เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/101193035487494/

Mx Protein โปรตีนจากพืชล้วนบริสุทธิ์ ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์, 264 ถนนชยางกูร ตำบลขาใหญ่, Ubon Ratchathani (2025)

29/07/2022

รู้ไหมว่า? การกินอะโวคาโดสัปดาห์ละผล ช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายได้!
โดยการศึกษาที่เผยแพร่ลงในวารสาร Journal of the American Heart Association ระบุว่า การทานผลไม้ที่มีไขมันดีอย่างอะโวคาโดอย่างน้อย 2 หน่วยการบริโภค หรือประมาณหนึ่งลูกต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือหัวใจวาย รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจ
ทีมนักวิจัยจาก Harvard T.H. Chan School of Public Health ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา ได้ทำการสำรวจผู้ชายและผู้หญิงวัย 30-75 ปี จำนวนกว่า 110,000 คนที่ร่วมในการศึกษาระยะยาว 30 ปีด้านปัจจัยความเสี่ยงโรคเรื้อรังของ Nurses’ Health Study และ Health Professionals Follow-up Study โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดไม่เป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองในช่วงเริ่มต้นการศึกษา และมีการตอบคำถามด้านโภชนาการทุก 2 ถึง 4 ปี เพื่อนำมาปรียบเทียบบันทึกทางการแพทย์เมื่อสิ้นสุดการศึกษา
นักวิจัยจากฮาร์เวิร์ดได้มองเห็นผลดีโดยรวมจากการทานอะโวคาโด และเมื่อจัดทำรูปแบบทางสถิติ พบว่า ผู้ที่ทานอะโวคาโด 1 ลูกต่อสัปดาห์จะมีปัญหาด้านโรคต่างๆ เกี่ยวกับหัวใจลดลง 16 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ทานผลไม้นี้เลย ส่วนผู้ที่ทานอะโวคาโดเป็นประจำจะมีปัญหาโรคหลอดเลือดหัวใจซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวายลดลง 21 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับสรุปได้ว่าการเปลี่ยนมาทานอะโวคาโด 1 ส่วน 4 ทุกวัน แทนการทานสิ่งอื่นที่มีไขมันอย่าง ชีส เนย มาการีน ไข่ โยเกิร์ต หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างเบคอนจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจวายได้ 16-22 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ได้จากอะโวคาโดจะมากและชัดเจนเมื่อถูกทานแทนอาหารอย่างเนย มาการีน หรือเบคอนเท่านั้น เพราะหากเป็นการทานแทนอาหารอย่างวอลนัตหรืออัลมอนด์ดูเหมือนว่าประโยชน์ที่ได้รับจากอะโวคาโดจะไม่ได้เด่นชัดนัก เนื่องจากทั้งอะโวคาโด วอลนัต และอัลมอนด์มีคุณสมบัติทางสารอาหารที่คล้ายกัน
โดย ดร. เดวิด แคตซ์ (David Katz) ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันโรค วิถีชีวาเวชศาสตร์ (Lifestyle Medicine) และสารอาหารซึ่งร่วมอยู่ในการศึกษาได้บอกว่า “มีการสังเกตเห็นถึงประโยชน์จากการทานอะโวคาโดเป็นประจำอย่างชัดเจน เมื่อมีการเปลี่ยนมาทานอะโวคาโดแทนอาหารอื่นที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่า”
นอกจากกรดไขมันโอเมกาที่สูงในอะโวคาโดจะช่วยลดคลอเลสเตอรอลไม่ดีและป้องกันการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดหัวใจแล้ว นักวิจัยจากฮาร์เวิร์ดยังชี้ว่า โอเมกา 9 ที่มีในอะโวคาโดสามารถช่วยให้มีความดันโลหิตดีขึ้นและช่วยลดอาการอักเสบด้วย
🙏ที่มา : GQ Thailand
🙏 #ชีวจิต

14/05/2022

#ลูกหว้า สรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมได้
ลูกหว้า (บักหว้า)
เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นแอนโทไซยานิน แทนนิน ฟลาโวนอยด์ เทอร์ปินอยด์ กรดเอลลาจิก กรดไขมัน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ จึงมีการกล่าวถึงสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างหลากหลาย เช่น หลอดลมอักเสบ หอบหืด ท้องร่วง ท้องผูก โรคเกี่ยวกับระบบประสาท หรือแม้กระทั่งเพิ่มพลังทางเพศ โดยคุณประโยชน์ด้านสุขภาพบางประการของลูกหว้ามีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์กล่าวถึง ดังนี้
รักษาเบาหวาน มีการกล่าวอ้างสรรพคุณนี้มาช้านาน ในทางวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาประเด็นนี้กับตัวอย่างเซลล์ของมนุษย์ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เพื่อดูว่าสารสกัดใบหว้าส่งผลต่อเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหรือไม่ ผลลัพธ์พบว่าสารสกัดใบหว้าช่วยลดระดับเอนไซม์ดังกล่าวให้น้อยลง ซึ่งคาดว่าคุณสมบัตินี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต้านสารอนุมูลอิสระและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่เมื่อสุกจะมีผลสีม่วงเข้มจนถึงดำคล้ายองุ่นรสชาติจะออกหวานและมีรสฝาดเล็กน้อย นิยมนำมาทำแปรรูปเป็นนํ้าลูกหว้า เยลลี่ และแยม สารที่มีอยู่ในลูกหว้าจะเป็น สารกลุ่มแอนโธไซยานิน (ไซยานิดิน) กรดเอลลาจิก กรดเฟอรูลิก ซึ่งสารกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งโดยพบว่า สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านมได้
สรรพคุณของหว้าและวิธีใช้
เปลือกและใบหว้า ใช้ทำยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย ลิ้นและคอมีเม็ด ใบและเมล็ดหว้า ใช้แก้บิด มูกเลือด ท้องเสีย นำใบและเมล็ดหว้ามาต้มกับนํ้า แล้วนำนํ้าที่ได้มาใช้ในการชะล้างแผลเน่าเปื่อย หรือนำใบและเมล็ดหว้ามาตำแล้วใช้ทาแก้โรคผิวหนัง เมล็ดหว้า เมล็ดหว้าเมื่อนำมาต้มหรือบด แล้วนำมารับประทาน มีสรรพคุณใช้แก้เบาหวาน แก้บิด แก้ท้องร่วงได้ “ผลหว้าสุก” จะลักษณะสีม่วงดำ และมีรสเปรี้ยวฝาดอมหวาน จึงสามารถนำมาใช้ในการทำไวน์ได้ดี ส่วนยอดอ่อนของหว้าสามารถใช้รับประทานเป็นผัก
✅ประโยชน์ของลูกหว้า
1.หว้าประโยชน์ลูกหว้า ลูกหว้าอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟัน (ผลดิบ)
2.สรรพคุณลูกหว้า ผลดิบช่วยแก้อาการท้องเสียได้ (ผลดิบ)
3.สรรพคุณของลูกหว้าผลสุกรับประทานแก้อาการท้องร่วงและอาการบิด (ผลสุก)
4.ใช้รักษาอาการบิด มูกเลือด ท้องเสีย (ใบและเมล็ดหว้า)
5.นำมาใช้ทำเป็นยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย แก้คอเปื่อย เป็นเม็ดตามลิ้นและคอ (เปลือกและใบหว้า)
6.แก้อาการนํ้าลายเหนียวข้น (เปลือกและใบหว้า)
7.ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ใบและเมล็ดหว้านำมาต้มหรือบดให้ละเอียด แล้วนำมารับประทานเพื่อรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ เนื่องจากมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดระดับนํ้าตาลในเลือดได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
8.ลูกหว้าสรรพคุณ ช่วยชะลอความแก่และความเสื่อมของเซลล์ได้ (ผล)
9.ช่วยบรรเทาอาการของวัณโรค และโรคปอดได้ด้วยการนำผลหว้าไปตากแห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดรับประทานเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น (ผล)
10ช่วยรักษาโรคหอบหืดที่เกิดจากการแพ้อากาศ ด้วยการนำผลหว้าสดมาต้มกับนํ้าแล้วดื่มเพื่อบรรเทาอาการ (ผลสด)
11.ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมองได้ (ผล)
12.ลูกหว้ามีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง (นํ้ามันหอมระเหย)
13.ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยการเพิ่มการหลั่งนํ้าดี และนํ้าย่อยต่างๆ (นํ้ามันหอมระเหย)
14.ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (นํ้ามันหอมระเหย)
15.ช่วยยับยั้งเชื้ออี.โคไล (Escherichia coli) ในช่องทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยๆ หรืออุจจาระเหลวเป็นนํ้า
16.ช่วยลดการจับตัวของลิ่มเลือด (นํ้ามันหอมระเหย)
17.มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (นํ้ามันหอมระเหย)
18.ใบและเมล็ดหว้านำมาตำให้แหลกแล้วใช้ทารักษาโรคผิวหนังได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
19.ใบและเมล็ดหว้าเมื่อนำมาต้มกับนํ้าตาล แล้วนำนํ้าที่ได้มาล้างแผลเน่าเปื่อยได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
20.นํ้าจากลูกหว้าถือเป็น 1 ใน 8 ของนํ้าปานะที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาติแก่พระภิกษุ
21.ยอดอ่อนของหว้าสามารถนำมารับประทานเป็นผักสดได้ (ยอดอ่อน)
22.ประโยชน์ของลูกหว้า ผลสุกนิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้ และใช้ทำเป็นเครื่องดื่มหรือไวน์ได้ (ผลสุก)
23.เนื้อไม้ของต้นหว้า สามารถนำมาใช้ทำสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนได้อีกด้วย (ต้นหว้า)

🙏ข้อมูล:เชียงใหม่นิวส์

16/04/2022

วันนี้แอดมินมีวิธีเลือกทานอาหารบำรุงไตมาฝากค่ะ
#กินอะไรดี ช่วยให้ไตแข็งแรง

20/02/2022

มาดูกันว่าทำไม นักโภชนาการแนะนำโปรตีนพืชล้วน MX Protein ที่สกัดจากพืช 100% ว่าเป็นอาหารโปรตีนที่เหมาะสำหรับผู้ป่วย ผู้สูงวัย และ ผู้ที่อยู่ในระยะพักฟื้น
เพราะ #ผู้ป่วยพักฟื้น มีอัตราการเสื่อมสลายของโปรตีนสูงกว่าคนทั่วไป แต่ การดูดซึมอาจมีข้อจำกัด เนื้อ นม ไข่ หรือ โปรตีนจากนมหรือเวย์ อาจมีน้ำตาลแลคโตสและไขมันที่ไม่จำเป็น ดังนั้นโปรตีนที่สกัดจากพืชล้วนแบบ MX Plant Base Protein จึงสามารถแทนที่ข้อจำกัดในการรับประทานตรงนี้ได้
และ #ผู้ป่วยที่เบื่ออาหาร จำเป็นต้องบำรุงตลอดระยะฟื้นฟูและดูแลเป็นมื้ออาหารโปรตีนสำหรับผู้ป่วยให้ไม่ขาดธาตุอาหารจำเป็น ช่วยให้ร่ากายฟื้นฟูได้ดี เพิ่มความอยากอาหารในระยะยาว และให้พลังงานเพียงพอแต่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่สะสมแคลอรี่ในร่างกาย รสชาติอร่อย ทานง่าย
นอกจากนี้ #ผู้ป่วยที่สุญเสียโปรตีน หรือ #หลังให้เคมีบำบัด มักต้องการโปรตีนเพื่อฟื้นฟู ทุกส่วนของร่างกายที่บกพร่องลง อาจมีปัญหาผมร่วง กล้ามเนื้อสลายเร็ว เพราะผู้ป่วยมีอัตราการเสื่อมสลายของกล้ามเนื้อมากกว่าคนปกติ โปรตีนจึงสำคัญ !
MX Protein อุดมไปด้วยโปรตีนพืชตระกูลถั่วสกัดแบบไอโซเลท และมีอะมิโนจำเป็นคือ BCAA ที่มีใน Pea Protein ซึ่งมีเพียงไม่กี่ชนิดในโลก ทำหน้าที่เป็นเสมือนโครงข่ายนำพาสารอาหารตัวอื่นๆ ไปให้ถึงระดับเซลล์
สอบถามเพิ่มเติม/สั่งซื้อสินค้า คลิก!
💬 ทักแชท:
📲 ทักไลน์:
🌐 เว็ปไซต์:
✅ โปรตีนสุขภาพ ดูดซึมไว เหมาะกับทุกวัย
✅ ไม่มีแลคโตส แพ้นมทานได้ ย่อยง่าย
✅ แคลต่ำ ทานแทนมื้ออาหารได้ คุมน้ำหนักได้ดี
✅ ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน GMP และ HACCP
✅ Halal Certification มาตรฐานฮาลาล
✅ รสช็อกโกแลต แบบชง ทานง่าย อร่อย
✅ ให้แร่ธาตุซิลิเนียมสูงถึง 8 เท่า
✅ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ไฟเบอร์สูง
✅ ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด
✅ ลดความเสี่ยงโรคอ้วนลงพุง
✅ โอเมก้า 3 สูง บำรุงสมองและหัวใจ
✅ บรรเทาภาวะเครียด ช่วยให้ผ่อนคลาย
✅ บำรุงผิว ผม ข้อ เส้นเลือด ลดการเหี่ยวย่น
#ฟิตแอนด์เฟิร์ม #โปรตีน #โปรตีนจากพืช #โปรตีนผู้สูงวัย #ควบคุมน้ำหนัก #แคลอรี่ต่ำ #บำรุงสุขภาพ #อาหารเสริม #ทานได้ทุกวัย #ทานได้ทุกวัน

08/02/2022

#สาระน่ารู้💡

น้ำเต้าหู้ คือ เครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมาอย่างยาวนาน ซึ่งน้ำเต้าหู้ผลิตมาจากถั่วเหลืองโดยผ่านกระบวนการคั้นน้ำจนได้ออกมาเป็นน้ำสีขาว มีกลิ่นหอม และให้ประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักประโยชน์และโทษของน้ำเต้าหู้ให้มากยิ่งขึ้น ใครดื่มบ่อยๆ รีบตามไปดูกันเลย

♻️ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้
✅1. อุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายสูง ในน้ำเต้าหู้ประกอบไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก ได้แก่ โปรตีน แคลเซียม ซีลีเนียม สังกะสี ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนกว่า 18 ชนิด และธาตุเหล็ก รวมไปถึงวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 เป็นต้น
✅2. บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง น้ำเต้าหู้นั้นอุดมไปด้วยสารไอโซฟลาโวน ที่ช่วยลดการเสื่อมสภาพของกระดูกได้
✅3. ช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลและอีซูลันในน้ำเต้าหูนั้นมีน้อยกว่านมชนิดอื่นๆ เมื่อดื่มแล้วจึงช่วยจึงลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติมากยิ่งขึ้น
✅4. มีไขมันอิ่มตัวที่เหมาะสม น้ำเต้าหู้ประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว 63% ไขมันอิ่มตัว 15% และไขมันไม่อิ่มตัวชนิดเดี่ยว 24% ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมตามร่างกายจนเป็นผลเสีย นอกจากนี้ ยังมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic) และกรดไขมันอื่นๆ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจลงได้

⛔โทษของน้ำเต้าหู้ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

❎1. เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในผู้หญิง เมื่อร่างกายได้รับปริมาณโปรตีนที่มากเกินไป ย่อมทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงได้และยังทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตขึ้นง่ายด้วย
❎2. เสี่ยงต่อการเกิดน้ำตาลในเลือดสูง เพราะในน้ำเต้าหู้หลายเจ้ามีการปรุงแต่งรสให้อร่อยถูกปากผู้บริโภค ดังนั้น หากดื่มน้ำเต้าหู้ที่มีความหวานหรือน้ำตาลสูง ย่อมทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคความดันในภายหลังได้
❎3. ส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์ สำหรับต่อมไทรอยด์นั้นเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการควบคุมอารมณ์ต่างๆ แต่น้ำเต้าหู้กลับส่งผลต่อการปิดไอโอดีนซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญของต่อมไทรอยด์ ทำให้คุณมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย รู้สึกอ่อนเพลียง่าย เบื่ออาหารและเกิดความเครียดขึ้นง่าย
❎4. เสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ หลายโรค รู้หรือไม่ว่าถั่วเหลืองที่เป็นวัตถุดิบในการทำน้ำเต้าหู้นั้น มักจะมีสารไกลโฟเสทที่ติดมาอยู่มากน้อยแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ แต่จะพบได้มากในถั่วเหลืองจีเอ็มโอ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ กว่า 20 โรค เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ลำไส้แปรปรวน การติดเชื้อในลำไส้ อัลไซเมอร์ สมองเสื่อม พาร์กินสัน ออทิซึ่ม หลอดเลือดในสมอง กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต อุจจาระร่วง และไตวาย
❎5. มีแนวโน้มต่อการเป็นหมัน จากงานวิจัยหลายตัวทำให้พบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้ปริมาณมาก ส่งผลให้ต่อมไร้ท่อและฮอร์โมนเอสโทรเจนในผู้ชายทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นหมันหรือมีบุตรได้ยากในอนาคต

08/02/2022

#12เหตุผลที่คุณควรเปลี่ยนมากิน “ข้าวไรซ์เบอร์รี่”

✅1.มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาท สมองและตับ

✅2.ลดไขมัน คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด

✅3.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส

✅4.ลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง และหัวใจ

✅5.ป้องกันโรคเหน็บชา

✅6.มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง

✅7.แก้ท้องเสีย ท้องร่วง

✅8.ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม

✅9.ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ

✅10.ลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน

✅11.ลดความดันโลหิตสูง

✅12.มีกากใยอาหาร ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบการขับถ่าย

08/02/2022

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรูปร่าง อาหารการกิน และการออกกำลังกาย จะเห็นได้จากมีผลตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพวางขายตามท้องตลาดมากยิ่งขึ้น ต้นอ่อนข้าวสาลี (Wheatgrass) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพของผู้คนสำหรับสังคมยุคใหม่ที่กำลังมาแรง

แล้วผลิตภัณฑ์ Wheatgrass เหมาะกับใครบ้าง

👉🏻 ผู้มีปัญหาทางด้านระบบการย่อยอาหาร
👉🏻 ผู้มีอาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง
👉🏻 ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง และขาดออกซิเจน
👉🏻 ผู้ที่มีภาวะแผลติดเชื้อเรื้อรัง
👉🏻 ผู้ทีมีภาวะสารพิษ และสารตกค้างในร่างกาย
👉🏻 ผู้ที่ต้องการ Detoxification ตับและเลือด
👉🏻 ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว
👉🏻 ผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารอักเสบ

เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ดีได้แล้ววันนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ วีทกราส ซึ่ง เป็นแหล่งคลอโรฟิลล์ที่ดีที่สุด ประกอบไปด้วยสารอาหารจากพืช และสารประกอบที่มีออกซิเจนสูงหลากหลายงานวิจัยพบว่า Wheatgrass มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง โดยกลไกที่เข้าไปทำให้เซลล์มะเร็งทำลายตัวเอง (apoptosis) การศึกษานี้ตอกย้ำโดย Integrated Oncology and Palliative Care Unit ในอิสราเอล ที่พบว่า ต้นอ่อนข้าวสาลี สามารถนำมาใช้ร่วมกับโปรแกรมรักษาโรคมะเร็งแบบองค์รวม

---------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ที่
โทร 091-8355-928

#วีสกราส #ปัญหาท้องผูก #ระบบย่อยอาหาร #ขับสารพิษ #เกสรดอกไม้สกัด #สารสกัดจากธรรมชาติ #พอลลิติน #เซอร์นิติน

02/02/2022

อีกหนึ่งตัวเลือก โปรตีนสำหรับ ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ใหม่ ! MX Protein รสเฮเซลนัท คือ โปรตีนพืชล้วน สูตรที่ 2 ต้านกล้ามเนื้อที่สูญสลายได้ดีขึ้นจาก จำนวนโปรตีน และ ถั่วที่เพิ่มมากขึ้น จึงได้โปรตีนสูงขึ้น 50% จากสูตรเดิม และ แน่นอนว่า เราจำหน่ายในราคาเดิม
ให้ผู้ป่วยผู้สูงวัย ได้สิ่งที่เหมาะสมกับท่านดีกว่าไหม
เพราะ #ข้อจำกัดของการย่อยอาหาร #ช่วงวัยที่ไม่ควรทานแคลอรี่เยอะๆสูงๆ MX Protein จึงเข้าใจทุกความต้องการและทุกความละเอียดดอ่อนของวัย เราจึงเป็นโปรตีนพืชแบรนด์แรกๆที่แคร์ผู้ป่วยผู้สูงอายุ และ แน่นอนว่าโปรตีนพืชของเราดีกับคนทุกวัย
#ไม่จำเป็นต้องผสมนม
#ไม่มีส่วนผสมของเวย์
แต่ได้สิ่งที่เหมาะ และ ดีกว่าด้วย
โปรตีนชนิดไอโซเลทจากพืช 100% ให้คุณค่าสูง
เพราะ ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์
สอบถามเพิ่มเติม/สั่งซื้อสินค้า คลิก!
💬 ทักแชท :
📲 ทักไลน์:
✅ โปรตีนสุขภาพ ดูดซึมไว เหมาะกับทุกวัย
✅ ไม่มีแลคโตส แพ้นมทานได้ ย่อยง่าย
✅ แคลต่ำ ทานแทนมื้ออาหารได้ คุมน้ำหนักได้ดี
✅ ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน GMP และ HACCP
✅ Halal Certification มาตรฐานฮาลาล
✅ รสช็อกโกแลต แบบชง ทานง่าย อร่อย
✅ ให้แร่ธาตุซิลิเนียมสูงถึง 8 เท่า
✅ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ไฟเบอร์สูง
✅ ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด
✅ โอเมก้า 3 สูง บำรุงสมองและหัวใจ
✅ บรรเทาภาวะเครียด ช่วยให้ผ่อนคลาย
✅ บำรุงผิว ผม ข้อ เส้นเลือด ลดการเหี่ยวย่น
#ฟิตแอนด์เฟิร์ม #โปรตีน #โปรตีนจากพืช #โปรตีนผู้สูงวัย #ควบคุมน้ำหนัก #แคลอรี่ต่ำ #บำรุงสุขภาพ #อาหารเสริม #ทานได้ทุกวัย #ทานได้ทุกวัน

17/01/2022

ระบบภายในของผู้หญิง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากๆ เลยละค่ะ เพราะอาจเกิดโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือแม้แต่เพราะแค่การหลุดของเยื่อบุมดลูก วันนี้เรามาทำความรู้จักโรคและอาการที่มักเกิดขึ้นของโรคภายในผู้หญิงกันดีกว่าค่ะ
#ชีวจิต #โรคภายใน

ติดตามอัพเดทสาระเพื่อสุขภาพได้ที่นี่⬇️
https://www.facebook.com/NutrientByPookkJa/

หรือ ปรึกษา ปัญหาสุขภาพฟรีโดยผู้เชี่ยวชาญ
โทร 📞 091-8355-928
💬ทักแชท www.m.me/POLLITINKunjira/
#พอลลิตินpollitin #มะเร็ง
#สารสกัดจากธรรมชาติ #ต้านอนุมูลอิสระ #เกสรดอกไม้สกัด

09/01/2022

มะเร็งเต้านม เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ป่วยเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ การตรวจคัดกรองในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็จะช่วยลดความเสี่ยง หรือช่วยให้พบโรคแต่เนิ่นๆ เพิ่มโอกาสรักษาหายได้ค่ะ

ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมทำไมต้องอายุ 35 ปี ขึ้นไป❓

จากสถิติจะพบว่า 1 ใน 9 ของประชากรผู้หญิงจะป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมในช่วงหนึ่งของชีวิตนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ควรจะต้องหาทางป้องกันล่วงหน้าด้วยการตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไปซึ่งถือเป็นช่วงอายุที่มีความเหมาะสมในการตรวจมากที่สุด
เนื่องจากเต้านมของผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปีนั้น เนื้อเยื่อภายในเต้านมจะยังมีความหนาแน่นมาก ทำให้ภาพรังสีค่อนข้างออกไปทางสีขาวเนื้อเยื่อเต้านมอาจบดบังก้อนมะเร็งจนมองเห็นได้ไม่ชัดทำให้วิเคราะห์ผลการตรวจได้ไม่ค่อยแม่นยำซึ่งการตรวจแมมโมแกรมจะได้ผลดีที่สุดก็ต่อเมื่อเนื้อเยื่อเต้านมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย การตรวจลักษณะนี้จึงเหมาะกับผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปเท่านั้นซึ่งจะช่วยให้พบมะเร็งในระยะเริ่มต้นหรือพบการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่มะเร็งได้จึงเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ทันท่วงที

ถ้าอายุ 40+ ยังไม่เคยตรวจ❓

สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไปแนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง สำหรับผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่ไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงแนะนำให้ตรวจทุก 2 ปี / ครั้ง แต่หากมีปัจจัยแนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง

โรคมะเร็งเต้านม พบเร็ว โอกาสรักษาหายมีสูงมาก ต่อให้ไม่ได้มีสัญญาณอะไร แต่เมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอค่ะ ป้องกันไว้ก่อนดีที่สุดนะคะสาวๆ

(ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล)

#ชีวจิต #โรคมะเร็งเต้านม #มะเร็งเต้านม #ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
.........................................
ติดตามอัพเดทความรู้เรื่องสุขภาพได้ที่นี่พร้อมคำแนะแนะด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ 091-8355-928
หรือกดพิมพ์สนใจใต้โพส์ได้ค่ะ⬇️

ดูแลสุขภาพด้วย POLLITIN
#สารสกัดจากธรรมชาติ

04/01/2022

✅ #ผู้ป่วยมะเร็งควรเลือกกินอะไร⁉️

1. ♦️อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ไข่ นม ถั่ว ต่างๆ เพราะผู้ป่วยมะเร็งมีอัตราการสลายโปรตีนเพิ่มขึ้น การได้รับโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างเพียงพอ จึงเป็นสิ่งสำคัญในผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน

2. ♦️อาหารที่ให้พลังงานสูง เนื่องจากผู้ป่วยมักกินอาหารได้ในปริมาณน้อย

3. ♦️กินผักผลไม้ให้ครบวันละ 5 สี จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการป้องกันไม่ให้มะเร็งลุกลามได้ (ควรล้างให้สะอาด) เช่น มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ คะน้า แขนงผัก บล็อคโคลี ผักโขม กะหล่ำปลีสีม่วง ถั่ว ส้ม แก้วมังกรสีชมพู มะม่วง (สุก-ดิบ) เป็นต้น

4. ♦️กินไขมันจากปลา เพราะน้ำมันปลามีกรดโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่น้ำหนักตัวน้อย และ ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ที่เป็นไขมันอิ่มตัวมาก เช่น หนังติดมัน น้ำมันหมู เพราะสามารถถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งได้

5. ♦️กินมื้อใหญ่ในช่วงเช้า และแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายมื้อ ช่วยให้กินอาหารได้มากขึ้น

☎️ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพฟรี 091-8355-928
#มะเร็งทุกอาการ #พอลลิติน #เซอร์นิติน #สารอาหารบำบัดเซลล์ #สารอาหารธรรมชาติ

04/01/2022

❌ #อาหารที่ผู้ป่วยมะเร็ง ไม่ควรทานX
"อาหารกลุ่มที่จะทำให้ท้องอืด แน่นท้อง เช่น ข้าวเหนียว เนื้อสัตว์ที่
ย่อยยาก
• ปิ้งย่าง หมักดอง ของทอด
• อาหารทะเล
"อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก หมูยอ
• อาหารเผ็ดจัด เค็มจัด ของหวาน
• อาหารไขมันสูง เพราะไขมันจะไปเกาะตับ ทำให้ตับไม่สามารถ
ทำงานได้เต็มที่
• อาหารที่มีน้ำตาลมาก เช่น ขนมหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม

☎️ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพฟรี 091-8355-928
#มะเร็งทุกอาการ #พอลลิติน #เซอร์นิติน #สารอาหารบำบัดเซลล์ #สารอาหารธรรมชาติ

04/01/2022

อาหารเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยควรรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารเพียงพอและเหมาะสม ก่อน ระหว่างและหลังการรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น ลดอาการแทรกซ้อน และมีความรู้สึกดีขึ้นมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคได้
อาหารที่ควรเลือกรับประทาน
✅อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ไข่ นม ถั่ว ต่างๆ เพราะผู้ป่วยมะเร็งมีอัตราการสลายโปรตีนเพิ่มขึ้น การได้รับโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างเพียงพอ จึงเป็นสิ่งสำคัญในผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
✅อาหารที่ให้พลังงานสูง เนื่องจากผู้ป่วยมักกินอาหารได้ในปริมาณน้อย
✅กินผักผลไม้ให้ครบวันละ 5 สี จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการป้องกันไม่ให้มะเร็งลุกลามได้ (ควรล้างให้สะอาด) เช่น มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ คะน้า แขนงผัก บล็อคโคลี ผักโขม กะหล่ำปลีสีม่วง ถั่ว ส้ม แก้วมังกรสีชมพู มะม่วง (สุก-ดิบ) เป็นต้น
✅กินไขมันจากปลา เพราะน้ำมันปลามีกรดโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่น้ำหนักตัวน้อย และ ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ที่เป็นไขมันอิ่มตัวมาก เช่น หนังติดมัน น้ำมันหมู เพราะสามารถถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งได้
✅กินมื้อใหญ่ในช่วงเช้า และแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายมื้อ ช่วยให้กินอาหารได้มากขึ้น
..............................................
# #ติดตามสาระดีๆเพื่อสุขภาพหรือคำแนะนำในการดูแลสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญฟรี 091-8355-928
#มะเร็งทุกอาการ #พอลลิติน #เซอร์นิติน #สารอาหารบำบัดเซลล์ #สารอาหารธรรมชาติ

04/01/2022

เคยสังเกตไหมว่าหลายครั้งร่างกายก็อ่อนแอแบบไม่รู้สาเหตุ จะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรก็ตอนที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นเพราะว่าภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ ปริมาณของเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ วันนี้เพื่อไม่ให้สาวๆ เป็นกังวล เราจึงนำอาหารทั้ง 8 ชนิดที่ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวในร่างกาย จนสามารถป้องกันการติดเชื้อและป่วยรุนแรงมาฝากกันค่ะ ตามมาดูกันดีกว่าว่าจะมีอาหารชนิดใดบ้าง

1.ปลาทะเล
ปลาทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล หรือปลาซาร์ดีนก็ตาม ล้วนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า3 ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีความจำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว จึงทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2.เนื้อสัตว์
เนื้อสัตว์ไม่ติดมันหรือเนื้อไก่ จัดเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนสูง ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ภายในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของการสร้างสารภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีสังกะสีซึ่งมีความสามารถในการเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

3.ไข่ขาว
ไข่ขาวจัดเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี และเป็นอาหารที่แพทย์มักแนะนำให้กินเพื่อเสริมโปรตีนแก่ร่างกาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ รวมทั้งผู้ป่วยที่ผ่านการทำคีโมซึ่งส่งผลต่อไขกระดูก จึงทำให้สร้างเม็ดเลือดได้ลดลง ที่สำคัญไข่ขาวยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นอีกหลายตัวเลยทีเดียว

4.เต้าหู้ไข่
เต้าหู้ไข่คืออาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนชนิดดี เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไม่ชอบหรือรู้สึกเบื่อกับการกินเนื้อหรือไข่ขาว ก็สามารถสลับมากินเต้าหู้ไข่แทนได้เช่นกัน

5.นมไขมันต่ำ
นมไขมันต่ำเหมาะสำหรับการเพิ่มโปรตีนและวิตามินดีให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างเป็นสารภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย

6.โยเกิร์ต
เนื่องจากโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ชนิดดี วิตามินดี และโปรตีนคุณภาพดี จึงถือเป็นหนึ่งในอาหารที่ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวเช่นกัน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี้ เพื่อให้กำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.ชาเขียว
ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ EGCG มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย และยังมีกรดอะมิโนแอลธีอะนีน ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยสร้างสารสำคัญให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-Cells ให้สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี

8.ธัญพืช
ธัญพืชหลากหลายชนิดอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า3 และยังมีสังกะสีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว พร้อมทั้งเพิ่มการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-Cells อีกด้วย

นอกจากอาหารทั้ง 8 ชนิดที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีอาหารชนิดอื่นๆ อีกมากมายที่มีส่วนช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว พร้อมทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายหรือป่วยรุนแรง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผลไม้ตระกูลเชอร์รี กีวี พริกหยวกสีแดง ขมิ้นชัน ปวยเล้ง และเห็ด ยังไงก็อย่าลืมหาอาหารเหล่านี้มากินกันนะคะ เพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่าย เพราะอาหารทั้งหมดนี้ล้วนมีสารที่ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวในร่างกายนั่นเอง

👉ติดตามอัพเดทสาระเพื่อสุขภาพได้ที่นี่⬇️
https://www.facebook.com/NutrientByPookkJa/

หรือ ปรึกษา ปัญหาสุขภาพฟรีโดยผู้เชี่ยวชาญ
โทร 📞 091-8355-928
💬ทักแชท www.m.me/POLLITINKunjira/
#พอลลิตินpollitin #มะเร็ง
#สารสกัดจากธรรมชาติ #ต้านอนุมูลอิสระ #เกสรดอกไม้สกัด

30/09/2021

🌵Happy Coffee กาแฟโรบัสต้าเกรดคุณภาพ ผสานสารสกัดจากธรรมชาติและครีมเทียมถั่วเหลือง ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ มาพร้อมรสชาติกลมกล่อมหอมอร่อยลงตัวแบบไม่ต้องกลัวอ้วน😍

☑️ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น”
☑️ คอลลาเจน
☑️ สารสกัดจากถั่วขาว
☑️ สารสกัดจากกระบองเพชร

"ความอร่อยลงตัว ที่ปราศจากน้ำตาล"☕️

💎ขอข้อมูลเพิ่มเติม/สั่งซื้อคลิก
☎️: 091-8355-928

happycoffee
#กาแฟเพื่อสุขภาพ #ปราศจากน้ำตาล #โรบัสต้า

29/09/2021

⛔พฤติกรรมการกิน ช่วยลดเสี่ยงโรคลำไส้อักเสบได้

หากอยากลดความเสี่ยงโรคลำไส้อักเสบ สามารถปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารได้ ดังนี้

▪️เลือกรับประทานที่ปรุงสุกจากวัตถุดิบที่สด ใหม่ สะอาด

▪️เลือกดื่มน้ำ และเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่สะอาด รวมถึงหลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ไม่แน่ใจในความสะอาด

▪️ทำความสะอาดห้องครัว และอุปกรณ์ทำความอาหารทุกอย่างให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงแยกเขียงเนื้อสัตว์สด ผักดิบ และอาหารที่ปรุงสุกแล้วออกจากกัน

▪️ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่จะใช้มือสัมผัสอาหาร

▪️หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ทุกชนิด

อาหารที่ควรกิน-ควรหลีกเลี่ยง เมื่อมีอาการของโรคลำไส้อักเสบ

🌾อาหารที่ควรกิน

▪️อาหารรสชาติอ่อน

▪️อาหารที่มีโพรไบโอติกส์ เพื่อช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร เช่น โยเกิร์ต (สูตรน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาล) เช่น โยเกิร์ต

▪️เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และย่อยง่าย เช่น ไก่ (ไม่มีหนัง) เนื้อปลา รวมถึงไข่ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ดี

▪️น้ำดื่มสะอาด

▪️รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อลดความเสี่ยงการขาดสารอาหาร

⛔อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

▪️ผักดิบ เนื้อสัตว์ดิบ เพราะทำให้ย่อยยาก ลำไส้ทำงานหนัก

▪️เครื่องดื่มที่คาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ

▪️เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

▪️น้ำอัดลม โซดา เพราะเป็นการเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร

▪️อาหารที่มีส่วนประกอบของกำมะถัน เช่น เนื้อแดง ชีส ขนมปัง นม อัลมอนด์ ลูกเกด ลูกพรุน ผักตระกูลกะหล่ำ เป็นต้น

👉หากคุณมีปญหาเหล่านี้รีบพบแพทย์หรือเชี่ยวชาญนะคะ...................................................
#ยินดีให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพฟรี 091-8355-928
#มะเร็งทุกอาการ #พอลลิติน #เซอร์นิติน #สารอาหารบำบัดเซลล์ #สารอาหารธรรมชาติ

29/09/2021

🚩รังไข่ เป็นอวัยวะที่มีเฉพาะในเพศหญิง จะมีลักษณะเป็นรูปไข่โดยปกติขนาด 2-3 ซม. (ประมาณไข่นกกระทา) อยู่ที่ปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการคือ

การผลิตไข่ เมื่อไข่ได้รับการผสมตัวจากเชื้ออสุจิ จะฝังตัวที่มดลูกเพื่อเจริญเป็นตัวอ่อนต่อไป หากไข่ไม่ได้รับการผสมตัว ไข่จะสลายไปผลิตฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเด็กหญิง เพื่อเข้าสู่วัยสาว เช่น หน้าอกโตขึ้น สะโพกผาย เสียงแหลม มีขนขึ้นบริเวณหัวหน่าวและรักแร้

⛔เนื้องอกรังไข่แบ่งออกเป็น 3 ชนิด▪️ถุงน้ำ (Cyst)เป็นเนื้องอก ที่มีลักษณะเป็นถุง ภายในบรรจุของเหลว น้ำ เนื้อเยื่อ
▪️เนื้องอกธรรมดาหรือชนิดไม่ร้ายแรง (Benign)
▪️เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง (Malignant)

⛔ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่สาเหตุของการเกิดยังไม่ทราบชัดเจนแต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

▪️กรรมพันธุ์
▪️ประวัติการเป็นมะเร็งของยาย ป้า มารดา พี่สาว น้องสาวหญิงที่เลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง พบว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า
▪️อายุเข้าสู่วัยทองหรือมากกว่า 55 ปีขึ้นไป

⛔อาการของเนื้องอกรังไข่

▪️มีความผิดปกติของประจำเดือน
▪️ปัสสาวะบ่อยขึ้น เนื่องจากเนื้องอกอาจไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ
▪️ท้องผูก เนื่องจากเนื้องอกอาจไปกดเบียดลำไส้ท้องโตขึ้น
▪️ปวดท้องเฉียบพลัน อาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อน เมื่อเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้นเกิดการแกว่งตัวบิดขั้ว แตกออก
▪️เกิดการตกเลือด
▪️ ติดเชื้อท้องอืด
▪️ เบื่ออาหาร

👉หากคุณมีปญหาเหล่านี้รีบพบแพทย์หรือเชี่ยวชาญนะคะ...................................................
#ยินดีให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพฟรี 091-8355-928
#มะเร็งทุกอาการ #พอลลิติน #เซอร์นิติน #สารอาหารบำบัดเซลล์ #สารอาหารธรรมชาติ

Mx Protein โปรตีนจากพืชล้วนบริสุทธิ์ ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์

29/07/2022

14/05/2022

16/04/2022

20/02/2022

08/02/2022

08/02/2022

08/02/2022

02/02/2022

17/01/2022

09/01/2022

04/01/2022

04/01/2022

04/01/2022

04/01/2022

30/09/2021

29/09/2021

29/09/2021

ที่อยู่

เบอร์โทรศัพท์

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ทางลัด

แชร์

ประเภท