ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อองค์รวม by คุณวา

ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อองค์รวม by คุณวา ให้ความรู้และคำปรึกษาด้านการดูแล ป

ยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ภูมิแพ้ การขับสารพิษ และสุขภาพองค์รวมทุกระบบ
โรคฮิตติดอันดับต้นๆที่คนส่วนใหญ่นิยมเป็นกัน จัดอันดับโรคดังนี้
1 โรคกระดูกทับเส้นประสาทหรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
2 โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท
3 โรคกระดูกระดับหลังคอเสื่อม
4 โรคออฟฟิศซินโดรมหรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
5 โรคเข่าเสื่อม กระดูกพรุน กระดูกบาง
6 โรคนิ้วล็อค เก็าท์ รูมาตอยด์ รองซ้ำ พังผืด
7 โรคภูมิแพ้
8 อาการวัยทอง
9 ไมเกรน
โรคเหล่านี้ทางศูนย์สามารถฟื้นฟูได้โดยธรรมชาติ ปลอดภัยแก่ร่างกายโดยแบ่งระยะการพื้นฟู 2 ระยะ
ระยะที่ 1 พื้นฟู 1 ถึง 3 เดือน
ระยะที่ 2 พื้นฟู 3 ถึง 6 เดือน
ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล
ปรึกษาฟรี 092-249-3282

 #ปวดคอบ่าไหล่เรื้อรังเสี่ยงออฟฟิศซินโดรมอาการปวดคอ​ บ่า​ ไหล่ หรือเรียกติดปากกันว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม” เป็นอาการ...
15/02/2019

#ปวดคอบ่าไหล่เรื้อรังเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม

อาการปวดคอ​ บ่า​ ไหล่ หรือเรียกติดปากกันว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม” เป็นอาการที่เชื่อว่าแทบทุกคนที่มีอายุมากขึ้นต้องได้สัมผัส จะมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าปวดเรื้อรังมากน้อยขนาดไหน ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้ พบเจอได้มากในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ และคนที่มีท่าทางการเดิน ยืน นอน นั่ง ที่ไม่ถูกต้อง ล้วนส่งผลกับอาการปวดจนลุกลามเป็นอาการปวดเรื้อรังได้

#สาเหตุของอาการปวดคอบ่าไหล่

การเกร็งของกล้ามเนื้อ มักเกิดกับคนที่ต้องทำงานนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือกับคนที่ต้องขับรถระยะทางไกลบ่อยๆ ต้องยกแขนจับพวงมาลัยเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อช่วงบ่าจะเกิดการเกร็ง ถ้าเกร็งนานๆบ่อยๆ กล้ามเนื้อจะไม่คลาย และทำให้เกิดการปวด ตึง เมื่อย ถ้ากล้ามเนื้อเกร็งมากๆ จนตึงขึ้นไปถึงขมับอาจทำให้ปวดหัว และสามารถตึงลามไปถึงสะบักได้

สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ไม่เหมาะสมกับการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน

การใช้งานกล้ามเนื้อที่ผิดวิธี เช่น การเล่นกีฬาหนักๆ เช่นกีฬาฟุตบอล กีฬารักบี้ เป็นต้น

มีสภาพร่างกายที่อาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วย เช่น เครียดจากงาน การอดอาหาร พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายต้องแบกรับความตึงเครียดไม่ผ่อนคลาย

#การรักษาอาการปวดคอบ่าไหล่เบื้องต้น

คนที่มีอาการ ปวดคอ​ บ่า​ ไหล่เรื้อรัง อาจจะต้องไปให้หมอทำการวินิจฉัยรักษาให้รู้แน่ชัดว่า เป็นอาการจากการนั่งทำงาน อาการออฟฟิศซินโดรม หรือมีปัญหาจากกระดูกต้นคอเสื่อม หมอนรองกระดูกผิดปกติกันแน่เพราะหากมีปัญหาที่หมอนรองกระดูก จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี

โดยหากเป็นในช่วงเริ่มต้น หรืออาการไม่มาก หมออาจจะให้ยาเพื่อรักษา แต่บางครั้งอาจจะจำเป็นต้องทำการผ่าตัดร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่คนไข้ที่มีอาการปวดคอ​ บ่า​ ไหล่เรื้อรังมานานแต่ไม่ไปรักษา เพราะคิดว่าอาการที่ตัวเองเป็นนั้นไม่รุนแรง ซึ่งกว่าจะมาถึงมือหมออาการก็เป็นหนักมากแล้ว ดังนั้นถ้ามีอาการปวดคอ​ บ่า​ ไหล่เรื้อรังไม่หายสักที ควรรีบไปหาหมอดีกว่าค่ะ

สอบถามเพิ่มเติม​ ​​โทร. 092-856-5469

https://line.me/R/ti/p/%40vri9771k

 #7พฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้คุณเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากความเสื่อมสภาพของโคร...
11/02/2019

#7พฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้คุณเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากความเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจเกิดจากการใช้งานหนักเกินไป ยกของหนักบ่อยๆ หรือเกิดจากอุบัติเหตุโรคนี้มักเกิดกับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และ กลุ่มคนหนุ่มสาวที่เล่นกีฬาแล้วออกแรงหลังมากจนเกินไปหรือใช้หลังผิดท่า เช่น กอล์ฟ บางรายมีอาการชาตั้งแต่เอวร้าวลงขา ปวดหลัง ปวดสะโพกร้าวลงขา ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีดังนี้

1. มีน้ำหนักตัวมากเกินไป
กลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ก็คือ คนอ้วนลงพุง เพราะน้ำหนักที่มากจนเกินไปจะทำให้หลังแอ่นและกระดูกสันหลังส่วนล่างต้องรับน้ำหนักตลอดเวลา จึงทำให้มีโอกาสกระดูกเสื่อมและแตกปลิ้นได้ง่ายดังนั้นจึงควรลดน้ำหนักตัวลงอย่าให้อ้วนจนเกินไป

2. การแบกของหนัก
คนที่ต้องทำงานยกของหนักมากๆ ยกของไม่ถูกท่า ต้องระวังให้ดีๆเพราะจะทำให้หมอนรองกระดูกยุบตัวลงจนอาจกลายเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ การทำงานยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้องหรือมีน้ำหนักมากจนเกินไป โดยใช้กล้ามเนื้อหลังแทนกล้ามเนื้อขาและต้นขาการจะทำให้หมอนรองกระดูกต้องรับน้ำหนักมากเกินไป จนกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดหมอนรองกระดูกเสื่อม ดังนั้นจึงควรใช้ท่าย่อเข่าแทนการก้มตัวเพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หลังได้

3. นั่งนานจนเกินไป
ผู้ที่ทำงานออฟฟิศต้องทำงานนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถเลย หรือการนั่งท่าที่ไม่ถูกต้องก็ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เช่น นั่งหลังค่อมนานๆ การยืนเป็นระยะเวลานานๆ การก้มเก็บของโดยไม่ระวัง ดังนั้นควรปรับท่านั่งให้หลังตรงหรือเดินตัวตรง หมั่นเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่านั่งนานเกินไปควรลุกขึ้นยืนเดินไปมาบ้าง หากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานจริงๆ ควรปรับท่านั่งให้ถูกต้อง

4. การสูบบุหรี่จัด
การสูบบุหรี่จะทำให้กระดูกพรุนได้ง่าย เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงกระดูกสันหลังได้น้อย กระดูกจึงสูญเสียความยืดหยุ่นและเสื่อมเร็วกว่าปกติ ทำให้มีความเสี่ยงเป็นหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนตัวหรือหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นค่อนข้างมาก

5. ไม่ออกกำลังกาย
การออกลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญ หากทำงานมากเกินไปจนไม่ออกกำลังกายเลยก็จะทำให้กล้ามเนื้อลีบและฝ่อไป เกิดการบาดเจ็บต่อหมอนรองกระดูกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายโดยบริหารกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลังแข็งแรง แต่ก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไป

6. อายุมากขึ้น
โรคนี้มักพบบ่อยในผู้ที่อายุ 30-40 ปี ในวัยหนุ่มสาวหมอนรองกระดูกสันหลังจะมีองค์ประกอบของน้ำเป็นส่วนสำคัญ แล้วเมื่อเวลาผ่านไปอายุเพิ่มมากขึ้นน้ำในหมอนรองกระดูกสันหลังก็จะค่อยๆลดลง จะส่งผลให้หมอนรองกระดูกขาดความยืดหยุ่นปริแตกได้ง่าย และกระดูกสันหลังหลวมมากขึ้นอีกด้วย

7.​ กรรมพันธุ์
ในผู้ป่วยบางรายเป็นโรคนี้จากการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม เช่น ถ้าพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม ก็จะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงกว่าคนอื่น

สอบถามเพิ่มเติม 092-856-5469​ รฐาค่ะ

https://line.me/R/ti/p/%40vri9771k

ที่มา: Health Mthai Team

 #โรคกระดูกปัญหาใหญ่ของผู้สูงวัยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมสภาพของร่างกายก็ย่อมเป็นไปวัย โดยเฉพาะเรื่องของกระดูกที่...
09/01/2019

#โรคกระดูกปัญหาใหญ่ของผู้สูงวัย

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมสภาพของร่างกายก็ย่อมเป็นไปวัย โดยเฉพาะเรื่องของกระดูกที่ไม่ว่าจะเป็นในวัยเด็ก หรือวัยทำงานก็สามารถเกิดขึ้นได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้สูงวัยที่เมื่ออายุมากขึ้นแล้ว จะไม่พบเจอกับปัญหาโรคกระดูก

💥กระดูกสะโพกหัก
กระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุทีไม่รุนแรง เช่น ตกเตียง ตกจากเก้าอี้ ลื่นล้มในห้องน้ำ และมักพบว่ามีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย ผู้สูงอายุที่กระดูกหักต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ เพื่อให้กระดูกเคลื่อนกลับเข้าที่และอยู่ในตำแหน่งเดิมจนกว่าจะหายดี โดยแพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป ได้แก่ ผ่าตัดใส่เหล็กดามกระดูก ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก เป็นต้น

💥ข้อเข่าเสื่อม
ภาวะข้อเขาเสื่อมคือเมื่ออายุมากขึ้นหรือมีการใช้ข้อต่าง ๆ มากขึ้น กระบวนการสลายของกระดูกอ่อนจะเกิดมากกว่ากระบวนการสร้าง และเมื่อบวกกับความเสื่อมของสุขภาพ จึงส่งผลให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อมีปริมาณลดลง ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการรักษา โรคก็จะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ และเมื่อมีการเคลื่อนไหวก็จะทำให้เกิดการเสียดสีจนสึกกร่อน รู้สึกฝืดที่ข้อเข่า เข่าผิดรูปและทำให้เกิดความเจ็บปวด หากมีอาการติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและหาทางรักษา เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้อาการมีความรุนเแรงยิ่งขึ้น

💥กระดูกพรุน
คือ โรคที่มีความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดน้อยลง มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะโครงสร้างของกระดูก มีผลทำให้กระดูกไม่สามารถรับน้ำหนัก หรือแรงกดดันได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการกระดูกหักง่ายกว่าปกติ ตำแหน่งที่พบกระดูกหักบ่อย ได้แก่ กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก และกระดูกข้อมือโดยเฉพาะตำแหน่งของกระดูกสะโพกและกระดูกสันหลังที่พบว่ามีโอกาสหักมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น​ สำหรับโรคกระดูกพรุนจะไม่พบว่ามีอาการใดๆ เลย เพราะพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นเกิดจากการสูญเสียมวลกระดูก ทำให้กระดูกเสียคุณสมบัติการรับน้ำหนัก กระดูกเปราะหักง่าย ส่วนใหญ่สามารถหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม น้ำเต้าหู้ ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย จะช่วยป้องกัน ช่วยชะลอ หรือช่วยลดความรุนแรงของโรคกระดูกพรุนได้

💥หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น การเสื่อมของร่างกายก็มักมีเข้ามามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของกระดูก ที่เห็นได้บ่อย ๆ ก็จะเป็นในเรื่องของอาการปวดหลัง ปวดขา โดยโรคนี้มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่อายุมากขึ้น อันเนื่องมากจากความเสื่อมสภาพของข้อกระดูกสันหลังทรุดตัวลง และไปกดทับเส้นประสาทได้ รวมไปถึงการเกิดของกระดูกงอก หรือหินปูนที่เกิดขึ้น จนทำให้ไปทับเส้นประสาทได้ในที่สุด

การรักษาโรคกระดูกทับเส้น แพทย์จะดูแลรักษาตามสภาพอาการ ตั้งแต่แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการยกของหนัก ควบคู่ไปกับการกินยาแก้ปวด และการออกกำลังกายในช่วงที่ยังเป็นไม่มากนัก แต่หากอาการหนักขึ้นมาอีกก็ต้องทำกายภาพบำบัด หากยังไม่หายก็ต้องพิจารณาฉีดยาเข้าช่องประสาทไขสันหลัง หรือทำการผ่าตัดรักษา

ขอขอบคุณ​เจ้าของ​บทความ​:
นพ.พิเชษฐ​์​ ศิริวัฒนสกุล​ รพ.วิชัย​ยุทธ

 #พฤติกรรมเสี่ยงโรคกระดูกปัจจุบันในกลุ่มวัยทำงานก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูก เพราะเป็นวัยที่ใช้ร่างกายหนัก และพักผ่...
09/01/2019

#พฤติกรรมเสี่ยงโรคกระดูก

ปัจจุบันในกลุ่มวัยทำงานก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูก เพราะเป็นวัยที่ใช้ร่างกายหนัก และพักผ่อนน้อย อีกทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน นั่งทำงานในออฟฟิศ มักนั่งผิดท่าเป็นเวลานาน หรืออาจจะยกของหนัก ก้ม ๆ เงย ๆ ผิดวิธี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกได้ ถึงแม้อายุจะยังไม่เข้าสู่คนสูงวัยก็ตาม

💥กระดูกคอเสื่อม
ปัญหาสุขภาพบางอย่างอาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กระดูกคอเสื่อมเร็วในวัยคนทำงานที่พบได้บ่อยมาจากการนั่งทำงานด้วยตำแหน่งท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน การที่เรานั่งก้มหน้า ยื่นคอไปข้างหน้ามาก ๆ จะเกิดแรงกดบริเวณกระดูกคอมากกว่าปกติ 8-10 เท่า การก้มหน้าเล่นโซเชียลมีเดียผ่านมือถือนาน ๆ หรือแม้แต่การขับรถ เพราะแขนของเราจะต้องจับที่พวงมาลัยตลอดเวลา จึงเกิดการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อคอและกระดูก การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยในเบื้องต้นแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด รวมทั้งให้พยายามเคลื่อนไหวร่างกายและใช้ชีวิตตามปกติ แต่หากมีอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจรักษาโดยใช้วิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การใช้ยา การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

💥หมอนรองกระดูกเสื่อม
ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง เป็นอีกหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพที่พบบ่อยที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงาน เช่น การนั่งทำงานนาน ๆ การขับรถนาน ๆ การทำงานที่ต้องยกของบ่อย ๆ เป็นต้น เกิดขึ้นได้กับกระดูกสันหลังทุกส่วน แต่พบบ่อยบริเวณเอวและคอ หมอนรองกระดูกเสื่อมบางคนอาจไม่มีอาการเจ็บปวด บางคนรู้สึกปวดอย่างรุนแรงจนรบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน ลักษณะเฉพาะคือ จะมีอาการปวดร้าวไปที่แขนหรือขาตามแนวเส้นประสาทที่ถูกกด การรักษาโรค แพทย์จะซักอาการ ประวัติการเจ็บป่วย พฤติกรรมการใช้ชีวิต และกิจกรรมที่คาดว่าอาจเป็นสาเหตุให้มีอาการ หากอาการเข้าข่ายภาวะร้ายแรงหรือมีอาการหลังจากได้รับบาดเจ็บ แพทย์อาจใช้การตรวจด้วยการถ่ายภาพบริเวณกระดูกสันหลัง เช่น การเอกซเรย์ การทำ MRI Scan เป็นต้น การรักษาส่วนใหญ่ เช่นการรักษาโดยไม่ผ่าตัด เช่น ให้ยา ทำกายภาพบำบัด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม ในรายที่รักษาแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงของกล้ามเนื้อ อาจจำเป็นต้องผ่าตัด

💥นิ้วล็อค
โรคนิ้วล็อค พบในผู้ที่มีการใช้งานลักษณะเกร็งมือและนิ้วบ่อยๆ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใช้คีย์บอร์ดพิมพ์งาน หรือคนรุ่นใหม่ที่ใช้มือถือ เล่นแท็บเล็ตกันเป็นระยะเวลานานในแต่ละวัน มีโอกาสเกิดอาการนิ้วล็อคได้สูง อาการนิ้วล็อคจะมีอาการหลายระยะ คือมีอาการปวดที่โคนนิ้วมือ ซึ่งถ้ายังปล่อยไว้ไม่ทำการรักษาอาการนิ้วล็อคก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปอาจจะมีอาการสะดุด อาการปวดเวลาขยับนิ้ว หลังจากนั้นระยะต่อมาคือไม่สามารถงอ หรือเหยียดนิ้วได้เอง
โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยอายุ 30-50 ปี เกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณข้อมือ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดข้อมือบริเวณฝั่งนิ้วหัวแม่มือ โดยเฉพาะในขณะทำงานที่ต้องกำมือหรือขยับข้อมือ โดยปัจจัยการเกิดโรคนี้ ได้แก่ การใช้งานข้อมือที่มากเกินไป อุบัติเหตุ หรือเกิดจากภาวะอักเสบด้วยสาเหตุอื่นๆ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ การรักษาเริ่มจากกินยาลดอักเสบ, ปรับพฤติกรรมการใช้งาน, ดามข้อมือด้วยสนับหัวแม่มือ มักได้ผลดีหายได้ การฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ และการผ่าตัดรักษา

💥ข้อเข่าเสื่อม
แม้จะอยู่ในวัยทำงาน แต่หลายคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นโรค หรือเป็นปัญหาของผู้สูงอายุ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คนในวัยทำงานก็สามารถเป็นได้เช่นกัน อาจจะเกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา การใช้งานข้อเข่าที่หนักไป อุบัติเหตุต่าง ๆ หรือแม้แต่น้ำหนักตัวของเรา ก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคได้ โรคข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการปวด บวม ที่ข้อเข่า ได้แก่ ปวดบริเวณข้อเข่าขณะเดิน หรือเดินขึ้นลงบันได ข้อฝืด มีเสียงดังเวลาเคลื่อนของข้อเข่า หรือตึงข้อขณะเคลื่อนไหว เช่นมีอาการหลังตื่นนอน ไม่สามารถขยับข้อเข้าได้ตามปกติ ความสามารถในการใช้งานข้อเข่าลดลง เช่น ไม่สามารถเดินขึ้นลงบันไดได้ ขึ้นลงรถลำบาก หากปล่อยไว้นาน จะเกิดภาวะแทรกซ้อน คือ ข้อเข่าผิดรูป เช่น ขาโก่งจากข้อเข่าเสื่อมได้

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ:
นพ.​พิเชษฐ​์​ ศิริวัฒนสกุล​ รพ.วิชัยยุทธ

 #โรคกระดูกและข้อเด็กก็เป็นได้เมื่อพูดถึงเรื่องกระดูก อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่ความจริงแล้วกระดู...
09/01/2019

#โรคกระดูกและข้อเด็กก็เป็นได้

เมื่อพูดถึงเรื่องกระดูก อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่ความจริงแล้วกระดูกเป็นเรืองที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเกิดผิดปกติขึ้นมาไม่ว่าจะทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน จากการเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดจากความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิดก็ตาม อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพของลูกเมื่อโตขึ้นได้

💥กระดูกข้อศอกเคลื่อนในเด็ก
พ่อแม่จับลูกเล่น อุ้มเด็กเหวี่ยงไปมา การดึงหรือยกเด็กขึ้นมาจากพื้นโดยใช้แขนหรือมือเพียงข้างเดียวเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ อาจมีโอกาสทำให้กระดูกข้อศอกเคลื่อนในเด็กได้ เพราะกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อศอกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์เต็มที่ เวลาคุณพ่อคุณแม่จูงลูกควรจับที่แขนท่อนบน ที่ติดกับหัวไหล่ เวลายกตัวลูกควรยกที่ใต้รักแร้ ระวังไม่ยกเด็กขึ้นมาจากพื้นโดยจับที่มือ หรือ จับที่แขนท่อนล่าง และไม่เล่นจับลูกเหวี่ยงแบบชิงช้าเพราะอาจได้รับบาดเจ็บ

💥ขาโก่ง
อาการขาโก่งปกติมักจะเป็นตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งขาและเข่าจะโก่งหรือโค้งงอเท่าๆ กันทั้งขาซ้ายและขาขวา อาการจะดีขึ้นและหายไปเมื่อเด็กเริ่มยืดขาได้และหัดเดิน และไม่จำเป็นต้องรับการรักษา แต่หากเด็กยังคงขาโก่งอย่างต่อเนื่องจนอายุ 2-3 ปี อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอาการเจ็บป่วยด้วยภาวะอื่น ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา

💥ท่านั่ง W-Sitting
คุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ทันสังเกตว่าลูกน้อยของคุณนั่งแบบนี้ถูกต้องแล้วหรือไม่ ในเด็กวัยอายุ 2-6 ขวบ ชอบนั่งท่านี้เพราะเป็นท่าที่สบาย แต่ส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางกายของเด็ก อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสะโพก เข่า และข้อต่อของเด็ก เด็กอาจมีปัญหาด้านสมดุลของร่างกาย กล้ามเนื้อมัดเล็กและการเคลื่อนไหวที่ไปพร้อมกัน นอกจากนี้เด็กอาจมีปัญหาในการเดินและการทรงตัว วิธีป้องกันไม่ให้ลูกมีปัญหาการนั่งท่า w คือคอยจัดท่าให้ลูกนั่งในท่าที่เหมาะสมแทน และพยายามแก้ไขทุกครั้งที่ลูกนั่งผิดท่า

💥เมื่อลูกสะพายกระเป๋าหนักเกินไป
ปัญหาสำหรับเด็กในวัยเรียน หารู้ไม่ว่ากระเป๋าหนังสือของนักเรียนในวัยระดับชั้น ป.1-ป.3 ส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังของเด็ก พบว่าการสะพายกระเป๋าหนัก ๆ นั้น อาจทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามมาได้ และยังมีความเสี่ยงต่อการปวดหลังเรื้อรังอีกด้วย วิธีแก้ไขใส่แต่ของที่จำเป็น น้ำหนักของกระเป๋าไม่ควรเกิน 10% ของน้ำหนักตัวผู้ถือหรือสะพาย และควรสะพายกระเป๋าให้สายคล้องชิดกับคอ มากกว่าสะพายห่างออกไปจากหัวไหล่ กระเป๋าต้องแนบกับหลัง ไม่ห้อยต่ำหรือเลือกกระเป๋าสะพายที่มีล้อลากด้วย

💥เท้าปุก
เท้าปุกเป็นลักษณะของเท้าที่ผิดปกติในเด็ก ที่มักจะตรวจพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ไปจนเด็กโต ลักษณะความผิดปกติที่เรียกว่าเท้าปุกนั้น หน้าตาของเท้าจะมีส่วนของปลายเท้าบิดชี้เข้าหาด้านใน โดยมีร่องที่กลางฝ่าเท้าด้านในและปลายเท้าจิกพื้น ทำให้เด็กไม่สามารถกระดกข้อเท้า หรือกระดกได้เต็มที่เหมือนเด็กทั่วไป การรักษาในกรณีที่ลักษณะผิดปกติเป็นน้อย แพทย์จะสามารถรักษาเท้าปุกให้เด็กโดยการใช้วิธีดัดหรือใส่เฝือก ซึ่งจะช่วยให้รูปเท้าเข้ารูปทรงเป็นปกติ แต่ถ้าหากในลักษณะเท้าปุกที่ผิดปกติมาก การรักษาจะต้องอาศัยแพทย์ในการค่อยๆ ดัดให้เท้าเด็กกลับเข้าที่ทีละน้อย และใส่เฝือกเอาไว้ทุกครั้งที่มาดัด

💥กระดูกสันหลังคด
กระดูกสันหลังคดพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึงวัยรุ่น โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นระดับมัธยมต้นจะพบได้บ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นไม่มาก ไม่แสดงอาการ ในรายที่เป็นมาก จะทำให้กระดูกสันหลังผิดรูปชัดเจน แนวสะโพกเอียง มีปัญหาปวดหลัง มีปัญหาต่อการหายใจและการทำงานของปอด หัวใจได้ ผู้ปกครองอาจสังเกตอาการง่าย ๆ โดยให้เด็กก้มเอามือจับเข่า 2 ข้าง จะพบแนวกระดูกสันหลังไม่ตรง และกระดูกสะบัก 2 ข้าง สูงต่ำไม่เท่ากัน

ขอบคุณที่มา​:​ นพ.พิเชษฐ์​ ศิริวัฒนสกุล

อาหารที่ช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจงเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ บ่อยครั้งที่เราได้ยินได้อ่านหัวข้อสนทนาเกี่...
06/01/2019

อาหารที่ช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพ

จงเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ บ่อยครั้งที่เราได้ยินได้อ่านหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับอาหารที่ให้โทษต่อสุขภาพและทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น โรคหัวใจและโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตามกลุ่มแพทย์ต่างกำลังศึกษาเพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ของอาหารในการเป็นตัวช่วยเพื่อสุขภาพ เมื่อคุณรับประทานอาหารเข้าไปส่วนประกอบทุกอย่างจะเริ่มออกเดินทางและสุดท้ายก็มีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์ที่หล่อเลี้ยงอวัยวะ เนื้อเยื่อ และหลอดเลือดซึ่งปฏิสัมพันธ์เหล่านี้เองจะมีอิทธิพลต่อสุขภาพและการฟื้นฟูร่างกาย การวิจัยเรื่องผู้ป่วยที่ใช้หัวใจเทียมชี้ว่าสุขภาพของคนเราคือผลลัพธ์ที่เกิดจากคุณภาพการโภชนาการนั่นเอง แต่ผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่ได้จบแค่ที่ห้องผ่าตัดเท่านั้น อาการหรือปัญหาส่วนใหญ่ที่ถูกรักษาด้วยยาอาจจะดีขึ้นได้หากเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมซึ่งส่งผลดีต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง (แม้ว่าอาหารเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแทนที่ยารักษาโรคมะเร็งหรือซ่อมแซมโรคข้อเข่าเสื่อมได้ แต่อาหารที่มีประโยชน์ก็ยังช่วยฟื้นฟูสภาพได้) การเลือกรับประทานอาหารมีส่วนช่วยในการรักษาโรคต่างๆดังต่อไปนี้

อารมณ์ซึมเศร้า
การสำรวจผู้คนในออสเตรเลียมากกว่า 12,000 คนเมื่อปี 2016 พบว่าการรับประทานผักและผลไม้มีส่วนทำให้ความสุข ความพึงพอใจ และความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผักและผลไม้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดที่การวิจัยชี้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้อาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่นิยมใช้น้ำมันมะกอกยังสามารถลดอาการซึมเศร้าลงได้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะไขมันดีอาจช่วยบรรเทาการอักเสบซึ่งจะป้องกันการเปลี่ยนแปลงในสมองที่อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์

ปวดข้อ
กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบได้ในปลาแซลมอนและปลาที่มีไขมันสูงชนิดอื่นสามารถต้านการอักเสบในร่างกายที่ตอบสนองต่อโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ ทั้งนี้ยังมีการพบอีกว่าส่วนผสมในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์นั้นมีสรรพคุณต่อต้านการอักเสบจึงนิยมใส่ในน้ำหมัก สลัด และเครื่องเคียงต่างๆ

โรคนอนไม่หลับและนอนหลับๆตื่นๆ
ทาร์ตเชอร์รี่อุดมไปด้วยฮอร์โมนเมลาโทนินที่จะช่วยส่งสัญญาณบอกร่างกายว่าได้เวลานอนแล้ว ขณะที่งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าน้ำทาร์ตเชอร์รี่สามารถต่อสู้กับโรคนอนไม่หลับหรือทำให้นอนหลับนานกว่าเดิมได้ เพียงดื่มน้ำทาร์ตเชอร์รี่เข้มข้นครึ่งแก้วควบคู่กับอาหารมื้อค่ำ

โรคหวัด
ต้มซุปไก่เลย ใช่แล้ว..วิธีรักษาแบบโบราณนี้แหละที่ทำให้อาการของโรคหวัดทุเลาลง น้ำซุปจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น ลดน้ำมูก และโล่งคอ อย่างไรก็ดีซุปไก่อาจมีสรรพคุณต่อต้านการอักเสบด้วย

การรับรู้ทางสมองลดลง
ไขมันที่มีประโยชน์จะช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับความจำและความทรงจำ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยพบว่าการบริโภคปลานั้นจะส่งผลต่อสุขภาพสมอง ยกตัวอย่างเช่นจากการสำรวจผู้คนเกือบ 900 คนที่มีระดับ DHA (กรดไขมันในปลา) ในเลือดสูงที่สุด ผลปรากฏว่าคนกลุ่มนี้จะมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมลดลงถึงร้อยละ 47 ส่วนอาหารชนิดอื่นๆที่ดีต่อสมองได้แก่ ถั่วเปลือกแข็ง เบอร์รี่ ถั่ว ธัญพืชเต็มเมล็ด และสัตว์ปีก ขอให้เจริญอาหารนะ!

Blogger : Dr. Mehmet Oz

4 วิธีออกกำลังกาย บรรเทาอาการ “ข้อต่ออักเสบ”แม้แต่คนสุขภาพดีไม่มีปัญหาเรื่องกระดูก ไขข้อ หรือกล้ามเนื้อต่างๆ ยังขี้เกียจ...
19/11/2018

4 วิธีออกกำลังกาย บรรเทาอาการ “ข้อต่ออักเสบ”

แม้แต่คนสุขภาพดีไม่มีปัญหาเรื่องกระดูก ไขข้อ หรือกล้ามเนื้อต่างๆ ยังขี้เกียจออกกำลังกายเป็นประจำเลย ถ้าคนที่เป็นผู้ป่วยโรค “ข้อต่ออักเสบ” ที่มีอาการปวดข้อต่อตามร่างกายต่างๆ อยู่ทุกวี่ทุกวันก็คงแทบจะไม่อยากขยับร่างกายไปไหน อยากจะนั่งหรือนอนอยู่นิ่งๆ อยู่บ้านเสียด้วยซ้ำไป แต่ทราบหรือไม่ว่าการออกกำลังอย่างถูกวิธีเป็นประจำทุกวัน สามารถลดอาการปวดของข้อต่อได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าคนที่มีร่างกายปกติดีก็สามารถออกกำลังกายด้วยวิธีเหล่านี้ได้เช่นกัน

💪 ขยับร่างกายให้ขยายช่วงกว้างให้มากขึ้น
การพยายามยืดเส้นยืดสายตามร่างกายให้ได้มากขึ้น นอกจากจะช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นจากกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังช่วยพัฒนาสุขภาพข้อต่อให้มีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน พยายามออกกำลังกายด้วยการยืดแขน ขา และส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าขณะนั้นคุณมีอาการปวดข้ออยู่ คุณก็ยังสามารถยืดข้อต่อเหล่านั้นได้เหมือนกัน เพียงแต่พยายามทำอย่างเบามือ ค่อยๆ ทำอย่างช้าๆ ไม่กระตุกยืดอย่างรุนแรง หรือรวดเร็วเกินไปเท่านั้นเอง
💪
กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
กล้ามเนื้อจะแข็งแรงมากยิ่งขึ้นหากได้ออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อในการเกร็งทนกับแรงต้านอะไรบางอย่างเป็นประจำ หากที่บ้านไม่มีดัมเบล ยางยืดออกกำลังกาย หรืออุปกรณ์ฟิตเนสครบครันก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะคุณสามารถใช้น้ำหนักจากร่างกายของคุณเองนี่แหละที่เป็นแรงต้านในการออกกำลังกายได้ หากปวดข้อเข่า ลองนั่งบนเก้าอี้ เอนตัวไปด้านหน้า เอาแขนและมือแนบลำตัวด้านข้าง แล้วพยายามใช้แรงจากต้นขาลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนบนพื้นตามปกติโดยไม่ใช้มือจับจับเก้าอี้หรืออะไรทั้งสิ้น ยืนสักครู่ นับ 1-10 ในใจ จากนั้นค่อยกลับไปนั่งลงที่เดิมอย่างช้าๆ โดยไม่ใช้มือจับที่เก้าอี้หรืออะไรทั้งสิ้นเหมือนเดิม

💪 ทนทานต่อแรงต้านได้
สิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจ คือข้อต่อต่างๆ ในร่างกายของเรามีความสำคัญในการรองรับน้ำหนักของส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเข่าที่รองรับน้ำหนักของลำตัวท่อนบนทั้งหมด หรือข้อศอก ข้อนิ้ว ที่ต้องส่งแรงออกไปเพื่อกิจกรรมต่างๆ เช่น ถือข้าวของ หยิบจับ โหน ดึง ฯลฯ ตลอดเวลา ดังนั้นลองออกกำลังกายด้วยแอโรบิก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน จะทำให้คุณได้ออกกำลังหัวใจไปพร้อมๆ กับปอด และจะทำให้ร่างกายทนทานต่อแรงต้านอื่นๆ ไปด้วยโดยปริยาย สามารถออกกำลังกายแนวแอโรบิกได้ทุกอย่าง แต่เลือกเฉพาะที่ไม่ลงแรกกระแทกหนักๆ เช่น วิ่ง จ๊อกกิ้ง แต่สำหรับใครที่มีอาการปวดบวมข้อมากๆ ควรรอจนกว่าอาการจะทุเลาลงก่อน ค่อยออกกำลังกายด้วยวิธีนี้

💪 รักษาสมดุลได้ดี
เพื่อฝึกให้ข้อต่อเหล่านี้ทนทานต่อแรงต้านต่างๆ ได้ ลองยืนตรงฝ่าเท้าแนบพื้น แล้วค่อยๆ ยกเท้าข้างหนึ่งสูงขึ้นจากพื้น พยายามรักษาสมดุลในการยืนด้วยขาข้างเดียวราวๆ 5 วินาที จากนั้นก็ลองสลับขาเป็นอีกข้างหนึ่ง และค่อยๆ เพิ่มเวลายืนด้วยขาข้างเดียวสลับกันไปเรื่อยๆ ครั้งละ 5 วินาที จนกลายเป็นยืนขาข้างเดียวได้นาน 30 วินาทีโดยไม่ล้มลงมาเสียก่อน ทำแบบนี้บ่อยๆ นอกจากจะช่วยรักษาสมดุลในการยืนได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มแรงต้านต่อข้อต่อให้แข็งแรงขึ้นได้ง่ายๆ

หากออกกำลังกายตามวิธีเหล่านี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง อาจมีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจออกกำลังกายผิดวิธี หรือมีความผิดปกติอื่นๆ นอกจากอาการปวดข้อ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวให้ดีทั้งก่อน และหลังช่วงที่ออกกำลังกาย เพื่อออกกำลังกายได้อย่างถูกวิธี เพื่อบรรเทาอาการข้อต่ออักเสบได้จริง ไม่ทำให้อาการแย่ลงจะดีกว่า

ขอขอบคุณข้อมูล: Harvard Health Publishing

💥โอ๊ย... ปวดสะโพก ปวดก้นลึกๆ ปวดทรมานบอกไม่ถูก เป็นอะไรกันแน่นะ??  #โรคที่คล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น !!! #เช็คให้ชัวร์ก่อ...
15/11/2018

💥โอ๊ย... ปวดสะโพก ปวดก้นลึกๆ ปวดทรมานบอกไม่ถูก เป็นอะไรกันแน่นะ??

#โรคที่คล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้น !!!
#เช็คให้ชัวร์ก่อนผ่าตัดเพราะอาจไม่ตรงจุด

#โรคกล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาทนั้น จะมีอาการปวดร้าว และ ชาไปตามแขน หรือขา มีลักษณะอาการคล้ายกับโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาทมาก

“ถ้าซักประวัติให้ละเอียดจะพบว่า ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อนี้มักจะมีอาการปวดบริเวณสะโพกนำมาก่อน และค่อย ๆ ลามลงชาไปจนถึงปลายเท้า หรือปวดบริเวณคอ หัวไหล่ แล้วค่อย ๆ ลามไปถึงปลายแขน”

ความคล้ายคลึงกันของทั้งสองโรคทำให้การวินิจฉัยโดยการทำเอ็มอาร์ไออาจไม่เพียงพอ ไม่เพียงเท่านั้นบางครั้งยังพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคทั้งสองพร้อมกันด้วย
ดังนั้นการรักษาด้วยการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยที่มีอาการปวดอย่างรุนแรงโดยด่วนจึงยังไม่ใช่ทางออก เพราะ #การผ่าตัดไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อที่รัดแน่นอยู่คลายตัว

กล้ามเนื้อของมนุษย์เปรียบเสมือนเป็นมอเตอร์ให้ร่างกายขับเคลื่อนไปได้ โดยทำงานตลอดเวลาไม่มีพัก จึงไม่แปลกที่กล้ามเนื้อเหล่านี้จะมีอาการป่วย
โดยส่งสัญญาณเป็นอาการปวดร้าวตามร่างกายส่วนต่าง ๆ แต่โชคร้ายที่เราไม่สามารถแสดงอาการป่วยของกล้ามเนื้อนี้ได้จากการเอกซเรย์ หรือเอ็มอาร์ไอ

เมื่อกล้ามเนื้อส่วนที่มีเส้นประสาททอดผ่านมีการยืดหยุ่นน้อยลง มีการเกร็งหนีบเส้นประสาทไว้ก็จะส่งผลให้มีอาการปวดร้าวไปตามเส้นประสาทนั้นได้
ผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษา พบว่า จะมีอาการชาที่ฝ่าเท้า น่อง หรือปลายนิ้วเท้า ไม่เลือกเวลา เป็น ๆ หาย ๆ บางทีก็เป็นหนัก บางทีก็หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เชื่อกันว่าอาการนี้เกิดจากการที่กล้ามเนื้อที่เกิดการอักเสบส่งความรู้สึกประหลาดนี้มาที่ขาได้

บางรายเวลานั่งนาน ๆ จะมีอาการปวดที่แก้มก้น หรือเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นยืน หรือเริ่มก้าวเดินแรก ๆ จะปวดที่ก้น ผู้ป่วยบางรายที่เป็นมาก ๆ จะมีอาการชาหรือเสียวเวลาถูกลมเบา ๆ หรือถูกสัมผัสเบา ๆ มีความรู้สึกซู่ซ่าที่น่องหรือปลายเท้า รู้สึกเย็น ๆ มีขนลุกซู่เป็นครั้งคราว เรียกอาการนี้ว่า อัลโลไดเนีย (allodynia) คือ ไวต่อสิ่งสัมผัสมากเกินไป

ทว่าโรคกล้ามเนื้อนี้ยังไม่มีการรักษาใดที่ทำให้หายได้โดยทันที ต้องอาศัยระยะเวลาในการรักษาระยะหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงตัวหนีบเส้นประสาทอยู่นั้นคลายตัวได้ถาวร และการผ่าตัดก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับโรคนี้ด้วยเช่นกัน.

ค้นพบวิธีธรรมชาติ บำบัด ดูแล ที่ต้นเหตุปัญหาของ ข้อเข่าเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท

ที่นี่เราใช้สารอาหารในการฟื้นฟูบำบัดรักษา #เราไม่ใช้การผ่าตัดค่ะ

สอบถาม/ปรึกษาอาการ 092-856-5469​ ​รฐาค่ะ
หรือคลิกลิ้งค์⤵️ เพิ่มเพื่อนมาคุยกันได้นะคะ
https://line.me/R/ti/p/%40vri9771k

 #เช็คก่อนนวด! 12 อาการอันตราย ห้ามไปนวดเด็ดขาดนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งมาทั้งวัน ถ้าได้คนมือนิ่มๆ มาบีบๆ นวดๆ แถวคอ ไหล่ ...
10/11/2018

#เช็คก่อนนวด! 12 อาการอันตราย ห้ามไปนวดเด็ดขาด

นั่งทำงานหลังขดหลังแข็งมาทั้งวัน ถ้าได้คนมือนิ่มๆ มาบีบๆ นวดๆ แถวคอ ไหล่ หลัง หรือแม้กระทั่งแขนขา และเท้าที่แบกรับภาระกันหนักหน่วงมานานบ้างก็คงจะดี เพราะแบบนี้หลายคนที่ติดนวดกันมากๆ เพราะนวดแล้วสบาย ผ่อนคลายจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอน
แต่ก่อนที่จะพุ่งตัวไปที่ร้านนวด เราควรทราบก่อนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการนวด โดยเฉพาะนวดแผนไทย หรือนวดแผนโบราณ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อาจเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

ห้ามนวด เมื่อคุณ....
🔹มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
🔹เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลัน
🔹มีอาการอักเสบจากการติดเชื้อ
🔹มีบางส่วนของร่างกายที่กระดูกหัก เปราะ ร้าว เคลื่อน
🔹เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ที่ยังควบคุมอาการให้อยู่ในระยะปกติไม่ได้
🔹เป็นโรคผิวหนัง
🔹มีบาดแผลเปิดเรื้อรัง
🔹เป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
🔹เป็นโรคมะเร็ง
🔹เข้ารับการผ่าตัดแล้วแผลยังไม่หายสนิท
🔹มีอาการหลอดเลือดดำอักเสบ
🔹กระดูกพรุนอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ หากไปใช้สถานบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเจอบุคลากร หรือคนที่นวดให้ ที่ไม่มีความรู้ที่ดีมากพอ นวดบริเวณที่ไม่ควรนวด อาจสร้างอาการบาดเจ็บ หรืออันตรายถึงชีวิตต่อเราได้ บริเวณที่ไม่ควรนวด คือ
- ตามแนวกระดูก และหลอดเลือด เช่น แนวกระดูกต้นคอ สันหลัง ซี่โครง ข้างคอ ใต้หู หลังหู ต่อมน้ำเหลืองใต้คาง
- จุดศูนย์รวมเส้นประสาทต่างๆ เช่น ข้อพับแขน ข้อมือ และข้อพับขา

หากใครรู้ตัวว่าเพิ่งเข้ารับการผ่าตัด เพิ่งประสบอุบัติเหตุจนกระดูกหัก หรือแตก เป็นหญิงมีครรภ์ เป็นผู้สูงอายุ และเคยผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมาก่อน ต้องเพิ่มความระมัดระวัง หรือเลี่ยงการนวดบริเวณที่มีความเสี่ยงด้วย นอกจากนี้การเลือกสถานบริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะช่วยลดความเสี่ยงอันตรายจากการนวดได้อีกทางหนึ่งค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูล :กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

 #ปวดแบบนี้เเป็นอย่างไรเรามีคำตอบให้💢 หากปวดแถวบริเวณรอบคอ มักจะเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อหรือพังผืด หรือจากการทำงานผิ...
10/11/2018

#ปวดแบบนี้เเป็นอย่างไรเรามีคำตอบให้

💢 หากปวดแถวบริเวณรอบคอ มักจะเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อหรือพังผืด หรือจากการทำงานผิดปกติ ผิดท่า การปวดลักษณะนี้มักจะไม่มีอาการร้าวเท่าไหร่

💢 หากปวดร้าวไปที่หัวไหล่หรือแม้แต่ที่แขน แล้วมีอาการชาที่มือด้วย เกิดจากหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท หรืออาจจะเกิดจากตัวหมอนรองกระดูกเอง หรือเกิดจากความเสื่อมของกระดูกแล้วพอกเป็นหินปูน ควรไปพบแพทย์

💢 และหาก ปวดคอที่อาจจะร้าวไปถึงกลางหลัง กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง เดินลำบาก ขาเกร็งหรืออ่อนแรง และถ้าเกิดมีการกดทับไขสันหลัง อาจจะนำไปสู่การเป็นอัมพาตได้ ดังนั้น ยิ่งต้องไปพบแพทย์

#สุขภาพดีขึ้นได้ถ้าคุณกล้าตัดสินใจเลือก
ทางศูนย์เราจะใช้แนวทางแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นวิธีที่ฟื้นฟูอาการจากต้นเหตุ โดยการใช้สารอาหารสกัดจากธรรมชาติ 100% เพื่อช่วยให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง อาการจะค่อยๆดีขึ้น โดยการลดการอักเสบ ที่เกิดขึ้นรอบๆ เส้นประสาท เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ลดการตึงรั้ง กล้ามเนื้อจะเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น อาการปวดจะค่อยๆลดลง

แพทย์ทางเลือก ฟื้นฟูแบบธรรมชาติบำบัด เมื่อระบบรักษาตัวเองในร่างกายสามารถกลับมาทำงานได้เต็มที่ การฟื้นฟู ซ่อมแซม ซ่อมสร้าง เกิดขึ้นอัตโนมัติ อาการปวด เจ็บ ที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมาตลอด ก็บอกลาไปได้เลย

การฟื้นฟูในลักษณะนี้ เป็นการซ่อมแซม และซ่อมสร้าง เพื่อให้ร่างกายได้บำบัดตัวเอง กลับมาเป็นปกติ และจะเพิ่มการไหลเวียนเลือด การช่วยขยายหลอดเลือด เพื่อให้เลือดหมุนเวียนมากขึ้น ส่งผลให้ออกซิเจน เข้าเลี้ยงส่วนกล้ามเนื้อที่อักเสบได้มากขึ้น พร้อมทั้งการกระตุ้นปลายประสาท ในกรณี คนไข้ มีอาการชาร่วมด้วย โดยไม่ได้ใช้ยา ซึ่งเป็นแก้ปัญหาการป่วยที่ต้นเหตุ มีความปลอดภัยต่อทุกระบบในร่างกาย ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อกระเพาะ ตับและไตค่ะ

สอบถาม/ปรึกษาอาการ 092-249-3282 ​รฐาค่ะ
หรือคลิกลิ้งค์ด้านล่าง เพิ่มเพื่อนมาคุยกันได้นะคะ
https://line.me/R/ti/p/%40vri9771k

วิธีรับมือ อาการ "ปวดคอ บ่า ไหล่" จากการทำงานหน้าจอตลอดวันทำไมการทำงานหน้าคอมถึงทำให้ปวดคอและไหล่ปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งใ...
07/11/2018

วิธีรับมือ อาการ "ปวดคอ บ่า ไหล่" จากการทำงานหน้าจอตลอดวัน

ทำไมการทำงานหน้าคอมถึงทำให้ปวดคอและไหล่
ปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งในการทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ ที่พบบ่อยจากหลายๆ การวิจัยก็คือ ปัจจัยเกี่ยวกับการทำงาน อย่างเช่น การเคลื่อนไหวซ้ำๆ แรงกด การวางท่าทางที่ไม่สบายหรือไม่เป็นธรรมชาติของแขนขา เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ เป็นสิ่งที่พบบ่อยในคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เนื่องจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ร่างกายส่วนบนจะต้องหยุดนิ่ง โดยคอจะทำหน้าที่พยุงศีรษะ ซึ่งมีน้ำหนักประมาณหนึ่งในเจ็ดส่วนของน้ำหนักร่างกายทั้งหมด เพื่อให้ร่างกายอยู่นิ่งๆ การเกร็งกล้ามเนื้อคออย่างต่อเนื่อง เพื่อพยุงให้ศีรษะอยู่ตำแหน่งนี้ ทำให้ลดการไหลเวียนของเลือดมายังกล้ามเนื้อ นำไปสู่ความอ่อนล้าและความเสียหายของกล้ามเนื้อ

การเกร็งนี้ยังทำให้เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทในคอ ทำให้เกิดอาการปวดหลังและด้านข้างของศีรษะได้ด้วย นอกจากนี้ถ้านั่งอยู่ในท่าที่ไม่สบาย หรือมุมมองหน้าจอที่ไม่ดีพอ ตำแหน่งของเก้าอี้และโต๊ะที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เนื้อเยื่ออ่อนหดเกร็ง เกิดการตึงที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลง และรู้สึกถึงความอ่อนล้า

มีการบันทึกไว้ในงานวิจัยบางชิ้นว่า อาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อและความเครียดโดยรวม ทำให้โครงสร้างร่างกายเกิดอาการหดเกร็ง และเป็นสาเหตุของอาการเจ็บปวด อีกปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยก็คือ ท่านั่งที่ไม่เหมาะสม อย่างการนั่งหลังค่อม โดยหัวยื่นออกไปข้างหน้ามากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อเล็กๆ ในสันหลังต้องทำงานหนักเป็นสองเท่าจากที่ควรจะเป็น เพราะกล้ามเนื้อคอส่วนหนึ่ง ไม่สามารถประคับประคองให้กระดูกสันหลังอยู่ในท่านี้ได้ และต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อรักษาศีรษะให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยดีนี้ มันจึงโอเวอร์โหลด และส่งผลให้เกิดอาการปวดหลายอย่างเกิดขึ้น

#ปรับพฤติกรรมบรรเทาอาการปวดคอและไหล่
สำหรับการปวดคอและไหล่ที่เกิดจากการวางท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่รับน้ำหนักของศีรษะเป็นเวลานาน จนทำให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และนำไปสู่อาการเจ็บปวด การปรับท่าทางและพฤติกรรมในการทำงาน สามารถช่วยคุณบรรเทาอาการเจ็บปวดนี้ได้ และนี่คือวิธีการ
ใช้ท่าทางให้ถูกต้อง
🔹เวลายืนหรือนั่ง ให้แน่ใจว่าไหล่ของคุณเป็นเส้นตรง และอยู่ในแนวเดียวกับสะโพก ส่วนหูก็อยู่ตรงกับไหล่ หากหูของคุณยื่นไปเกินช่วงไหล่ ก็แสดงว่าคุณกำลังยื่นหัวไปข้างหน้า ซึ่งเป็นท่าทางที่ผิด
ไม่นั่งนานเกิน 1-2 ชั่วโมง ถ้าต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ให้ลุกขึ้นยืน หรือยืดกล้ามเนื้อคอและไหล่เสียบ้าง หากเป็นไปได้ ไม่ควรนั่งอยู่กับที่เกิน 1-2 ชั่วโมง ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย หรือลุกไปเข้าห้องน้ำ และจึงค่อยกลับมานั่งทำงานต่อ
🔹อย่านั่งต่ำเกินไป มันสามารถทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อไหล่ เนื่องจากต้องมีการยกไหล่ ขณะที่คุณยกมือเพื่อใช้เมาส์และคีย์บอร์ด ทำให้การไหลเวียนโลหิตไปยังเนื่อเยื่อลดลง นำไปสู่อาการอ่อนล้าและรู้สึกไม่สบาย การนั่งต่ำเกินไปยังทำให้คุณต้องเงยหน้าขึ้นมองจอ ทำให้ปวดคอ ให้แน่ใจว่าคุณนั่งในระดับความสูงที่พอดีกับโต๊ะและจอของคุณ
🔹ปรับเก้าอี้ ให้คุณสามารถวางเท้าราบกับพื้นได้พอดีๆ ถ้าเป็นไปได้ ควรใช้เก้าอี้ที่ออกมาแบบมาเพื่อสรีระในการทำงานโดยเฉพาะ ที่จะช่วยให้กระดูกสันหลัง อยู่ในรูปทรงโค้งตามธรรมชาติอย่างเหมาะสมเวลานั่ง
🔹จัดตำแหน่งคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ควรใช้โต๊ะที่ออกแบบมาสำหรับใช้คอมพิวเตอร์ และวางให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตา หรือต่ำกว่าเล็กน้อย ส่วนคียบอร์ดและเมาส์ อยู่ในระดับที่คุณสามารถวางข้อศอกอยู่ข้างตัวแบบสบายๆ แขนส่วนล่างควรขนานกับพื้น และอยู่ในระดับเดียวกับคีย์บอร์ด
🔹พยายามอย่าถือโทรศัพท์นาน หากต้องคุยธุระทางโทรศัพท์หลายชั่วโมง ให้ใช้หูฟัง เพราะการถือโทรศัพท์ค้างไว้นานๆ จะเพิ่มอาการปวดคอและไหล่ได้
🔹ไม่แบกกระเป๋าหนัก ให้เคลียร์ของที่ไม่จำเป็นออกจากกระเป๋า เพราะการแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากทุกๆ วัน จะทำให้อาการปวดคอและไหล่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

#เมื่อไหร่ที่ควรต้องไปหาหมอ
ถ้ามีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่มากๆ ก็ควรปรึกษาหมอ นอกจากนี้หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย คุณควรรีบไปพบหมอเป็นการด่วน
✅ อาการปวดคอแล่นลงมาสู่แขนและขา
✅มีอาการปวดหัว อาการชา เป็นเหน็บ หรือกลามเนื้ออ่อนแรงร่วมกับอาการเจ็บปวด
✅มีอาการคอแข็ง พร้อมกับมีไข้ อาเจียน และระคายเคืองจากการรบกวนของแสงอย่างหนัก

ขอขอบคุณข้อมูล :โศภิษฐ์ตา คงชน

 #เครียดทำให้ตึงไปที่ท้ายทอยอาจนำไปสู่อาการปวดไมเกรนเพราะความตึงเครียดบริเวณหลังตอนบน ลำคอ และไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็...
04/11/2018

#เครียดทำให้ตึงไปที่ท้ายทอยอาจนำไปสู่อาการปวดไมเกรน

เพราะความตึงเครียดบริเวณหลังตอนบน ลำคอ และไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งสะสมต่อเนื่องกัน นาน ๆ เข้าจะเกิดเป็นก้อนเล็ก ๆ ไปกดทับเส้นเลือด และเส้นประสาท อาจนำมาสู่อาการปวดศีรษะ ไมเกรน หากไปกดทับเส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงระบบสมอง และ การมองเห็นไม่ชัดเจน หากไปกดทับเส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงระบบสายตา

นอกจากนั้นยังอาจมีอาการชา ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับได้ด้วย เพราะเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
และเริ่มมีอาการปวดกระตุกเป็นห้วงๆ บริเวณรอบๆ ขมับ บางครั้งเห็นภาพมัว ปวดหัวไมเกรน จนคลื่นไส้ หรืออาเจียน

อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของโรค “ปวดศีรษะจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัว (TENSION HEADACHE)”

เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อรอบศีรษะ จะรู้สึกมึนศีรษะเหมือน สมองถูกบีบรัด อาการปวดอาจร้าวลงท้ายทอย หรือ ร้าวลงบ่าไหล่ บางคนอาจมีอาการปวดเป็นจุดวงกว้างบนศีรษะและอาจพบอาการปวดบริเวณเบ้าตาร่วมได้อาจทำให้มีอาการคลื่่นไส้บางครั้ง การเดินหรือวิ่งอาจทำให้รู้สึกปวดเพิ่มได้ ส่วนมากอาการมักเกิดช่วงบ่ายหลังการทำงานล้ามาทั้งวัน

🔹สาเหตุของโรคส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ คือ การพักผ่อนไม่พอเพียงการมีความเคร่งเครียดบางรายพบอาการหลังดื่มแอลกอฮอล์

🔹การดูแล : พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเวลา และนอนหลับให้สนิท เพราะจะเป็นการคลายกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการทำงานที่ทำให้เมื่อยล้าต่อเนื่องเป็นเวลานาน รับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยตรงต่อกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เพื่อปรับสมดุลร่างกายภายในให้แข็งแรง และยืดเส้นบริหารร่างกายทุกวัน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน

สอบถาม/ปรึกษาอาการ 092-249-3282 ​รฐาค่ะ
หรือคลิกลิ้งค์ด้านล่าง เพิ่มเพื่อนมาคุยกันได้นะคะ

https://line.me/R/ti/p/%40vri9771k

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0922493282

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อองค์รวม by คุณวาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อองค์รวม by คุณวา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram