ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ คุณนุ่น 099-6309755

ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ คุณนุ่น 099-6309755 อาหารเสริม ดูแล ฟื้นฟู กระดูก ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน ของแท้

��D-Boon (ดีบูน)��
อาหารเสริมที่มียอดขายสูงสุดทั้งในยุโรปและอเมริกา ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกและข้อต่อ
ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวเพื่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนรอบๆข้อต่อ เอ็นร้อยหวาย และเอ็นยึดข้อ
☆ส่วนประกอบที่สำคัญ☆
1.คอลลาเจนจากปลาทะเล (Hydrolyed Fish Collagen)
2.สารสกัดจากเปลือกสน (Pine bark extract ) MSM
3.วิตามิน ซี (Vitamin C)
4.สารสกัดจากขมิ้น (Turmeric Extract)
5.วิตามิน ดี 3 (Vitamin D 3)
6.แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate )
>>เหมาะสำหรับ
~ โรคข้อเข่าเสื่อม
~ โรคกระดูกพรุน
~ โรคข้ออักเสบ,รูมาตอย,เก๊าท์
~ โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน, กระดูกทับเส้นประสาท
~ นิ้วล็อค โรคฮิตของคนทำงาน
~ กลุ่มนักกีฬา
~ ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสูง
~ ช่วยเรื่องความเสื่อมของอวัยวะต่างๆในร่างกาย
~ ผู้ที่ปวดเมื่อยตามกระดูก ข้อเข่า สันหลัง ไหล่บ่า คอ
~ วัยหมดประจำเดือน ขาดแคลเซียม
~ อาชีพที่ต้องยืนนาน
�ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
�อย.10-1-06045-1-0038 รับรองฮาลาล

�สนใจสอบถาม/ราคา/สั่งซื้อ ✔✔✔
� : Tel. 099-630-9755 นุ่น
� คลิกเพื่อแอดไลน์ http://line.me/ti/p/

หมายเหตุ:ราคา,วิธีการทาน ขึ้นอยู่กับอาการลูกค้าของแต่ละท่านจ้า

5 เคล็ด (ไม่) ลับบำรุงกระดูก เสริมแคลเซียมให้แข็งแรงสุขภาพดีเคยได้ยินหรือไม่? ว่าหากมีกระดูกที่แข็งแรง ย่อมบ่งบอกถึงการม...
29/07/2020

5 เคล็ด (ไม่) ลับบำรุงกระดูก เสริมแคลเซียมให้แข็งแรงสุขภาพดี
เคยได้ยินหรือไม่? ว่าหากมีกระดูกที่แข็งแรง ย่อมบ่งบอกถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรงและยืนยาวในอนาคต แต่ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เราต่างละเลยความสำคัญในการดูแลกระดูกจนเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ กลายเป็นภัยเงียบที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของเราอย่างคาดไม่ถึง
หากเปรียบร่างกายเป็นห้องเรียน “กระดูก” (Bones) ก็เหมือนหัวหน้าห้อง เพราะเป็นอวัยวะสำคัญซึ่งมีหน้าที่ในการค้ำจุนร่างกาย ทั้งช่วยในการเคลื่อนไหว เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อต่างๆ และปกป้องอวัยวะภายใน อาทิ สมอง หัวใจ ปอด ฯลฯ ไม่ให้ได้รับอันตรายหรือกระทบกระเทือน นอกจากนี้ ยังมีเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งที่เรียกว่าไขกระดูก (Bone marrow) อยู่ในโพรงกระดูกทุกชิ้นของร่างกาย คอยช่วยผลิตเม็ดเลือดอีกด้วย
รู้หรือไม่? เมื่อร่างกายของเราเติบโตเต็มที่จะมีกระดูกอยู่ประมาณ 206 ชิ้น!
ประกอบด้วยกระดูกแกน (Axial Skeleton) และกระดูกรยางค์ (Appendicular Skeleton) ซึ่งแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน กระดูกแกน > อยู่ตรงกลางของร่างกาย มีหน้าที่ในการเป็นหลักให้แก่ร่างกาย เช่น กระดูกสันหลัง ซี่โครง กะโหลกศีรษะ ฯลฯ กระดูกรยางค์ > หรือกระดูกที่ยื่นออกมาจากกระดูกแกน เช่น กระดูกแขน กระดูกขา กระดูกเชิงกราน ทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหวอวัยวะตามตำแหน่งต่างๆ
มาถึงตรงนี้คงเห็นแล้วว่า กระดูกมีความสำคัญต่อร่างกายขนาดไหน แต่เรามักมองข้ามและพุ่งเป้าไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ จนละเลยการดูแลและบำรุงกระดูก ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาอย่างช้าๆ ทั้งโรคกระดูกพรุน โรคข้อเสื่อม ซึ่งแน่นอนว่าอาการเหล่านี้เหมือนภัยเงียบ เพราะจะปรากฏชัดเจนก็ต่อเมื่ออายุมากขึ้น ถ้าไม่อยากตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นโรคกระดูกพรุนหรือข้อเสื่อมตั้งแต่อายุน้อยๆ ควรเริ่มดูแลกระดูกตั้งแต่วันนี้ ด้วย 5 เคล็ด (ไม่) ลับที่เรานำมาฝาก
1. รับประทานอาหารแคลเซียมสูง
“แคลเซียม” มีบทบาทชัดเจนและโดดเด่นมาก ในฐานะผู้ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้เจริญเติบโตสำหรับเด็กๆ ทั้งความยาวและความหนาแน่นของมวลกระดูก ส่วนผู้ใหญ่ก็ต้องการแคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เปราะไม่ผุง่าย ดังนั้น เราจึงต้องเสริมแคลเซียมให้ร่างกายได้รับอย่างเพียงพอไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม วิธีที่ง่ายที่สุดคือดูดซึมจากอาหารที่กินเข้าไป อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ นม ชีส ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย ถั่ว และธัญพืชต่างๆ อีกทั้งการรับประทานแคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริม เช่น แบบชงหรือแคปซูล ก็สามารถช่วยได้อีกทางหนึ่ง
การทานแคลเซียมอย่างเพียงพอตั้งแต่อายุน้อยๆ เท่ากับช่วยให้ร่างกายสะสมแคลเซียมให้มีปริมาณที่หนาแน่น มีมวลกระดูกที่ดี เมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพกระดูกและฟันก็จะยังแข็งแรง แม้มีการสูญเสียมวลหรือความหนาแน่นไปตามวัย แคลเซียมก็ยังมีเหลือเพียงพอ ทำให้กระดูกไม่เปราะบางและหักง่าย
2. เสริมวิตามินดี
ภารกิจสำคัญของวิตามินดีคือช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ต่อให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเข้าไปมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีวิตามินดี ร่างกายก็ไม่สามารถนำแคลเซียมส่งต่อไปใช้กับกระดูกและฟันได้ ดังนั้น เราจึงต้องรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีด้วย แหล่งอาหารที่มีวิตามินดี ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึกอย่างแซลมอน ทูน่า รวมถึงไข่แดง แหล่งของวิตามินดีที่สำคัญอีกอย่างคือ แสงแดด ควรให้ร่างกายได้รับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสักวันละ 15-30 นาที เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมและนำแคลเซียมไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น เห็นหรือยังว่าแสงแดดไม่ได้น่ากลัวเสมอไป
3. ออกกำลังกายเสริมสร้างมวลกระดูก
การเข้าฟิตเนสอาจเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายๆ คน แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องออกกำลังกายเพื่อบริหารกระดูกให้แข็งแรง ควรเริ่มด้วยการเน้นออกกำลังแบบต้านแรงโน้มถ่วง เช่น บาสเกตบอล แบดมินตัน แต่สำหรับผู้สูงอายุแนะนำให้เดินเหยาะๆ หรือเต้นแอโรบิกเบาๆ เพื่อช่วยพยุงข้อต่อ พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และป้องกันการล้มที่อาจเกิดขึ้นได้ มีข้อแม้นิดหน่อยว่า การออกกำลังกายที่หนักหน่วงเกินไปหรือไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดปัญหากับข้อกระดูกได้ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมคือประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน
4. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์
ถ้าน้ำหนักตัวมากเกินไป กระดูกหัวเข่าและข้อเท้าจะต้องรองรับน้ำหนักปริมาณมาก ทำให้เกิดภาวะปวดเข่าปวดข้อตามมา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมได้ เราจึงควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
5. เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทำร้ายกระดูก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “กาแฟ” เป็นหนึ่งในเมนูอาหารเช้าของหลายๆ คน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นศัตรูเบอร์หนึ่งที่จ้องทำร้ายกระดูกของเรา เพราะมีคาเฟอีนสูง รวมทั้งนิโคตินในบุหรี่ ล้วนเป็นสารที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย แถมยังทำให้มวลกระดูกเสื่อมสลายได้ง่าย ถ้าไม่อยากให้กระดูกผุหรือเปราะเร็ว ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และการสูบบุหรี่
เพราะกระดูกของเราสำคัญ อย่าลืมดูแลตัวเองทุกวันด้วย 5 เคล็ด (ไม่) ลับง่ายๆ และบำรุงด้วยแคลเซียม
สนใจสอบถามตัวแทนจำหน่ายโดยตรง... โทร. 0996309755 พัทธนันท์ (นุ่น)

เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง
22/07/2020

เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง

มาเรียนรู้วิธี ทำอย่างไร ที่จะช่วยให้ห่างไกลโรคข้อเสื่อม ไม่ให้เกิดปัญหา เจ็บและตึง บริเวณข้อเข่สต่างๆ มีทั้งหมด 4 วิธีน...
24/11/2017

มาเรียนรู้วิธี ทำอย่างไร ที่จะช่วยให้ห่างไกลโรคข้อเสื่อม ไม่ให้เกิดปัญหา เจ็บและตึง บริเวณข้อเข่สต่างๆ มีทั้งหมด 4 วิธีนะคะ

1. หาวิธีควบคุมน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่นว่ายน้ำ เดินในน้ำ หรือปั่นจักรยาน

2. ไม่ควรนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ เช่นนั่งหลังงอและก้มคอ ทำงานหน้าจอคอม ติดต่อกันหลายชั่วโมง จะทำให้ข้อต่อบริเวณคอ เกิดปัญหาตามมา แต่ควรนั่งพิงพนักเก้าอี้ ไม่ควรก้มคอนานๆ แล้วควรขยับตัว ลุกขึ้นมายืดแขนยืดขาบ้าง หรือบริหารข้อต่อ

3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
เป็นการป้องกันโรคข้อเสื่อมจากการออกกำลังกาย
เพราะกล้ามเนื้อเป็นส่วนสำคัญในการแบ่งเบา
ภาระต่างๆของข้อต่อเมื่อร่างกายเคลื่อนไหวรุนแรง
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณเอ็นข้อต่อซึ่งเป็นจุดสำคัญของการออกกำลังกายแทบทุกประเภท การมีกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังที่ดี จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังรับภาระน้อยลง ลดความเสี่ยงต่อความเสื่อมได้มาก การฝึกฝนกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจนค่ะ

4. อาหารและยา ควรทาน ยาจำพวกกลูโคซามีน
chondroitin เพื่อเสริมสร้างน้ำไขข้อ
และกระดูกอ่อนเคลือบผิวข้อได้ ในกรณีที่ มีปัญหา
ข้อเสื่อมอยู่ในระยะต้นๆ จะเห็นผลชัดเจน แต่ยา
ที่ควรหลีกเลี่ยง คือยาฉีด กลุ่มสเตียรอยด์แบบฉีด
เพื่อลด การอักเสบ ของข้อ นั้นๆ ถ้าใช้บ่อย ก็ทำให้
ข้อเสียได้ และทำให้กระดูกบางลง ได้ด้วยเช่นกัน
สิ่งสำคัญ การดูแลรักษาก็ให้อยู่ในสภาพดี อยู่เสมอ
จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ดีของตัวคุณเอง เริ่มต้น ป้องกัน
ดูแล ข้อต่อ ตั้งแต่วันนี้ ยืนยัน การป้องกันดีกว่า
การรักษาค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ
Cr.จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 081 355 0868 นุ่น

ปวด เข่า (จากข้อเข่าเสื่อม)จัดว่าเป็นโรคยอดฮิตของคนไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ นั...
14/11/2017

ปวด เข่า (จากข้อเข่าเสื่อม)

จัดว่าเป็นโรคยอดฮิตของคนไทยเลยก็ว่าได้ ด้วย

พฤติกรรมของคนไทยที่ชอบนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ นั่งคุกเข่ากันบ่อยๆ ร่วมกับอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงจนทำให้กล้ามเนื้อมีแรงน้อยลงในการพยุงข้อเข่าจนหมอนรองกระดูกข้อเข่าค่อยๆเสื่อม จนกลายเป็นโรคข้อเสื่อมในที่สุด ซึ่งกว่าจะเป็นเข่าเสื่อมได้นั้นก็กินเวลากันเป็นปีๆเลย
จุดเด่นของคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมนั้นก็คือ

- มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ส่วนใหญ่ก็คืออายุ 45 ปีขึ้นไป
- ตำแหน่งที่ปวดนั้น มักปวดที่ข้อเข่าด้านในมากกว่าส่วนอื่นทั้งหมด
- รู้สึกข้อเข่าฝืดในช่วงเช้าหลังตื่นนอน แต่เมื่อเดินไปสักพักข้อเข่าก็จะเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ฝืดน้อยลง
- ปวดมากขึ้นเมื่อพยายามงอเข่า พับเข่า โดยจะมีความรู้สึกตึงๆขัดๆเสียวๆอยู่ในข้อเข่าด้านหลังเวลางอเข่า (แต่บางรายก็ปวดรอบๆเข่าทั่วไปหมดก็มี)
- ไม่สามารถนั่งขัดสมาธิได้ หากนั่งขัดสมาธิก็ต้องนั่งเหยียดขาขางที่ปวดออก
- ในระยะเริ่มแรกที่เป็นอาจมีภาวะข้อเข่าบวม จากนํ้าเลี้ยงข้อที่เพิ่มขึ้นเพื่อพยายามซ่อมแซมเนื้อเยื่อในเข่าที่เสียหาย
- หากเป็นมานานจะเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเข่า นั่นคือมีภาวะเข่าโก่ง
- มีเสียงดังกร๊อบแกร็บในข้อเข่า จากภาวะที่เข่าหลวมทำให้ผิวข้อกระดูกเสียดสีกันจนเกิดเสียงขึ้น

รู้หรือยังอาการเข่าเสื่อม ? เป็นอย่างไรบ้าง ?✏เริ่มด้วยปวดข้อเข่า รู้สึกเมื่อย ตึงที่น่อง และข้อพับเข่า ✏รู้สึกว่าข้อเข่...
09/11/2017

รู้หรือยังอาการเข่าเสื่อม ? เป็นอย่างไรบ้าง ?

✏เริ่มด้วยปวดข้อเข่า รู้สึกเมื่อย ตึงที่น่อง และข้อพับเข่า
✏รู้สึกว่าข้อเข่าขับเคลื่อนไหวข้อได้ไม่เต็มที่
✏มีเสียงดังในข้อเวลาขยับเคลื่อนไหวข้อเข่า
✏ข้อเข่าบวมมีน้ำในข้อเข่า
✏คดผิดรูปร่าง หรือเขาโก่ง

🌷จุดมุ่งหมายในการรักษาข้อเสื่อมทุกวิธี
ก็เพื่อลดอาการปวดทำให้เคลื่อนไหวข้อได้ดีขึ้น
✅ป้องกันหรือแก้ไขการผิดรูปร่างของข้อ
เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาข้อเสื่อม ปวดเข่า สามารถดำเนินชีวิตประจำวันหรือทำงานได้เป็นปกตินั่นเอง
🌷อีกทางเลือกของการฟื้นฟูบำรุงเพื่อป้องกันแก้ไข ระดับเชลล์ เพื่อเข้าไป
ซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนรอบๆข้อต่อ ได้เป็นอย่างดีเสริมสร้างความแข็งแกร่ง
ของกระดูกและข้อต่อ

📲ปรึกษาฟรี ศูนย์การฟื้นฟูกระดูกและข้อ คุณนุ่น 081 355 0868

🚫หยุด !! ทรมานจากการปวด⚠เข่าเสื่อม⚠ปวดคอร้าวลงแขน ปวดหลังร้าวลงขา⚠ปวดคอ ปวดข้อ ปวดเข่า⚠หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท⚠กล้ามเ...
08/11/2017

🚫หยุด !! ทรมานจากการปวด

⚠เข่าเสื่อม
⚠ปวดคอร้าวลงแขน ปวดหลังร้าวลงขา
⚠ปวดคอ ปวดข้อ ปวดเข่า
⚠หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
⚠กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท

🔴บอกลา..ทุกปัญหากระดูก
🔴อย่าให้ต้องสายเกินแก้
✅ไม่มีสารสเตียรอยด์
✅️มี อย.รับรอง

ปรึกษา/สั่งซื้อ
โทร. 081 355 0868 นุ่นค่ะ

💣ระยะและอาการปวดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท💣ระยะที่1. ปวดหลังเป็นๆหายๆ💣ระยะที่2. อาการปวดหลังเริ่มคงที่และมากขึ้น💣ระยะที่...
06/11/2017

💣ระยะและอาการปวดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

💣ระยะที่1. ปวดหลังเป็นๆหายๆ

💣ระยะที่2. อาการปวดหลังเริ่มคงที่และมากขึ้น

💣ระยะที่3. ปวดหลังชาร้าวลงขา เเปล้บๆที่ขาหรือข้อเท้า

💣ระยะที่4. ปวดหลังชาร้าวลงขา เท้า ข้อเท้า และอาจมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย และคุณหมอจะนัดผ่าตัดในที่สุด

หากคุณและคนที่คุณรักมีอาการดังกล่าว อย่าปล่อยไว้ให้สายเกินแก้ค่ะ💯 สอบถามเพิ่มเติมโทร 081 355 0868 ศูนยฟื้นฟูกระดูกและข้อคุณนุ่น

▶️ เช็คระบบเลือดและระบบประสาทได้ง่ายๆ‼️      ถ้าเกิดอาการแบบนี้✅อาการชาตามมือ และ เท้าเกิดขึ้นได้อย่างไร ?การชาตามมือ แล...
18/10/2017

▶️ เช็คระบบเลือดและระบบประสาทได้ง่ายๆ‼️
ถ้าเกิดอาการแบบนี้
✅อาการชาตามมือ และ เท้าเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
การชาตามมือ และ เท้า หรือ อาการชาตามร่างกายจากสภาวะ โรคเบาหวาน, คือภาวะแทรกซ้อนจากการที่น้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือดปริมาณมาก ( อธิบายคือ มีน้ำตาลเข้าไปภายในกระแสเลือดเล็กในปริมาณมาก ) จนขัดขวางการทำงานของระบบเลือดเป็นเวลานานจนทำให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัวมากเกินไป และ กดทับเส้นประสาท ทำให้ร่างกายของผู้ป่วย โรคเบาหวาน, หรือ ผู้ป่วยเบาหวาน, ขาดการรับรู้สึกของอวัยวะตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งทั้งนี้สภาวะแทรกซ้อนรุ่นแรงอาจถึงขั้นขาดการรับรู้ หรือ อัมพาตในที่สุด
-------------------------------------------------------------------------
อาการเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือน ที่กำลังบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคหลากหลายชนิดเลยทีเดียว ซึ่งอาการชาที่เกิดขึ้นกับร่างกาย สามารถแบ่งแยกได้ดังนี้
✅1.อาการชาเฉพาะบริเวณนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และบริเวณนิ้วนางแบบครึ่งซีก อาการชาในรูปแบบนี้ นับได้ว่าเป็นสัญญาณเตือน ว่าคุณกำลังพบเจอกับการเป็นโรคเส้นประสาทมือถูกบีบรัด สาเหตุมักจะมาจากเยื่อหุ้มเอ็นที่อยู่ในช่องใต้กระดูกมือ มีลักษณะที่บวมและอักเสบ หรือแม้กระทั่งกระดูกมือมีลักษณะโตขึ้น ส่งผลทำให้ช่องใต้กระดูกมือแคบลง หรืออาจจะเกิดจากการมีพังผืด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
✅2.อาการชาที่ปลายเท้าและปลายมือ อาการชาที่ปลายเท้าและปลายมือ บ่งบอกได้ว่าคุณอาจจะพบเจอกับอาการปลายประสาทอักเสบหรือเสื่อม หรือคุณอาจจะอยู่ในสภาวะที่ร่างกายกำลังขาดวิตามินบี1 บี6 หรือบี12 ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง โรคไต หรือยาชนิดต่าง ๆ ที่คุณรับประทานอย่างเป็นประจำ อาการชาที่ปลายนิ้วมือเกือบทุกนิ้ว
✅3.หากคุณมีอาการชาที่ปลายนิ้วมือทุกนิ้ว แต่ไม่มีอาการชาปลายเท้าแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าคุณใช้มือทำงานหนัก สาเหตุหลัก ๆ อาจจะมาจากเส้นเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมืออยู่ก็เป็นได้
✅4.อาการชาที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และมีอาการปวดมือ พร้อมทั้งปวดร้าวไปที่แขน หากคุณมีอาการชาแบบนี้ อาจจะหมายถึง คุณกำลังพบเจอกับโรคเส้นประสาทกดทับที่ฝ่ามือ สาเหตุมาจากมีการเกร็งมือในขณะที่ใช้งานอยู่นาน ๆ ในลักษณะท่าเดิมแบบซ้ำ ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะมีอาการปวดและชา ในช่วงเวลากลางคืน และช่วงตื่นนอนตอนเช้าเป็นสำคัญ
✅5.อาการชาที่นิ้วก้อย หากคุณรู้สึกชาที่นิ้วก้อยอย่างเป็นประจำ อาจจะเป็นเพราะในตอนนี้ เส้นประสาทบริเวณรักแร้ที่ยาวไปถึงนิ้วก้อยของคุณเป็นสาเหตุ เนื่องจากคุณมักจะงอและเกร็งข้อศอกเป็นระยะเวลานาน ๆ

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

+66996309755

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ คุณนุ่น 099-6309755ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram