ใกล้บ้านเภสัช-น่าน

ใกล้บ้านเภสัช-น่าน ร้านขายยา ให้บริการโดยเภสัชกร

27/04/2025
18/03/2025

💥โรคที่พบบ่อยและควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงหน้าร้อน:

กลุ่มโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ:

🍜อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning): เกิดจากการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือสารพิษ ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว และอาจมีไข้
🥶โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Diarrhea): สาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร มักเกิดจากการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด
🤢โรคบิด (Dysentery): เป็นการติดเชื้อในลำไส้ใหญ่ ทำให้มีอาการปวดเบ่ง ถ่ายเหลวมีมูกเลือด
😰โรคไทฟอยด์ (Typhoid Fever): เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhi มักมาจากการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ป่วย มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องผูกหรือท้องเสีย
😵‍💫อหิวาตกโรค (Cholera): เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae ทำให้เกิดอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำซาวข้าว อาเจียน ขาดน้ำอย่างรวดเร็ว

กลุ่มโรคติดต่อจากยุง:

🦟โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever): มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ทำให้มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง หากรุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้
🦟โรคไข้ซิกา (Zika Virus Infection): มียุงลายเป็นพาหะเช่นเดียวกับไข้เลือดออก อาการโดยทั่วไปไม่รุนแรง แต่มีความเสี่ยงต่อหญิงตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกในครรภ์มีภาวะศีรษะเล็ก (Microcephaly)
🦟โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือ ชิคุนกุนยา (Chikungunya Fever): มียุงลายเป็นพาหะ ทำให้มีอาการไข้สูง ปวดข้ออย่างรุนแรง อาจปวดหลายข้อพร้อมกันและปวดนานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ:

🥵โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heatstroke): เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับอุณหภูมิที่สูงจัดได้ ทำให้มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจหมดสติและเสียชีวิตได้
🥵ผื่นผิวหนังจากความร้อน (Heat Rash): เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดผื่นแดง ตุ่มใส หรือตุ่มนูนเล็กๆ คัน
😷โรคจากฝุ่น PM2.5 อาทิเช่น ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ เด็กมีพัฒนาการของปอดช้ากว่าปกติ เพิ่มความเสี่ยงโรคหอบหืด ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ง่ายต่อการติดเชื้อ

โรคอื่นๆ ที่อาจพบมากขึ้นในช่วงหน้าร้อน:

😍โรคตาแดง (Conjunctivitis): อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่ายในช่วงที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น
🐶โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies): ถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่เกิดเฉพาะหน้าร้อน แต่ความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากคนอาจทำกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้นและมีโอกาสสัมผัสกับสัตว์มากขึ้น

💢การดูแลสุขภาพและระมัดระวังตนเองในช่วงหน้าร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้

ข้อมูล GEMINI AI
ภาพ https://www.thairath.co.th/news/society/2778959

16/03/2025

ปิดเทอมนี้ 🥳
เช็ค !!! #วัคซีนเสริมของลูกกัน
ไม่ต้องรอถึงฤดูระบาด ฉีดก่อนภูมิขึ้นก่อน
ป้องกันโรค ลดความรุนแรง ลดอัตราการเสียชีวิต

1. #ปอดอักเสบIPD/PCV ชนิด 13, 15, 20 สายพันธุ์
ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป
- ฉีดตั้งแต่อายุ 2 เดือน รับ 4 ครั้ง 3 ครั้งแรกห่างกันทุก 2 เดือน เข็มสุดท้าย 12-15 เดือน
- อายุมากกว่า 6 เดือน รับ 3 ครั้ง 2 ครั้งแรกห่างกัน 2 เดือน เข็มสุดท้าย 12-15 เดือน
- อายุ 1-2 ปี รับ 2 ครั้ง ห่างกัน 2 เดืิอน
- อายุ 2-5 ปี 1 ครั้ง

2. #ไข้หวัดใหญ่ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป
อายุก่อน 9 ปีฉีดครั้งแรกของชีวิต 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน
#หลังจากนั้นกระตุ้นปีละครั้ง

3. #มือเท้าปาก ฉีดได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ฉีด 2 ครั้งห่างกัน 1 เดือน
(2 เข็มจบไม่ต้องกระตุ้นซ้ำ)

4. #สุกใส ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป
ฉีด 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 3-6 เดือน
(2 เข็มจบไม่ต้องกระตุ้นซ้ำ)

5. #ตับเอ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป
ฉีด 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน
(2 เข็มจบไม่ต้องกระตุ้นซ้ำ)

6. #ไข้เลือดออก ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป
ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 3 เดือน
(2 เข็มจบไม่ต้องกระตุ้นซ้ำ)

7. มะเร็งปากมดลูกในเด็กหญิง/ชาย ชนิด 4, 9 สายพันธุ์
อายุ 9-15 ปี 2 ครั้งห่างกัน 6 เดือน
(2 เข็มจบไม่ต้องกระตุ้นซ้ำ)

8. #พิษสุนัขบ้าก่อนการสัมผัสโรค ฉีดได้ทุกอายุ
ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน (กระตุ้นตามการสัมผัสโรค)

===========================
#คลินิกเด็กหมอรวงข้าว
#เวลาทำการ
จันทร์-พุธ 09.00-19.00 น.
พฤหัส 09.00-16.00 น.
เสาร์ 09.00-16.00 น.
อาทิตย์ 10.00-17.00 น.
คลินิกหยุดทุกวันศุกร์
(รับเคสสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที)

🧸พิกัดคลินิก: เขตสายไหม
🧸Map: https://g.co/kgs/8hbCYV
คลินิกเด็กหมอรวงข้าว
🧸Tel: 094 424 1491
🧸 Line OA: .ruangkhaw

#เลี้ยงลูกกับหมอรวงข้าว
#คลินิกเด็ก #คลินิกกุมารเวช
#คลินิกเด็กสายไหม #วัคซีนเด็ก #พัฒนาการเด็ก
#ศูนย์วัคซีนเด็กย่านสายไหม

(ไม่อนุญาตให้นำรูปไปใช้ต่อในช่องทางอื่นๆทุกกรณี เช่น TikTok; สามารถแชร์ไปทั้งโพสต์ได้เลยค่ะ)

23/02/2025

**เจ็บคอจำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อไหม?**
การเจ็บคอ (Sore throat) เป็นอาการที่พบบ่อยในเวชปฏิบัติ เป็นได้ทั้งจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย การตัดสินใจว่าจะรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของอาการ และปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย ในบทความนี้จะอธิบายแนวทางการพิจารณาจากหลักฐานทางการแพทย์สากลและผลงานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trials: RCT) เพื่อให้เข้าใจว่าควรใช้ยาฆ่าเชื้อเมื่อไรและอย่างไร

---

# # 1. สาเหตุของการเจ็บคอ
1. **เชื้อไวรัส (Viral pharyngitis)**
- พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 70-80% ของการเจ็บคอทั้งหมด
- มักมีอาการร่วมเช่น ไอ น้ำมูกไหล คัดจมูก ตาแดง เสียงแหบ หรือท้องเสีย
- ส่วนใหญ่หายได้เองภายใน 5-7 วัน โดยการรักษาตามอาการ (ประคับประคอง)

2. **เชื้อแบคทีเรีย (Bacterial pharyngitis)**
- สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ เชื้อ Group A Streptococcus (GAS) หรือ Streptococcus pyogenes
- อาการที่อาจสงสัยว่าเป็น GAS ได้แก่ มีไข้สูง ไม่มีอาการไอ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโตและกดเจ็บ มีจุดหนองหรือคราบขาวบริเวณทอนซิล และอาการปวดคอค่อนข้างรุนแรง
- พบในเด็กและวัยรุ่นบ่อยกว่าในผู้ใหญ่

---

# # 2. แนวทางการวินิจฉัย
# # # 2.1 การประเมินทางคลินิก (Clinical scoring)
- **Centor Criteria** หรือ **Modified Centor (McIsaac) Criteria** ใช้ประเมินความน่าจะเป็นของการติดเชื้อ GAS ได้ โดยพิจารณาจาก
1. มีไข้ (Temperature > 38°C)
2. ไม่มีอาการไอ
3. ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตและกดเจ็บ (Tender anterior cervical adenopathy)
4. มีจุดหนองหรือคราบขาวบนทอนซิล
5. อายุน้อยกว่า 15 ปี (เพิ่ม 1 คะแนน) และอายุมากกว่า 44 ปี (ลบ 1 คะแนน)

คะแนนรวมจะช่วยประเมินความเสี่ยง ซึ่งหากมีคะแนนสูง อาจพิจารณาทำ Rapid Antigen Detection Test (RADT) หรือส่งเพาะเชื้อคอ (Throat culture) เพื่อยืนยัน

# # # 2.2 Rapid Antigen Detection Test (RADT) และ Throat culture
- หากผลเป็น **บวก** ต่อ GAS โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ควรได้รับยาฆ่าเชื้อตามแนวทาง
- หากผลเป็น **ลบ** หรือมีความเป็นไปได้ว่าเป็นเชื้อไวรัสสูง การให้ยาฆ่าเชื้ออาจไม่จำเป็น

---

# # 3. หลักฐานจากงานวิจัย (RCT) เกี่ยวกับการให้ยาฆ่าเชื้อ

1. **ลดระยะเวลาอาการเจ็บคอ**
- RCT จำนวนหนึ่งพบว่า ในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ GAS จริง การให้ยาปฏิชีวนะสามารถลดระยะเวลาของอาการเจ็บคอได้เฉลี่ยประมาณ 1-2 วัน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยาหรือได้รับยาหลอก (Placebo)
- อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสหรือมีโอกาสเป็นแบคทีเรียน้อย การให้ยาฆ่าเชื้อไม่ได้ช่วยให้หายเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

2. **ป้องกันภาวะแทรกซ้อน**
- งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การให้ยาฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสมในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ GAS สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ไข้รูมาติก เฉียบพลัน (Acute rheumatic fever) หรือฝีรอบทอนซิล (Peritonsillar abscess) ได้
- ในกรณีที่เจ็บคอจากไวรัสหรือเชื้ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ GAS งานวิจัยแสดงว่าการให้ยาฆ่าเชื้อไม่ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส

3. **ผลข้างเคียงและการดื้อยา**
- RCT ที่ศึกษาผู้ป่วยจำนวนมาก พบว่าการใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็นอาจเกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย หรือเกิดอาการแพ้ยา
- การใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่เหมาะสมและต่อเนื่องนาน ๆ จะส่งเสริมให้เกิดการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก (Antimicrobial Resistance)

---

# # 4. แนวทางการรักษาตามหลักฐานทางการแพทย์

1. **กรณีสงสัยว่าเกิดจากไวรัส**
- แนะนำการรักษาประคับประคอง (Supportive treatment) ได้แก่ ดื่มน้ำมาก ๆ บ้วนคอด้วยน้ำเกลืออุ่น พักผ่อนเพียงพอ ใช้ยาลดไข้และลดอาการปวด เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ตามความเหมาะสม
- **ไม่** จำเป็นต้องให้ยาฆ่าเชื้อ เพราะไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อน

2. **กรณีสงสัยหรือยืนยันว่าติดเชื้อ GAS**
- แพทย์มักเลือกใช้ยาฆ่าเชื้อกลุ่ม Penicillin V หรือ Amoxicillin เป็นยามาตรฐาน เพราะสามารถกำจัดเชื้อ GAS ได้ดีและมีอัตราการดื้อยาต่ำ
- หากผู้ป่วยแพ้ยา Penicillin อาจใช้ยาในกลุ่ม Macrolides เช่น Azithromycin หรือ Clarithromycin เป็นทางเลือก
- โดยปกติให้ยาอย่างน้อย 10 วัน หรือให้ตามขนาด/ระยะเวลาตามแนวทางการรักษา เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

3. **กรณีอาการเจ็บคอไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด**
- หากมีคะแนนจาก Centor/McIsaac Criteria สูง หรือมีอาการบ่งชี้ต่อ GAS ควรพิจารณาทำ RADT หรือ Throat culture ก่อนเริ่มยาฆ่าเชื้อ
- หากผลตรวจเป็นลบ และอาการไม่รุนแรง ควรติดตามอาการ หรือรักษาประคับประคองเป็นหลัก

---

# # 5. สรุปและข้อแนะนำ
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการเจ็บคอเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่ตอบสนองต่อยาฆ่าเชื้อ การให้ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มนี้จึง **ไม่** มีประโยชน์ และยังเสี่ยงต่ออาการข้างเคียงและการดื้อยา
- การตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นโดยใช้เกณฑ์ทางคลินิก (Centor/McIsaac Criteria) ร่วมกับ Rapid Antigen Detection Test (RADT) หรือ Throat culture จะช่วยยืนยันภาวะติดเชื้อแบคทีเรีย (โดยเฉพาะ GAS) เพื่อพิจารณาการใช้ยาฆ่าเชื้อได้อย่างแม่นยำ
- งานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (RCT) ชี้ว่า ยาฆ่าเชื้อมีประโยชน์จริงในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ GAS โดยช่วยลดระยะเวลาอาการเจ็บคอ ลดความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน แต่ในกรณีของการติดเชื้อไวรัสไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้น
- การใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น นอกจากจะไม่ช่วยให้อาการเจ็บคอที่เกิดจากไวรัสหายเร็วขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้เกิดผลเสีย ทั้งอาการข้างเคียงและการเพิ่มขึ้นของปัญหาเชื้อดื้อยา

**คำแนะนำผู้ป่วย:**
1. หากมีอาการเจ็บคอ ร่วมกับไข้สูงและไม่มีอาการไอ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของเชื้อ GAS
2. หากแพทย์วินิจฉัยหรือยืนยันว่าเป็นเชื้อ GAS ให้รับประทานยาฆ่าเชื้อครบตามกำหนด ห้ามหยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้น
3. หากประเมินว่าเป็นการติดเชื้อไวรัส ควรรักษาประคับประคองและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อบรรเทาอาการ
4. ไม่ควรซื้อยาฆ่าเชื้อกินเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการใช้ยาเกินจำเป็นและภาวะดื้อยา

---

**เอกสารอ้างอิง (References):**
- Shulman ST, et al. *Clinical Practice Guideline for the Diagnosis and Management of Group A Streptococcal Pharyngitis: 2012 Update by the Infectious Diseases Society of America*. Clin Infect Dis. 2012;55(10):1279-1282.
- Spinks A, et al. *Antibiotics for sore throat*. Cochrane Database of Systematic Reviews. 2021;7(7):CD000023.
- NICE. *Sore throat (acute): antimicrobial prescribing (NG84)*. 2018.
- Centor RM, et al. *The Diagnosis of Strep Throat in Adults in the Emergency Room*. Med Decis Making. 1981;1(3):239-246.

บทสรุปคือ **ไม่ใช่ทุกกรณีของอาการเจ็บคอที่จะต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ** หากเป็นการติดเชื้อไวรัสมักหายได้เอง ด้วยการดูแลตามอาการ แต่ถ้าแพทย์วินิจฉัยได้ว่าเป็นเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ Group A Streptococcus ควรได้รับยาฆ่าเชื้อตามแนวทางอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและลดการแพร่กระจายของเชื้อ นี่คือความสำคัญของการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้อง รวมถึงการใช้ยาอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามหลักฐานทางการแพทย์จาก RCT และแนวทางสากลค่ะ

20/02/2025

#ไข้หวัดใหญ่ สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกกลุ่มอายุ แต่จะพบมากในเด็ก 👧 กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิต ได้แก่ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว 👵🧓🫁
👩‍💻ปี 2️⃣5️⃣6️⃣8️⃣ (ข้อมูลตั้งแต่ 1 มกราคม-17 กุมภาพันธ์ 2568)
- มีผู้ป่วยสะสม 107,570 ราย
- เสียชีวิต 9 ราย
- 3 กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ 5-9 ปี รองลงมาเป็น 0-4 ปี และ 10-14 ปี
✍️ ฉบับปรับปรุง ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 :
https://ddc.moph.go.th/doe/publishinfodetail.php?publish=16816&deptcode=doe
#กองระบาดวิทยา

ใกล้บ้านเภสัช📍บ้านยู้ หมู่ 5 ต.จอมพระ อ.ท่าวังผา จ.น่าน💊เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 น. - 20.00 น.💊จำหน่ายยา อาหารเสริม เ...
26/01/2025

ใกล้บ้านเภสัช
📍บ้านยู้ หมู่ 5 ต.จอมพระ อ.ท่าวังผา จ.น่าน
💊เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 น. - 20.00 น.
💊จำหน่ายยา อาหารเสริม เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์
💊มีเภสัชกรตลอดเวลาทำการ
💊ปรึกษาเรื่องยาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Line Id: klai-baan
☎️ 065-7080255

#ขายยา #อาหารเสริม #เวชภัณฑ์ #ขายยาโดยเภสัชกร #ใกล้บ้านเภสัช #เครื่องมือทางการแพทย์ #เภสัชกร #ยาแผนโบราณ #ยาแผนปัจจุบัน #บ้านยู้ #ท่าวังผา #น่าน

21/11/2023

ที่อยู่

333 หมู่ 5 ต. จอมพระ อ. ท่าวังผา จ. น่าน
Tha Wang Pha
55140

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 20:00
อังคาร 08:00 - 20:00
พุธ 08:00 - 20:00
พฤหัสบดี 08:00 - 20:00
ศุกร์ 08:00 - 20:00
เสาร์ 08:00 - 20:00
อาทิตย์ 08:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66657080255

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ใกล้บ้านเภสัช-น่านผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram