12/10/2016
7 สมุนไพรปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย
1. มังคุด
พบได้ทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศไทย สารสกัดจากมังคุดเรียกว่า แซนโธน (xanthone) ที่มีชื่อเรียกจำเพาะว่า mangostin มีประโยชน์ทางการแพทย์นานับประการโดยเฉพาะในเรื่องการปรับ สมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้อีกด้วย
2. เจียวกู้หลาน หรือ ปัญจขันธ์
เป็นไม้เลื้อยตามดินขึ้นตลอดปีพบได้ทางตอนใต้ของจีน ภาคเหนือและภาคกลางของไทย ใน 1 ก้าน จะมี 5 ใบ ซึ่งบางทีก็เรียกว่า โสม 5 ใบ เพราะให้คุณประโยชน์ได้เท่าหรือมากกว่า โสม มีสารประกอบ ที่เรียกว่า จีพีโนไซด์ Gypenoside ซึ่งจะคล้ายกับ จิงเจโนไซด์ Gingenoside ที่พบในโสม ปกติจะ ชงดื่มเหมือนชาจากใบที่ตากแห้ง มีรสชาติดีหวานเล็กน้อยไม่ฝาด เจียวกู้หลาน หรือปัญจขันธ์ ให้คุณประโยชน์มากมาย อาทิ เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์มะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้หลับสบาย
3. มะรุม
มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด มีการกล่าวกันว่า เป็นพืชที่รักษาได้ทุกโรค ทุกส่วนของต้นมะรุม (ตั้งแต่ราก ไปจนถึง ดอกและฝัก) ล้วนมีประโยชน์ทางยาและคุณค่าทางอาหารมากมาย ใบมะรุม มีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า มีแคลเซี่ยมมากกว่านมสด 3 เท่า มีวิตามิน เอ มากกว่า แครอท 3 เท่า มีโปตัสเซียมมากกว่ากล้วย 3 เท่า สารสกัดจากมะรุมมีฤทธิ์ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต เพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันมะเร็ง ลดอาการอักเสบของข้อและกระดูก รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด รักษาโรคลำไส้อักเสบ บำรุงและรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ และเป็นยาปฏิชีวนะได้อีกด้วย
4. ใบบัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในแถบเอเซีย ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วไปในที่ชื้นและทุกภาค ของประเทศ แพทย์แผนโบราณเชื่อว่าใบบัวบกเป็นยาเย็น จึงใช้น้ำใบบัวบกดื่มแก้ช้ำใน แก้อ่อนเพลีย เมื่อล้า บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง บำรุงสายตา ขับปัสสาวะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ช่วยในการลดการ อักเสบและรักษาบาดแผลให้หายเร็วขึ้น ข้อดีของใบบัวบกมีมากกว่า 80 ข้อ ใบบัวบกมีสารสำคัญ หลายอย่าง เช่น ไตรเตอพินอยด์ (เอเชียติโคไซด์) บราโมไซด์ บรามิโนไซด์ กรดมาดิแคสโค วิตามินบี 1, 2, 6 วิตามินเอ วิตามินเค กรดอมิโน ( แอสพาเรด, กลูตาเมต, ซีรีน, ทริโอนีน, อลานีน, ไลซีน, ฮิสทิดีน) แมกเนเซียม แคลเซียม และโซเดียม
5. งาดำ
เพราะงาดำมีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล แพทย์แผนจีนได้มีการใช้ น้ำมันงา ในการรักษาบาดแผลและ บำรุงผิวพรรณ โลกยุคปัจจุบัน ได้มีการสกัดสารสำคัญจากงาดำ มีชื่อว่า เซซามิน (sesamin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาท ควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ ในระดับปกติ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงมากจึงช่วยยับยั้งการเสื่อสลายของเซลล์ ทำให้ดูอ่อนเยาว์ รวมถึงการยับยั้งการสลายของเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่หุ้มข้อต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในคนที่มีปัญหาโรคปวดข้อ หรือข้อเสื่อม
6. ฝรั่ง
เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้และกระจายไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกโดยนักเดินเรือชาวสเปน สารสกัดจากฝรั่ง อยู่ในกลุ่ม ฟลาโวนอยด์ (avoniod) ได้แก่ เคอเซติน (quercetin) อะวิคูลาวิน (aviculavin) และ กวาจาเวอริน (guajaverin) สารสกัดจากฝรั่งมีฤทธิ์ในการลดการบีบตัวและ การหดเกร็งของลำไส้ ลดอาการปวดประจำเดือน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และ ยับยั้งอาการไทรอยด์เป็นพิษ
7. ถั่วเหลือง
มีคุณประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่า "มหัศจรรย์แห่งเมล็ดพืช" ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ สารสกัดจากโปรตีนถั่วเหลือง มีโปรตีน 50 % ไม่มีโคเรสเตอรอล มีวิตามินหลายชนิด นอกจากนั้น ยังมีสาร ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ที่เป็น Phytoestrogen มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ซึ่งช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระดูกในสตรีที่หมดประจำเดือน จนบางครั้งมีการเรียก ถั่วเหลืองว่า "ถั่วคืนสาว" มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูงถึง 80% ซึ่งช่วยในเรื่องการบำรุงผิวพรรณและ ความกระจ่างใส นอกจากนั้นยังมีสาร ซาโปนิน (Saponin) ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมภูมิคุ้มกันและ ต้านมะเร็ง สารไอโซฟลาโวนที่ว่านี้ ได้แก่ diazein, genistein และ glycetein
ภูมิคุ้มกัน (Immunity) เป็นระบบที่จำเป็นสำหรับร่างกายมนุษย์ในการ ที่จะปกป้องร่างกายจากสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายทั้งจากภายในและ ภายนอกร่างกาย อาทิเช่น เชื้อโรค มลพิษ สารก่อให้เกิดภูมิแพ้ สารเคมี หรือ ยาบางชนิด สิ่งเหล่านี้เมื่อเข้ามาสู่ในร่างกายคนเราแล้วร่างกายก็จะมีปฏิกิริยาตอบโต้เพื่อกำจัดหรือทำลายให้หมดไป
จากการศึกษาพบว่าโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่คนเรา เป็นอยู่นั้น ล้วนแต่เกิดมาจาการที่ ระบบภูมิคุ้มกันของคนเราบกพร่อง หรือ ถูกทำลายในระยะเวลาที่ยาวสั้นไม่เท่ากัน และบ่อยครั้งที่เมื่อเป็น โรคหนึ่ง แล้วก็จะมีอีกโรคหนึ่งตามมาทั้งนี้ก็เพราะว่าอวัยวะและระบบต่างๆ ของร่างกายมีการทำงานที่ต้องประสานงานกันทั้งหมด ถ้าหากมี ส่วนใดส่วนหนึ่ง บกพร่องหรือถูกทำลายก็จะมีผลเกี่ยวเนื่องทำให้ อวัยวะหรือระบบอื่นๆ มีปัญหาตามไปด้วย