Yoga at Home Khon Kaen by Kru.Au

Yoga at Home Khon Kaen by Kru.Au Yoga for Health Mind and Body. ห้องโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีแอร์

03/10/2025

📖 ซีรีส์: เส้นทางการย้อนวัยด้วยพลังธรรมชาติ

🏋️ ตอนที่ 5 - การออกกำลังกายในวัย 50+ เพื่อการย้อนวัย

1. ปัญหาหลัก: Sarcopenia (กล้ามเนื้อลดลงตามวัย)
• ฮอร์โมนเพศชาย/หญิงเริ่มลดลง → ร่างกายสังเคราะห์โปรตีนได้ช้าลง
• กล้ามเนื้อน้อยลง = การเผาผลาญลดลง → เสี่ยงโรคอ้วน, เบาหวาน, และหกล้ม

2. วิทยาศาสตร์การฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
• Progressive Resistance Training (PRT): การเพิ่มน้ำหนักหรือแรงต้านทีละน้อย ช่วยให้กล้ามเนื้อโตได้ทุกวัย งานวิจัย meta-analysis พบว่าคนวัย 50–83 ปีที่ทำ PRT เพิ่ม lean mass ได้เฉลี่ย ~1–1.5 กก.
• Protein Intake: ผู้สูงวัยควรกินโปรตีน 1–1.3 กรัม/กก.น้ำหนักตัว/วัน ร่วมกับการออกกำลังกาย เพื่อชดเชย anabolic resistance
• Timing Matters: การกินโปรตีนทันทีหลังออกกำลัง ภายใน 1-2 ชั่วโมง จะช่วยซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด

3. รูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม
• Strength Training: ดัมเบล, resistance band, bodyweight (squat, push-up, plank) 2–3 ครั้ง/สัปดาห์
• Cardio (Aerobic): เดินเร็ว, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน รวม ≥150 นาที/สัปดาห์
• Balance & Flexibility: Tai chi, yoga → ลดความเสี่ยงหกล้มและบาดเจ็บ
• HIIT แบบปรับเบา: Interval walking หรือจักรยาน เพิ่มความฟิตหัวใจ

4. เชื่อมโยงกับ “พลังธรรมชาติ”
• การออกกำลังกายกลางแจ้ง = ได้ทั้ง แสงแดด (Vitamin D + NO) และ Grounding ไปพร้อมกัน
• การออกกำลังกายแล้วตามด้วย ซาวน่า/Cold exposure → เสริมการฟื้นตัว (Recovery)
• การใช้ โปรตีนจากอาหารจริง (ปลา, ไข่, พืช) แทนอาหารแปรรูป → ลดการอักเสบ

________________________________________

✨ สรุป:

การออกกำลังกายในวัย 50+ ไม่ได้มีไว้เพื่อ “หุ่นดี” เท่านั้น แต่คือการ ยืดอายุของกล้ามเนื้อ หัวใจ และสมอง
PRT + โปรตีนพอเพียง + แสงแดด + การนอนลึก → คือสูตรต้านความชราที่ครบวงจร

03/10/2025

1176.

+ ในฐานะนักบำบัด ผมไม่อยากบอกเลย แต่…

+ ถ้าระบบประสาทของคุณติดค้างอยู่ใน “โหมดเอาตัวรอด survival mode” ไม่ว่าคุณจะเขียนบันทึก หรือทำสมาธิแค่ไหน มันก็ไม่สามารถช่วยคุณได้

+ นี่คือ 7 เทคนิค ที่สามารถเยียวยาบาดแผลในใจ trauma ที่สะสมมาหลายสิบปี เพิ่มความทนทานต่อความเครียด stress tolerance และปรับปรุงการนอนหลับ/การย่อยอาหาร

1
+ ระบบประสาท คือ เครือข่ายของ 86 พันล้านเซลล์ประสาท neurons ที่เชื่อมจากสมองไปถึงร่างกาย

+ มันควบคุมความเครียด โดยการเปิดใช้งาน ระบบประสาท sympathetic (fight-flight = สู้หรือหนี) หรือ ระบบประสาท parasympathetic (rest-digest = พักและย่อย)

+ อารมณ์ทุกอย่างที่คุณรู้สึก เริ่มต้นจากตรงนี้

2
+ เมื่อความเครียดอยู่ยาวนาน → แกนไฮโปทาลามัส – ต่อมใต้สมอง – ต่อมหมวกไต HPA axis (hypothalamus–pituitary–adrenal axis) จะยังคงทำงานต่อไป:

→ ฮอร์โมน Cortisol (คอร์ติซอล = ฮอร์โมนความเครียด) สูงคงที่
→ การย่อยอาหาร + ระบบภูมิคุ้มกัน หยุดทำงาน
→ อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น

+ การเปิดใช้งานแบบเรื้อรังนี้ คือสิ่งที่ทำให้ “ความเครียดชั่วคราว” กลายเป็นบาดแผลสะสมในระบบประสาท/จิตใจ trauma

3
นี่คือ 7 วิธีปฏิบัติที่คุณสามารถลองได้

1/ การออกกำลังกายเพื่อปลดปล่อยความตึงเครียดและบาดแผลทางใจ/ร่างกาย (TRE - Tension & Trauma Releasing Exercises)

+ Neurogenic Tremoring การสั่นสะเทือนที่มีต้นกำเนิดจากระบบประสาท → เป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายมนุษย์และสัตว์หลายชนิด เวลาเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจหรืออันตราย ร่างกายมักเก็บความตึงเครียดไว้ในกล้ามเนื้อและระบบประสาท

+ Tension & Trauma Releasing Exercises TRE → คือ การออกกำลังกายที่ช่วยให้ร่างกายเกิดการสั่นที่เกิดขึ้นเองโดยระบบประสาท Neurogenic Tremors เพื่อช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดสะสม และบาดแผลทางใจ/ร่างกาย ที่ฝังลึก

+ การ “สั่น” เป็นการรีเซ็ตระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nervous system) โดยเฉพาะการปลดปล่อยจาก sympathetic nervous system (โหมดสู้หรือหนี – fight or flight) กลับเข้าสู่ความสมดุลของ parasympathetic (โหมดพักผ่อนและฟื้นฟู – rest and digest)

• สัตว์ผู้ถูกล่าจะสั่นตัว (shake) หลังจากหนีรอดจากผู้ล่าได้ เพื่อปลดปล่อยความตึงเครียด หรือการบาดเจ็บทางใจ trauma
• มนุษย์กดเก็บปฎิกริยา reflex นี้ไว้ → จึงติดค้างอยู่กับความเครียด stress
• การออกกำลังง่ายๆ สามารถกระตุ้นการสั่นตามธรรมชาติ ซึ่งปลดปล่อยความเครียดที่เก็บมาหลายสิบปี

+ TRE - เป็นชุดการออกกำลังกายง่ายๆ ที่คิดค้นโดย Dr. David Berceli นักบำบัดด้าน trauma, ขั้นตอนของ TRE จะทำให้กล้ามเนื้อบางส่วน (โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อแกนกลางเชื่อมกับกระดูกเชิงกรานและกระดูกสันหลัง psoas muscle) เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาเอง (ไม่ใช่เราสั่นเอง แต่ร่างกายสั่นโดยอัตโนมัติ)

+ ประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับ TRE
1. คลายความตึงของกล้ามเนื้อ ที่สะสมจากความเครียดเรื้อรัง
2. ปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ร่างกายไม่ติดอยู่ในภาวะ fight-or-flight ตลอดเวลา
3. ลดความวิตกกังวลและความเครียด
4. ช่วยในการฟื้นตัวจากบาดแผล trauma ทั้งทางกายและใจ
5. ทำให้รู้สึก ผ่อนคลาย หลับง่ายขึ้น และมีสมาธิ

ดูรายละเอียดเพิ่ม จากคลิปนี้
https://youtu.be/FeUioDuJjFI?si=X7W94CbKcd_ZTB9O

2/ การฮัมเสียง (Humming) ที่ความถี่ 40–60 Hz
• ผึ้ง, พระสงฆ์, นักร้อง ต่างฮัมอยู่ที่ประมาณ 40–60 Hz
• ความถี่นี้กระตุ้น เส้นประสาทวากัส Vagus nerve → เพิ่มเปลี่ยนโหมดให้เป็นโหมดของความสงบ การย่อย และการนอนหลับ
• การฮัมทุกวัน เหมือนการนวดด้วยคลื่นสั่น (vibration massage) ให้ระบบประสาท

อ่านเรื่องการฮัมเสียง คำว่า “โอม” จากโพสนี้
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1325917172657514&id=100057177320614

3/ การหายใจ 5 วินาที (5-Second Breathing)
• ปอดควบคุมการตอบสนองต่อความเครียด
• สูดหายใจเข้า 5 วินาที → ผ่อนลมหายใจออก 5 วินาที → ทำซ้ำ
• สิ่งนี้ทำให้ CO₂ และ O₂ เข้าสู่สมดุล, ลดอัตราการเต้นของหัวใจ, กระตุ้นระบบประสาทให้ผ่อนคลาย parasympathetic
• เทคนิค 4-7-8 breathing (หายใจเข้า 4 วิ - กลั้น 7 วิ - ผ่อนออก 8 วิ) ก็น่าลอง

4/ ความถี่เสียงเพื่อการบำบัด (Sound Healing Frequencies)
• ความถี่บางอย่าง (432 Hz, 528 Hz) สามารถเปลี่ยน สถานะคลื่นสมอง brainwave states
• งานวิจัยชี้ว่ามันช่วยทำให้สมองส่วนควบคุมอารมณ์และความกลัว amygdala สงบลง และเพิ่มการผ่อนคลาย
• แค่ฟัง 10 นาที ก็สามารถรีเซ็ตสรีรวิทยาความเครียดได้

5/ การเคาะเบาๆ Tapping (EFT – Emotional Freedom Technique)

+ Tapping คือ วิธีการใช้การเคาะเบาๆ ตามจุดพลังงานบนร่างกาย (คล้ายจุดกดจุด/meridian ในศาสตร์แพทย์แผนจีน) ขณะพูดหรือคิดถึงอารมณ์ ความเครียด หรือความทรงจำที่ทำให้ไม่สบายใจ เพื่อปลดปล่อยความตึงเครียดทางกายและใจ

+ Emotional Freedom Technique EFT → เทคนิคการปลดปล่อยอิสรภาพทางอารมณ์ เป็นวิธีการบำบัดทางเลือก (alternative therapy) ที่รวม การเคาะ (tapping) เข้ากับ การโฟกัสที่อารมณ์หรือปัญหา

• ร่างกายเก็บบาดแผลสะสม trauma ไว้ใน จุดเส้นลมปราณ meridian points
• การเคาะ (tapping) ที่ จุดกดจุด acupressure points พร้อมเอ่ยชื่ออารมณ์ → จะเป็นการ “เปลี่ยนโปรแกรม reprogram” วงจรความเครียด
• งานวิจัยพบว่า EFT ลดคอร์ติซอลได้สูงถึง 43% ภายในการทำหนึ่ง session

+ ประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับ Tapping (EFT) งานวิจัยบางส่วนชี้ว่า EFT อาจช่วยได้ในด้าน:
1. ลดความเครียดและความวิตกกังวล
2. บรรเทาอาการ PTSD (post-traumatic stress disorder)
3. ช่วยให้นอนดีขึ้น
4. ลดความอยาก craving (ความอยาก เช่น อยากบุหรี่/อาหาร)
5. ปรับสมดุลอารมณ์ และช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้น

ดูรายละเอียดเพิ่ม จากคลิปนี้
https://youtu.be/pAclBdj20ZU?si=T6O8pAaY9M_O2OLl

6/ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบก้าวหน้า PMR (Progressive Muscle Relaxation)

*PMR - วิธีการ “เกร็งแล้วคลาย” กล้ามเนื้อแต่ละส่วนทีละลำดับ เพื่อฝึกให้ร่างกายรับรู้และปลดปล่อยความตึงเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ เป็นเทคนิคการผ่อนคลายที่ถูกพัฒนาโดย Dr. Edmund Jacobson ในปี 1930s

+ หลักการคือ:
1. เกร็งกล้ามเนื้อแต่ละส่วนของร่างกาย ทีละกลุ่ม (เช่น มือ แขน ไหล่ ขา ใบหน้า)
2. ค้างไว้สัก 5–10 วินาที เพื่อให้รู้สึกถึงความตึง
3. ปล่อยคลายทันที และสังเกตความรู้สึกผ่อนคลายที่เกิดขึ้น
4. ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จากศีรษะจรดเท้า หรือจากเท้าขึ้นศีรษะอย่างเป็นลำดับ

+ จุดสำคัญคือ การตระหนักรู้ (awareness) ถึง ความต่างระหว่างภาวะตึง กับ ภาวะผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเรียนรู้ที่จะปล่อยความเครียดที่ซ่อนอยู่

• ความเครียดซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อ
• เกร็งกล้ามเนื้อแต่ละส่วน → ค้างไว้ → ปล่อยออก
• สิ่งนี้สอนสมองให้แยกแยะระหว่างความตึงเครียดและความผ่อนคลาย → ลดความวิตกกังวล + ช่วยการนอนหลับ

+ ประโยชน์ของ PMR
1. ลดความเครียดและความวิตกกังวล โดยช่วยให้ระบบประสาทเข้าสู่โหมด parasympathetic (พักและฟื้นฟู – rest and digest)
2. ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น เพราะกล้ามเนื้อไม่ค้างเกร็ง
3. บรรเทาอาการปวดหัวจากความเครียด (tension headache)
4. ช่วยควบคุมอารมณ์ และทำให้มีสมาธิ
5. ใช้เป็น เทคนิคประกอบการทำสมาธิหรือการฝึกหายใจ

ดูรายละเอียดเพิ่ม จากคลิปนี้
https://youtu.be/SNqYG95j_UQ?si=lJBtOWlEVP_al7b6

7/ การสั่นตัวแบบโซมาติก (Somatic Shaking)

+ Somatic Shaking → เป็นเทคนิคการใช้การสั่นสะเทือนของร่างกาย (shaking) เพื่อปลดปล่อยความตึงเครียด ความเครียดสะสม และ trauma ที่ถูกเก็บไว้ในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

+ พื้นฐานทางชีววิทยา ตัวอย่างจากสัตว์ป่า เช่น กวาง หรือม้าลาย หลังรอดพ้นจากเหตุการณ์อันตราย มักจะ “สั่น” ร่างกายแรงๆ เพื่อปลดปล่อยพลังงานความกลัว/ความเครียดที่ถูกกักเก็บไว้ในระบบประสาท แล้วกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

+ มนุษย์ก็มี กลไกการสั่น ตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน แต่เรามักไปกดทับ ไม่ยอมให้ร่างกายสั่น (เช่น กลัวคนมองว่าแปลก, ถูกสอนให้นิ่ง เก็บอารมณ์) ทำให้ความเครียดถูกเก็บสะสม

+ Somatic Shaking จึงเป็นการ “เปิดโอกาสให้ร่างกายสั่น” ทั้งแบบตั้งใจ (กระตุ้นให้สั่น) และปล่อยให้เกิดขึ้นเอง เพื่อช่วยรีเซ็ตระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nervous system)

• นักเต้นและวัฒนธรรมโบราณ ใช้การสั่นเพื่อรีเซ็ตร่างกาย
• ประสาทวิทยาสมัยใหม่ยืนยันว่า → การสั่นจังหวะ (rhythmic shaking) ช่วยปลดปล่อยพลังงานเอาตัวรอดที่ติดค้าง
• เพียง 2–3 นาที ก็สามารถทำให้รู้สึกเบาขึ้นและสงบลง

+ ประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับ Somatic Shaking
1. ปลดปล่อยความตึงเครียดและ trauma ที่ฝังลึก
2. ปรับสมดุลระบบประสาท (จากโหมดสู้/หนี fight-or-flight กลับสู่โหมดพักผ่อน)
3. ลดความวิตกกังวลและอาการเครียดเรื้อรัง
4. เพิ่มการไหลเวียนโลหิตและพลังงาน รู้สึกเบาสบายขึ้น
5. ใช้เป็น การเตรียมร่างกายก่อนทำสมาธิหรือโยคะ เพื่อให้จิตใจสงบง่ายขึ้น

ดูรายละเอียดเพิ่ม จากคลิปนี้
https://youtu.be/ySJT7EBMDH4?si=XWE8WA2ndcg0omfI

+ TLDR (สรุปสั้นๆ):
# วิธีปลดปล่อยความเครียดสะสม/ เยียวยาบาดแผลทางจิตใจ Trauma ;
• การฝึกโซมาติก Somatic practices เช่น TRE, shaking, body scans
• การฝึกหายใจ Breathwork methods เช่น ฝึกถอนหายใจ physiological sigh, ฝึกหายใจด้วยกะบังลม belly breathing
• การกระตุ้นเส้นประสาทวากัส Vagus nerve activation เช่น การทำเสียงฮัม humming, การสัมผัสความเย็น cold exposure, งานผ่อนคลาย relaxation work

+ มันไม่ได้อยู่ในหัวของคุณ not just in your head
แต่คุณต้องเยียวยาผ่านร่างกาย heal your body.

Cr : https://x.com/iamprohuman/status/1962547249239728384?s=61

02/10/2025

อาการกล้ามเนื้อ "เป็นแผ่นหนา" ที่เรียกว่า "พังผืด" - มันคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะรักษายังไง

บทความโดย พท.กมลลาสน์ ชีวสาธน์เวชกุล
(แพทย์แผนไทย พท.ว เวชกรรมไทย / พท.น นวดไทย)

เนื่องจากมีคนไข้ทั้งถามทั้งมารับการรักษาที่คลินิกเราด้วยอาการนี้ค่อนข้างเยอะมาก ๆ คนไข้มักจะถามว่ามันคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะรักษาอย่างไร เราเลยถือโอกาส เราเรื่องนี้มาอธิบายให้ฟัง

*** พังผืดหนา ๆ ที่จับเจอที่ "สะบัก" หรือ "หลัง" ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Fibrosis" แปลง่าย ๆ ตามที่บางคนเข้าใจ ก็คือ "พังผืด"

ในยามปรกติ ในร่างกายของเราจะมี "พังผืด" เหล่านี้หุ้มอยู่ตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกายอยู่แล้ว กล้ามเนื้อมัดไหนใช้เยอะหน่อยก็มี "พังผืด" เกาะอยู่หนาหน่อย มัดไหนใช้น้อยก็หนาน้อยหน่อย

*******************************

พังผืดเหล่านี้จะจะหนาขึ้นมา ด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้

1) ได้รับอุบัติเหตุเฉียบพลันขึ้นที่กล้ามเนื้อ
2) ได้รับการบาดเจ็บเรื้อรังที่กล้ามเนื้อ
3) กล้ามเนื้อถูกใช้งานมากเกินไป

*** ในบรรดาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ "พังผืดหนา" ทั้งหมด หัวข้อที่ท่านควรจะใส่ใจมากที่สุด คือ "ได้รับการบาดเจ็บเรื้อรังที่กล้ามเนื้อ" ยกตัวอย่างอาการทีทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังเช่น

- กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังแล้วไม่ได้รักษาให้ถูกต้อง
- กล้ามเนื้ออักเสบแล้วยังฟื้นใช้งานซ้ำ ๆ
- โดนนวดหยี้หนัก ๆ แรง ๆ มากเกินไป บ่อย ๆ
- และอื่น ๆ ที่ไม่สามารถบอกได้

******************************

การรักษาอาการแบบนี้ จำเป็นต้องใช้หัคถการทางการแพทย์แผนไทยอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการนวดกดจุดสัญญาณแบบทั่วไป

*** เพราะ "พังผืดเหล่านี้" บางส่วนอยู่ชั้นลึกแต่อยู่เป็นจุด บางส่วนอยู่กล้ามเนื้อชั้นบนแต่ก่อนบริเวณกว้าง

หากสลายพังผืดเหล่านี้ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคนไข้ที่ถูกนวดคือ

- อาจเกิดอาการอักเสบซ้ำที่พังผืดเดิม ทำให้หนาตัวขึ้นมาอีก
- เมือเกิดอาการอักเสบซ้ำ อาจทำให้เป็นไข้ขึ้นมา ที่เรียกกันว่า "ไข้เส้น"

ข้อมูลที่เหลือ เดี๋ยวจะเอาไปอธิบายในห้อง พท. ในช่วงเวลา Live สด ท่านใดติดงานตามชมย้อนหลังได้เลย เดี๋ยวจะทำเอกสารเอกใน Database ของห้อง พท. ด้วย

ท่านใดต้องการสมัครห้อง พท. ติดต่อทางไลน์ได้เลย Line ID : revthai

30/09/2025

‘WE ARE SHAPED BY OUR EXPERIENCE’

As I think of Franklyn these words play in my head. I heard him repeat these words often, over my long years of close association with him and they guided my clinical practice.

Southerland was fond of the proverb ‘As a twig is bent, so the tree will grow’. Meaning that events in early life affect our future health. In particular, he was describing the impact of physical forces exerted on the head when we are born and how these forces mould the growth pattern and potential of the whole body, as we progress through life.

Franklyn’s phrase, WE ARE SHAPED BY OUR EXPERIENCE, expands that idea beyond the structure and function of the physical body to encompass the emotional, psychological and spiritual dimensions of human experience. The living body becomes a storehouse for our biography.

So, when we put our hands somebody, we are touching their life history, their whole being. That opens the door to a more authentic, compassionate engagement with those who seek our help.

30/09/2025
30/09/2025
30/09/2025

🏋🏼‍♀️ออกกำลังกายช่วย “แตกเส้นเลือดใหม่” ให้กล้ามเนื้อ 🏃‍♂️

สมมุติหลอดเลือดเราเหมือนทางหลวง อยู่ดีๆ ถนนพัง/ เป็นหลุม ทำให้การจราจรต้องชะลอและไหลไปยังเลนที่เหลืออีกสองเลน การไหลของรถก็ไปถึงปลายทางได้ยากขึ้น

Angiogenesis (การสร้างเส้นเลือดใหม่) ทำหน้าที่เหมือนสร้าง ทางเบี่ยงใหม่/ ทางเชื่อม/ ทางลัด ทำให้การจราจรถูกเบี่ยงไปตามเส้นทางใหม่และไปถึงปลายทางได้อย่างราบรื่น

โดยทั่วไปกล้ามเนื้อโครงร่างของเรามีความยืดหยุ่นสูง สามารถเติบโตและปรับตัวตามการใช้งานได้ เวลาเราออกกำลังกายที่หนักขึ้น กล้ามเนื้อจะเข้าสู่สภาวะขาดออกซิเจนชั่วคราว (Hypoxia) เพราะหลอดเลือดไม่สามารถส่งออกซิเจนได้เพียงพอ

สภาวะนี้ร่วมกับแลคเตทในกล้ามเนื้อและการสร้างไนตริกออกไซด์ (NO) จะไปกระตุ้นสารตัวช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ เช่น VEGF (Vascular endothelial growth factor) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์บุผนังหลอดเลือด (Endothelial cells) แบ่งตัวและงอกเป็นเส้นเลือดใหม่

การเกิดเส้นเลือดใหม่ ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ช่วยพัฒนาสมรรถนะกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ การสร้างเส้นเลือดใหม่ยังช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาระบบหลอดเลือด ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ และสนับสนุนระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกกำลังกายจึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพหลอดเลือดที่คุ้มค่ามาก ❤️

จบครับ

>>>แต่ยังไม่จบสำหรับผู้สนใจที่อยากรู้ลึกขึ้นมาอีก (ดูรูปในคอมเม้น)

1. ในกล้ามเนื้อโครงร่าง VEGF-A เป็นตัวจัดการการสร้างเส้นเลือดใหม่ที่สำคัญมาก ซึ่งกระตุ้นการเพิ่มจำนวนและการเคลื่อนที่ของเซลลบุผนังหลอดเลือดโดยการจับกับตัวรับ VEGFR2 ปกติ VEGF ถูกเก็บไว้ใน Muscle fiber และถูกปล่อยเข้าสู่นอกเซลล์เมื่อกล้ามเนื้อหดตัว

2. การสร้างเส้นเลือดใหม่ถูกควบคุมโดยทั้งปัจจัยเคมีและปัจจัยทางกลไก เช่น แรงเฉือน (Shear stress) และ Passive stretch โดย Shear stress ทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดของหลอดเลือดฝอยโดยการแบ่งตามยาวของหลอดเลือด (Longitudinal splitting) โดยบางส่วนเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ NO ผ่าน endothelial NO synthase และส่งผลให้ VEGF ถูกกระตุ้นเพิ่มขึ้น

3. Passive stretch ทำให้หลอดเลือดแตกออกโดยกระบวนการ Sprouting ซึ่งต้องอาศัยการปรับเปลี่ยน Basement membrane ของหลอดเลือดฝอย โปรตีนสำคัญในการปรับเปลี่ยนนี้ ได้แก่ Matrix metalloproteinases (MMPs)

4. Angiopoietin (Ang) 1 และ 2 เป็น Ligand ทำงานผ่านตัวรับ Tie-2

5. เซลล์บุผนังหลอดเลือดใช้พลังงานจาก Glycolysis เป็นหลัก การสร้างเส้นเลือดใหม่เองมีสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของ Glycolysis จึงทำให้เกิดการสร้าง Lactate มีมากขึ้น ซึ่ง Lactate เองก็ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ นอกจากนี้ Lactate ก็ยังมาจาก Muscle fiber ด้วย

6. Vesicles นอกเซลล์ที่มาจากกล้ามเนื้อโครงร่าง อาจมีบทบาทในการควบคุมสมดุลของหลอดเลือดฝอยและการปรับตัวของการสร้างเส้นเลือดใหม่ต่อการออกกำลังกาย

>>>อยากรู้ลึกกว่านี้อีก Google Scholar 😁

อ้างอิง/ รูปจาก Ross et al., 2023

ช่วยได้เยอะมากจริงๆการฝึก 1 สิ่ง เพื่อประโยชน์มากกว่า 1 ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ แล้วงานที่ทำทุกวันจะไม่มี...
30/09/2025

ช่วยได้เยอะมากจริงๆ

การฝึก 1 สิ่ง เพื่อประโยชน์มากกว่า 1 ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ แล้วงานที่ทำทุกวันจะไม่มีเบื่อเลย 😉

🕸️ The Fascial Web and Your Lymphatic System: A Hidden but Powerful Connection

The human body is a marvel of interconnected systems, and few relationships are as underrated — yet as vital — as the link between fascia and the lymphatic system.

🔍 What is Fascia?

Fascia is a specialized connective tissue that surrounds and interweaves with every structure in the body — muscles, bones, nerves, blood vessels, and even organs. It's like a continuous 3D spiderweb that maintains structural integrity, transmits mechanical tension, and facilitates movement.

There are three main layers of fascia:

Superficial fascia: Just beneath the skin, rich in lymphatic capillaries and fat.
Deep fascia: Surrounds muscles and neurovascular bundles.
Visceral fascia: Wraps internal organs and holds them in place.

🌊 What is the Lymphatic System?
The lymphatic system is your body’s drainage and detox network. It removes waste, excess fluid, metabolic byproducts, and pathogens while also playing a crucial role in immune defense. Lymphatic vessels, which carry lymph fluid, are especially abundant in superficial fascia, running parallel to veins.

⚡ The Fascia-Lymph Link: Why It Matters
1. Fascia Houses Lymphatic Vessels

Lymphatic capillaries are embedded within the superficial and deep fascia. Fascia acts like a soft highway system through which lymph travels. Any restriction, adhesion, or thickening of fascia (due to trauma, surgery, inflammation, or inactivity) can impede lymphatic flow, contributing to stagnation, swelling, or toxin buildup.

2. Fascial Glide Supports Lymphatic Movement

Healthy fascia is elastic, hydrated, and allows for smooth gliding of tissues. Lymph relies on this movement — because unlike the circulatory system, it doesn’t have a central pump like the heart. Body movement, breath, and tissue mobility are key drivers of lymph flow, and that’s where fascia plays a starring role.

🩺 Research Insight: A 2021 study in Frontiers in Physiology highlighted how fascial restrictions could compromise lymph flow and immune surveillance, emphasizing the importance of myofascial release and manual therapy in restoring both mobility and drainage function.

3. Inflammation Affects Both

Fascia is rich in sensory nerve endings and immune cells. When inflammation is present — due to injury, autoimmune disease, or infection — fascia can become fibrotic and sticky, trapping interstitial fluid and further burdening the lymphatic system. This forms a vicious cycle of stagnation, swelling, and discomfort.

4. Fascial Health Enhances Detox

Healthy fascial tissue means improved lymphatic drainage, better nutrient delivery, and efficient toxin clearance. This is especially important in conditions like:

Lymphoedema
Fibromyalgia
Autoimmune disorders
Post-surgical swelling
Chronic fatigue and “toxic load” syndromes

💆‍♀️ What Can You Do?
To support both fascial and lymphatic health, consider incorporating:

Manual Lymphatic Drainage (MLD) and Myofascial Release Therapy
Stretching, Pilates, or fascia-focused movement like Yin Yoga
Hydration (fascia needs fluid to glide!)
Castor oil packs to soften fascia and reduce congestion
Dry brushing and gentle compression therapy
Anti-inflammatory nutrition to reduce fascial tension and fluid retention

✨ The Hidden Wisdom of the Web
Your fascia and lymphatics aren’t separate systems — they are partners in resilience and recovery. One moves with fluidity, the other carries fluid with purpose. And both are essential to maintaining your body's balance, detoxification, and healing.

When we release the fascia, we unlock the lymph. When we move the lymph, we revitalize the body.

📚 References:
Stecco C, et al. "Fascial Disorders: Implications for Lymphatic Drainage." Frontiers in Physiology. 2021.
Schleip R, et al. "Fascia: The Tensional Network of the Human Body." Elsevier. 2012.
Pischinger A. “The Extracellular Matrix and Ground Regulation.” 2007.

📌 This article is for informational purposes only and is not a substitute for professional medical advice, diagnosis, or treatment. Always consult your healthcare provider before making changes to your diet, exercise, or health regimen.

©️

30/09/2025

📖 ซีรีส์: เส้นทางการย้อนวัยด้วยพลังธรรมชาติ

🔥❄️ ตอนที่ 2 – ซาวน่า & Hot–Cold Therapy: กระตุ้นร่างกายให้ยืดหยุ่น

หลายวัฒนธรรมทั่วโลกใช้ “ความร้อนและความเย็น” เป็นการบำบัดมาตั้งแต่โบราณ – ฟินแลนด์กับซาวน่า ญี่ปุ่นกับออนเซ็น รัสเซียกับบานยา วันนี้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยืนยันแล้วว่าการ “ฝึกสลับอุณหภูมิ” ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นจริง และยังเป็นเครื่องมือชั้นยอดในการย้อนวัย

________________________________________

🔥 ซาวน่า: ยาวิเศษจากความร้อน

• งานวิจัยจากฟินแลนด์พบว่า การใช้ซาวน่า 4–7 ครั้ง/สัปดาห์ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ถึง 50%
• Infrared Sauna ทำงานลึกถึงระดับเซลล์ → กระตุ้นการสร้างพลังงาน (ATP), ลดการอักเสบ, และเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
• เมื่อผสานกับ Red Light Therapy → ยิ่งเสริมการฟื้นฟูผิวและระบบภูมิคุ้มกัน

ซาวน่าคือการ “จำลองการออกกำลังกายเบา ๆ” ให้หัวใจเต้นแรงขึ้น เลือดไหลเวียนดีขึ้น โดยไม่ต้องออกแรง

________________________________________

❄️ การแช่น้ำเย็น: พลังของความหนาว

• การแช่น้ำเย็นหรือ Cold Shower กระตุ้น Brown Fat → ช่วยเผาผลาญพลังงานและเพิ่มความทนทานของร่างกาย
• กระตุ้น Norepinephrine ฮอร์โมนที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดอาการซึมเศร้า
• งานวิจัยชี้ว่าผู้ที่ทำ cold exposure เป็นประจำ มี ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นและอารมณ์ดีขึ้น

________________________________________

⚖️ Hormesis: เคล็ดลับจากความเครียดเล็ก ๆ

นักวิทยาศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า Hormesis → ความเครียดในระดับน้อย ๆ ที่กระตุ้นให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
• เหมือนการเวทเทรนนิ่งที่ทำให้กล้ามเนื้อโตขึ้น
• ซาวน่าและน้ำเย็นก็เป็นการ “ฝึกระบบเซลล์” ให้ฟื้นตัวไวและยืดหยุ่นมากขึ้น

________________________________________

✅ วิธีปฏิบัติ (Practical Guide)

1. เริ่มต้นซาวน่าเพียง 5–10 นาที แล้วค่อยเพิ่มเป็น 15–20 นาที
2. Cold Shower/น้ำแข็ง เริ่มที่ 30–60 วินาที หลังซาวน่า หรือหลังออกกำลังกาย
3. ทำสัปดาห์ละ 2–4 ครั้ง → พอเหมาะที่จะกระตุ้นระบบโดยไม่ทำให้ร่างกายอ่อนล้า
4. ฝึกหายใจลึก ๆ ระหว่างเจอความร้อนหรือความเย็น เพื่อ “สอนสมองว่าเราปลอดภัย”

________________________________________

✨ ข้อคิดส่งท้าย

ทุกครั้งที่คุณเหงื่อออกในซาวน่า หรือขนลุกตัวสั่นจากน้ำเย็น ร่างกายกำลังเรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น
นี่ไม่ใช่เพียงการฟื้นฟู แต่คือการ “ฝึกให้ร่างกายกลับมาหนุ่มสาว”

👉 ในเส้นทางการย้อนวัยด้วยพลังธรรมชาติ Hot–Cold Therapy คือบทเรียนแห่งความสมดุล – ยอมรับทั้งความร้อนและความเย็น แล้วปล่อยให้ร่างกายค้นพบพลังใหม่ที่ซ่อนอยู่

ที่อยู่

PS Home Nongpei
Khon Kaen District
40000

เวลาทำการ

จันทร์ 10:30 - 11:30
18:30 - 19:30
อังคาร 10:30 - 11:30
18:30 - 19:30
พุธ 10:30 - 11:00
18:30 - 19:30
พฤหัสบดี 10:30 - 11:30
18:30 - 19:30
เสาร์ 09:00 - 10:00
อาทิตย์ 09:00 - 10:00

เบอร์โทรศัพท์

+66862259185

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Yoga at Home Khon Kaen by Kru.Auผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Yoga at Home Khon Kaen by Kru.Au:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram