คลินิกออนไลน์ by Dr.Pong

25/09/2022

เชื้อไวรัส RSV หรือ Respiratory syncytial virus
ที่ระบาดอยู่ตอนนี้ในเด็กเล็ก คือ ช่วงปลายฤดูฝนต่อต้นฤดูหนาว
ทำให้เด็กมีอาการไอ หอบ จนต้อง พ่นยา เคาะปอด
เกิดโรคหลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) และโรคปอดบวมจากไวรัส (Viral Pneumonia)
ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลกันจนเตียงเต็ม
อาการรุนแรงกว่าติดโควิด-19 ในเด็ก ซึ่งมีอาการน้อย
การรักษาที่เป็นมาตรฐานยอมรับกันทั่วไปคือ
ไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง ได้แต่รักษาตามอาการ
พ่นยา เคาะปอด ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจน
แต่ถ้าหากเราเปิดกว้าง ติดตามความรู้ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ให้ทันอยู่เสมอ จะพบว่า
อาจมียาและการรักษาอื่นๆที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่สามารถช่วยได้ ได้แก่

1. ยารับประทาน Niclosamide
คณะวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า
ยา Niclosamide สามารถยับยั้งเชื้อ RSV ได้
Repurposing of antiparasitic niclosamide to inhibit respiratory syncytial virus (RSV) replication
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33476693/

2. พ่นด้วย Adrenaline แทนการพ่นด้วยยาขยายหลอดลม Ventolin
เนื่องจากพยาธิกำเนิดของโรค ทำให้เกิดการอักเสบ inflammation และเสมหะอุดตัน mucus plug ในส่วนหลอดลมฝอย
ไม่ใช่เป็นการหดตัว bronchospasm ของหลอดลม เหมือนหอบหืด astma
ดังนั้น การพ่นด้วยยาขยายหลอดลม จึงไม่เกิดประโยชน์และเห็นผล
Epinephrine for acute viral bronchiolitis in children less than two years of age
https://www.cochrane.org/CD003123/ARI_epinephrine-for-acute-viral-bronchiolitis-in-children-less-than-two-years-of-age

3. พ่นด้วย Hypertonic saline หรือ 3%NaCl แทนการพ่นด้วย Normal saline หรือ NSS
Efficacy of 3% hypertonic saline in bronchiolitis: A meta-analysis
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6639771/

4. ให้แร่ธาตุสังกะสี Zinc supplementation
Zinc sulphate for acute bronchiolitis: A double-blind placebo-controlled trial
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28011970/

5. ให้วิตามิน ดี Vitamin D supplementation
Vitamin D Decreases Respiratory Syncytial Virus Induction of NF-κB–Linked Chemokines and Cytokines in Airway Epithelium While Maintaining the Antiviral State
https://www.jimmunol.org/content/184/2/965.short

Epidemiological studies suggest that low vitamin D levels may increase the risk or severity of respiratory viral infections. In this study, we examined the effect of vitamin D on respiratory syncytial virus (RSV)-infected human airway epithelial cells. Airway epithelium converts 25-hydroxyvitamin D3...

03/07/2022

การรักษา Acute COVID-19
ไม่เพียงแต่ให้อาการหาย
ATK เป็น -ve ภายใน 5-10 วัน
หรือตรวจ PCR detect ไม่ได้ ภายใน 10-15 วัน แค่นั้น
เพราะ SARS-CoV-2 antigen ยังคงค้างอยู่ในผิวลำไส้ (gut mucosa) ได้นานถึง 7 เดือน
รวมทั้ง Viral nucleocapsid protein ที่ยังคงอยู่ใน gut epithelium และ CD8+ T cells.
ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิด postacute COVID-19 ตามมา

Reference :
Postacute COVID-19 is Characterized by Gut Viral Antigen Persistence in Inflammatory Bowel Diseases
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0016508522004504

Gastrointestinal symptoms and f***l shedding of SARS-CoV-2 RNA suggest prolonged gastrointestinal infection
https://www.cell.com/med/fulltext/S2666-6340(22)00167-2

22/06/2022

PM 2.5 ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

PM 2.5 คืออะไร?
PM2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กมากซึ่งมีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ทำให้สามารถหลุดรอดการกรองจากจมูกและสามารถผ่านลงไปถึงถุงลมปอดได้เมื่อเราหายใจ

ผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5
ระยะสั้น : ระคายเคืองตา ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ อาการภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบ
ระยะยาว : การทำงานของปอดแย่ลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด, โรคหลอกเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

วิธีการป้องกัน PM 2.5
สวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องออกจากบ้าน
ใช้เครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ ในบ้านหรือที่ทำงาน
ติดตามระดับ PM 2.5 ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ

20/06/2022

เมื่อเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง

กักตัวอยู่ที่บ้าน 5 วัน
ตรวจสอบอาการป่วยทุกวัน ตรวจ ATK วันที่ 5 หลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยครั้งสุดท้าย หรือหากมีอาการตรวจ ATK ทันที

สังเกตอาการตนเองต่ออีก 5 วัน
ออกนอกพื้นที่ได้ ตรวจ ATK วันที่ 10 หลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยครั้งสุดท้าย

16/06/2022

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ทางการหายใจ ทำให้มีอาการไข้สูง ไอ น้ำมูก ปวดเมื่อกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดลมและปอดอักเสบ และในกลุ่มเสี่ยงอาการอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากทุกคนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้การแนะนำวิธี ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ควรฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปี เป็นเชื้อต่างชนิดกันและบางสายพันธุ์คาดการณ์การระบาดได้ยาก ดังนั้นควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้มีภูมิคุ้มกันสูงตลอดเวลาและครอบคลุมสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดในปีนั้นๆให้มากที่สุด โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดได้ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อนฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) และก่อนฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) เนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาด

วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดฉีด ผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้แต่อาการจะน้อยลง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ป้องกันไข้หวัดทั่วไปที่เกิดจากเชื้ออื่นๆ

ควรฉีควัคซีนเมื่อไหร่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดได้ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อนฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) และ ก่อนฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) เนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาด
ควรฉีดวัคซีนซ้ำทุก 1 ปี ถ้าต้องการป้องกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ที่รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นปีแรกควรได้รับ 2 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน

อาการข้างเคียง
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ อาจจะมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้ปวดเมื่อย มักจะเริ่มไม่นานหลังฉีด อาการดังกล่าว ควรหายภายใน 1-2 วัน การแพ้ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตมีน้อยมาก ถ้าหากเกิดขึ้นจะปรากฎภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก เสียงแหบ หรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดขาว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนศีรษะ

การดูแลรักษาอาการข้างเคียง
หากปวด บวมบริเวณที่ฉีดให้ประคบด้วยผ้าเย็น หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ในขนาดที่เหมาะสม หากมีอาการรุนแรง หรือเป็นมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันทีและแจ้งอาการให้ทราบโดยละเอียด

ใครไม่ควรฉีดวัคซีนหรือควรเลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
• เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน
• ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรง
• หากมีไข้หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือโรคประจำตัวกำเริบ ควบคุมไม่ได้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน
กรณีผู้มีประวัติแพ้ไข่สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ต้องอยู่ในสถานพยาบาลที่สามารถรักษาอาการแพ้รุนแรงได้ คือ สามารถฉีดยาแก้แพ้ฉุกเฉิน “อะดรีนาลิน” ได้ทันท่วงที และหลังจากฉีดวัคซีนจะต้องสังเกตอาการในสถานพยาบาลประมาณ30นาทีหลังจากฉีด

12/06/2022

ความดันโลหิตสูง (Hypertension)

โรคความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุที่คร่าชีวิตของคนไทยจำนวนมากในแต่ละปี ปัจจุบันคนไทยมีความดันโลหิตเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาหลักของการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงในประเทศไทย คือ การที่ผู้ที่เป็นโรคไม่ได้ตระหนักว่าเป็นโรค แม้จะตระหนักก็ยังไม่เชื่อถือและไม่ได้ติดตามรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท (วัดความดันที่สถานพยาบาล) หรือ ความดันโลหิตมากกว่าหรือเท่ากับ 135/85 มิลลิเมตรปรอท (วัดความดันด้วยเครื่องชนิดพกพาที่บ้าน) ซึ่งส่วนใหญ่อาจไม่แสดงอาการ หรือในบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เลือดออกที่จอประสาทตา ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น

สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง มี 2 ชนิด คือ
1.ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน (พบประมาณ 95% ของคนที่เป็นความดันโลหิตสูง) เชื่อว่าเกิดจาก 2ปัจจัย คือ กรรมพันธุ์ และ สิ่งแวดล้อม เช่น พฤติกรรมทานเค็ม สูบบุหรื่ ภาวะเครียด เป็นต้น
2.ชนิดที่ทราบสาเหตุชัดเจน (พบประมาณ5%) ในกลุ่มนี้มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี มักต้องรักษาโรคที่เป็นสาเหตุร่วมด้วย เช่น เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต หลอดเลือดแดงที่เลี้ยงไตตีบ หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบในส่วนของช่องอก เป็นต้น

วิธีการวัดความดันโลหิตด้วยตนเอง
1.การเตรียมตัวเพื่อวัดความดันโลหิต : ไม่ควรกินชา กาแฟ หรือออกกำลังก่อนวัด 30นาที ถ้าปวดปัสสาวะควรปัสสาวะก่อนทำการวัดความดัน นั่งพักก่อนทำการตรวจวัดความดันเป็นเวลาอย่างน้อย 5นาที ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงเพื่อไม่ให้เกร็งหลัง เท้าสองข้างวางราบกับพื้น ไม่ควรพูดคุยก่อนและขณะวัดความดันโลหิต
2.การเตรียมอุปกรณ์ : ควรใช้เครื่องวัดความดันแบบดิจิตอลวัดที่ต้นแขน โดยเลือกcuff ที่มีขนาดพอดีกับแขนท่อนบน
3.วิธีวัด : นำ cuff มาพันแขน โดยแขนวางที่โต๊ะ ให้ตำแหน่งcuff เลื่อนจากข้อพับ 2-3cm (อยู่ในระดับเดียวกับตำแหน่งหัวใจ) ระหว่างวัดไม่กำมือและเกร็งแขนระหว่างวัดความดัน แนะนำให้วัดตอนเช้าหลังตื่นนอน1ชม. ก่อนทานยาและอาหาร หรือช่วงค่ำก่อนนอน
สำหรับผู้ที่มีเครื่องวัดความดันใช้เอง แนะนำให้วัดความดันโลหิตประจำในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน

หลักการปฏิบัติตัวในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
1. ลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน โดยควรควบคุมให้มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 18.5-22.9 กก./ตร.ม.
2. ปรับรูปแบบของการบริโภคอาหาร แนะนำให้ใช้สูตรเมนูอาหาร 2:1:1 คือ 2ส่วนเป็นผัก 1ส่วนเป็นแป้ง และ 1ส่วนเป็นโปรตีน โดยเน้นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และทุกมื้อควรมีผลไม้สดร่วมด้วย
3. จำกัดปริมาณเกลือ (โซเดียม) ในอาหาร เช่น ลดน้ำปลา ซีอิ๊วขาว ผงชูรส เป็นต้น
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ5วัน
5. การจำกัดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
6. การเลิกบุหรี่
7. รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด

**ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม Line ID : manutd_pong

10/06/2022

วิตามินดี สิ่งดีๆที่ถูกมองข้าม

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะตั้งอยู่ในเส้นศูนย์สูตร มีแสงแดดจ้าตลอดเกือบทั้งปี แต่จากการสำรวจสุขภาพประชากรไทยพบว่า มีภาวะพร่องหรือขาดวิตามินดีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะใน กทม. พบมากที่สุด ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า วิตามินดี ไม่ใช่แค่วิตามินอีกต่อไป แต่มันคือ ฮอร์โมน ที่มีความสำคัญกับสุขภาพของคนเรามากกว่าแค่เรื่องกระดูก
ชนิดของวิตามินดีที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่
- วิตามินดี 2 หรือ เออโกแคลซิเฟอรอล (Ergocalciferol) วิตามินดีชนิดนี้ได้มาจากพืช ราและยีสต์เท่านั้น สำหรับวิตามิน D2 ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้
- วิตามินดี 3 หรือ โคเลแคลซิเฟอรอล (Cholecalciferol) ชนิดนี้ได้มาจากสัตว์ พบในน้ำมันตับปลา ไข่แดง ปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน ทูน่า และจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังของคนเราจากรังสี UV

สาเหตุที่ทำให้ขาดวิตามินดี
1.พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงแสงแดด การกางร่ม การใส่เสื้อคลุมแขนยาว รวมถึงการทาครีมกันแดด ส่งผลให้การสังเคราะห์วิตามินดีจากผิวหนังลดลง
2.การได้รับวิตามินดีจากอาหารไม่เพียงพอ โดยบุคคลที่ไม่รับประทานเนื้อปลา หรือ ทานมังสวิรัติ มีแนวโน้มที่จะได้รับวิตามินดีไม่พอในแต่ละวัน

ประโยชน์ของวิตามินดี
นอกจากหน้าที่หลักของวิตามินดีที่ช่วยนการดูดซึมแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันโรงกระดูกบางและกระดูกพรุนแล้ว วิตามินดียังมีคุณสมบัติพิเศษอีกมากมายที่ช่วยในกระบวนการสำคัญต่างๆในร่างกาย เช่น ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน จากการศึกษาพบว่า คนที่ขาดวิตามินดี มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าคนทั่วไปและการเสริมวิตามินดีช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ
วิตามินดียังมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Cardiovascular disease)อีกด้วย นอกจากนี้วิตามินดี ยังมีหน้าที่สำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immune system) มีการค้นพบ Vitamin D Receptor หรือตัวรับที่จับกับวิตามินดี บนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ มีหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาคุกคามร่างกาย เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส
ณ ปัจจุบัน มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนการให้วิตามินดีเสริมเพื่อช่วยต้านโรคมะเร็งต่างๆเช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer)มะเร็งเต้านม (Breast cancer) และมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer)
นอกจากนี้ วิตามินดียังช่วยให้สมองหลั่งสารซีโรโตนิน(Serotonin) มากขึ้น มีผลช่วยลดความเครียด (Stress)และ ภาวะซึมเศร้า (Depression) ได้อีกด้วย

การตรวจคัดกรองวิตามินดีจึงมีความสำคัญมากขึ้นในยุคปัจจุบัน สำหรับในประเทศไทย สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย แนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคกระดูกพรุน ควรตรวจระดับวิตามินดี หากมีระดับต่ำ ควรได้รับการเสริมวิตามินดีทดแทน สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ในเชิงป้องกัน หากมีอาการเรื้อรังในหลายระบบ ที่หาสาเหตุไม่ได้ชัดเจน โดยเฉพาะอาการเกี่ยวกับระบบภูมิต้านทานผิดปกติ อาจปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาตรวจระดับวิตามินดีเพิ่มเติมได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line ID : manutd_pong

09/06/2022

บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน Video call
และจัดส่งยาถึงบ้านผ่าน Grab Express เฉพาะ กทม. และ ปริมณฑล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line ID : manutd_pong

09/06/2022

ผมร่วงหลังติดเชื้อโควิด-19
ผมผลัด (Telogen Effluvium) สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากหายจากการติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 30%
สังเกตได้จากเวลาหวีผมหรือสระผมอาจพบผมร่วงจากศีรษะทั่วๆ หรือ ในบางคนอาจพบว่ามีผมบางลงในบริเวณขมับ
ภาวะนี้มักเป็นชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากไม่ดีขึ้นในระยะเวลา 3-6เดือน ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
** สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ทางหน้าเพจ หรือ Line ID : manutd_pong