ดีต่อตา ดีคอนแทค

ดีต่อตา ดีคอนแทค ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ดีต่อตา ดีคอนแทค, การแพทย์และสุขภาพ, Phra Nakhon.

(Conjunctivitis)ความหมาย เป็นการอักเสบติดเชื้อของเยื่อบุตา อาจเรียกว่า ตาแดงสาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส คลา...
26/09/2018

(Conjunctivitis)
ความหมาย เป็นการอักเสบติดเชื้อของเยื่อบุตา อาจเรียกว่า ตาแดง

สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส คลาไมเดีย (Chlamydia Trachomatis) ริคเก็ตเชีย (Rickettsia) เชื้อรา (Fungus) ปริสิต (Parasite) การแพ้หรือโรคในระบบต่างๆ ของร่างกาย และโรคตาอื่นๆ

พยาธิสรีรภาพ ในระยะแรกมีอาการตาแดง เคืองตา ต่อมามีขี้ตาซึ่งทำให้ติเชื้อมาที่ตาอีกข้างหนึ่ง หากติดเชื้อไวรัสจะมีขี้ตาน้อยกว่าและไม่หนอง หากติดเชื้อที่รุนแรง เช่น Neisseria gonorrhea อาจลุกลามไปถึงกระจกตาทำให้กระจกตาเป็นแผลและอาจทะลุได้ หากติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเฉียบพลันมักเป็นทั้ง 2 ตา เพราะลามจากตาข้างที่ติดเชื้อโดยการใช้มือสัมผัสที่ตา สามารถแพร่ไปสู่บุคคลอื่น จะมีขี้ตามากมีลักษณะเป็นหนอง แต่หายได้เองภายใน 10-14 วัน แต่ถ้าได้รับการรักษาจะหายภายใน 1-3 วัน หากติดเชื้อไวรัสจะติดต่อได้ง่ายจึงมักเป็นทั้งสอง 2 ตา มีอาการตาแดง เคืองตา ปวดตาเล็ดน้อย มีน้ำตาไหล ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต อาจพบกระจกตาอักเสบ ในรายที่เป็นอย่างเฉียบพลันจะมีหนังตาบวม เยื่อบุตาบวมบางรายอาจพบเลือดออกใต้เยื่อบุตาอาจทำให้กระจกตาอักเสบและมีอาการตามัวร่วมด้วย

อาการ ผู้ป่วยเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียจะมีอาการตาแดง เคืองตา ขี้ตามาก เป็นหนอง ในวันแรกๆ จะลืมตาลำบาก มีขี้ตามาก หากติดเชื้อไวรัสจะมีอาการตาแดงเคืองตา อาจมีปวดตาเล็กน้อย มีน้ำตาไหล ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต อาจมีตาบวมเยื่อบุตาบวม หรือมีเลือดออกใต้เยื่อบุตาและตามัวร่วมด้วย

การวินิจฉัยโรค จากอาการตาแดง มีขี้ตามาก เป็นหนอง อาจตรวจด้วย Slit-lamp ส่องตาป้ายเอาขี้ตาเพื่อส่ง สเมียร์ดูเชื้อและเพาะเชื้อ

การรักษา รักษาโรคการหยอดตาและป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะ

การพยาบาล การทำความสะอาดเปลือกตาและขนตา การหยอดตาและป้ายยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยจะมีขี้ตามากและต้องป้ายยาปฏิชีวนะก่อนนอนทำให้เวลาตื่นนอนตอนเช้าผู้ป่วยจะลืมตาไม่ขึ้น ต้องใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นๆ ประคบและเช็ดออกก่อนที่จะหยดตาต่อไปพยาบาลจะต้องอธิบายเกี่ยวกับโรค การรักษา และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการไปที่ชุมชนและต้องล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้งที่จะสัมผัสใบหน้าและตาโดยเฉพาะก่อนและหลังหยอดตาและประคบตา

5 อันดับ ภัยอันตรายจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอันตรายจากการใช้งาน คอมพิวเตอร์• การใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานเกิน...
19/06/2018

5 อันดับ ภัยอันตราย
จากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
อันตรายจากการใช้งาน คอมพิวเตอร์
• การใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานเกินไปโดยไม่พัก อาจส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมาในภายหลัง ดังนั้น เราควรป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากผลกระทบดังกล่าว
นับได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยหลักในการทำงาน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และเป็นอุปกรณ์ที่เราหลีกเลี่ยงการใช้งานไม่ได้เลยสำหรับยุคนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับการนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้พัก อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายขึ้นได้ วันนี้เราได้จัดอันดับ 5 โรคเสี่ยงจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานานมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย!
ภัยที่ 1 โรคตาที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ (Computer Vision Syndrome : CVS) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับสายตาและการมองเห็น เกิดจากการใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงรังสีที่แผ่ออกมาบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็มีผลกระทบต่อดวงตาเช่นกัน
อาการ อาจจะรู้สึกแสบตา ไม่สบายตา เกิดอาการระคายเคืองตา เจ็บตา ตาพร่ามัวจากการจ้องมองที่ไม่ค่อยกระพริบตา เป็นผลให้มีอาการตาแห้ง ซึ่งเป็นอาการเพียงชั่วคราว แต่หากเป็นอยู่บ่อยๆ และนานขึ้น อาจจะเกิดอันตรายได้ เช่น กระจกตาอักเสบแห้ง มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสายตาสั้นชั่วคราว ประมาณร้อยละ 32 นอกจากนี้ อาจจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ไหล่ ปวดหลัง จากบริบทการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสมร่วมด้วย
การรักษา
อาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมหยอดตาบ่อยๆ หรือยาหยอดตาชนิดที่ยับยั้งการคั่งของเลือดบริเวณตา
การป้องกัน
-ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเกินไป เนื่องจากจะทำให้สายตาเกิดความเมื่อยล้า ฉะนั้นจำเป็นต้องพักสายตา เช่น หลับตาทุก 10 นาที ต่อการทำงาน 1 ชั่วโมง หรือพักทุก 15 นาที ต่อการทำงานต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง เป็นต้น ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องนานเกิน 2 ชั่วโมง ติดต่อกัน พบว่ามีอาการ CVS ร้อยละ 88 ด้วยค่ะ
-ควรจัดสถานที่ตั้งคอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแสงสว่างพอเหมาะ โดยเฉพาะจอภาพ แป้นพิมพ์ และที่วางเอกสาร เป็นต้น จะช่วยให้สบายตา หรืออาจใช้หลอดไฟโซเดียมเพื่อให้แสงสว่าง
-ควรใช้แผ่นกรองแสงเพื่อลดแสงจ้า และแสงสะท้อน จะช่วยลดความล้าของสายตาลงได้
ภัยที่ 2 โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ หรือ Carpal Tunnel Syndrome (CTS) เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นบริเวณข้อมือด้านฝ่ามือ และไปกดทับถูกเส้นประสาทมีเดียน ซึ่งอยู่ผ่านช่องข้อมือแขนงไปยังนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วหัวแม่มือ จะทำให้มีอาการปวดและชาตามนิ้ว ถ้าเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือด้านนิ้วหัวแม่มือลีบเล็กลง เกิดจากการใช้งานข้อมือในท่าเดิมๆ ของคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้เมาส์ โดยใช้ข้อมือเป็นจุดหมุน กดแป้นคีย์บอร์ด การเย็บผ้า การถักนิตติ้ง เป็นต้น
อาการ
จะปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานในลักษณะเกร็งนานๆ ในท่าเดิม มักจะมีอาการชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และบางส่วนของนิ้วนางตามแนวของเส้นประสาท บางรายที่ถูกกดทับนานจะเริ่มมีอาการอ่อนแรงของมือ เช่น จะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีแรงเวลากำมือ โดยเฉพาะการใช้มือหยิบของเล็กๆ จะทำได้ลำบาก
การรักษา
ปรับการใช้ข้อมือในการทำงานและชีวิตประจำวัน โดยการปรับอุปกรณ์การทำงานให้ถูกตามหลักสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงการใช้งานมือในลักษณะเกร็งนานๆ ในงานที่ต้องใช้ข้อมือกระดกขึ้น งอข้อมือนานๆ รวมถึงงานที่มีการสั่นกระแทกจนทำให้ความดันในโพรงข้อมือสูงขึ้นด้วย
ภัยที่ 3 โรคอดทนรอไม่ได้ อาการของโรคนี้จะเกิดกับคนที่ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต เวลาที่หน้าเว็บไซต์โหลดช้า หรือการดาวน์โหลดต้องใช้เวลานาน จะทำให้ผู้ใช้หงุดหงิด กระวนกระวาย ใจร้อน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ อาจทำให้เป็นโรคประสาทได้เหมือนกัน รุนแรงน่าดูนะคะสำหรับโรคนี้
การรักษา ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มาก หรือหากิจกรรมอื่นๆ ทำระหว่างการนั่งรอโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดงานต่างๆ เช่น การเล่นเกม หรืออ่านหนังสือควบไปด้วย เพราะถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ งานก็จะไม่เดิน เพื่อนร่วมงานก็อาจจะหนีหน้าเอาได้
ภัยที่ 4 โรคภูมิแพ้ สำหรับโรคนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอก โฮล์ม ในสวีเดน พบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์ สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้นจะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมา โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานมีเนื้อที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น อากาศที่ดีในบริเวณที่ทำงาน หรือที่อยู่อาศัยจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
การรักษา
โรคนี้คงยากสักหน่อยสำหรับผู้ที่อยู่ในบ้าน หรือออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัด แต่อาจจะเปิดพัดลมเป่าจอคอมพิวเตอร์ไปด้วยในระหว่างที่ใช้ จัดห้องให้อากาศถ่ายเทสะดวกที่สุดก็น่าจะพอหลีกเลี่ยงได้บ้าง หรือหาต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆ มาวางไว้ใกล้ๆ เพราะต้นกระบองเพชรจะช่วยดูดรังสีได้
ภัยที่ 5 โรคนอนไม่หลับ นอกจากปัญหาของความเครียดและอาการปวดหัวแล้ว ปัญหาการนอนไม่หลับจากการใช้คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนเป็นอยู่แต่อาจไม่รู้ตัว มีผลการวิจัยพบว่าความสว่างของหน้าจอมีผลต่อการนอนไม่หลับจริง แล้วไม่ใช่แค่การใช้คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตต่างๆ ด้วย
เมลาโทนิน (Melatonin) คือ ฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการนอนหลับและเวลาตื่นของมนุษย์ จากการศึกษาของนักวิจัยพบว่า การที่เราสัมผัสกับแสงของหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่างๆ ทำให้จำนวนของเมลาโทนินลดลง นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงกลางคืนยังทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว และยังทำให้นาฬิกาชีวิตเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับนั่นเอง
ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะมีประโยชน์มาก และกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน แต่โทษของการใช้งานเป็นเวลามากเกินไปโดยไม่ระมัดระวัง ก็อาจก่อให้เกิดโทษและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณเองได้ ดังนั้น ควรดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคตนะครับ

อาหารตาการให้อาหารตาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะสามารถทำได้เพื่อการมองเห็นที่ดีอาหารที่คุณรับประทานให้ผลต่อสุขภาพตาของคุณ...
19/06/2018

อาหารตา
การให้อาหารตาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะสามารถทำได้เพื่อการมองเห็นที่ดี
อาหารที่คุณรับประทานให้ผลต่อสุขภาพตาของคุณทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม มันอาจจะช่วยต่ออายุดวงตา หรือทำให้สายตาสั้น เป็นโรคตา หรือบางทีอาจทำให้ตาบอดเลยก็ได้
คุณค่าทางโภชนาการในผักและผลไม้ สมุนไพร เครื่องเทศ และปลา ให้ประโยชน์โดยตรงด้วยการเสริมวิตามิน แคโรทีนอยด์ แร่ธาตุ และกรดไขมันที่จำเป็นต่อดวงตา
อาหารที่เต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลจะขาดสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อสุขภาพตา ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ
มันยังทำให้เกิดสารที่ทำให้เป็นอันตรายต่อดวงตา เช่น คราบอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งทำให้กีดขวางการไหลของเลือดผ่านเส้นเลือดตา
อาหารยังให้ผลทางอ้อมต่อสุขภาพตาด้วยการสะสมของสารที่เป็นตัวกำหนดน้ำตาลในเลือด ระดับความดัน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคตาที่เกี่ยวกับเบาหวาน และสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตาแข็งได้ด้วย
อาหารต่อไปนี้มีประโยชน์ในการรักษาสายตาที่ดี สายตาที่ทรุดโทรมอาจเป็นผลมาจากการได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วนและขาดสารอาหารที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการบำรุงรักษาส่วนประกอบต่างๆ ของตา

แครอท : แครอทอุดมด้วยวิตามินเอ เบตาแคโรทีน ซึ่งส่วนสำคัญของวิตามินเอ มีบทบาทสำคัญในทำปฏิริยาทางชีวเคมีหลายอย่างในร่างกาย ประโยชน์ของวิตามินเอ หรือเบตาแคโรทีนคือการบำรุงรักษาเยื่อผิวในดวงตา และลำไส้ ช่องทางปัสสาวะและระบบทางเดินหายใจ

- ปลาน้ำเย็น : เช่น ปลาซาดีน, แมคเคอเรล, ปลาคอด และปลาทูน่า ปลาเหล่านี้อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และโดยเฉพาะ DHA ที่มีบทบาทสำคัญมากในโครงสร้างของเซลล์เยื่อผังผืด เป็นอาหารที่แนะนำให้กับผู้ที่ตาแห้ง และเพื่อรักษาสายตา

- ผักใบเขียว : เช่น ผักขมและผักคะน้า ผักอุดมไปด้วยแคโรทีน โดยเฉพาะประโยชน์จากลูทีน ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ช่วยปกป้องมาคูล่า (ส่วนของดวงตาที่อยู่ลึกในใจกลางเรติน่า) ไม่ให้ถูกทำลายจากแสงแดด

- ไข่ : ไข่อุดมไปด้วยกำมะถัน, กรดอามิโน เลซิติน และลูทีน ช่วยป้องกันการก่อตัวของต้อกระจก

- กระเทียมและหัวหอม : สองอย่างนี้มีกำมะถันมากด้วยเช่นกัน ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์กลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย รวมทั้งกระจกตา มันช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายและความเสื่อม และผลนี้ส่งถึงดวงตาด้วยเช่นกัน

- ผักและผลไม้ : ผักผลไม้มีวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนเป็นจำนวนมาก แครอทมีประโยชน์สำหรับการมองเห็นในเวลากลางวัน

- บลูเบอร์รี่และองุ่น : มีแอนโธซัยยานินซึ่งมีประโยชน์สำหรับการมองเห็นในเวลากลางคืน

- ถั่วและเมล็ดพืช : ในอาหารประเภทนี้มีแร่ธาตุสังกะสีซึ่งสำคัญมากสำหรับการทำงานของเรติน่า(จอตา) สังกะสียังจำเป็นในการทำให้ตับปล่อยวิตามินเอ ออกมา ซึ่งตาจะได้นำไปใช้

ผลไม้และเครื่องเทศอื่นๆ ที่แนะนำเพื่อสุขภาพดวงตา

- อะเซโรล่า

- ลูกบ๊วย(แห้ง)

- แคนตาลู้บ

- กีวี่

- มะนาว

- ลูกพลับ

สมุนไพรและเครื่องเทศ

- ผักชีลาว

- ออริกาโน

- ผักชี

- ขมิ้น

👀 ควรอ่าน!! ตาแพ้แสง สู้แสงไม่ได้!!เมื่อเวลามองแสงแล้วมีอาการแสบตา เคืองตา ปวดตา นั่นอาจเป็นอาการตาแพ้ สาเหตุเกิดได้จากห...
03/04/2018

👀 ควรอ่าน!! ตาแพ้แสง สู้แสงไม่ได้!!

เมื่อเวลามองแสงแล้วมีอาการแสบตา เคืองตา ปวดตา นั่นอาจเป็นอาการตาแพ้ สาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยมากจะพบใน
✔ผู้สูงวัย
✔ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป
✔ผู้ทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน
✔ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง
✔การสัมผัสกับมลภาวะต่างๆ

ปัญหาตาแพ้แสงเกิดจากความผิดปกติทางตา
1) ตาแห้ง
2) ความผิดปกติของกระจกตา
3) ม่านตาอักเสบ
4) ความผิดปกติทางตาอื่นๆ

หากคุณมีอาการนี้รีบดูแลและฟื้นฟูดวงตากันนะคะ
อย่าปล่อยให้อาการต่างๆลุกลามจนแก้ไขไม่ได้ เพื่อตัวคุณหรือคนที่คุณรัก...

ขอแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงและขจัดปัญหาเรื่องดวงตาที่ได้ผลจริง!! รับประกันจากผู้ใช้ ยอดขายอันดับ 1 ต่อเนื่องจนปัจจุบัน

✔ ผลิตภัณฑ์ D-Contact ดีคอนแทค ✔

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการของดวงตา ดังนี้
➡ท่านที่มีสภาพตาสั้นเทียม, สายตายาว, สายตาเอียง
➡ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์มาเป็นระยะเวลานาน
➡ท่านที่มีจอสายตาแปรปรวนสภาพการณ์ที่เกิดจากโรคเบาหวาน
➡ผู้ที่ใช้ คอมพิวเตอร์ เป็นเวลานาน
➡ผู้ที่ขับรถยนต์เหรือผู้ปฏิบัติงานผู้ที่ทำหน้าที่ผลัดกลางคืนป็น ระยะเวลานาน (อย่างเช่น คนขับ taxi, คนขับรถขนของ)
➡ผู้สูงอายุที่มีสายตาฝ้าฟางที่มีความโอนเอียงที่น้ำนัยน์ตาจะไหลเมื่อเหลือบเห็นแสงจ้า
➡วุ้นในตาเสื่อมซึ่งเป็นเหตุให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
➡ผู้เป็นเยื่อบุดวงตาอักเสบ
-ผู้ที่เป็นต้อกระจก, ต้อหิน, ต้อเนื้อ, ต้อลม
-ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ ท่านที่มีอุปสรรคจอประสาทตา
➡คนที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ไทรอยด์ ภูมิแพ้ สามารถทานได้ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆทั้งสิ้น

เน้นของแท้ ของคุณภาพ เห็นผลลัพธ์
#มีปัญหาดวงตา นึกถึง #ดีคอนแทค
คุณ เต๋า
☎ 0944255654

มีเงินล้าน ก็ไร้ค่า หากมองไม่เห็น โลกสวยดังเดิม!!

* *

คุณกำลังเป็นแบบนี้มั้ย  ?เคืองตา   แสบตา  ตาอักเสบ  ต้อลม  ตาพร่ามัว  สายตาสั้น สายตายาว  สู้แสงไม่ค่อยได้  มองกลางคืนไม...
01/02/2018

คุณกำลังเป็นแบบนี้มั้ย ?
เคืองตา แสบตา ตาอักเสบ ต้อลม
ตาพร่ามัว สายตาสั้น สายตายาว
สู้แสงไม่ค่อยได้ มองกลางคืนไม่ชัด

หมดกังวลไปได้เลย ทางเลือกสำหรับดูแลสุขภาพตา
ปรึกษาฟรี โทร .094-425-5654 เต๋าครับ

 #อาการของวุ้นตาเสื่อม💊ผู้ป่วยจะมีอาการมองเห็นเงาดำคล้ายหยากไย่ ยุง ลูกน้ำ หรือแมลง หรือเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ เส้น ๆ หรืออาจ...
07/01/2018

#อาการของวุ้นตาเสื่อม

💊ผู้ป่วยจะมีอาการมองเห็นเงาดำคล้ายหยากไย่ ยุง ลูกน้ำ หรือแมลง หรือเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ เส้น ๆ หรืออาจมองเห็นเป็นวง ๆ ลอยไปลอยมาตามการกลอกตา (เนื่องจากมีเศษเส้นใยไปบังแสงที่ผ่านมาที่จอประสาทตา และเมื่อเรากลอกตาไปมา วุ้นตาจะเคลื่อนไหวไปตามการขยับของลูกตาด้วย) โดยเงาดำดังกล่าวนี้อาจเกิดขึ้นเพียงจุดเดียวหรือหลายจุดในตา อาจเป็นกับตาเพียงข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ ผู้ป่วยจึงอาจนึกว่ามีหยากไย่อยู่ที่ข้างนอกลูกตาและพยายามขยี้ตาหรือล้างตาแต่เงาดำก็ไม่หายไป แต่โดยทั่วไปการมองเห็นเงาดำลอยไปลอยมานี้ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้สายตามัวลง แต่อาจก่อให้เกิดความรำคาญมากกว่า แต่พอนาน ๆ เข้าผู้ป่วยจะรู้สึกชินไปเอง เพราะสมองจะเกิดการเรียนรู้และละเลยภาพเหล่านั้นไปเอง จึงทำให้ผู้ป่วยมองเงาดำเหล่านี้ลดลง

💊โดยทั่วไปมักจะไม่ถึงกับมองเห็นเงาดำเหล่านี้ได้ชัดเจนตลอดเวลา แต่จะรู้สึกและสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้นเวลามองไปยังพื้นผิวที่เรียบ เป็นสีอ่อน และมีภาวะของแสงเหมาะสม เช่น ตอนอ่านหนังสือหรือมองกระดาษสีขาว, ตอนมองไปที่ผนังสีขาว, ตอนแหงนมองออกไปบนท้องฟ้าในวันที่ฟ้าสว่าง ๆ หรือตอนกลากตาไปซ้ายไปขวา (เพราะจะทำให้วุ้นตาเลื่อนตามไปมา จึงทำให้สังเกตเห็นง่ายหรือชัดเจนยิ่งขึ้น) เป็นต้น

 #ปวดตาแค่นิดเดียว รู้ตัวอีกที กลายเป็นแบบนี้สะแล้วปัญหาเล็กๆที่ทุกคนต่างมองข้ามเรื่องสายตา  แต่กลายมาเป็นเรื่องใหญ่ในภา...
07/01/2018

#ปวดตาแค่นิดเดียว รู้ตัวอีกที กลายเป็นแบบนี้สะแล้ว

ปัญหาเล็กๆที่ทุกคนต่างมองข้ามเรื่องสายตา แต่กลาย

มาเป็นเรื่องใหญ่ในภายหลังที่ทุกคนต้องเจอ เรื่องที่

ชายคนนึงมาเปิดเผยเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับเพื่อนๆ

"ผมทำงานเจอแต่แสง เจอแต่ลม เป็นระยะเวลามานาน กลับบ้านมาก็นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ และ อยู่
แต่กับมือถือตลอด และชอบปิดไฟเล่นมือถือ เวลาเริ่ม
ผ่านไปผมรู้สึก ป ว ด ตรง หัว ต า น้ำ ต า ช อ บ ใหล
เวลาเจอ แ ส ง แล้วไม่กล้า ที่จะ ม อ งเพราะ แ พ้ แ ส ง
แต่ก็คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก เลยทำแบบนี้มาตลอด จนวัน
นึงตาผมเริ่มมืดลง"

ไม่อยากเป็นเหมือนเหตุการณ์นี้ให้ดีคอนแทคดูแลสายตาคุณ

💢แ ช ร์ ต่ อ เ พื่ อ เ ป็ น วิ ท ย า ท า น💢

ปรึกษาปัญหาสายฟรี 094-425-5654
หรือคลิกลิ้ง เพื่อติดตามเรา
https://line.me/R/ti/p/%40oie7004o
https://line.me/R/ti/p/%40oie7004o

วิธีถนอมสายตา
09/11/2017

วิธีถนอมสายตา

อ า ห า ร บํ า รุ ง ส า ย ต าอาหารบํารุงสายตา ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน มีหลายอย่างที่เอื้อต่อการเสื่อมและทำลายดวงตา...
09/11/2017

อ า ห า ร บํ า รุ ง ส า ย ต า

อาหารบํารุงสายตา ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน มีหลายอย่างที่เอื้อต่อการเสื่อมและทำลายดวงตาของเรามากมายไม่ว่าจะเป็น มลภาวะทางอากาศ ฝุ่น ควัน แสงแดด แสงไฟต่าง ๆ แม้กระทั่งการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ก็ส่งผลกระทบต่อดวงตาเราเช่นกัน ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ และหันมาหาวิธีถนอมดวงตาให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ดีกว่า ด้วยวิธีการกินอาหารที่ช่วยเสริมสุขภาพดวงตา

อาหารบำรุงสายตา หาได้จากที่ไหน?

อาหารบำรุงสายตา มีมากมายทั้งพืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์เช่น อาหารบำรุงสายตาที่มีวิตามินเอ ซึ่งมีสารอาหารที่ชื่อว่า ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) สารอาหารลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)นั้นจะอยู่ในจุดรับภาพของดวงตาคนเรา สารอาหารทั้งสองตัวนี้จะช่วยกรองแสงหรือป้องกันรังสีที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตา นอกจากนี้ลูทีน(Lutein) และ ซีแซนทีน(Zeaxanthin)ยังช่วยปกป้องไม่ให้เซลล์ของจอประสาทตาถูกทำลายอีกด้วย ซึ่งสารสองตัวนี้หาได้จาก อาหารจำพวก ฟักทอง แครอท ตับหมู มะละกอ มะม่วงสุก ตับไก่ ตับหมู ไข่แดง ปลาทะเล เบอรีสีเข้ม นอกจากนี้แล้วยังมีผักใบเขียวได้แก่ ผักบุ้ง, ตำลึง, ผักคะน้า ซึ่งเป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาโดยเฉพาะอีกด้วย

อาหารบำรุงสายตา

ผักบุ้ง
ผักบุ้ง ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้า-แคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็ง และยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด ใครอยากสายตาดีกินผักบุ้งจะช่วยได้มาก

แครอท
แครอท มีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักที่มีสีส้ม เบต้าแครอทีนก็คือ ไวตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาดวงตาเพราะมันมีผลต่อปฏิกริยาเคมีของดวงตาต่อแสง นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องผิวพรรณ และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ เช่นมะเร็งได้ดี

ตำลึง
ตำลึง “ตำลึงมีสรรพคุณบำรุงสายตาดีเยี่ยม” ด้วยคุณค่าทางอาหารที่สูง เป็นพืชที่มีบีตาแคโรทีนที่ดีที่สุด บีตาแคโรทีนเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อ นอกจากนี้ตำลึงยังสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย

ฟักทอง
ฟักทอง มีสารลูทีน, วิตามินเอ, เบตาแคโรทีน ซึ่งให้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ ระบบย่อยอาหาร บำรุงตับไต สร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าที่ตายไปแล้ว ป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินา
และยังต้านมะเร็งได้อีกด้วย

ปลาทะเล
ปลาทะเล มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งได้จากน้ำมันปลาเช่น แซลมอน ทูน่า ซาบะ ซาร์ดีน เฮอร์ริ่ง แองโชวี่ ไวท์ฟิช บลูฟิช ประโชยน์ของโอเมก้า 3 ช่วยเรื่องสุขภาพของหัวใจ, ไขมันในเลือด, ทางเดินหายใจ, สมอง, ระบบประสาทตา

เบอรีสีเข้ม
เบอรีสีเข้ม (เบอรี) เช่น บิลเบอรี บลูเบอรี ฯลฯ ซึ่งจะมีสารแอนโตไซยานินส์ (anthocyanins) เพื่อให้การมองเห็นตอนกลางคืนดีขึ้น เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืนอยู่เป็นประจำ

ท้ายนี้ ดวงตานั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของร่างกาย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจึงควรหันมาดูแลสุขภาพตา ด้วยการกิน อาหารบํารุงสายตา หรือ วิตามินบำรุงสายตา เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีและอยู่กับเราไปอีกนาน

5 ผักชั้นเลิศ บำรุงสายตาให้แจ่มแจ๋วทาน 5 ผัก บำรุงสายตา (Woman Plus)          วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับผักแสนอร่อย ...
09/11/2017

5 ผักชั้นเลิศ บำรุงสายตาให้แจ่มแจ๋ว

ทาน 5 ผัก บำรุงสายตา (Woman Plus)

วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับผักแสนอร่อย 5 ชนิด ที่จะช่วยบำรุงสายตาของเราให้จัดเจนแจ่มแจ๋วกันนะคะ ใครอยากรู้ว่ามีผักอะไรบ้าง รอติดตามกันเลยค่ะ

ผักบุ้ง

ผักบุ้งช่วยบำรุงสายตา ไม่ทำให้ปวดตา สายตาสั้น แสบตา จะกินผักบุ้งก็ต้องกินผักบุ้งดิบ รับทั้งวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้า-แคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วย นอกจากวิตามินแล้ว ผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด

แครอท

แครอทมีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักสีส้ม นอกจากนี้มันก็ยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นอีกหลายชนิด เบต้าแคโรทีนก็คือ วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาดวงตาเพราะมันมีผลต่อปฏิกริยาเคมีของดวงตาต่อแสง วิตามินเอยังช่วยให้มีผิวที่ดีอีกด้วย และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ เช่นมะเร็งได้ดี

ตำลึง

ตำลึงมีคุณค่าทางอาหารสูง มีเบต้าแคโรทีนที่ดีที่สุด เบต้าแคโรทีนเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อ เบต้าแคโรทีนเป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ จัดเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด

คะน้า

คะน้ามีสารต้านอนุมูลอิสระ คือวิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่มีผลต่อการบำรุงสายตา เสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณและต้านทานการติดเชื้อ

ฟักทอง

ฟักทองมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ ระบบย่อยอาหาร บำรุงตับไต สร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าที่ตายไปแล้ว มีสารลูทีนป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินา มีวิตามินเอบำรุงสายตา มีเบตาแคโรทีนซึ่งมีสาร Antioxidant สูงจึงช่วยต้านมะเร็งได้อีกด้วย

สุดยอดผัก ผลผลไม้บำรุงสายตา อยากให้สายตาดี ใสเป็นประกาย.... มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง?1.ผักบุ้ง2.แครอท3.ตำลึง4.ผักคะน้า5.ฝักท...
09/11/2017

สุดยอดผัก ผลผลไม้บำรุงสายตา อยากให้สายตาดี ใสเป็นประกาย.... มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง?

1.ผักบุ้ง

2.แครอท

3.ตำลึง

4.ผักคะน้า

5.ฝักทอง

6.มะม่วงสุก

7.มะละกอ

ผักบุ้ง : ผักบุ้งช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

ผักบุ้งช่วยบำรุงสายตา ไม่ทำให้ปวดตา สายตาสั้น แสบตา จากผักบุ้ง ก็ต้องกินผักบุ้งดิบ ทั้งวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้า-แคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วย นอกจากวิตามินแล้ว ผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด

การรับประทานผักบุ้ง หากผัดควรใส่น้ำมันให้น้อย แต่ถ้าลวดกินก็จะดีกว่าเพราะไม่มีน้ำมันซึ่งจะทำให้อ้วนได้ หากทานดิบก็ยิ่งจะมีประโยชน์มาก ทานกับขนมจีนอร่อยอย่างบอกใครเชียวครับ

แครอท : แครอทช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

แครอทมีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักสีส้ม นอกจากนี้มันก็ยังมีไวตามินและแร่ธาตุอื่นอีกหลายชนิด เบต้าแครอทีนก็คือ ไวตามินเอ

ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาดวงตาเพราะมันมีผลต่อปฏิกริยาเคมีของดวงตาต่อแสง ไวตามินเอยังช่วยให้มีผิวที่ดีอีกด้วย และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆเช่นมะเร็งได้ดี

ตำลึง : ตำลึงช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

ตำลึงเป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มีหัวใต้ดิน มีคุณค่าทางอาหารสูง ตำลึงเป็นพืชที่มีบีตาแคโรทีนที่ดีที่สุด บีตาแคโรทีนเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา

ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อ บีตาแคโรทีนเป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ จัดเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด

ดังนั้น ที่กล่าวกันว่า "ตำลึงบำรุงสายตา" ก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง บีตาแคโรทีนเป็นสารต้านออกซิเดชันลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ยับยั้งการทำลายของออกซิเจนเดี่ยวและอนุมูลเปอรอกซิลอิสระ

นอกจากนั้นตำลึงยังสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้

ผักคะน้า : ผักคะน้าช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

คะน้ามีสารต้านอนุมูลอิสระ คือวิตามินซีและเบต้า-แคโรทีน ซึ่งร่างการจะเปล่ยนเป็นวิตามินเอที่มีผลต่อการบำรุงสายตา

เสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณและต้านทานการติดเชื้อ

ฝักทอง : ฝักทองช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

ฝักทอง มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ ระบบย่อยอาหาร บำรุงตับไต สร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าที่ตายไปแล้ว มีสารลูทีนป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินามีวิตามินเอ

บำรุงสายตามีเบตาแคโรทีนซึ่งมีสาร Antioxidant สูงจึงช่วยต้านมะเร็งได้อีกด้วย

มะม่วงสุก : มะม่วงสุกช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

เนื่องจากมะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ฟอสฟอรัส ใยอาหาร ช่วยบำรุงสายตา บำรุงเหงือกและฟัน ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ลดสิวและริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างดี

มะละกอ : มะละกอสุกช่วยบำรุงสายตาได้อย่างไร?

มะละกอ อุดมด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 แคลเซียม และเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ รับประทานบำรุงผิวพรรณดี ลดริ้วรอยก่อนวัย และบำรุงสายตา รับประทานเป็นผลไม้

ทิปส์ในการดูแลรักษาตา

1.ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดๆทุกๆวันตอนเช้า หรือเวลาอื่นๆเช่นตอนเที่ยงหรือบ่ายด้วยเพื่อให้น้ำไปหล่อเลี้ยงตาทำให้ตาไม่แห้ง

2.ห้ามอ่านหนังสือที่แสงสว่างไม่เพียงพอหรือมั่วๆ

3.การมองวัตถุใกล้ๆก่อน แล้วมองวัตถุไกลอีกครั้งจะทำให้มองเห็นได้ชัดเจนขี้น

4.เมื่อมีเวลาว่างควรออกำลังกายโดยการกระพริบตาไปมาอย่างล่ะสัก 5 วินาที โดยการมองขี้น-ลง การมองซ้าย-ขวา การกลิ้งลูกตาให้เป็นวงกลม

5.การเข้านอนแต่หัวค่ำช่วยให้ลูกตาได้พักผ่อนอีกด้วย

6.การดื่มน้ำมากๆช่วยให้ลูกตาสดชื่นดี และช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงให้ตา

7.คนที่ทำงานเกี่ยวกับการใช้สายตามากๆ ควรออกมาเดินบางสักเล็กน้อยเพื่อให้สายตาได้พักผ่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อได้

ที่มา : Oknation.com

แชร์ต่อได้บุญต้อเนื้อ เป็นโรคกลุ่มเดียวกันกับต้อลมต้อเนื้อ เป็นโรคกลุ่มเดียวกันกับต้อลม แต่มีการยื่นเข้าไปในส่วนของกระจก...
05/11/2017

แชร์ต่อได้บุญ

ต้อเนื้อ เป็นโรคกลุ่มเดียวกันกับต้อลม
ต้อเนื้อ เป็นโรคกลุ่มเดียวกันกับต้อลม แต่มีการยื่นเข้าไปในส่วนของกระจกตา (ตาดำ) สาเหตุต้อเนื้อ เหมือนกับต้อลม คือเกิดจากการเสื่อมสภาพของเยื่อบุตา บริเวณที่โดนแดด คือเมื่อก้อนเนื้อต้อลมโตขึ้นเป็นมากขึ้น แล้วมีการยื่นเข้าไปในตาดำ ก็จะกลายเป็นเป็นต้อเนื้อนั่นเอง ต้อเนื้อ.
ต้อเนื้อ รู้ได้อย่างไรว่าเป็นต้อเนื้อ
ถ้ามองเข้าไปที่ตาจะเห็นก้อนเนื้อ สีชมพู เป็นรูปสามเหลี่ยมยื่นเข้าไปในตาดำ ถ้ามีการอักเสบมักเห็นเป็นสีแดงมากขึ้น ถ้าต้อลมจะอยู่แต่ที่ตาขาวค่ะ 


เป็นต้อเนื้อแล้วจะมีอาการอย่างไร 
จะมีอาการระคายเคืองตา ตาแดง อาจคันหรือมีน้ำตาไหลถ้าโดนฝุ่นหรือลม ถ้าเป็นมากๆ อาจกดกระจกตาทำให้มีสายตาเอียง หรือถ้าเป็นมากจนลุกลามไปบังตรงกลางของตาดำ อาจทำให้การมองเห็นมัวลงได้
เราจะป้องกันได้อย่างไร
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เจอแดดแรงๆ หรือ ควรสวมแว่นกันแดด กางร่ม หรือสวมหมวกเพื่อไม่ให้ตาโดนแสงแดดโดยตรง 

ถ้าเป็นแล้ว จะรักษาให้หายได้หรือไม่ ตาจะบอดหรือไม่ 
กรณีถ้าเป็นไม่มาก อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด อาจเพียงแค่รักษาด้วยยาลดการอักเสบ ลดแดง หรือลดอาการระคายเคืองเป็นครั้งคราว แต่ถ้ามีอาการอักเสบบ่อยๆ หรือต้อเนื้อใหญ่มากขึ้น จนทำให้การมองเห็นแย่ลง อาจพิจารณาทำผ่าตัดลอกต้อเนื้อได้ ต้อเนื้อไม่อันตรายโดยปกติไม่ทำให้ตาบอด ถ้าเป็นมากสามารถผ่าตัดรักษาได้
ทั้งนี้ การผ่าตัด 
ทำได้โดยแค่ฉีดยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาไม่นาน แต่การดูแลหลังผ่าตัดเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ คนไข้ต้องหยอดยาตามแพทย์สั่ง และหลีกเลี่ยงการเจอผุ่น ลม แดด ไม่เช่นนั้นต้อเนื้ออาจกลับเป็นซ้ำได้ ซึ่งจะมีการอักเสบรุนแรงมากขึ้น และการทำผ่าตัดซ้ำก็ทำได้ยากขึ้น 

การผ่าตัดต้อเนื้อมีหลายวิธีดังนี้
1. การลอกต้อเนื้อเพียงอย่างเดียว โดยไม่เอาเยื่อบุใดๆ มาแปะ วิธีนี้ทำในกรณีผู้ป่วยอายุมาก ต้อเนื้อไม่มีการอักเสบมาก ปัจจุบันไม่นิยมเนื่องจากอัตราการเกิดซ้ำสูงมาก
2. การลอกต้อเนื้อ และเอาเยื่อบุตามาแปะ คือนอกจากตัดต้อเนื้อ ออกแล้ว ยังเอาเยื่อบุตาส่วนบนของตาคนไข้เอง มาเย็บเข้าในบริเวณที่เป็นต้อเนื้อเดิม วิธีนี้ช่วยลดการเกิดซ้ำได้ดีมาก
3. การลอกต้อเนื้อ และเอาเยื่อหุ้มรกมาแปะ วิธีทำผ่าตัดเหมือนวิธีที่ 2 แต่ใช้เยื่อหุ้มรกมาเย็บแทน ทำให้ไม่ต้องใช้เยื่อบุตาของคนไข้ และใช้ได้ในกรณีเป็นซ้ำ และได้ใช้เยื่อบุตาตนเองไปแล้ว
4. การลอกต้อเนื้อโดยการใช้ mitomicin c ร่วมกับใช้เยื่อหุ้มรก หรือ เยื่อบุตาแปะ จะช่วยลดการเกิดซ้ำได้ดี โดยเฉพาะในคนไข้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดซ้ำ แต่ก็ต้องใช้ยานี้อย่างระมัดระวังเนื่องจากอาจมีข้อแทรกซ้อนจากยา การแปะเยื่อหุ้มรกหรือเยื่อบุตานั้น อาจใช้ไหมเย็บ หรืออาจใช้กาว fibrin แปะโดยไม่ต้องเย็บก็ได้ 

ทั้งต้อลมและต้อเนื้อนั้น ถ้าเราทราบว่าเป็นแล้ว การป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่ระวังหรือหลีกเลี่ยงการโดนแดด ฝุ่น ลม เช่น ใส่แว่นกันแดด ใช้ร่ม สวมหมวก ก็ทำให้เราลดโอกาสการโดนแดดโดยตรง โรคก็จะไม่เป็นมากขึ้น ต้อเนื้อ.

เรามีทางเลือกโดยไม่ต้องผ่าโทร.094-425-5654เต๋า

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
คลิกลิ้งค์

https://line.me/R/ti/p/%40oie7004o

ที่อยู่

Phra Nakhon
10510

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00
อาทิตย์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

094-425-5654

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดีต่อตา ดีคอนแทคผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram