DLike Health Center ให้คำปรึกษาปัญหา และการดูแลสุขภาพ

DLike Health Center ให้คำปรึกษาปัญหา และการดูแลสุขภาพ ศูนย์สุขภาพ Dlike ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพแบบองค์รวม

ศูนย์สุขภาพ Dlike ให้คำปรึกษาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ

- อาการที่เกี่ยวกับสมอง เช่น สมาธิสั้น บกพร่องทางการเรียนรู้ อัลไซเมอร์ และ คอร์สพัฒนาสมองให้เป็นคนเรียนเก่ง

- อาการเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อต่างๆ อาทิเช่น ต้อเนื้อ , ต้อกระจก , ต้อลม ต้อหิน , วุ้นในตาเสื่อม , จอประสาทตาเสื่อม , สายตาฝ้าฟาง
, ตามัว , เคืองคันแสบ , กลางคืนมองไม่ชัด , ตาแห้ง , เยื่อบุตาอักเสบ ,มองไม่ชัด

- อาการเกี่ยวกับกระดูกและข้อ เช่น เข่าเสื่อม/ข้อเสื่อม , หมอนกระดูกทับเส้นประสาท , กระดูกพรุน , เก๊าท์ , รูมาตอยด์ , นิ้วล็อก , ออฟฟิศซินโดรม

ปรึกษา/สอบถาม / สั่งซื้อได้ที่ 095-563-7428
หรือทิ้งคำถามผ่านไลน์ https://line.me/R/ti/p/

12/10/2019

Share daily moments with friends on LINE.

เรื่องน่ารู้..นำมาฝาก🤗นวดคอประจำลดความดันโลหิตชะลอโรคหัวใจ-หลอดเลือดสมองเดลิเมล์ - ไม่ใช่เพียงแค่เป็นหนึ่งในวิธีผ่อนคลาย...
05/10/2019

เรื่องน่ารู้..นำมาฝาก🤗

นวดคอประจำลดความดันโลหิตชะลอโรคหัวใจ-หลอดเลือดสมอง

เดลิเมล์ - ไม่ใช่เพียงแค่เป็นหนึ่งในวิธีผ่อนคลายที่ดีที่สุดหลังตรากตรำงานหนักมาทั้งวันเท่านั้น แต่นักวิจัยเชื่อว่า การนวดคอเป็นประจำยังช่วยยืดชีวิตให้ยืนยาวขึ้น

คำอธิบายคือ การนวดคอช่วยลดความดันโลหิต จึงทำให้ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจลดลงไปด้วย

ภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งบ่อยครั้งไม่แสดงอาการ ทำให้ความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจเพิ่มขึ้นสองเท่า
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีดส์ของอังกฤษ พบสัญญาณบ่งชี้ว่า คอมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สมองรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะสมดุล รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจขณะที่เราเปลี่ยนท่า เช่น ลุกขึ้นยืน

เมื่อสัญญาณเหล่านั้นหยุด ซึ่งบางครั้งสืบเนื่องจากไม่มีการขยับเขยื้อนคอทำให้คอแข็งนั้น อาจทำให้เกิดปัญหากับความดันโลหิต

ในวารสารเจอร์นัล ออฟ นิวโรไซน์ ศาสตราจารย์จิม ดิวชาร์ส จากมหาวิทยาลัยลีดส์ กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดคนที่มีอาการปวด
กล้ามเนื้อ เส้นประสาทหรือข้อต่อบริเวณคอจึงมีระดับความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง

“งานวิจัยชิ้นนี้ยังช่วยให้เข้าใจภาวะความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า หรืออาการหน้ามืดเมื่อลุกขึ้นยืนปุบปับ

“กล้ามเนื้อบริเวณคออาจเป็นส่วนหนึ่งของระบบบที่ปกติแล้วทำหน้าที่ป้องกันอาการดังกล่าว ด้วยการส่งสัญญาณไปยังสมองผ่านการเคลื่อนไหวของคอเพื่อบอกให้รู้ว่ามีการเปลี่ยนท่า”

อาการความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
ของคนจำนวนมาก สืบเนื่องจากไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่คนเราทำงานนานขึ้น กินอาหารเค็มและไขมันสูง

ทั้งนี้ เดือนเมษายนที่ผ่านมา ลอนดอน สกูล ออฟ อิโคโนมิกส์เตือนว่า ความเครียดจากชีวิตสมัยใหม่อาจทำให้โรคหัวใจกลายเป็นโรคระบาด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
แชร์

👉ปวดก้นกบเป็น ๆ หาย ๆ มีรอบเดือนแล้วปวดก้นกบ คนท้องปวดก้นกบ...ใครมีอาการแบบนี้อยู่ ต้องมาอ่านข้อมูลต่อไปนี้ปวดหลังก็ว่าท...
04/10/2019

👉ปวดก้นกบเป็น ๆ หาย ๆ มีรอบเดือนแล้วปวดก้นกบ คนท้องปวดก้นกบ...ใครมีอาการแบบนี้อยู่ ต้องมาอ่านข้อมูลต่อไปนี้
ปวดหลังก็ว่าทรมานแล้ว แต่ถ้าใครมีอาการปวดร้าวมาถึงก้นกบล่ะก็ จะรู้ซึ้งถึงความทรมานมากขึ้น โดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมง นาน ๆ เข้าอาการปวดก้นกบถามหาแน่นอน แล้วสาเหตุของการปวดก้นกบเกิดจากอะไร จะมีวิธีรักษาให้หายได้ไหม? ..................... 🏋️‍♀️ 🚴♂️ 🤸♀️ 🤼♂️ 🤹♂️ 🤾♀️ 🏍 ⛹️‍♀️............. ก้นกบ อยู่ตรงไหน? ✔บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าอวัยวะที่ชื่อ "ก้นกบ" อยู่ตรงบริเวณไหนของร่างกาย เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองปวดหลัง ปวดเอว ปวดกระเบนเหน็บ หรือปวดก้นกบกันแน่ งั้นลองมาคลำดูกัน โดยก้นกบคือกระดูกส่วนปลายสุดของกระดูกสันหลัง จะอยู่ประมาณเหนือร่องก้นเล็กน้อย หากลองใช้มือคลำดูจะพบตุ่ม ๆ อยู่ตรงบริเวณนั้น ซึ่งส่วนนี้ก็คือหางของสัตว์นั่นเอง
✔บริเวณกระดูกก้นกบนี้ประกอบด้วยกระดูกอ่อน 4 หรือ 5 ปล้องเชื่อมติดกัน และยังมีกล้ามเนื้อ มีเส้นเอ็นเกาะอยู่โดยรอบ โดยเมื่อแรกเกิดข้อต่อเหล่านี้จะยังเคลื่อนไหวอยู่ ก่อนจะมาเชื่อมติดกันภายหลัง ทำหน้าที่รับน้ำหนักในขณะที่เรานั่ง และจะยิ่งรับน้ำหนักมากขึ้น หากเรานั่งในลักษณะที่เอนไปข้างหลัง

#สาเหตุของอาการปวดก้นกบ มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกปวดบริเวณก้นกบได้ นั่นก็คือ ️

🤕ถูกกระแทกจากอุบัติเหตุ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดเมื่อมีอาการปวดก้นกบ โดยเฉพาะคนที่หกล้มแล้วก้นกระแทกพื้น ตกบันไดโดยเอาก้นลง กระดูกก้นกบจะรับแรงกระแทกโดยตรง ทำให้กระดูกช้ำ แตก เคลื่อน หรือหัก จนเกิดอาการปวดตามมาได้

🙅การนั่งไม่ถูกท่า เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ ทนทรมานกับอาการนี้ นั่นเพราะหากเรานั่งเก้าอี้ที่ไม่ถูกท่า คือนั่งจมลงไปมาก หรือเอนหลังมากเกินไป จะทำให้ก้นกบไปกดกับเบาะจนมีอาการปวดตามมา

🤰🏼ตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ใกล้คลอดก็มักจะมีอาการปวดก้นกบเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนรีแล็กซินถูกผลิตขึ้นมาในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้เส้นเอ็นและข้อต่ออุ้งเชิงกรานเกิดการนิ่มตัว พร้อมที่จะยืดขยายได้เมื่อทารกคลอดผ่าน แต่ถ้าข้อต่อยืดขยายหรือเคลื่อนไหวมากเกินไปก็ทำให้ปวดได้ ดังนั้น กล้ามเนื้อสะโพกต้องแข็งแรงมากพอที่จะกระชับข้อต่อให้มั่นคง แต่น้ำหนักครรภ์ที่มากจะไปกดให้อุ้งเชิงกรานแบะออกจากกระดูกก้นกบ ทำให้เกิดอาการปวดก้นกบตามมา

🙍🏼ความอ้วน หากปกติเราเคยผอมอยู่แล้วมาอ้วน ก็มีสิทธิ์เสี่ยงต่ออาการปวดก้นกบได้ เพราะท่านั่งของเราจะที่เปลี่ยนไป และจะมีน้ำหนักกดกระดูกก้นกบมากขึ้น

👙อยู่ในช่วงประจำเดืoนมา สาว ๆ หลายคนมักมีอาการปวดบั้นเอว และปวดก้นกบร่วมด้วยในช่วงก่อนประจำเดือนมา จนถึงวันแรก ๆ ที่ประจำเดือนมาแล้ว แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงมีประจำเดือน อาการปวดก้นกบก็จะหายไปเอง

👉สาเหตุอื่น ๆ เช่น ข้อเสื่อม มีเนื้องอกบริเวณกระดูกก้นกบ หรือเป็นอาการข้างเคียงที่เป็นผลมาจากอาการป่วยบางอย่าง เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม หรือไปกดทับเส้นประสาท แล้วแสดงอาการเจ็บปวดลามลงไปถึงก้นกบ รวมทั้งอาจเป็นอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็งปากมดลูกในระยะท้าย หากมีอาการอื่น ๆ เช่น ขาบวม ปัสสาวะเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด

โทรปรึกษา 095-563-7428
หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/
ดีบูน
1กล่องราคา1,414บาทบรรจุ30แคปซูล

เรื่องน่ารู้....หยุดก่อนสายไป! เตือน 6 พฤติกรรมที่ทำให้ปวดหลังโดยไม่รู้ตัว ใครทำอยู่เลิกเลยอาการปวดหลังเกิดขึ้นกับเราได้...
02/10/2019

เรื่องน่ารู้....

หยุดก่อนสายไป! เตือน 6 พฤติกรรมที่ทำให้ปวดหลังโดยไม่รู้ตัว ใครทำอยู่เลิกเลย

อาการปวดหลังเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ ซึ่งในบางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดจากอะไร เรียกได้ว่ารู้สึกปวด แต่กลับไม่รู้สาเหตุของการเกิด ฉะนั้น ลองย้อนกลับมาหาสาเหตุว่านอกจากอุบัติเหตุที่ทำให้ปวดหลังแล้ว พฤติกรรมอะไรบ้างที่ส่งผลให้ปวดหลังอย่างไม่รู้ตัว

1.นั่งโต๊ะทำงานมากเกินไป
อาการนี้พบมากในหมู่หนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานเป็นเวลานาน ควรหาเวลาลุกออกจากที่นั่งเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง การนั่งติดโต๊ะจะทำให้เส้นยึด

2.ไม่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเช่นการเดินหรือวิ่ง จะทำให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็ง ลดอัตราการปวดหลังได้เยอะทีเดียว

3.ถือกระเป๋าหนักหรือใช้กระเป๋าใหญ่เกินไป
การใช้กระเป๋าใบใหญ่จะทำให้ใส่ของได้เยอะ และไหล่ก็จะต้องรับน้ำหนักเยอะตามมา ลองเปลี่ยนกระเป๋าหรือใส่ของให้น้อยลงจะดีกว่า

4.ฟูกที่นอนเก่า
ควรเปลี่ยนฟูกใหม่ทุกๆ10ปี โดยเลือกฟูกที่ไม่แข็งหรือนิ่มอ่อนจนเกินไป

5.ใส่ส้นสูงเดินทั้งวัน
คุณผู้หญิงควรระวัง การใส่ส้นสูงทั้งวันจะทำให้
กระดูกสันหลังทำงานหนักจนเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมา

6.มีความเครียดสะสม
ความเครียดก็เป็นสาเหตุทำให้ปวดหลังได้ เพราะเวลาเครียดกล้ามเนื้อก็จะตึงเครียด ไม่ผ่อนคลายไปด้วย

หลายๆสาเหตุที่กล่าวมาเราก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลทำให้ปวดหลังได้ด้วย รู้แบบนี้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงสาเหตุเหล่านี้ เพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดี และมีกล้ามเนื้อหลังดีๆให้เราได้ใช้งานไปนานๆ
ที่มา...http://www.khaoza.net/2016/05/6_28.html

Cr. http://www.rak-sukapap.com/2016/09/6_6.html
แชร์

😖ปวดหัว ปวดบ่า ปวดคอ คอเสื่อม ปวดร้าวขึ้นศีรษะ เหมือนเป็นไมเกรน.. !! ปวดคอ หนักๆ บนบ่าตลอดเวลา บ้างก็บ่นว่าเหมือนมีอะไรน...
02/10/2019

😖ปวดหัว ปวดบ่า ปวดคอ คอเสื่อม ปวดร้าวขึ้นศีรษะ เหมือนเป็นไมเกรน.. !!

ปวดคอ หนักๆ บนบ่าตลอดเวลา บ้างก็บ่นว่าเหมือนมีอะไรนั่งบนบ่า บ้างก็เหมือนมีอะไรขี่คออยู่ นี่เป็นคำบ่นจากเคสที่มีอาการปวดบ่า ปวดคอนะคะ จริงๆ แล้วอาการที่รู้สึกเช่นนี้มาจากกล้ามเนื้อบ่า ซึ่งมีจุดเกาะที่กระดูกคอ โยงลงมาที่บ่านั้น เกร็งตัวค้างอยู่ตลอดเวลา (muscle holding เป็นอาการที่เกร็งค้างไม่มีการคลายตัวออก เคสจึงรู้สึกหนักตลอดเวลา)

👉 ปวดก้านคอร้าวไปที่กระบอกตา เหมือนตาจะปิดตลอดเวลา บางครั้งตาพร่ามัว มองไม่ชัด ลืมตาไม่ขึ้น และบางครั้งก็มีหูอื้อด้วย อาการปวดร้าวเข้ากระบอกตานี้พบบ่อยมาก ปวดก้านคอพร้อมปวดกระบอกตา เนื่องจากเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงในกระบอกตาผ่านเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ซึ่งเชื่อมกับกล้ามเนื้อบริเวณก้านคอ และที่สำคัญอาการนี้เป็นอาการปวดร้าวจากความตึงหรือเกร็งตัวมากกว่าปกติของกล้ามเนื้อใต้ฐานกระโหลก (refer pain of suboccipital muscle) กล้ามเนื้อมัดนี้จะเกร็งตัวตลอดเวลาที่เรานั่งทำงานก็ว่าได้ครับ เพราะเวลาเรานั่งจ้องจอคอมฯ หรือเพ่งกับงานอะไรบางอย่างบนโต๊ะ คอจะก้มไปด้านหน้า คางจะยื่น นี่เป็นท่าที่กล้ามเนื้อมัดนี้ เกร็งค้างอยู่ตลอดเวลาเลย

👉ปวดก้านคอร้าวขึ้นขมับ ขึ้นกระโหลกศีรษะ หนักหัว ตึงไปทั้งหัวเหมือนเป็นไมเกรน อาการนี้เป็นปัญหากับหลายๆ เคส บางเคสเข้าใจว่าตัวเองเป็นไมเกรนมากว่า 3-4 ปี แต่ก็พึ่งมาพบสาเหตุที่ชัดเจนกับอาการของตัวเองที่เป็น อาการปวดร้าวขึ้นขมับหรือปวดร้าวขึ้นศีรษะนี้ เป็นอาการหนึ่งที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อของคอ แล้วไปกดหรือบีบรัดการไหลเวียนของเส้นประสาท (Greater occipital nerve) จึงรู้สึกร้าวขึ้นที่ศีรษะ บางเคสปวดขมับเหมือนเป็นไมเกรน การแยกอาการนี้ออกจากไมเกรนไม่ยากเลย สาเหตุของไมเกรนนั้นเกิดจากเส้นประสาทที่อยู่ในผนังหลอดเลือดไวต่อการรับรู้ จะทำให้เกิดอาการปวดศรีษะข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งอาการปวดจะรุนแรงมาก อาจมีร่วมกับอาเจียน ฯลฯ และอาจถูกกระตุ้นด้วยสี แสง หรือความร้อน เป็นต้น แต่การปวดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อนั้น อาจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงต่อไมเกรน แต่ผลโดยอ้อมแล้วหากยิ่งมีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อก้านคอหรือฐานกระโหลก ก็อาจส่งผลให้อาการของไมเกรนถูกกระตุ้นได้ง่าย อาการปวดจากกล้ามเนื้อหรือข้อต่อกระดูกคอมีปัญหานั้นมักชัดเจนเมื่อเครียด เมื่อทำงานต่อเนื่องนาน เช่น เช้าๆ ไม่มีอาการ แต่พอบ่าย/เย็นมักปวดขึ้นมา ทั้งนี้ก็เนื่องจากกล้ามเนื้อมีการเกร็งตัวจากการทำงานตลอดทั้งวัน หากร่วมกับท่าทางที่ไม่ถูกต้องด้วยแล้วก็มักกระตุ้นให้มีอาการปวดมากกว่าปกติ แต่บางเคสที่ข้อต่อคอยึดติดนานๆ การนอนในท่าที่ไม่ถูกต้อง ที่นอนไม่เหมาะสม ก็มักจะมีอาการตอนเช้าๆ หลังจากตื่นนอนได้เช่นกัน
tales-from-body-10-1

👉ตื่นมาเหมือนคนคอตก
หมอนบ่อยๆ รู้สึกขัดที่ก้านคอ พาลให้ปวดหัวตอนเช้าๆ หันคอ เอี้ยวคอไม่สุด ปวดเมื่อเคลื่อนไหว แต่พอสายๆ หรือทำโน่นทำนี่อาการขัดๆ ก็บรรเทาลง เคสที่มีอาการเหมือนข้อนี้ มักเสียเงินไปกับการเปลี่ยนที่นอนหรือเปลี่ยนหมอนบ่อยมาก บางเคสบอกผู้เขียนว่าเขามีหมอนเป็นสิบใบสลับกันนอนอยู่ ฟังแล้วก็สงสาร ท่านใดที่ไม่ปวดจะไม่ทราบเลยว่าความทรมานของร่างกายนั้นทำให้ต้องดิ้นรนทุกทาง หากมีทางไหนที่พอจะบรรเทาได้ก็จะหาหนทาง แต่การแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนหมอนนั้นอาจไม่ใช่การแก้ที่ตรงจุดซะทีเดียว ลักษณะของอาการปวดในข้อนี้เกิดจากการยึดติดของข้อต่อกระดูกคอ (Hypomobility of Cervical facet joint) เริ่มต้นก็มาจากกล้ามเนื้อที่เกร็งค้าง การไม่สมดุลของการทำงานของกล้ามเนื้อด้านหลัง/กล้ามเนื้อหน้าอก (Muscle imbalance) จึงทำให้ข้อต่อคอ แบกรับน้ำหนักมากกว่าปกติ และก็ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นคำบอกเล่าจากร่างกายหลายๆ เคสที่มาพบผู้เขียนเองครับ ท่านเชื่อไหมว่า หลายเคสมีอาการทั้งหมดที่ได้กล่าวมา และต้องทรมานมากกับอาการที่เป็นอยู่ บางเคสทานยาต่อเนื่องมาเป็น 3-4 ปี แทนที่จะดีขึ้น อาการกลับรุนแรงมากขึ้น และทุกครั้งที่ทานยาแก้ปวดก็ต้องทานยาเคลือบกระเพาะก่อน เพราะยาที่ทานอาจมีผลข้างเคียงไปกัดกระเพาะอาหาร ฟังแล้วเหนื่อยแทนเลยแต่ก็ยังดีใจและปลื้มใจที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ทำให้อาการที่สร้างความทรมานกับเขาหายไปได้ อาการปวดต่างๆ ที่กล่าวมานั้นอาจมีอาการที่แสดงออกคล้ายๆ กัน แต่สาเหตุแท้จริงที่ทำให้กล้ามเนื้อคอ บ่า มีปัญหานั้นกลับแตกต่างกันออกไป จึงทำให้การวางแผนการรักษาแตกต่างกันออกไปด้วย บางเคสมาจากการลงน้ำหนักที่ฝ่าเท้าไม่สมดุล ทำให้เกิดการบิดหมุนที่ขา สะโพก กระดูกสันหลัง มีผลให้กระดูกคอบิด และส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณก้านคอเกร็งตัวตลอดเวลา , บางเคสเกิดจากกระดูกสันหลังคด แต่เคสไม่ทราบว่าตัวเองหลังคด , บางเคสก็มาจากกล้ามเนื้อที่เป็นฐานให้กระดูกคอ คือช่วงสะบัก (Middle trapezius / Rhomboid muscle) อ่อนแรงจึงทำให้ไหล่งุ้มเกิดแรงกดอัดที่กระดูกต้นคอมากกว่าปกติ ฯลฯ

แม้อาการปวดที่ดูจะเหมือนกัน แต่มีต้นตอของสาเหตุที่ต่างกันนี่ล่ะคะ จึงทำให้แผนการรักษาต้องแตกต่างกันออกไป ที่สำคัญที่สุดเคสเองต้องรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมีปัญหานั้นมาจากส่วนไหนเป็นเหตุ และการแก้ไข ดูแล รักษาไม่เพียงทำให้อาการที่เป็นดีขึ้นแต่ต้องทำให้ต้นตอของอาการที่เป็นหายขาดด้วยการทำโครงสร้างร่างกายให้สมดุล อันเป็นสิ่งสำคัญที่เราตระหนักมาก
ดีบูน #สมุนไพรสกัดนำเข้า
เกรดพรีเมี่ยม ไม่มีสารตกค้าง ปลอดภัย มีอย.
1กล่องบรรจุ30แคปซูลราคา1,414บาท

ปรึกษา​สอบถามเพิ่มเติม สั่งซื้อ
โทร.095-5637428
แอดไลน์คลิก
https://line.me/R/ti/p/

นำมาฝาก...สูตรฟื้นฟูบำรุงกระดูกอ่อนหัวเข่าด้วยตะไคร้ + แอปเปิลเขียวสูตรมหัศจรรย์!! ช่วยฟื้นฟูและบำรุงกระดูกอ่อนหัวเข่า โ...
30/09/2019

นำมาฝาก...

สูตรฟื้นฟูบำรุงกระดูกอ่อนหัวเข่าด้วยตะไคร้ + แอปเปิลเขียว

สูตรมหัศจรรย์!! ช่วยฟื้นฟูและบำรุงกระดูกอ่อนหัวเข่า โดยไม่ต้องง้อยา..โดยทำแบบนี้ทุกๆวันแล้วจะดีขึ้นสูตรฟื้นฟูบำรุงกระดูกอ่อนหัวเข่า ด้วยตะไคร้ + แอปเปิลเขียว สูตรง่ายๆๆๆลองดูสิ...

" สูตรฟื้นฟูบำรุงกระดูกอ่อนหัวเข่าด้วยตะไคร้ + แอปเปิลเขียว "

ส่วนประกอบ

– ตะไคร้ 5 ต้น
– แอปเปิลเขียว 2 ลูก (หั่นเรียบร้อยแล้วทั้งหมด)
วิธีทำ

1. เติมน้ำลงไปให้ท่วมวัตถุดิบที่เตรียมในหม้อ
2. ใช้ไฟอ่อนๆต้มจนแอปเปิลเขียวนิ่ม
3. ต้มเสร็จแล้วนำมาดื่มให้หมด (ห้ามเติมอย่างอื่นลงไป)

วิธีดื่ม

ดื่มทุกวัน วันละครั้ง จะช่วยบำรุงฟื้นฟูสภาพของกระดูกอ่อนที่หัวเข่า อาการเจ็บแปล๊บๆที่หัวเข่า ก็จะหายไปโดยไม่ต้องกินยาหรือฉีดยา เป็นวิธีการบำรุงด้วยธรรมชาติ อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อนๆ ญาติๆ ที่มีปัญหาลองทำดื่มดูนะจ๊ะ เผื่อจะหาย

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : rapatskincare

Cr.http://www.rak-sukapap.com/2016/08/blog-post_465.html
แชร์

 #กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท...โรคประหลาดน้อยคนจะรู้?😑 #คุณมีอาการแบบนี้บ้างไหม?👉ปวดลึกๆที่แก้มก้นคลำหาจุดปวดลำบาก👉ปว...
29/09/2019

#กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท...โรคประหลาดน้อยคนจะรู้?

😑 #คุณมีอาการแบบนี้บ้างไหม?

👉ปวดลึกๆที่แก้มก้นคลำหาจุดปวดลำบาก

👉ปวดมากขึ้น จะปวดบริเวณก้นกบแก้มก้นแล้วลงต้นขาด้านหลัง หน้าแข้ง บางรายอาจปวดข้อเท้าร่วมด้วยหรือชานิ้วเท้าฝ่าเท้า

👉อาการชาจะยิ่งมากขึ้นเมื่อนั่งนานๆ เช่นอาชีพขับรถ

👉อาการปวดจะทุเลาเมื่อลุกเดิน หรือยืน ยิ่งนั่งยิ่งปวดแต่เมื่อลุกเดินอาการปวดจะเบาลง

👉เมื่อใช้นิ้วกดไปที่ จุดกดเจ็บนั้นจะรู้สึกปวดและเจ็บ ชา และลงไปที่ขาข้างนั้น

หากมีอาการดังกล่าว...
**ปรึกษา สอบถามเพิ่มเติม
โทร.095-5637428
หรือคลิกลิงค์ด้านล่างแอดไลน์ได้เลยครับ
https://line.me/R/ti/p/

ดีบูน1กล่องบรรจุ30แคปซูลราคา1,414บาท

ส า ร ะ น่ า รู้ เ กี่ ย ว กั บ สุ ข ภ า พ ก ร ะ ดู กคุณเคยมีคำถามเหล่านี้หรือไม่- กระดูกฉันพรุนหรือไม่- กระดูกฉันแข็งแร...
28/09/2019

ส า ร ะ น่ า รู้ เ กี่ ย ว กั บ สุ ข ภ า พ ก ร ะ ดู ก
คุณเคยมีคำถามเหล่านี้หรือไม่
- กระดูกฉันพรุนหรือไม่
- กระดูกฉันแข็งแรงดีแค่ไหน
- จะทำให้กระดูกแข็งแรงดีที่สุดได้อย่างไร
- ฉันต้องกินแคลเซียม หรือวิตะมินดีหรือไม่
- จะป้องกันหรือรักษาโรคกระดูกพรุนได้อย่างไร
ที่นี่มีคำตอบ
ร่างกายคนเราตามปกติจะมีการสร้างและการสลายกระดูกเพื่อการเจริญเติบโต การซ่อมแซมกระดูกและเป็นการรักษาสมดุลของร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้นการสร้างกระดูกจะน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง ที่หมดประจำเดือนจะมีการสลายกระดูกเพิ่มขึ้น ทำให้มวลกระดูกบางลง หากเป็นมากจะส่งผลให้เกิดโรคกระดุกพรุน ทำให้กระดูกหักได้ง่าย ซึ่งมักพบการหักที่กระดูกสันหลัง กระดุกสระโพก และกระดูกข้อมือ ในบางรายอาจทำให้เกิดหลังค่อมและความสูงลดลง
การป้องกันโรคกระดูกพรุนที่ดีที่สุดคือการเสริมสร้างมวลกระดูกของเราให้แข็งแรงที่สุดตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งสามารถทำได้โดย การรับประทานแคลเซียมและวิตะมินดีอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่คุณจะทราบได้อย่างไรว่าแคลเซียมและวิตะมินดีที่คุณได้รับอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะจากอาหาร ยา หรือการรับแสงแดด เพียงพอหรือไม่ที่จะสร้างกระดุกให้แข็งแรง เพียงตรวจสุขภาพกระดุก โดยการตรวจเลือดจะสามารถให้คำตอบได้ และหากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน สามารถตรวจคัดกรองโรคกระดูกพรุนได้
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนได้แก่
เพศหญิง
- วัยหลังหมดประจำเดือน
- หมดประจำเดือนก่อนวัย (ก่อนอายุ 45 ปี)
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
เพศชาย
- มีระดับฮอร์โมน testosterone ต่ำ
- อายุมากกว่า 50 ปี
ลักษณะทั่วไป
- มีรูปร่างผอมหรือโครงร่างเล็ก
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
- มีประวัติกระดูกหักหลังการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เช่น กระดูกข้อมือหักหลังการหกล้ม
- มีภาวะข้ออักเสบ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือ lupus
- ได้รับยาที่มีผลความแข็งแรงของกระดูก เช่น สเตียรอยด์ ยาต้านชัก ยาฮอร์โมนธัยรอยด์ หรือ Heparin
- ขาดอาหารที่แคลเซียมสูง เช่น นม
- สูบบุหรี่
- ดื่มเครื่องแอลกอฮอร์มากกว่า 2 แก้วต่อวัน
- ไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ
- มีประวัติบิดาหรือมารดาเกิดกระดูกสะโพกหัก
- ตรวจพบภาวะกระดูกบางหรือกระดูกสันหลังผิดรูปจากภาพรังสีเอกซ์
- ผู้ที่มีส่วนสูงลดลง
Cr. thonburihospita.com

ปรึกษา ฟรี !
โทร. 095-563-7428
หรือไลน์ คลิก https://line.me/R/ti/p/

ปวดหลังตรงไหน เป็นโรคอะไร? แบบไหนอันตราย?👉เมื่อคนรอบตัวหลายคนเริ่มบ่นโอดโอยกับอาการปวดหลังถึงขั้นรบกวนการนอนหลับพักผ่อนต...
26/09/2019

ปวดหลังตรงไหน เป็นโรคอะไร? แบบไหนอันตราย?

👉เมื่อคนรอบตัวหลายคนเริ่มบ่นโอดโอยกับอาการปวดหลังถึงขั้นรบกวนการนอนหลับพักผ่อนตอนกลางคืน การนั่งทำงานตอนกลางวัน รวมไปถึงนั่งดูทีวีอยู่เฉยๆ ที่บ้านยังปวด เราเลยรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะไปค้นคว้หาข้อมูลมาให้ว่าอาการปวดหลังมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง แล้วก็ต้องแปลกใจว่า แต่ละบริเวณที่ปวด ก็มีสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ต่างกันไปด้วย

ปวดหลังตรงไหน เป็นโรคอะไร?

👉ปวดตามแนวกระดูกสันหลัง
หากมีอาการปวดกลางหลัง โดยอาจไล่ตั้งแต่บนลงล่าง แต่เป็นบริเวณกลางหลังพอดิบพอดี สันนิษฐานได้ว่าเกิดอาการผิดปกติขึ้นกับกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก หรือเอ็นยึดระหว่างกระดูกสันหลัง เกิดจากการก้มๆ เงยๆ ยกของหนัก หรือมีอาชีพที่ต้องถือของหนักๆ อยู่นานๆ เช่น ช่างภาพ คนงานก่อสร้าง ผู้ใช้แรงงานที่ต้องถือของ-ส่งของหนักๆ ไปตามที่ต่างๆ เป็นต้น หรืออาจเป็นพนักงานที่ต้องนั่งทำงานอยู่ในท่านั่งเดิมเป็นเวลานาน แล้วไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ

👉ปวดหลังช่วงบน ใกล้ไหล่ ลำคอ ท้ายทอย
ปกติแล้วหากใครมีอาการปวดในบริเวณนี้ มักเกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสม หรือในสถานที่ๆ ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะทำงาน และเก้าอี้ทำงานไม่สัมพันธ์กับสรีระร่างกาย จึงทำให้การจัดระเบียบร่างกาย ท่านั่งในการทำงานผิดปกติ เช่น อยู่ในท่ายกไหล่อยู่ตลอดเวลา จึงส่งผลทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณตั้งแต่หัวไหล่ กล้ามเนื้อช่วงหลังตอนบน ไปจนถึงไหล่ใกล้ต้นคอได้

กล้ามเนื้อหลังช่วงกลาง ด้านซ้าย-ขวา
ส่วนนี้เป็นกล้ามเนื้อหลัง ที่อยู่ถัดไปทางด้านซ้าย หรือขวาจากช่วงกระดูกสันหลัง อาจมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุจากการออกกำลังกาย เล่นกีฬา การขยับร่างกายผิดท่าในจังหวะอันรวดเร็วจนเกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ หากมีสาเหตุจากปัจจัยเหล่านี้ อาการปวดจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อพักการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนนั้นสักระยะ

👉ปวดหลังช่วงล่าง
หลังช่วงล่างเป็นบริเวณหลังที่อยู่ตั้งแต่ช่วงระดับสะดือลงไป อาจจะยาวไปจนถึงสะโพก หรือต้นขา มีทั้งการปวดๆ หายๆ เป็นพักๆ หรือปวดอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุอาการปวดหลายประการ ตั้งแต่อายุที่สูงขึ้น (30 ปีขึ้นไป) น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ขาดการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน ทำงานชีพที่ต้องยกของหนัก หรือเล่นกีฬาที่ใช้หลังมาก เช่น มวยปล้ำ โรคกระดูกพรุน รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องรับน้ำหนักของบุตรรในครรภ์หลายเดือน

👉ปวดหลังบริเวณเอว
บริเวณที่ปวดจะอยู่บริเวณเอว ที่ค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อย มีสาเหตุคล้ายกับอาการปวดหลังบริเวณอื่นๆ ตั้งแต่การใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหนักจากการยกของหนักเป็นเวลานาน การออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากๆ เช่น กอล์ฟ อุบติเหตุเล็กๆ น้อยๆ การตั้งครรภ์ รวมไปถึงสภาพจิตใจซึมเศร้าที่ส่งผลถึงต่อความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่ขาดการยืดหยุ่น

👉ปวดหลังแบบไหน อันตราย?
อาการปวดหลังที่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยอาจเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากเกินไป หรือเกิดอุบติเหตุเล็กๆ น้อยๆ อาจจะหายได้เองหากงดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นสักพัก หรือมียาทาภายนอกที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ แต่หากมีอาการปวดหลังที่พ่วงด้วยอาการอื่นๆ ดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็คอย่างละเอียด

- มีอาการปวดที่เดิมๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 สัปดาห์

- ปวดมากจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อาการไม่ทุเลาลง

- ปวดแบบเจ็บแปลบจี๊ดๆ เหมือนเข็มจิ้ม

- ปวดร้าวยาวลงไปจนถึงต้นขา จนอาจมีอาการขาอ่อนแรง ปวดปลีน่อง จนทำให้เดินลำบาก หรือเดินได้นิดหน่อยก็ปวด

- ปวดบริเวณก้นกบ ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ

- มีอาการปวดปัสสาวะแสบขัด มีสีขุ่น หรือมีไข้ ร่วมกับอาการปวดหลังบริเวณเอว (อาจเป็นอาการเริ่มต้นของอาการนิ่วในไต หรือไตอักเสบ)

- ปวดจนขา หรือเท้ามีอาการชา

- เคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้ เช่น ก้มตัว ยืดตัวตรง

- กลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระเริ่มไม่ค่อยอยู่

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0955637428

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ DLike Health Center ให้คำปรึกษาปัญหา และการดูแลสุขภาพผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง DLike Health Center ให้คำปรึกษาปัญหา และการดูแลสุขภาพ:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

Our Story

Dlike ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพแลลองค์รวม ปรึกษา/สอบถาม 095-563-7428 หรือไลน์ https://line.me/R/ti/p/@dlike หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dlikeshop.com