัวตรง ยืน หรือให้รู้สึกสบายท้อง หลีกเลี่ยงการยกของหนัก และการออกกำลังกายหลังอาหารใหม่ๆ
▪️️หมั่นออกกำลังกาย และผ่อนคลายความเครียด เนื่องเพราะความเครียดมีส่วนทำให้หลั่งกรดมากขึ้น ทำให้อาการกำเริบได้
▪️️ถ้ามีอาการกำเริบตอนเข้านอน หรือตื่นนอนตอนเช้า มีอาการเจ็บคอ เจ็บลิ้น เสียงแหบ ไอ ควรหนุนศีรษะสูง 6-10 นิ้ว โดยการหนุนขาเตียงด้านศีรษะให้สูง หรือใช้อุปกรณ์พิเศษ (bed wedge pillow) สอดใต้ที่นอนให้เอียงลาดจากศีรษะลงมาถึงระดับเอว หรือใช้เตียงที่มีกลไกปรับหัวเตียงให้สูงได้ ไม่แนะนำให้ใช้วิธีหนุนหมอนหลายใบให้สูง เพราะอาจทำให้ท้องโค้งงอ ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น ดันให้น้ำย่อยไหลย้อนได้
🙏ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน

ที่อยู่

Bangkok
10400

เบอร์โทรศัพท์

084-099-4474

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Beyond Wellness นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพที่เหนือกว่าผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Beyond Wellness นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพที่เหนือกว่า:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram