บ้านอริยะ

บ้านอริยะ บ้านอริยะเสนอความรู้การดูแลสุขภาพ?

07/05/2025

ผมเจอสารเหตุแล้ว❓ทำไมมะเร็งบางชนิดถึงโตเร็ว ดื้อยา และกลับมาอีก ทั้งที่รักษาไปแล้ว?

เจ้าตัวนี้....อาจเป็นตัวการลับที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมดื้อรั้นไม่ยอมจากโลกของเซลล์มะเร็ง! 😱💥

✅คนไทยรู้อยู่แล้วว่ากินน้ำตาล น้ำตาลขึ้น อินซูลินก็ขึ้น แต่….น้อยคนจะรู้ว่า เมื่ออินซูลินขึ้นแล้วมันไปกระตุ้นให้ฮ.อีกตัวนึงขึ้น ฮ.ตัวนี้เป็นฮ.ที่อำนวยให้เกิดการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ได้ในหลาย pathway เส้นทาง

🌿ครั้งนี้ดร.แบงค์จะมาเผยความลับของเซลล์มะเร็งในมุมที่ไม่มีคนมอง นั่นคือมุมของฮอร์โมนตัวนี้ IGF-1 (Insulin-like Growth Factor 1) ที่ในการทดลองพบว่ามีอิธิพลมากในการออกคำสั่งให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวโดยไม่มีที่สิ้นสุด

เราต้องศึกษาให้ลึกถึงแก่นสาเหตุของโรค เราจึงจะตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้มันกลับมาเป็นอีกได้จริงๆ👍

✴️IGF-1 ไม่เพียงแค่กระตุ้นให้เซลล์เติบโตเท่านั้น แต่ยังมี กลไกลึกซึ้งอีกมากมายที่ช่วยให้มะเร็งแข็งแรงและยืดหยัดอยู่ในร่างกายเราได้ ดังนี้:

🧬 1. ป้องกันการตายของเซลล์มะเร็ง
IGF-1 ช่วยยับยั้งโปรตีนที่ทำให้เซลล์ตาย (เช่น Bax, Bad) และเพิ่มโปรตีนป้องกันการตาย (เช่น Bcl-2)
➡️ ทำให้เซลล์มะเร็ง "อมตะ" อยู่ได้นานขึ้น ❌💀

💣 2. เพิ่มความดื้อยาเคมีบำบัดและรังสี
IGF-1 ทำให้เซลล์มะเร็งซ่อมแซม DNA ได้ดีขึ้น และไม่ตายง่ายจากการทำลายของยา
➡️ มะเร็งกลายเป็นนักรบที่ฟื้นตัวได้ไว 🛡️🧬

🔁 3. กระตุ้นการเปลี่ยนรูปร่างเซลล์ (EMT)
IGF-1 ช่วยให้เซลล์มะเร็งเปลี่ยนรูปร่างเป็นแบบเคลื่อนไหวได้
➡️ พร้อมกระจายไปยังอวัยวะอื่น 🧳🦠

🔬 4. สร้างเส้นเลือดใหม่ให้เซลล์มะเร็ง (Angiogenesis)
IGF-1 เพิ่มการสร้าง VEGF ซึ่งกระตุ้นการงอกของหลอดเลือดใหม่
➡️ เหมือนปูพรมแดงให้อาหารเลี้ยงก้อนมะเร็ง 🩸🌱

🧠 5. ทำงานร่วมกับฮอร์โมนอื่น
ในมะเร็งเต้านมและต่อมลูกหมาก IGF-1 กระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนและ HER2
➡️ เสริมพลังให้เซลล์มะเร็งเติบโตเร็วขึ้น 🚀💊

🧪 6. เปิดสวิตช์เส้นทาง MAPK/ERK
IGF-1 ยังเร่งการทำงานของ MAPK ซึ่งควบคุมการแบ่งเซลล์และการอยู่รอด
➡️ ทำให้เซลล์มะเร็งลุยไม่หยุด 🧬⚙️

🔄 7. สนับสนุนเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็ง (Cancer Stem Cells)
IGF-1 อาจช่วยให้เซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งยังมีชีวิตอยู่
➡️ ทำให้มะเร็งกลับมาใหม่หลังการรักษา 🎭🧿

แหล่งที่มา: Valentin et al, Scientific Reports. 2022

😮 สรุป: IGF-1 เปรียบเหมือน “ผู้จัดการฝ่ายขยายธุรกิจ” ให้เซลล์มะเร็ง ทั้งเพิ่มทุน เพิ่มคน เพิ่มเส้นทางโต และเพิ่มความอยู่รอดอย่างครบวงจร!
อยากรู้ไหมว่า… วิธีลด IGF-1 อย่างธรรมชาติคืออะไร?

ข้อมูลเยอะแล้วไหวไหมครับ มาต่อกันเลย
เก่งมากครับ! นี่คือ 7 วิธีธรรมชาติ ที่สามารถช่วยลดระดับ IGF-1 ในร่างกายช่วย "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" ที่เซลล์มะเร็งใช้เติบโต 💥🛑 โดยอิงจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

🌱 1. กินโปรตีนจากพืชแทนสัตว์ (ผมบอกมานานแล้ว)
การลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์โดยเฉพาะจากนมวัว ช่วยลด IGF-1 ได้
งานวิจัยพบว่า vegans มีระดับ IGF-1 ต่ำกว่า omnivores อย่างชัดเจน
📚 แหล่งที่มาของข้อมูล J Nutr. 2002
📉 ลดปัจจัยกระตุ้นมะเร็ง เต้านม ต่อมลูกหมาก

🍽️ 2. กินให้น้อยลงแบบพอดี (Caloric Restriction)
การจำกัดแคลอรี (แต่ยังได้รับสารอาหารครบ) ช่วยลด IGF-1 และกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์
📚 แหล่งที่มาของข้อมูล Cell Metab. 2009
⏳ ทำให้เซลล์ช้าลง ไม่โตไวเกินไป

🕐 3. ทำ Intermittent Fasting (IF)
การอดอาหารเป็นช่วงเวลา (เช่น 16/8 หรือ 5:2) ลด IGF-1 และเพิ่มการผลิตฮอร์โมนซ่อมแซม เช่น GH
📚 แหล่งที่มาของข้อมูล Cell Stem Cell. 2014
🔁 ช่วยให้ร่างกายเข้าโหมด “รีไซเคิล” เซลล์เสีย

☕ 4. ลดน้ำตาลและกลูโคสสูง
น้ำตาลกระตุ้นอินซูลิน และอินซูลินกระตุ้น IGF-1
🥤 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มหวาน ขนมปังขาว แป้งขัดสี
📉 ควบคุมได้ทั้งอินซูลินและ IGF-1 พร้อมกัน

🏃‍♀️ 5. ออกกำลังกายเป็นประจำ
โดยเฉพาะเวทเทรนนิ่งและคาร์ดิโอแบบพอดี
📚 แหล่งที่มาของข้อมูล Front Physiol. 2018
💪 เพิ่มฮอร์โมนดี ลด IGF-1 และเพิ่มความไวต่ออินซูลิน

🌾 6. ทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและฟลาโวนอยด์
เช่น ข้าวกล้อง งาดำ บล็อกโคลี ถั่วลูกไก่ เห็ด เบอร์รี
มีสารต้าน IGF-1 pathway เช่น quercetin, curcumin, EGCG
📚 แหล่งที่มาของข้อมูล Nutrients. 2020
🧪 ยับยั้ง mTOR และ PI3K/Akt จากธรรมชาติ

🍵 7. ดื่มชาเขียว และสารพฤกษเคมีอื่นๆ
EGCG ในชาเขียวลด IGF-1 และยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
📚 แหล่งที่มาของข้อมูล Cancer Lett. 2008
🍃 ดื่ม 2–3 ถ้วยต่อวันอย่างปลอดภัย

🎯 สรุป:
"ลด IGF-1 = ตัดเชื้อเพลิงมะเร็ง"
ไม่ต้องพึ่งยาเสมอไป แค่ปรับพฤติกรรมก็ช่วยได้แล้ว
กินให้ฉลาด อดให้เป็น และขยับให้สม่ำเสมอ

“เมื่อคุณลด IGF-1 ด้วยวิธีธรรมชาติ คุณไม่ได้แค่ลดความเสี่ยงมะเร็ง
แต่คุณกำลังเปิดประตูให้ร่างกายกลับมาซ่อมแซมตัวเองได้... อย่างที่ธรรมชาติตั้งใจไว้”✅

17/04/2024

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเข้าเรียนห้องเรียนข้างวัง
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลอาหารดับร้อนตั้งแต่วัยเด็ก
อาหารที่ดูเหมือนง่ายแต่ใช้เทคนิคในการทำเยอะมาก
ช่องทางการเข้าเรียนหลัก Facebook Fanpage ตำรับข้างวัง หรือรับชมย้อนหลังได้ทางลิ้งนี้ : https://www.facebook.com/share/v/T1fxpjVbe5qKTZ1K/?mibextid=WC7FNe
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลอาหารที่คนโบราณเชื่อกันว่าช่วยดับร้อน มีฤทธิ์ถอนพิษไข้ และมีสรรพคุณอีกมากมาย ในสัปดาห์นี้เราจะมาเรียนวิธีการทำถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้อร่อยแบบไม่ต้องแช่น้ำ คุณสมบัติของน้ำตาลกับความหวานที่ต่างกัน แก้ปัญหาที่เคยเจอ ต้มถั่วแล้วเละใช้เวลาต้มนานแถมเหม็นเขียวอีกต่างหากเชื่อว่า เป็นเทคนิคที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาแน่นอน
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเข้าเรียน

ถั่วเขียว 500 กรัม (ไม่ต้องแช่น้ำ)
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ลำไยแห้ง 100 กรัม
เนื้อลำไยสด 150 กรัม
น้ำเปล่า 3500 มิลลิลิตร
น้ำตาลกรวด 150 กรัม
น้ำตาลสีรำ 100 กรัม
ใบเตยหอม 10 ใบ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- กระทะ ตะหลิว
- หม้อต้มน้ำ กระบวย
- อ่างผสมอาหาร
เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาเข้าเรียนไปด้วยกันนะครับ
เรื่องง่าย ๆ ที่จะทำให้ได้เทคนิคในการเข้าครัว
ห้องเรียนข้างวัง ความสนุกในครัว
เชฟธอมัส วรพล อิทธิคเณศร
ตำรับข้างวัง

25/08/2023

ขนมครกนุ่ม ๆ หอมกลิ่นมะพร้าวร้อน ๆ จากเตา
ขนมครกตลาดเช้า ความอร่อยที่มาพร้อมกลิ่นกะทิ
ขนมไทย วัตถุดิบไทย สร้างสรรค์รสชาติความเป็นไทย
หากใครเคยโดนขนมครกลวกปาก แสดงว่าเข้าถึงรสชาติของขนมครกเป็นที่เรียบร้อย ขนมครกข้างวังสูตรมะพร้าวน้ำหอมสูตรนี้จะเป็นสูตรเนื้อนุ่ม กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นมะพร้าวที่ลอยมาตามควัน ถ้าอยากให้อร่อยยิ่งขึ้นก็สามารถเติมส่วนผสมหน้าได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าวอ่อน ข้าวโพด ต้นหอม หรือเผือกก็จะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการทาน ขั้นตอนไม่ยากครับ แต่ทุกอย่างล้วนสำคัญที่เทคนิคในวัตถุดิบแต่ละตัว
สูตรขนมครกมะพร้าวน้ำหอม
ส่วนผสมน้ำปูนใส
น้ำปูนใส
น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
ปูนแดง (ปูนกินหมาก) 2 ช้อนโต๊ะ
ผสมรวมกันคนให้ปูนละลาย แล้วรอให้ปูนตกตะกอนจนใส 1 คืน ตักฝ้าขาว ๆ ด้านบนออกแล้วจึงนำมาใช้

ส่วนผสมตัวขนมครก
แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม
แป้งสาลี 30 กรัม (แป้งเค้กตราบัวแดง)
ข้าวสวย 120 กรัม (ข้าวหอมมะลิใหม่)
หัวกะทิ 600 กรัม
น้ำปูนใส 100 กรัม
น้ำมะพร้าวน้ำหอม 200 กรัม
น้ำตาลทราย 50 กรัม
น้ำตาลมะพร้าว 20 กรัม
เกลือแกง 2 ช้อนชา

ส่วนผสมหน้าขนมครก
หัวกะทิ 550 กรัม
แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 2 ½ ช้อนชา
น้ำตาลทราย 60 กรัม
เกลือแกง ½ ช้อนชา

หน้าขนมครก
มะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นเล็กหรือขูดเป็นเส้น ต้นหอมซอย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
เครื่องปั่นอาหาร ผ้าขาวบาง อ่างผสมอาหาร เตาขนมครก
ขั้นตอนการทำ
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี ร่อนรวมกันในอ่างผสมเตรียมไว้
2. นำข้าวสวยและน้ำมะพร้าวปั่นรวมกันให้ละเอียดแล้วกรองใส่ส่วนผสมของแป้งที่ร่อนไว้แล้วในอ่างผสม ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายและเกลือ จากนั้นค่อย ๆ เคล้ารวมกัน
3. ใส่น้ำปูนใสแล้วค่อย ๆ คนให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ รินหัวกะทิใส่ลงไปที่ส่วนผสมของแป้งแล้วคนจนแป้งละลายเนียนเป็นเนื้อเดียวกับกะทิ จากนั้นพักแป้งไว้ 20 นาที
4. ทำส่วนผสมหน้าขนมครกโดยผสม หัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทรายและเกลือแกงคนรวมกันจนแป้งและน้ำตาลละลายดี จึงกรองผ่านกระชอน แล้วพักส่วนผสมหน้าไว้ประมาณ 15 นาที
5. อุ่นเตาขนมครกให้ร้อน ทาด้วยน้ำมันขี้โล้ น้ำมันพืช หรือน้ำมันมะพร้าว จากนั้นหยอดส่วนผสมตัวใส่ลงในเบ้าหลุมเกือบเต็มหลุม เรียงไปจนครบแล้ววนกลับมาหลุมที่ 1 แล้วหยอดใส่ส่วนผสมหน้าจนครบทุกหลุม และโรยหน้าขนมตามต้องการจากนั้นรอให้สุกหรือปิดฝาไว้ประมาณ 10 นาทีเพื่อให้ความร้อนระอุ พอบริเวณรอบขนมเหลืองกรอบดีข้างในสุกจึงแคะออกจากเบ้าหลุมขึ้นตะแกรงรับประทานในขณะร้อนจะกรอบนอกนุ่มใน

ห้องเรียนข้างวัง ห้องเรียนแห่งรัก
ห้องเรียนที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพ
เชฟธอมัส วรพล อิทธิคเณศร
ตำรับข้างวัง
ช่องทางการติดต่อสื่อสารกับเชฟธอมัส
Facebook Fanpage : ตำรับข้างวัง
Facebook กลุ่มสาธารณะ : ตำรับข้างวัง (The Exclusive)
ช่อง YouTube : ตำรับข้างวัง
IG : thomasthaicuisine
TikTok: ตำรับข้างวัง
แอดกันไว้นะครับจะได้ไม่พลาดสูตรอาหารและข้อมูลข่าวสารจากเชฟ
#ขนมครกมะพร้าวน้ำหอม
#ตำรับข้างวัง
#สัมผัสความเป็นไทยใกล้ๆวัง
#ศิลปะแห่งรสชาติความเป็นไทย

20/10/2022

ผักผงชูรส~ผงชูรสจากผัก
บทความโดย: อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทินกร ณ อยุธยา

* ไม่มีขาย ใครอยากได้ต้องลองทำเอาเองเท่านั้นครับ

อาหารไทยเป็นอาหารรสกลมกล่อมครบรส
เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ดร้อน โดยไม่มีรสใดนำหน้า
ทุกรสถูกปรุงแต่งให้กลมจนกล่อม
จึงถูกปากจนถูกใจ ชนทุกชาติไปทั่วโลก

เราสามารถนำผักแต่ละรสมาผสมกันจนครบรสได้
แปรเป็น”ผักผงชูรส”ใช้ปรุงอาหาร
ผักรสเปรี้ยว ใบชะมวง ใบผักติ้ว
ผักรสหวาน ใบผักหวาน ใบผักเชียงดา
ผักรสมัน ใบมันปู ถั่วพู
ผักรสเค็ม ใบชะคราม
ผักรสร้อน ใบสะระแหน่ ใบโหระพา
ผักรสเมาเบื่อ ใบไชยา ใบหม่อน

* นี้เป็นแค่ตัวอย่าง แต่จะใส่ผักชนิดใดก็ได้ให้ได้รสครบตามนี้

นำใบสดทุกชนิดยกเว้นใบไชยามาปั่นละเอียด
ส่วนใบไชยาต้องเอาไปลวกน้ำเดือดก่อนนำไปปั่น
เพราะมีรสเมาเบื่อ ต้องเอาพิษออกด้วยความร้อน
ทุกใบใช้ส่วนเสมอ ยกเว้นใบไชยาใช้เป็นสองส่วน
พอปั่นละเอียดแล้วนำไปอบจนแห้ง
จึงนำมาปั่นละเอียดจนเป็นผงอีกครั้ง แล้วเอาไปร่อน
ได้ผงผักชูรสไว้ประกอบอาหาร

ผงผักชูรสปลอดภัยกว่าผงปรุงรสที่ขายกันอยู่
และยังได้สรรพคุณจากผักแต่ละชนิดด้วย
สามารถทำเป็นรสหมูหรือรสไก่ได้อีก
เพียงเอาผงหมู หรือผงไก่ ที่ทำเองลงผสมไปด้วยกัน
ต้ม ผัด แกง ทอด จะอร่อยในพริบตา

25/09/2022

☘️🌶️ “ยำใบบัวบก” เมนูอร่อยง่ายๆ บำรุงสมอง ลดความดันโลหิต

“บัวบก” มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง ทำให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดดำ และเส้นเลือดฝอยเพิ่มขึ้น ช่วยลดความดันโลหิต ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ บำรุงร่างกาย

จุดเด่นของเมนู รสเปรี้ยวเผ็ด มีส่วนประกอบจากใบบัวบก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อตัวรุ่มร้อน ร้อนใน กระหายน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง ช่วยลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ช่วยให้อารมดีขึ้น

🔻ส่วนประกอบ
1.ใบบัวบก 2 มัด
2.มะเขือเทศเขียว 3 ลูก
3.หอมแดง 10 หัว
4.พริกสด 3 เม็ด
5.มะนาว 2 ลูก
6.ผักชีฝอย 1 ต้น
7.กระเทียมทอดตามชอบ
8.เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
9.น้ำตาล 1 ซ้อนชา
10.ถั่วลิสง (ทั้งคั่วและทอด)
11.งา 1 ช้อนโต๊ะ

🔻วิธีทำ
1.ล้างผักให้สะอาด ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาหั่น
2.ทั่นมะเขือเทศให้สวยงาม จากนั้นหั่นหอมแดงและพริกสด
3.นำผักที่เตรียมไว้มาคลูกเคล้าให้เข้ากัน และใส่มะนาว เกลือ น้ำตาล ปรุงรสให้อร่อยตามชอบ
4.โรยผักชีฝอย กระเทียมทอด ถั่วลิสง และงา
5.กินกับพริกแห้งทอด หรือผักอื่นๆ ก็ได้

#สมุนไพรทำกินเอง #เมนูลดความดัน #เมนูบำรุงสมอง #ยำใบบัวบก #สมุนไพรอภัยภูเบศร

17/09/2022
17/09/2022

❇️ ”กระเจี๊ยบเขียว” ผักมากสรรพคุณ

“กระเจี๊ยบเขียว” มีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ คือ มีคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลท แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 ไนอาซิน วิตามินซี อยู่ปริมาณพอสมควร และที่สำคัญ กระเจี๊ยบเขียวมี กลูตาไทโอน (Glutathione) ซึ่งถือว่าเป็นราชาของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี และมีสารอาหารที่ไม่ละลายน้ำและเส้นใยละลายน้ำได้ เพคติน และเมือก จึงช่วยระบบขับถ่าย ระบบดูดซึม ลดความเสี่ยงโรคแผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่

เส้นใยที่ละลายน้ำของกระเจี๊ยบเขียว จะช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและน้ำตาลเข้าสู่รางกาย และทำให้อุจจาระคล่อง จึงเป็นการกำจัดไขมันปริมาณสูงที่จับกับน้ำดีอยู่ เป็นผลให้ลดไขมันและคลอเลสเตอรอลได้คล้ายกับกินยาสแตติน

สารเมือกหรือเส้นใยของกระเจี๊ยบเขียว เมื่อเข้าสู่ลำไส้ใหญ่จะช่วยให้การเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ (พรีไบโอติก) ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยลดปริมาณสารพิษที่แบคทีเรียตัวร้ายในลำไส้สร้างขึ้นมาได้ ช่วยให้ถ่ายคล่อง สบายท้อง สมองผ่องใส

นอกจากนี้ สารกลูตาไทโอน ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การสร้างซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยากำจัดพิษในร่างกาย ปัจจุบัน นิยมใช้สารนี้เพื่อให้ผิวขาวขึ้น(เนื่องจากไปกดการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีชั่วคราว)

หมอพื้นบ้านไทยทุกภาค มีการใช้กระเจี๊ยบเขียวต้มกินรักษาพยาธิตัวจี๊ด ซึ่งได้มีรายงานการทดลอง พบว่า สารสกัดกระเจี๊ยบเขียวด้วยแอลกออฮอล์สามารถลดจำนวนพยาธิตัวจี๊ดในหนูถีบจักรได้

สรรพคุณเด่นอีกอย่างหนึ่งของกระเจี๊ยบเขียว คือ การใช้รักษาโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ บรรเทาอาการปวดท้องจากแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น โดยมีรายงานการศึกษา พบว่า สารประกอบไกลโคซิลเลทในกระเจี๊ยบเขียว มีฤทธิ์ยับยั้งความสามารถของเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ในการเกาะเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร (เชื้อนี้ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร) แต่สารไกลโคซิลเลทนี้ จะมีฤทธิ์ลดลงเมื่อถูกความร้อน

ยางจากผลสดกระเจี๊ยบเขียว ช่วยรักษาแผลสด เช่น เมื่อถูกของมีคมบาดให้นำยางจากผักกระเจี๊ยบทาแผล แผลจะหายไวไม่เป็นแผลเป็น และผลอ่อนกระเจี๊ยบมีเมือกลื่นทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีชาวบ้านบางพื้นที่นำผลอ่อนกระเจี๊ยบเขียวพอกผิวหนังที่รู้สึกแสบร้อน พบว่าช่วยบรรเทาได้

🔻ตำรับยา
▪️ตำรับยาแก้พยาธิตัวจี๊ด
ตำรับ 1. นำผลกระเจี๊ยบเขียวที่ยังอ่อนมาปรุงอาหารกิน กินวันละ 3 เวลา อย่างน้อย 4-5 ผล กินติดต่อกัน 15 วัน บางคนอาจกินเป็นเดือนจนกว่าจะหาย
ตำรับ 2. ใช้รากกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบขาว รากบักถั่วต้น(กระเจี๊ยบเขียว) ต้มกิน

▪️ตำรับยารักษาโรคกระเพาะ
ใช้ฝักอ่อนกระเจี๊ยบเขียวหั่นตากแดด บดละเอียด กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ โดยละลายน้ำกิน เวลาละลายจะได้น้ำยาเหนียวๆ ถ้ามีนมหรือน้ำผลไม้ หรืออาหารอ่อนๆ ละลายแทนน้ำจะทำให้รสชาติดีขึ้น รับประทานวันละ 3-4 เวลาหลังอาหาร

▪️ตำรับยาบำรุงข้อกระดูก
นำผลกระเจี๊ยบเขียวจำนวน 3 ผล กินสดหรือต้มกินกับหอมแดง ขนาดใหญ่ 1 หัว เพื่อบำรุงร่างกายและเพิ่มความยืดหยุ่นในกระดูก โดยเชื่อว่าเมือกในกระเจียบช่วยได้ (ตำรับของนายเซ็ง นาสูนา : หมอยาพื้นบ้าน จ.นราธิวาส)

▪️ตำรับยาแก้ปวดท้อง เจ็บท้อง ลงท้อง
ใช้รากกระเจี๊ยบเขียวฝนน้ำธรรมดากิน (ตำรับหมอยาเมืองเลย)

#สมุนไพรน่ารู้ #กระเจี๊ยบเขียว #สมุนไพรอภัยภูเบศร #อภัยภูเบศร

ที่อยู่

ถนนเพชรบุรี
Bangkok
10400

เบอร์โทรศัพท์

+66816186750

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บ้านอริยะผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram