RPQ นวัตกรรมเพื่อเบา หวาน

  • Home
  • RPQ นวัตกรรมเพื่อเบา หวาน

RPQ นวัตกรรมเพื่อเบา หวาน สมุนไพรนวัตกรรมสารสกัด 8 ชนิดเข้มข้?

 #อินซูลิน ความลับของการลดน้ำหนักที่แท้จริงอินซูลิน คืออะไร❓อินซูลิน (Insulin) ไม่ได้มีไว้เพื่อควบคุมอาการของคนเป็นโรคเบ...
24/05/2022

#อินซูลิน ความลับของการลดน้ำหนักที่แท้จริง
อินซูลิน คืออะไร❓
อินซูลิน (Insulin) ไม่ได้มีไว้เพื่อควบคุมอาการของคนเป็นโรคเบาหวานเท่านั้น อินซูลินคือฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีหน้าที่ส่งพลังงาน (ในรูปของกลูโคสจากการย่อยน้ำตาล) จากเลือดสู่เซลล์และสั่งให้เซลล์ปิดเมื่อได้รับกลูโคสที่เพียงพอแล้ว และมากไปกว่านั้น คือ เมื่อฮอร์โมนอินซูลินออกมา กระบวนการเผาผลาญของร่างกายจะหยุดลง ดังนั้นถ้าเรากินอาหารที่กระตุ้นอินซูลินตลอดเวลา ร่างกายเราก็จะเข้าสู่โหมดรับพลังงานตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราอ้วน
บางคนเคยพยายามลดน้ำหนักกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าออกกำลังกาย จะนับแคลลอรี่ แต่น้ำหนักก็ไม่ลงซักที ซึ่งเราต้องเข้าใจกันใหม่ก่อนว่า เราไม่ได้ลดน้ำหนักแล้วจะสุขภาพดี แต่เราต้องสุขภาพดีก่อน แล้วถึงจะลดน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักส่วนเกินเป็นผลของสุขภาพที่ไม่ดี และการลดไขมัน ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายจะยอมให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะหน้าที่ของไขมันคือการทำให้มนุษย์อยู่รอด ในภาวะที่ขาดแคลนอาหาร
ฮอร์โมน ที่เป็นตัวการใหญ่เบื้องหลังของการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก หรือฮอโมนส์ที่เป็นศัตรูกับการลดน้ำหนักก็คือ อินซูลิน นั่นเอง
มีอินซูลินมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น❓
หากร่างกายมีอินซูลินมากเกินไป ในระยะเวลายาวนาน อวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง เรียกว่า ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) หลังจากนั้น ร่างกายจะต้องการอินซูลินมากขึ้นเพื่อส่งกลูโคสเข้าสู่เซลล์ในปริมาณเท่าเดิม
นอกจากนี้ อินซูลินยังมีผลกับสมอง เพราะอินซูลินจะไปกระตุ้นการสร้างโดพามีน หรือฮอร์โมนแห่งความพึงพอใจ เมื่อร่าางกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน การสร้างโดพามีน ซึ่งต้องพึ่งพาอินซูลินก็จะตอบสนองน้อยลงด้วย เราจึงต้องการอินซูลินมากขึ้นเพื่อให้ได้โดพามีนเท่าเดิม ผลที่ตามมาก็คือ ความอยากอาหารก็จะมากขึ้นด้วย กลายเป็นวงจรอินซูลินในร่างกายสูง ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน
แล้วพุงย้อยๆ ที่เห็นในกระจกอาจเป็นผลจากการที่มีอินซูลินมากเกินไป ว่ากันง่ายๆ คือ
ถ้าอยากลดน้ำหนัก ต้องทำให้อินซูลินในร่างกายลดลง เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้
ดังนั้น วิธีการลดน้ำหนักให้ได้ผลจึงไม่ใช่การนับแคลลอรี่ แต่เป็นการเลือกทานอาหารที่กระตุ้นอินซูลินน้อย ซึ่งสิ่งที่หลายๆ คนอาจจะแปลกใจก็คือ ไขมันเป็นอาหารที่กระตุ้นอินซูลินน้อยที่สุด
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมวิธีการลดน้ำหนักแบบ Ketoginic Diet (การลดน้ำหนักแบบทานไขมัน) และ Intermittent Fasting (การลดน้ำหนักแบบแบ่งช่วงเวลากินและงดอาหาร) จึงได้ผลนั่นเอง
วิธีทำให้ร่างกายลดระดับอินซูลินลง มีดังนี้
⬇️ลดแป้งและน้ำตาล
ข้อนี้ตรงตามคุณสมบัติของอินซูลิน กินแป้งมาก อินซูลินก็มากตาม
ทานอาหารประเภทไขมัน เพราะไขมันไม่กระตุ้นอินซูลิน แต่ไขมันจากสัตว์เป็นสิ่งที่ต้องระวังถึงแม้จะไม่กระตุ้นอินซูลินแต่เพิ่มคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ไขมันที่ควรทาน คือ ไขมันดี ที่มี Omega3 และ Omega9
⬇️ลดโซเดียม ซึ่งโซเดียมจะกระตุ้นการสร้างอินซูลินในร่างกายถึง 2 เท่า
ลดความเครียด คอร์ติซอลซึ่งเกิดจากความเครียดเป็นเพื่อนสนิทกับอินซูลิน หากร่างกายผลิตออกมามาก เพื่อนสนิทของก็จะตามมาด้วย
กินน้อยมื้อ การกินบ่อยเกินไป หรือหลายมื้อ ส่งผลให้ร่างกายต้องส่งอินซูลินออกมาตลอด ควรทำ IF ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
โดยสรุปแล้ว การกินแป้งและน้ำตาลที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดไขมันส่วนเกิน และเป็นผลให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน และทำให้ร่างกายเสพติดของหวาน การนับแคลอรี่ การงดไขมัน และออกกำลังกายอย่างเดียวจึงอาจไม่ได้ผล ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้เท่าทันและเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับอินซูลินนั่นเอง

CR. อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ

ไขมันทรานส์ คืออะไร?ไขมันทรานส์ (trans fat) เป็นหนึ่งในประเภทของไขมันทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ ไขมันอิ่มตัว ไข...
24/05/2022

ไขมันทรานส์ คืออะไร?
ไขมันทรานส์ (trans fat) เป็นหนึ่งในประเภทของไขมันทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ ไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว และไขมันทรานส์ ที่มีส่วนประกอบหลักคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโครงสร้างชนิดทรานส์ พบได้เล็กน้อยจากไขมันในเนื้อสัตว์ และนม แต่ส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะเป็นไขมันที่ได้จากการสังเคราะห์ระหว่างกระบวนการผลิตอาหาร โดยการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช เพื่อทำให้น้ำมันพืชแข็งตัวมากขึ้น และทำให้ไขมันที่ได้ดังกล่าวช่วยยืดอายุของอาหารได้มากขึ้น และเพิ่มความคงตัวของรสชาติอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าไขมันทั่วไป ดังนั้นวงการอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบการต่างๆ จึงนิยมใช้อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์มาประกอบอาหาร

อาหาร หรือส่วนประกอบของอาหารที่มีไขมันทรานส์ ได้แก่
เนยขาว มาร์การีน ครีมเทียม ครีมเทียมข้นหวาน (ที่นิยมนำมาใช้ทำขนม ผสมเครื่องดื่มต่างๆ แทนเนยสด ครีมจริง หรือนมข้นหวานล้วน) ดังนั้นเราถึงพบอาหารที่มีไขมันทรานส์สูงในอาหารตระกูลขนมหวานฝรั่งอย่าง คุกกี้ เค้ก โดนัท วิปครีม พาย ขนมกรุบกรอบต่างๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ เครื่องดื่มต่างๆ และอาหารที่มีส่วนประกอบที่กล่าวไว้ข้างต้นทั้งหมด
http://www.goodhealthdiabets.com

เบา หวานลงไต1 ใน 3 ของผู้ป่วยเบา หวาน มีโอกาสกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังร่วมด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เบา หวานล...
23/05/2022

เบา หวานลงไต
1 ใน 3 ของผู้ป่วยเบา หวาน มีโอกาสกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังร่วมด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เบา หวานลงไต ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยที่พบได้บ่อย ได้แก่

ผู้ป่วยเบา หวานที่คุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี
มีภาวะความดันโลหิตสูงต่อเนื่อง
อ้วน
สูบบุหรี่
มีเบา หวานขึ้นจอประสาทตา
มีญาติใกล้ชิดในครอบครัวป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง
ความเสี่ยงเมื่อเบา หวานลงไต

เมื่อเบา หวานลงไตจะเพิ่มความเสียงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าคนที่เป็นเบา หวานแต่ไม่ลงไต
มีโอกาสทำให้เกิดโคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายหรือระยะที่ต้องทำการฟอกไตเพื่อช่วยยืดอายุ
ผู้ที่เป็นเบา หวานลงไตจะมีโอกาสติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย ส่งผลให้ไตทรุดตัวได้เร็วและหากไม่ได้รับการรัก ษาทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้http://www.goodhealthdiabets.com

ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ที่จริงแล้วก็คนละเรื่องเดียวกันนะจะบอกให้ก็เพราะ 2 โรคนี้เค้าเกี่ยวดองกันค่ะ สังเกตดิว่า หมอ...
17/05/2022

ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ที่จริงแล้วก็คนละเรื่องเดียวกันนะจะบอกให้

ก็เพราะ 2 โรคนี้เค้าเกี่ยวดองกันค่ะ สังเกตดิว่า หมอทางต่อมไร้ท่อกับหมอเบาหวานมักจะเป็นคนเดียวกัน แถมแผนกนี้ใน รพ. ก็รวมเป็น 1 แผนกด้วย

ทั้ง 2 พี่น้องนี้เค้าไม่สบายก็เพราะฮอร์โมนในตัวเรามันขาดสมดุลย์เหมือนๆ กัน แต่ตัวฮอร์โมนที่สร้างปัญหาจะต่างกันค่ะ

ไทรอยด์เป็นพิษ ถึงจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับระดับน้ำตาลในเลือดก็จริง ..แต่..ถ้าไม่ได้รับการ
ดูแลรักษา ก็สามารถทำให้ควบคุมน้ำตาลได้ยากลำบากแสนค่ะ เช่น ถ้าเป็นไฮเปอร์ อินซูลินจะถูกดูดซึมเร็วกว่าปกติทำให้คนไข้น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้นค่ะ

ที่อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะก่อนหน้านี้ เกิดเหตุการณ์กับคุณแม่ของป้าที่ทำเอาตกใจหนักหนาและต้องเรียกรถพยาบาลกันเลย ก็เลยอยากเล่าเตือนกันไว้ก่อนสักนิดสำหรับใครที่อาจยังไม่รู้และไม่เคยเจออาการ "น้ำตาลตก" ของคนเป็นเบาหวานค่ะ

อาการจะเหมือนคนเมา ผสมง่วง ผสมเบลอ พูดไม่รู้เรื่อง สักพักคนไข้จะออกอาการเปลี้ยไม่มีแรง อย่างคุณแม่ป้าอ่ะ นั่งเบลอๆ อยู่ แล้วก็ค่อยๆ ไหลลงมาจากเก้าอี้เลย

การช่วยเหลือก็ง่ายชะมัด ...(สำหรับคนรู้มาก่อน / เจอมาแล้วนะที่ง่าย เหอๆ... แต่อย่างป้ากับน้องๆ และคุณแม่ที่ไม่เคยเจอไม่เคยรู้นี่ เล่นเอาตกใจกันแสนเข็ญเลย) คือแค่จับป้อนน้ำหวาน หรือให้อมลูกอมแค่นี้เองค่ะ สักพักก็จะเป็นปกติ หายดีเป็นปลิดทิ้ง

แต่ที่อยากเตือนคือ คุณหมอบอกว่าอันตรายมากถ้าไม่รีบจัดการดูแล เพราะคนไข้จะค่อยๆ หมดสติเนียนๆ หลับไปเลย สมองก็จะขาด oxygen ด้วยและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปได้ค่ะ สำคัญมากที่คนไข้ต้องรู้จักรู้ตัวกับอาการนี้ เผื่อเกิดอาการแล้วไม่มีใครอยู่ใกล้ จะได้รีบหาของหวานได้เอง และยิ่งดีถ้าคนรอบข้างรู้ด้วยจะได้ช่วยทันการค่ะ

ขอให้ปลอดโรคปลอดภัยกันทั่วหน้าค่ะ ^^

หลอดเลือดสมองตีบ เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะมีการอุดตันของเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ส่งผลให้...
17/05/2022

หลอดเลือดสมองตีบ เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะมีการอุดตันของเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ส่งผลให้สมองขาดเลือด อยู่ในภาวะที่ทำงานไม่ได้ กลายเป็น โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน

อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยของ โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เช่น

มึนงง วิงเวียน ปวดศีรษะ
ปากเบี้ยว….พูดไม่ชัด
ตาพร่ามัวมองเห็นภาพซ้อน
มีอาการชาครึ่งซีก
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดสมองตีบ

ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน
ไขมันในเลือดสูง
สูบบุหรี่
ขาดการออกกำลังกาย
ความเครียด
โรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจจะเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว หากเราขาดการเอาใจใส่ ละเลยการดูแลสุขภาพ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งอาจจะสายเกินไป ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค ควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เราก็สามารถที่จะห่างไกลจากโรคนี้ได้

สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนที่รักสุขภาพ รู้ดีว่าน้ำตาลทานมากก็ไม่ดีต่อร่างกาย จึงเลี่ยงไปทานน้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำต...
16/05/2022

สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนที่รักสุขภาพ รู้ดีว่าน้ำตาลทานมากก็ไม่ดีต่อร่างกาย จึงเลี่ยงไปทานน้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพื่อให้ได้รสชาติความหวาน ในแบบที่ไม่รู้สึกผิดต่อร่างกาย แต่จริงๆ แล้ว น้ำตาลเทียม แฝงอันตรายเอาไว้มากมาย



1. สารเคมีตกค้าง ก่อมะเร็ง

แอสปาแตมประกอบไปด้วยสารเคมี 3 ชนิด คือ กรดแอสปาร์ติก ฟีนิลอะลานีน และ เมธานอล หากร่างกายได้รับสารเคมีเหล่านี้จำนวนมาก จะไม่สามารถกำจัดออกไปจากร่างกายได้หมด จนอาจเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อ และทำให้ DNA ภายในร่างกายได้รับความเสียหาย จนอาจพัฒนากลายเป็นความผิดปกติของเซลล์ และเป็นมะเร็งในที่สุด

2. สาเหตุโรคอ้วน และเบาหวานทางอ้อม

แทนที่ทานอย่างอื่นแทนน้ำตาลแล้วจะเลี่ยงโรคอ้วน และเบาหวานได้ กลับกลายเป็นว่าแอสปาแตมเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็น 2 โรคนี้เสียเอง เพราะแอสปาร์แตมทำให้ร่างกายมีปริมาณการผลิตฮอร์โมนที่ผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายยิ่งโหยหาความหวานจากน้ำตาลมากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุที่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ยังวนเวียนกลับไปหาน้ำตาลแท้เหมือนเดิม แถมยังอยากอาหารมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

3. เป็นสารอันตราย

ถึงแม้จะมีการอนุญาตให้ใช้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน แต่ผลจากการทดลองกับสัตว์บางชนิด ยังพบอาการข้างเคียงเช่น ชักอย่างรุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิต

4. ท้องอืด ท้องเฟ้อ

เมื่อแอสปาแตมเป็นน้ำตาลเทียม ที่จะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้มันไปกองรวมกันอยู่ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะมีแบคทีเรียที่สามารถย่อยแอสปาแตมได้ แต่ก็จะผลิตก๊าซออกมา จึงทำให้เรามีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อและถ่ายมากกว่าปกติได้

5. อันตรายต่อสมอง

กรดแอสปาร์ติก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของน้ำตาลเทียม สามารถผ่านเข้าสู่เซลล์สมอง และเมื่อมีปริมาณแคลเซียมอยู่ในสมองมากๆ ก็อาจทำให้สมองได้รับอันตรายได้ เซลล์สมองอาจมีความผิดปกติ โดยอาจทำให้เกิดโรคลมบ้าหมู อัลไซเมอร์ รวมไปถึงปลอกประสาทอักเสบ และต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติได้

โรคไต ไตเสื่อมทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ อย่างไร รวมถึงการป้องกันและการรักษาโรคไต การป้องกันและการรักษาไตไตมี 2 ข้าง ...
16/05/2022

โรคไต ไตเสื่อมทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ อย่างไร รวมถึงการป้องกันและการรักษา
โรคไต การป้องกันและการรักษา
ไต

ไตมี 2 ข้าง อยู่บริเวณด้านหลัง ใต้ชายโครง บริเวณบั้นเอว มีรูปร่างคล้ายถั่วเหลือง ยาวประมาณ 12เซนติเมตร

ไต ประกอบด้วยหลอดเลือดฝอยมากมาย เรียกว่า “หน่วยไต” (nephron)
หน่วยไตจะลดจำนวน และเสื่อมสภาพตามอายุไข
ไตทำหน้าที่อะไร ?

กำจัดของเสีย
ดูดซึม และเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
รักษาสมดุลน้ำของร่างกาย
รักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย
รักษาสมดุลกรดด่างของร่างกาย
ควบคุมความดันโลหิต
สร้างฮอร์โมน
1.กำจัดของเสีย ได้แก่ ยูเรีย ครีเอดินิน

เมื่อร่างกายได้รับสารอาหาร จะย่อยสลาย นำส่วนที่เป็นประโยชน์ไปใช้ และปล่อยของเสียออกสู่กระแสเลือด ผ่านมายังไต และถูกขับออกมากับปัสสาวะ
ขับยา และสารแปลกปลอมอื่น ๆ
2.ดูดซึม และเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไว้

สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จะถูกดูดกลับโดยเซลล์ของหน่วยไตเช่น น้ำ ฟอสเฟด โปรตีน
3.รักษาสมดุลน้ำของร่างกาย

ถ้าน้ำมีมากเกินความต้องการของร่างกาย ไตจะทำหน้าที่ขับน้ำออกมาทางปัสสาวะ
ถ้าอยู่ในภาวะขาดน้ำ ไตจะพยายามสงวนน้ำไว้ให้ร่างกาย ปัสสาวะจะมีปริมาณน้อยและเข้มข้น
4.รักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย

ไตที่ปกติจะขับเกลือส่วนเกินได้เสมอ แม้จะรับประทานรสเค็มจัด
แต่ถ้าเสื่อมสมรรถภาพ ผู้ป่วยจะมีอาการบวมถ้ารับประทานเกลือมากเกินไป
5.รักษาสมดุลกรดด่างของร่างกาย

ร่างกายจะผลิตกรดทุกวัน จากการเผาผลาญอาหารโปรตีน
ถ้าไตทำหน้าที่ปกติ จะไม่มีกรดคั่ง
ถ้าไตเสื่อมสมรรถภาพ ร่างกายจะมีปัสสาวะเป็นกรด
6.ควบคุมความดันโลหิต

ความดันโลหิตสูง เกิดจากความผิดปกติในการควบคุมสมดุลน้ำ และเกลือ รวมถึงสารบางชนิด
ผู้ป่วยโรคไต จึงมักมีความดันโลหิตสูง เพราะไตถูกกระตุ้นให้สร้างสารที่ทำให้ความดันสูง
ถ้าความดันโลหิตสูงมาก ทำให้หัวใจทำงานหนัก หรืออาจเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือ แตก เป็นอัมพฤกษ์ และอัมพาตได้
7.สร้างฮอร์โมน

ไต ปกติสามารถสร้างฮอร์โมนได้หลายชนิด
ถ้าเป็นโรคไต การสร้างฮอร์โมนจะบกพร่องไป
ตัวอย่างฮอร์โมนที่สร้างจากไต
ฮอร์โมนเออริโธรพอยอิติน ( erythropoietin) ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้นผู้ป่วยจะมี อาการซีด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หัวใจทำงานหนัก วิงเวียน หน้ามืด เหนื่อย ใจสั่น เป็นลมบ่อย
วิตามินดีชนิด calcitriol ทำหน้าที่ช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซี่ยม ซึ่งการที่วิตามีนดี และแคลเซี่ยมในเลือดต่ำ ทำให้ต่อมพาราธัยรอยด์หลั่งฮอร์โมนมากกว่าปกติ เป็นผลเสียต่ออวัยวะหลายอย่างในร่างกาย โดยเฉพาะกระดูก ทำให้ไม่แข็งแรง
ไตเสื่อมทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะต่าง ๆ

ใครมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไต

อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ไต จะเริ่มเสื่อม
ความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจ เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคเบาหวาน
โรคเก๊าท์
โรคไตอักเสบชนิดต่าง ๆ เช่น โรคไตอักเสบตั้งแต่วัยเด็ก ไตอักเสบ เอส-แอล –อี โรคไตเป็นถุงน้ำ นิ่ว เนื้องอก หลอดเลือดฝอยอักเสบ
มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไต
โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื้อ
ใช้ยาแก้ปวด หรือสัมผัสสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคไต
อาการแสดง
การสืบค้น
อาการแสดงเมื่อเป็นโรคไต

หนังตา ใบหน้า เท้า ขา และลำตัวบวม
ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ขุ่น เป็นฟอง เป็นเลือด สีชาแก่ / น้ำล้างเนื้อ
การถ่ายปัสสาวะผิดปกติเช่น บ่อย แสบ ขัด ปริมาณน้อย
ปวดหลัง คลำได้ก้อน บริเวณไต
ความดันโลหิตสูง
ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ไม่กระฉับกระเฉง
ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน
เบื่ออาหาร การรับรสอาหารเปลี่ยนไป
ปวดศีรษะ นอนหลับไม่สนิท
อาการสังเกตเมื่อไตเสื่อม

ไตเริ่มเสื่อม

อาการบวม
ซีด
อ่อนเพลีย
เหนื่อยง่าย
ความดันโลหิตสูง
ไตวายเรื้อรัง

ซีดมากขึ้น
เบื่ออาหาร
คันตามตัว
อาการสังเกตเมื่อไตเสื่อม

อาการบวมที่หน้า และหนังตา
อาการบวมที่ขา
อาการบวมที่เท้า
ปัสสาวะเป็นเลือด
โรคไตวาย

ไตวายเฉียบพลัน

ไตเสื่อมอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเป็นวัน หรือสับดาห์ มักมีอาการมากกว่าแบบเรื้อรัง อัตราการเสียชีวิตสูง ถ้าพ้นอันตราย ไตมักจะเป็นปกติได้
โรคไตวายเรื้อรัง

เนื้อไตถูกทำลายอย่างถาวร ทำให้ไตค่อย ๆ ฝ่อเล็กลง แม้อาการจะสงบ แต่ไตจะค่อย ๆ เสื่อม และเข้าสู่ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในที่สุด

รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง   ภาวะโรคความดันโลหิตสูง เปรียบเหมือนฆาตกรเงียบ หากความดันสูงเล็กน้อยหรือปาน...
16/05/2022

รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ภาวะโรคความดันโลหิตสูง เปรียบเหมือนฆาตกรเงียบ หากความดันสูงเล็กน้อยหรือปานกลาง มักไม่มีอาการเตือนให้รู้ตัว แต่สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมาก อาจมีอาการเหล่านี้ได้ เช่น
ปวดศีรษะตุบๆบริเวณท้ายทอย
เวียนศีรษะตอนตื่นนอนใหม่ๆ
ตาพร่ามัว
มีเลือดกำเดาไหล
เหนื่อยง่าย
เจ็บหน้าอก

ทราบหรือไม่ว่า 1 ใน 3 ของผู้เป็นเบา หวาน มีโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังร่วมด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เบา...
16/05/2022

ทราบหรือไม่ว่า 1 ใน 3 ของผู้เป็น
เบา หวาน มีโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังร่วมด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เบา หวานลงไต” พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่คุมเบา หวานได้ไม่ดี มีภาวะความดันโลหิตสูงต่อเนื่อง อ้วน สูบบุหรี่ มีเบา หวานขึ้นจอประสาทตา หรือมีญาติใกล้ชิดในครอบครัวป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง เมื่อเบา หวานลงไต จะทวีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าคนที่เป็นเบา หวานแต่ไม่ลงไต และตามมาด้วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หรือระยะที่ต้องทำการฟอกไตเพื่อช่วยยืดอายุ ไม่เพียงต้องเสียเวลาในแต่ละวันในการฟอก ยังต้องจำกัดการใช้ชีวิต ทำให้อายุสั้นลง และที่สำคัญต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง นอกจากนี้ผู้เป็นเบาหวานลงไตจะติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย ส่งผลร้ายซ้ำเติมเร่งให้ไตยิ่งทรุดตัวลงเร็ว และหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้

เบา หวานกับโรคไตสัมพันธ์กันอย่างไรไตเป็นอวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว มี 2 ข้าง อยู่ทางด้านหลังนอกช่องท้อง ผู้เป็นเบา...
15/05/2022

เบา หวานกับโรคไตสัมพันธ์กันอย่างไร
ไตเป็นอวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว มี 2 ข้าง อยู่ทางด้านหลังนอกช่องท้อง ผู้เป็นเบาหวานทำให้ไตเสื่อมได้จาก 2 สาเหตุคือ
1.การเป็นเบา หวานทำให้เซลล์ต่างๆ รวมทั้งเซลล์ของไตขาดพลังงานอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เซลล์เสื่อมสภาพการทำงานต่างๆ ก็ทำได้ไม่ดีดังเดิม ทำให้กลไกของไตเสื่อมไปด้วย
2.การที่ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ไตทำงานหนักจนเกิดการเสื่อมสภาพ เพราะไตมีหน้าที่กรองสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้คงไว้ในร่างกายให้มากที่สุด และน้ำตาลก็เป็นสารอาหารที่ดี ดังนั้นไตจึงต้องทำงานหนักตลอดเวลาหากน้ำตาลในเลือดสูง ทั้งนี้ ไตแต่ละข้างประกอบด้วยหน่วยไตประมาณ 1 ล้านหน่วย แต่ละหน่วยประกอบด้วยตัวกรอง และหลอดไต ในแต่ละวันมีเลือดไหลเวียนผ่านไตประมาณ180 ลิตร และหน่วยไตจะกรองและคัดหลั่งสารต่างๆ และขับออกมาเป็นปัสสาวะวันละประมาณ 1 ลิตรเราจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยไตเพียงข้างเดียว
ความผิดปกติในการทำงานของไตทั้ง2ข้าง โดยสามารถแบ่งเป็น 2 แบบ
1.ไตวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นเพียงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อแก้ไขที่ต้นเหตุได้อาการนี้ก็หายไปได้ สาเหตุเกิดจากภาวะที่เลือด หรือสารน้ำไปเลี้ยงไตลดลง การได้รับยา หรือสารพิษที่เป็นพิษต่อไต
2.ไตวายเรื้อรัง ถึงแม้จะทำการแก้ไขที่ต้นเหตุแล้วก็จะยังมีการเสื่อมของไตมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนนำไปสู่ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในที่สุด โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ โรคเบาหวาน, การอักเสบเรื้อรังของตัวกรองของไต หรือหลอดไต, โรคไตจากความดันโลหิตสูง, การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ, โรคถุงน้ำโป่งพองในไตแต่กำเนิด, โรคเกาต์ เป็นต้น

ยาลดไขมัน” ในที่นี้หมายถึงยาลดไขมันในเลือดกลุ่มสแตติน (statins) ตัวอย่างยา เช่น ซิมวาสแตติน (simvastatin), พราวาสแตติน (...
15/05/2022

ยาลดไขมัน” ในที่นี้หมายถึงยาลดไขมันในเลือดกลุ่มสแตติน (statins) ตัวอย่างยา เช่น ซิมวาสแตติน (simvastatin), พราวาสแตติน (pravastatin), ฟลูวาสแตติน (fluvastatin), อะทอร์วาสแตติน (atorvastatin), โรซูวาสแตติน (rosuvastatin), พิทาวาสแตติน (pitavastatin) ยาเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจและสมองขาดเลือดในผู้ที่มีเคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมาก่อน หรือผู้ที่มีภาวะแอลดีแอล-โคเลสเตอรอล(LDL-cholesterol) ในเลือดสูงมาก แต่ยานี้มีผลไม่พึงประสงค์ต่อกล้ามเนื้อจนอาจทำให้ผู้ใช้ยาบางรายเกิดความกังวลหรือเลิกใช้ยา จึงขอให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว

ยาในกลุ่มสแตตินมีประโยชน์อย่างไร?
ไขมันในเลือดอาจอยู่ในรูปกรดไขมันอิสระและโคเลสเตอรอลอิสระ หรืออยู่ในรูปที่จับกับสารอื่นเป็นไตรกลีเซอร์ไรด์ (triglycerides) และไลโพโปรตีน (lipoproteins) ซึ่งไลโพโปรตีนมีทั้งไตรกลีเซอร์ไรด์ โคเลสเตอรอล โปรตีนและสารอื่นรวมอยู่ด้วยกัน การมีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (dyslipidemia) ซึ่งหมายถึงการมีภาวะไขมัน (รวมถึงโคเลสเตอรอล) ในเลือดสูง จะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) และหลอดเลือดตีบตัน ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ยาในกลุ่มสแตตินมีฤทธิ์ลดโคเลสเตอรอลในเลือดจึงลดความเสี่ยงต่ออันตรายดังกล่าว นอกจากนี้ยาในกลุ่มสแตตินยังอาจมีฤทธิ์อย่างอื่นที่ช่วยส่งเสริมการลดความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและหลอดเลือดตีบตัน เช่น ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด ตลอดจนช่วยทำให้เซลล์บุหลอดเลือดทำหน้าที่ดีขึ้น

ยาในกลุ่มสแตตินลดโคเลสเตอรอลได้อย่างไร?
การสร้างโคเลสเตอรอลที่ตับต้องอาศัยเอนไซม์ที่มีความสำคัญมากชนิดหนึ่งคือ เอชเอ็มจี-โคเอ รีดักเทส (HMG-CoA reductase หรือ hydroxy-methylglutaryl-coenzyme A reductase) ยาในกลุ่มสแตตินมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ดังกล่าว จึงยับยั้งการสร้างโคเลสเตอรอล ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดลดลง

ผลไม่พึงประสงค์ของยาในกลุ่มสแตติน
โดยรวมถือว่ายาในกลุ่มสแตตินค่อนข้างปลอดภัย ผลไม่พึงประสงค์ชนิดรุนแรงพบได้น้อย ผลไม่พึงประสงค์ที่อาจพบ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ง่วงนอนหรือนอนไม่หลับ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ รบกวนการทำงานของตับและไต

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำคือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร มักทำให้เกิดอาการใจสั่นอ่อนเพลีย...
15/05/2022

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร มักทำให้เกิดอาการใจสั่นอ่อนเพลีย ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นสูงกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาลดน้ำตาลหรือฉีดอินซูลิน
สัญญาณอันตรายจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ที่พบบ่อย ๆ คือ หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ฉุนเฉียวง่าย กังวล สายตาพร่า เหงื่อออกมาก หิวบ่อย อ่อนเพลีย ตัวสั่น
สาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

มักเกิดจากการกินอาหารน้อยไปหรือไม่ตรงเวลา กินยาลดระดับน้ำตาลในเลือดบางชนิดเกินขนาด หรือฉีดยาอินซูลินมากเกินไป รวมถึงอาจเกิดจากการออกกำลังกาย หรือทำงานมากกว่าปกติ
การแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

เมื่อเริ่มมีอาการ ควรรีบตรวจดูระดับน้ำตาลในเลือด โดยวิธีการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว และแก้ไขตามระดับอาการ ดังนี้

อาการไม่มากและรู้สึกตัวดี

ให้กินอาหารทันที ถ้าเวลาที่เกิดใกล้มื้ออาหารหลัก แต่หากอยู่ระหว่างมื้ออาหาร ควรกินอาหารว่าง เช่น นมพร่องมันเนย (240 ซีซี) หรือผลไม้ขนาดกลาง 1 ลูก หรือ แครกเกอร์ 2-3 แผ่น

อาการค่อนข้างมาก แต่รู้สึกตัวดี

ให้กินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมเร็วอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้

น้ำผลไม้คั้นสดไม่เติมน้ำตาล ปริมาณ ½ แก้ว
ลูกอม 2 เม็ด หรือน้ำตาล 2 ก้อน
น้ำหวาน ½ แก้ว (น้ำหวานเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำให้ได้ปริมาณ 120 ซีซี)
น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
น้ำผึ้ง 3 ช้อนชา
หลังจากนั้นให้รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ขนมปัง ข้าว หรือก๋วยเตี๋ยว ต่อเลยทันที

อาการเป็นมาก

ไม่รู้สึกตัวหรือมีอาการชัก ห้ามให้อาหารทางปากเด็ดขาด เพราะอาจสำลักเข้าปอด ควรนำส่งโรงพยาบาลทันที
การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

รับประทานอาหารตรงเวลาและมีปริมาณเหมาะสมตามความต้องการพลังงานของร่างกายแต่ละคน
ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
ฉีดอินซูลินหรือกินยาลดระดับน้ำตาลในเลือดตามแพทย์สั่ง ไม่เพิ่มหรือลดยาเอง (ยกเว้นกรณีแพทย์แนะนำให้ปรับยาเองได้) ออกกำลังกายอย่างสม่ำสมอ ไม่หักโหมจนเกินไป ถ้าออกกำลังกายมากกว่าปกติ ควรกินอาหารว่างก่อนออกกำลังกาย ประมาณ 15-30 นาที เช่น นมพร่องมันเนย 1 แก้ว หรือ ขนมปัง แครกเกอร์ 2-3 แผ่นใหญ่ หรือผลไม้ขนาดกลาง 1 ผล เช่น ส้ม กล้วยน้ำว้า หรือ ผลไม้ใหญ่ ½ ผล เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล สาลี่ กล้วยหอม
ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องกินยาสำหรับรักษาโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะยาเหล่านั้นอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้
บอกให้ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดทราบว่าเป็นเบาหวานและอธิบายการแก้ไขที่ถูกต้องให้รับทราบ
ควรมีลูกอม น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ 100% หรือขนมปังแครกเกอร์เก็บไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา เผื่อยามฉุกเฉิน
ช่วงที่เจ็บป่วย หากทานอาหารไม่ได้ ควรพบแพทย์เพื่อปรับยา

Address


Telephone

+66961029650

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when RPQ นวัตกรรมเพื่อเบา หวาน posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram