SSK Og Farm420.

  • Home
  • SSK Og Farm420.

SSK Og Farm420. อยากเห็นรอยยิ้ม.

เคยสงสัยกันไหมครับ  #วิธีบังคับกัญชาให้ผลิตเมล็ดเพศเมีย (feminized seed) เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกวิธีบังคับกัญชาให้ผลิตเมล็ดเ...
15/11/2019

เคยสงสัยกันไหมครับ

#วิธีบังคับกัญชาให้ผลิตเมล็ดเพศเมีย (feminized seed) เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

วิธีบังคับกัญชาให้ผลิตเมล็ดเพศเมีย (feminized seed) เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
ในปี ค.ส 1998 เป็นปีที่ แฮงค์ แวนด์ แดเลน (Henk van Dalen) ผู้ก่อตั้ง ดัตช์แพชชั่น (Dutch Passion) ได้ค้นพบวิธีผลิตเมล็ดกัญชาเพศเมียคนแรกของโลก แฮงค์ผู้เรียนจบจากคณะชีววิทยาและเป็นผู้ปลูกกัญชาอยู่แล้ว ได้สังเกตเห็นระหว่างปลูกต้นกัญชาของเค้าว่า เมื่อต้นกัญชาเลยช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวแล้วถูกปล่อยให้โตไปเรื่อยๆโดยที่ไม่เก็บเกี่ยวมัน ต้นกัญชานั้นจะเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ ในบางต้นตัวเมียจะเริ่มผลิตดอกเพศผู้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าต้นนั้นๆจะเป็นตัวเมียก็ตาม

แฮงค์ แวนด์ แดเลน (Henk van Dalen) ผู้ก่อตั้ง ดัตช์แพชชั่น (Dutch Passion)
นี้เป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของต้นกัญชา เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของรุ่นถัดไป เมื่อต้นกัญชาเกิดกระบวนการนี้ขึ้นมาเราจะเรียกว่า hermaphrodite หรือกะเทย นั่นเอง

เมื่อแฮงค์เก็บเกสรจากต้นที่กลายเป็นกะเทยนั้นขึ้นมา ผสมพันธุ์ต้นตัวเมียอีกต้นนึง เมื่อเค้าลองปลูกเมล็ดที่ถูกผลิตขึ้นมา เค้าก็ได้ค้นพบว่าเมล็ดที่โตขึ้นมานั้นเป็นต้นตัวเมียทั้งหมด

hermaphrodite หรือต้นกะเทย ที่มา Ed Rosenthal
ต้นกัญชาเพศเมียปกตินั้นจะมีโครโมโซม XX (เพศเมีย) เท่านั้น ส่วนเพศผู้จะมีโครโมโซม X (เพศเมีย) และ โครโมโซม Y (เพศผู้) โดยธรรมชาติแล้วเมื่อเพศผู้และเพศเมียมาผสมพันธุ์กัน อัตราส่วนของการได้เมล็ดเพศเมียเเละผู้จะอยู่ที่ประมาณ 65:35

แต่วิธีการผสมพันธุ์ของแฮงค์ต่างกับการผสมพันธุ์ทางธรรมชาติ เพราะโครโมโซมของต้นเมียที่ได้รับความตึงเครียดนั้นยังคงมีโครโมโซมเป็น XX อยู่และเมื่อมันถูกนำไปผสมกับเพศเมียต้นอื่นนั้นก็จะผลิตเมล็ดที่เป็นเพศเมียออกมาในที่สุด

แต่ทว่าการที่ปล่อยให้ต้นไม้นั้นแปลงเป็นต้นกะเทยเองตามธรรมชาตินั้นใช้เวลานานมาก แฮงค์จึงได้ลองใช้สารที่สามารถบังคับให้ต้นเพศเมียเปลี่ยนเป็นตัวผู้ได้นั้นก็คือ สารซิลเวอร์คอลลอยด์ (Colloidal Silver) ฉีดต้นกัญชา เพื่อสร้างความตึงเครียดให้กับต้นกัญชาจนมันเปลี่ยนเป็นต้นกะเทยไปในที่สุด

เมื่อแฮ้งค์ค้นพบวิธีนี้ ดัตช์ แพชชั่น ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมาจึงได้นำธุรกิจเมล็ดกัญชาไปสู่อีกระดับ ด้วยเมล็ดกัญชาเพศเมียที่ผู้ปลูกไม่จำเป็นต้องมานั่งลุ้นว่าจะเป็นเพศเมียหรือเพศผู้อีกต่อไป

  กัญชาสายพันธุ์ไทยกลับมาแล้ว ในนามสายพันธุ์หางกระรอก ชาวอีสานปลูกกันมาอย่างช้านาน นำมาทำเป็นยาจึงชำนาญการในการปลูกนี้ (...
14/11/2019

กัญชาสายพันธุ์ไทยกลับมาแล้ว ในนามสายพันธุ์หางกระรอก ชาวอีสานปลูกกันมาอย่างช้านาน นำมาทำเป็นยาจึงชำนาญการในการปลูกนี้

(4 มิถุนายน 2562) ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย เปิดเผยว่า Thaistick คือ กัญชาสายพันธุ์ไทย ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ หากบอกว่ากัญชาไทยดีที่สุดในโลก อาจไม่ใช่เรื่องเกินจริงในยุค 70’s เพราะในยุคนั้น ผู้ชื่นชอบกัญชาจากทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จักกัญชาที่ชื่อ “Thai Stick” จากประเทศไทย

Thaistick คือ กัญชาสายพันธุ์ไทย ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ จนมีลักษณะเรียวยาวเป็นแท่งตรงคล้ายแท่งไม้ ในยุคสงครามเวียดนามเหล่าทหารอเมริกันที่เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยต่างติดใจกับกัญชาไทย ที่พวกเค้าเรียกว่า “Thai Stick” จนมีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ รวมถึงหลายๆ ประเทศในยุโรป จนทั่วโลกยอมรับว่า กัญชาจากประเทศไทย คือ กัญชาที่ดีที่สุดในโลกในยุคนั้น แต่หลังจากสิ้นสุดสงคราม ก็เกิดการกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เกิดการปราบปรามกัญชาในประเทศไทยอย่างจริงจัง ส่งผลให้ “Thai Stick” หายสาบสูญไปจากประเทศไทย ทั้งในแง่ขององค์ความรู้ด้านการผลิต และในด้านของสายพันธุ์กัญชาที่เป็นสายพันธุ์ต้นตำรับ จนปัจจุบัน Thai Stick ถูกขนานนามว่าเป็น Lost Art หรือศิลปะที่หายสาบสูญ

ผศ.ดร.อานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับ "กัญชาไทยสายพันธ์หางกระรอก" หรือที่ต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ Thai stick ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ติดหนึ่งในห้าสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยภูมิอากาศ ความชื้น ดินและแสงแดดที่เหมาะสมจึงทำให้เป็นสายพันธุ์ที่มีค่า THC หรือสารที่มีคุณประโยชน์ในทางรักษาสูงที่สุดกว่าทุกๆสายพันธุ์บนโลกใบนี้ อีกทั้งยังเป็นสายพันธุ์แท้ดั้งเดิมที่มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติแถบเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร มาตั้งแต่สมัยโบราณก่อนที่จะถูกกำหนดให้เป็นสิ่งเสพติด ถึงวันนี้การลักลอบปลูกยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายแต่เชื่อว่าสักวันถ้ากฎหมายเปิดกว้างมากขึ้นและมองเห็นประโยชน์ของมันในทางรักษาโรค เชื่อว่าพืชสมุนไพรตัวนี้จะเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจของไทยที่จะมีมูลค่าทางการค้าไม่แพ้โสมเกาหลีหรือถังเฉ่าของจีน และที่สำคัญมันจะเป็นสมบัติของคนไทยทุกคนต่อจนถึงรุ่นลูกหลาน.

#ขอขอบคุณรูปจากgoogle

10 อันดับประเทศในโลกที่ผลิตกัญชามากที่สุดExclusive"หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาไทยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 โดย C...
14/11/2019

10 อันดับประเทศในโลกที่ผลิตกัญชามากที่สุด

Exclusive"
หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาไทยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 โดย Cannhealth
เขียน/แปล: วันดี กุศลธรรมรัตน์/ Wandee K.
เรียบเรียง : อภินันท์ อุ่นทินกร: /Apinan Untinkorn

ตามรายงานของ The United World Drug Report (2017) พบว่าในปี 2015 มีประมาณหนึ่งในสี่ของประชากรพันล้านคน หรือประมาณ 5% ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกใช้ยาเสพติดอย่างน้อยหนึ่งครั้ง มีประเทศทั้งหมด 135 ประเทศได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นประเทศที่ผลิตกัญชาตามตัวชี้วัดเหล่านี้

The World Drug Report (2017) แห่งสหประชาชาติ (UN) พยายามที่จะแสดงพื้นที่การเพาะปลูกเพื่อให้ทราบถึงกลุ่มประเทศผู้ผลิตกัญชาชั้นนำซึ่งมีอยู่ไม่กี่ประเทศในโลก อย่างไรก็ตามสหประชาชาติ (UN) ไม่ได้รายงานจำนวนกัญชาที่ผลิตในแต่ละประเทศ ดังนั้นรายชื่อประเทศผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ต่อไปนี้ จึงขึ้นอยู่กับการประมาณการจากรายงานของสหประชาชาติ (UN) รวมถึงความถูกต้องตามกฎหมายทางการเพาะปลูกกัญชาตามประเทศต่างๆ โดยประเทศที่ผลิตกัญชารายใหญ่ระดับโลกมี 10 อันดับ ดังนี้

10. อินเดีย (India)
ในสังคมอินเดีย คำศัพท์ทั่วไปสำหรับการเตรียมพืชกัญชา ได้แก่ Charas (เรซิน), G***a (ดอกไม้) และ bhang (เมล็ดและใบไม้) พร้อมมิลค์เชคจาก bhang ซึ่งเป็นหนึ่งในการใช้กัญชาที่ถูกกฎหมายทั่วไปในอินเดีย ทั้งนี้ตามรายงานของ The UNODC’s World Drug Report ปี 2016 บ่งบอกว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีราคาขายปลีกกัญชาต่ำที่สุดในโลก



9. ไนจีเรีย (Nigeria)
กัญชาในประเทศไนจีเรียถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ประเทศนี้เป็นแหล่งสำคัญของกัญชาที่ปลูกในเขตแอฟริกาตะวันตกและติดอันดับ 8 ของผู้บริโภคกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีการเพาะปลูกกัญชาอย่างกว้างขวางทั่วประเทศไนจีเรียรวมถึงรัฐต่างๆ ได้แก่ Ondo , Edo, Delta, Osun, Oyo และ Ogun



8. แคนาดา (Canada)
การเพาะปลูกกัญชานั้นถูกกฎหมายในประเทศแคนาดา เเต่สำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์ เมล็ดธัญพืชและเส้นใย ต้องอยู่ภายใต้ใบอนุญาตที่ออกโดยแคนาดาเท่านั้น ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2018 แคนาดาได้กลายเป็นประเทศที่สองของโลกต่อจากประเทศอุรุกวัยในการทำให้กัญชาเพื่อสันทนาการ ผ่อนคลายนั้นถูกกฎหมาย



7. จาเมกา (Jamaica)
ประเทศจาเมกาเป็นผู้ผลิตกัญชาที่ผิดกฎหมายรายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐอเมริกาและหมู่เกาะแคริบเบียนอื่น ๆ อย่างไรก็ตามหลังจากความสำเร็จของการทำให้กัญชาถูกกฎหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไปในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลจาเมกาได้ลดความเข้มงวดทางด้านกฎหมายของการใช้กัญชาและการเพาะปลูกกัญชาลงในปี 2015

6. ปารากวัย (Paraguay)
ปารากวัยเป็นมหาอำนาจกัญชาระดับโลก โดยเป็นประเทศเล็กๆ ในอเมริกาใต้ที่ผลิตกัญชาได้ปริมาณ 9% ของปริมาณอุปทานของโลก จากที่ระบุไว้ในบางรายงาน พืชกัญชาในประเทศปารากวัยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2015 แต่ประเทศนี้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบันปารากวัยถือเป็นผู้ผลิตกัญชารายใหญ่อันดับ 3 ในละตินอเมริการองจากเม็กซิโกและโคลอมเบีย



5. โคลอมเบีย (Colombia)
ประเทศโคลัมเบียมักถูกวาดภาพล้อเลียนในฐานะศูนย์กลางการผลิตโคเคน และยังมีบทบาทสำคัญในการเพาะปลูกกัญชาคุณภาพสูง ในช่วงทศวรรษที่ 1970 และ 1980 กัญชาโคลัมเบียคิดเป็น 70% ของกัญชาทั้งหมดที่ลักลอบนำเข้าสู่สหรัฐอเมริกา



4. เม็กซิโก (Mexico)
คำว่า "ma*****na" มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศนี้จะเป็นผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก กัญชาเม็กซิกันคิดเป็นสองในสามของกัญชาทั้งหมดที่บริโภคในสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ดีการทำให้กัญชาถูกกฎหมายในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ได้ทำให้เกิดปัญหาในตลาดเม็กซิกัน



3. อัฟกานิสถาน (Afghanistan)
ในปี 2010 อัฟกานิสถานเป็นประเทศผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีการเพาะปลูกในพื้นที่ระหว่าง 25,000 ถึง 59,000 เอเคอร์ทุกปี โชคไม่ดีที่การเพาะปลูกกัญชาในอัฟกานิสถานกลายเป็นแหล่งรายได้ให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย (เช่นกลุ่มตอลิบาน หรือมักสะกดว่าตาลีบัน) ได้รับรายได้อย่างมีนัยสำคัญโดยการเก็บภาษีการเพาะปลูกและการค้ากัญชาผิดกฎหมายที่เล็ดลอดตามตะเข็บชายแดนกับปากีสถานประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ



2. โมร็อกโก (Morocco)
ประเทศโมร็อกโกทางตอนเหนือ ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญสำหรับการส่งออกกัญชาไปยังยุโรป และในช่วงที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปหลั่งไหลเข้ามาค้นหาความสุข ความบันเทิงในท้องถิ่น ขณะที่กฎหมายของโมร็อกโกได้ห้ามการจำหน่ายและการบริโภคกัญชา แต่ก็ไม่ได้ยับยั้งเกษตรกรที่ปลูกกัญชาในพื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ 90,000 ครัวเรือนได้ใช้ดำรงชีพและทำมาหากินต่อไป



1. สหรัฐอเมริกา (The United States)

ในเดือนมกราคม ปี 2018 มี 9 มลรัฐของสหรัฐ ได้แก่ อลาสก้า, แคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, เมน, แมสซาชูเซต, เนวาดา, โอเรกอน, เวอร์มอนต์และวอชิงตัน มีการจำหน่ายและครอบครองกัญชาซึ่งถือเป็นเรื่องถูกกฎหมายสำหรับการใช้งานทางการแพทย์และการพักผ่อนหย่อนใจ โดยรัฐเวอร์มอนต์และวอชิงตันดีซี มีการรับรองให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายเพื่อการใช้งานส่วนตัวแต่ไม่ใช่เพื่อการขายเชิงพาณิชย์ และจากการทำให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในหลายๆ รัฐ ทำให้สหรัฐอเมริกาในปัจจุบันเป็นประเทศผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ที่สุดในโลก

หมายเหตุ: อัปเดตถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2019 มีเพิ่มอีก 2 รัฐ ในสหรัฐฯ ที่กัญชาเพื่อสันทนาการได้รับการอนุมติให้ถูกกฎหมาย ได้แก่ มิชิแกน และอิลลินอยส์ รวมเป็นทั้งสิ้น 11 รัฐ ที่กัญชาเพื่อสันทนาการถูกกฎหมายในสหรัฐอเมริกา


แหล่งที่มา: TOPTENIA
By: TOPTENIA / June 23, 2018
https://www.toptenia.com/10-biggest-cannabis-producing-countries/

13/11/2019
 #วิธีการเลือกปลูกและปลูกกัญชาทางการแพทย์ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาถึงดวงอาทิตย์กำลังร้อนขึ้นแก้มของเราและแผ่นดินก็ตื่นขึ้น มันเ...
13/11/2019

#วิธีการเลือกปลูกและปลูกกัญชาทางการแพทย์

ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาถึงดวงอาทิตย์กำลังร้อนขึ้นแก้มของเราและแผ่นดินก็ตื่นขึ้น มันเป็นสัญญาณที่ชัดเจน - โรงงานสิ่งที่! ลองพูดคุยเกี่ยวกับการงอกเมล็ดป่านเติบโตต้นกล้าจากพวกเขาและปล่อยให้มันเติบโตเป็นความงามสีเขียวที่สวยงามที่จะทำให้คุณมีความสุขทั้งกับลักษณะและผลกระทบของมัน

1 วิธีการเลือกเมล็ดที่เหมาะสมและความหลากหลายของกัญชาสำหรับการเจริญเติบโต
ถ้าคุณมีโอกาสจะดีกว่าเสมอไป เมล็ดเฟิร์นเน็ท พวกเขาเป็นเมล็ดป่านเลือกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 99% โอกาสที่พวกเขาจะเป็นของ เพศหญิง. นั่นหมายความว่าคุณไม่ควรมีเพศชายที่สามารถผสมเกสรเพศเมียซึ่งมีเมล็ดแล้วเมล็ดมักไม่ต้องการการแปรรูปในอนาคต ตัวผู้ตัวเองเป็นพืชที่เต็มไปด้วยเกสรเท่านั้นนั่นคือเหตุผลที่เราต้องการให้ตัวเมีย แน่นอนว่าถ้าเราต้องการเมล็ดพืชตัวผู้ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

Cannadorra แนะนำเมล็ดพันธุ์ต่างๆของ CBD
CBD Candy Dawg Kush Fem เป็น indica ที่มีลักษณะเป็นระยะกับช่อดอกหลังจาก 8-9 สัปดาห์ ความหลากหลายมีรสชาติที่แตกต่างหวานและกลิ่น OG Kush ที่อุดมไปด้วย มีขนาดกลางเป็นพุ่ม พันธุ์นี้เหมาะสำหรับทำคอนเดนเสทและสารสกัด หากได้รับหนึ่งหรือสองสัปดาห์พิเศษของการออกดอกจะตอบแทนคุณด้วยการผลิตขนาดใหญ่

อัตราส่วนของ CBD / THC 1: 1 ได้มาโดยการผสมข้ามสายพันธุ์ Candy Dawg Kush X OG Kush CBD เมล็ดเป็นผู้หญิง

2 การเลือกสถานที่สำหรับการปลูกป่าน
ของเล่นกลางแจ้ง
เราสามารถปลูกมันนอกสวนหรือบนระเบียงในป่าบนสนาม ... ประโยชน์คือว่ามันค่อนข้างง่ายเพราะธรรมชาติเป็นสวน โรงงานมีพื้นที่มากขึ้นและสัญญาว่าจะมีโรงงานที่ใหญ่กว่าและสูงกว่า ข้อเสียคือการโจมตีศัตรูพืชสัตว์ร่างพายุและอย่างน้อยที่สุด แต่ไม่อาจเป็นไปได้ที่ตำรวจจะค้นพบพืชและสามารถยึดได้

ในร่ม
วิธีนี้มีประโยชน์ในการควบคุมการเจริญเติบโตเพราะเรามีพืชในกล่องที่กำลังเติบโตหรือตู้เสื้อผ้า ... นั่นหมายความว่าเราไม่เสี่ยงที่จะถูกจับ ในทางตรงกันข้ามการดูแลสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและการลงทุนในอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเติบโตในร่ม

การประนีประนอมที่ดีที่สุดดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มขึ้นของกัญชาในแก้วหรือพลาสติกเรือนกระจก

3 การงอกเมล็ดป่าน
เรามีทางเลือกสองทางเช่นเราใส่เมล็ดพันธุ์ โดยตรงลงในพื้นผิวประมาณ 1 ซม. ลึกให้น้ำและเก็บไว้ด้านหลังหน้าต่าง อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการงอกคือ 25 องศา เราระบายน้ำและระบายอากาศในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ หน่อจะปรากฏตัวขึ้นภายในสองสามวัน ถ้าคุณหว่านเมล็ดมากขึ้นและพวกเขาก็แตกหน่อให้แบ่งต้นกล้าก่อนที่รากของพวกเขาจะพันกัน การจัดการจะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกะหล่ำ

นอกจากนี้เรายังสามารถให้เมล็ดงอกในน้ำก่อนบนชิ้นผ้าขนสัตว์ฝ้ายแช่กับน้ำซึ่งจะวางในภายหลังเท่านั้นในพื้นผิว นี้แม้ว่าจะหมายถึงการจัดการมากขึ้นและทำให้ความเสี่ยงสูงในการทำลายต้นกล้า

การงอกไม่ได้เป็น 100% นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรปลูกเมล็ดมากขึ้น

4 ปลูกกัญชาในเรือนกระจกหรือนอกบ้าน
หลังจากที่เรางอกเมล็ดและต้นกล้า เกี่ยวกับ 15-20 ซม. มันพร้อมสำหรับการเพาะปลูกในดินหรือในหม้อใหญ่ถ้าคุณเลือกขนาดเล็กที่จุดเริ่มต้น

กัญชาต้องการแสงแดดเป็นอย่างมากในทุกขั้นตอนของการเจริญเติบโต จึงจำเป็นต้องเลือกจุดที่มีแดด แต่ได้รับการคุ้มครอง คุณภาพและความอุดมสมบูรณ์ของดินเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ค่า pH ของดินควรเป็น alcalic เล็กน้อย (pH 7 ถึง 7.3)

ขอแนะนำให้ปลูกพืชกัญชาร่วมกับต้นกล้ามะเขือเทศ กัญชาได้รับการชลประทานที่จำเป็น และในเวลาเดียวกันกัญชาระบายความชุ่มชื้นและช่วยให้มะเขือเทศไม่ได้รับเชื้อรา

5 การเติบโตของกัญชา
พิจารณาว่าโรงงานต้องมีพื้นที่สำหรับการเจริญเติบโตของรากของมัน ให้รดน้ำต้นไม้อย่างต่อเนื่อง

ระยะการเจริญเติบโตจะอยู่ที่ประมาณปลายเดือนสิงหาคมและต่อมาโรงงานจะเริ่มผลิ (ประมาณปลายเดือนตุลาคม) เป็นการดีที่จะตัดแต่งต้นไม้และรักษาระดับความสูงไว้ด้วย

6 การเก็บรวบรวม / การปศุสัตว์การเก็บเกี่ยว
เฉพาะตาของพืชหญิง กำลังเก็บเกี่ยว ตาสามารถใช้สำหรับการทำชา, tinctures ขี้ผึ้งเป็นต้นก่อนอื่นเราแห้งตาในอุณหภูมิ 20 ° C เป็นเวลา 14 วันหรือใน 15 ° C ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แน่นอนเราสามารถลดระยะเวลาโดยใช้เครื่องอบผ้า

มาดูกัญว่ากัญชามาจากไหน #ประวัติศาสตร์กัญชากัญชา คือ พืชออกฤทธ์ิต่อจิตประสาทชนิดแรกที่มนุษย์รู้จักหลังจากที่แอลกอฮอล์ถูก...
13/11/2019

มาดูกัญว่ากัญชามาจากไหน

#ประวัติศาสตร์กัญชา

กัญชา คือ พืชออกฤทธ์ิต่อจิตประสาทชนิดแรกที่มนุษย์รู้จัก
หลังจากที่แอลกอฮอล์ถูกกฎหมายเพียง 1 ปี กองปราบปรามยาเสพติดสหรัฐนำโดย Harry J. Anslinger เริ่มมีการขยับเพื่อผลักดันให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ค.ศ. 1941 กัญชาถูกลบออกจากตำรับยา และไม่ถูกพิจารณาเป็นยาอีกต่อไปในอเมริกา
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2014 รัฐโคโลราโด กัญชา ถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ


ยุคสมัยของกัญชา

กัญชา คือ พืชออกฤทธ์ิต่อจิตประสาทชนิดแรกที่มนุษย์รู้จัก เป็นเวลากว่าหลายพันปีที่กัญชาได้เข้าสู่สังคมมนุษย์จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตมนุษย์ในหลากหลายฐานะ กระจายตัวไปทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงของเวลา ยุคสมัย สภาพสังคม และการปกครอง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บทบาทของพืชกัญชากับสังคมเปลี่ยนไป จากพืชสารพัดประโยชน์กลายเป็นวายร้ายทำลายสังคม



ยุคเริ่มต้น-ยุครุ่งเรือง

หลักฐานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับกัญชาที่เก่าแก่ที่สุด คงต้องย้อนกลับไปหลายพันปี ก่อนยุคการเกิดศาสนา ซึ่งเชื่อว่ามนุษย์ในสมัยนั้นใช้กัญชาเพื่อเหตุผลทางด้านจิตวิญญาณ ในการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง จากการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์อายุราว 10,000 ปี อยู่คู่กับเศษเรซิ่นของกัญชาที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ของกองไฟ และเครื่องปั้นดินเผาบรรจุเมล็ดกัญชาที่ด้านในสุดของถ้ำในแถบเอเชียกลาง อินเดียและจีน ซึ่งสันนิษฐานว่ามนุษย์ในยุคนั้นใช้กัญชาเผาไฟที่ด้านในสุดของถ้ำเพื่อสูดดมควัญจากการเผาไหม้ของกัญชา

หลุมฝังศพที่ภูเขา Hindu Kush



ในช่วงเวลา 8,000 ก่อนคริสตกาล (Before Common Era หรือ BCE) กัญชาถูกบันทึกว่าเป็นพืชไร่ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง มีการใช้ประโยชน์จากเส้นใย มีการปลูกพืชกัญชาแบบแปลงเกษตรในแถบพื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นประเทศไต้หวัน และในยุคเดียวกันนั้นมีการบันทึกการใช้กัญชาในตำรับยาโบราณของอินเดียอีกด้วย



6,000 BCE เมล็ดกัญชาถูกนำมาใช้ผลิตเป็นน้ำมันพืช และใช้เป็นอาหารในประเทศจีน

4,000 BCE ผ้าจากเส้นใยกัญชาถูกนำมาใช้ในแถบประเทศจีน และแถบประเทศของชาวเติร์ก

2,737 BCE กัญชาถูกใช้เป็นยาโดย จักรพรรดิ Shen Neng แห่งอาณาจักรจีน

2,000 BCE กัญชาเข้าไปเกี่ยวพันกับศาสนาที่เกิดในแถบทวีปเอเชีย ในฐานะ โอสถชโลมใจ เครื่องชำระล้างจิตใจ สื่อกลางในการเข้าถึงพระเจ้า ยารักษาโรค เครื่องสักการะพระเจ้า และใช้เป็นส่วนสำคัญในพิธีกรรมทางศาสนา ฯลฯ

1800 BCE ในประเทศอินเดีย “Bhang” “บัง” (ใบกัญชาแห้ง เมล็ด และดอก) ถูกกล่าวถึงในบันทึกลับของศาสนาฮินดูว่าเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถใช้เป็นยา และใช้สำหรับถวายแด่พระศิวะ

รูปปั้นพระศิวะ



1,500 BCE เครื่องนุ่งห่มซึ่งเป็นผลผลิตจากเส้นใยกัญชา รวมถึงการทำการเกษตร กระจายอยู่ในแถบทวีปเอเชีย และลุกลามไปถึงทางตอนใต้ของรัสเซียในภายหลัง

500 BCE ชาวไซเทียน (Scythians) ชนเผ่าบนหลังม้า มีรกรากการเดินทางอยู่ในแถวฮังการี มองโกเลีย เป็นชนเผ่าที่ได้เข้าติดต่อกับเหล่าอารยธรรมโบราณต่างๆ เช่น กรีซ อียิปต์ อินเดีย จีน มีการบันทึกว่า ชาวไซเทียน เป็นชนเผ่าที่ใช้กัญชาเพื่อผลิตเชือก ใช้เสพเพื่อความบันเทิง และใช้ในพิธีกรรมทางความเชื่อต่างๆ และเชื่อว่าชาวไซเทียนคือชนเผ่าที่นำการใช้กัญชาในด้านต่างๆ เข้าสู่ยุโรป

ภาพวาดบนหลุมฝังศพ ที่มีความเชื่อมโยงกับชาวไซเทียน ถูกวาดขึ้นเมื่อประมาณ 300 BCE



100 BCE ชาวจีนค้นพบวิธีการทำกระดาษจากใยของพืชกัญชาเป็นครั้งแรกของโลก



ค.ศ. (คริสต์ศักราช) 50 พลูทาร์ค (Plutarch) นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันเชื้อสายกรีกบันทึกว่าชาวเธรซ (Thrace) หรือชาวเมืองที่อาศัยอยู่บนเขตทางเชื่อมของพรมแดน 3 ประเทศ ได้แก่ กรีซ บัลแกเลีย และตุรกี ใช้กัญชาเพื่อความบันเทิง

ค.ศ. 70 ไดออสคอรีตส์(Dioscorides) แพทย์ทหาร ผู้เขียนหนังสือเรื่อง De Materia Medica ตำราพืชสมุนไพรในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ถือเป็นตำราทางด้านสมุนไพรรักษาโรคที่ดีที่สุดในยุคนั้น ได้บรรจุกัญชาเป็นส่วนหนึ่งในตำรับยาของเขา

ค.ศ. 100 ราชอาณาจักรอังกฤษได้มีการนำเข้าเชือกจากใยกัญชามาใช้ประโยชน์

ค.ศ. 130-200 กาเลน(Galen) แพทย์ชาวกรีกที่มีอิทธิพลต่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ตะวันตกมาเป็นเวลานานกว่าพันปี จ่ายยาที่ทำจากกัญชา

ภาพวาดกาเลนในศตวรรษที่ 18 โดยเกออร์ก เพาล์ บัสช์



ค.ศ. 200 การแพทย์สมัยใหม่ได้แผยแพร่เข้าสู่จีน มีการบันทึกว่า ศัลยแพทย์ชาวจีนได้ใช้กัญชาเป็นยาชา ยาแก้ปวด

ค.ศ. 850 ชาวไวกิ้งได้เริ่มใช้เชือก และใบเรือที่ผลิตจากใยกัญชา ทำให้เรือของชาวไวกิ้งแข็งแรงและเดินทางได้ไกลกว่าเรือของประเทศในแถบเมดิเตอเรเนียนอื่นๆ เพราะเชือกและใบเรือจากใยกัญชาของชาวไวกิ้งแข็งแรงทนทานต่อการกัดกร่อนของเกลือจากทะเล เป็นเบื้องหลัง ความสำเร็จที่ทำให้ชาวไวกิ้งเข้าสู่ความยิ่งใหญ่ ในยุคสมัยนั้น

ค.ศ. 900 ประเทศอาหรับได้เริ่มใช้กระดาษที่ผลิตจากเส้นใยกัญชา

ค.ศ. 1,000 เริ่มมีการถกเถียงกันทางด้านวิชาการถึงประโยชน์และโทษของการใช้กัญชา และการใช้กัญชาได้เริ่มขยายวงกว้างไปในประเทศอาหรับ

ค.ศ. 1,300 พ่อค้าชาวอาหรับได้นำกัญชาไปเผยแพร่ ทำการค้าขายแลกเปลี่ยนกับประเทศโมซัมบิกซึ่งเป็นชายฝั่งของทวีปแอฟริกา และภายหลังกัญชาได้ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว

ค.ศ. 1378 การห้ามไม่ให้บริโภคกัญชาเกิดขึ้นครั้งแรกของโลกที่จักรวรรดิออตโตมัน หรือที่รู้จักกันในนามประเทศตุรกีปัจจุบัน โดยมีการประกาศห้ามการกิน Hashish(ยางกัญชา)

ค.ศ. 1533 กษัตริย์เฮนรี่ ที่ 8 (King Henry VIII) แห่งเกาะอังกฤษต้องการยกระดับกองทัพเรือด้วยการสร้างเรือเพิ่มมากขึ้น จึงประกาศให้เกษตรกรปลูกกัญชาเพื่อใช้เส้นใยในการสร้างเรือ ซึ่งใครขัดขืนคำสั่งไม่ยอมปลูกจะมีโทษปรับ



รูป King Henry VIII



ค.ศ. 1563 Garcia da Orta แพทย์ชาวโปรตุเกสรายงานเกี่ยวกับคุณประโยชน์ทางด้านยาของกัญชา

ค.ศ. 1621 หนังสือชื่อ The Anatomy of Melancholy เขียนโดย Robert Burton ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคซึมเศร้าจากมหาวิทยาลัย Oxford ระบุว่ากัญชาอาจช่วยรักษาอาการของโรคซึมเศร้าได้



หนังสือ The Anatomy of Melancholy



ค.ศ. 1700 เริ่มมีการแบ่งแยกสายพันธุ์กัญชากับการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม มีการผสมพันธุ์เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์เพื่อหลีกเลี่ยงความมึนเมา โดยเรียกกัญชาที่ใช้ประโยชน์จากเส้นใยว่า H**p

ค.ศ. 1764 การใช้กัญชาทางการแพทย์เริ่มเกิดขึ้นในอเมริกา โดยรัฐแรกที่มีการใช้น่าจะเป็น New England โดยปรากฏการขายยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม

ค.ศ. 1776 รัฐ Kentuckey ในสหรัฐเริ่มปลูก H**p เพื่ออุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก



ค.ศ. 1798 นโปเลียน ประกาศห้ามการใช้กัญชาในฝรั่งเศสทั้งหมด หลังจากที่กลับมาจากประเทศอียิปต์และเห็นว่าชนชั้นล่างของอียิปต์นั้นใช้กัญชากันมาก

ค.ศ. 1850 กัญชาถูกบรรจุเป็นตำรับยาในสหรัฐอเมริกา

รูปยากัญชา



ค.ศ. 1856 ราชอาณาจักรอังกฤษ เรียกเก็บภาษีจากการซื้อขายกัญชาในอินเดีย ซึ่งในช่วงนั้นอินเดียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ

ค.ศ. 1890 พระราชีนี วิคตอเรีย (Queen Victoria) พระราชินีแห่งเกาะอังกฤษ ได้รับยาจากกัญชาโดยแพทย์ประจำตัว Sir Jr. Reynolds เพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และในยุคนั้นยาจากกัญชาสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในเกาะอังกฤษ

ค.ศ. 1910 การปฎิวัติในแม็กซิโกทำให้ชาวแม็กซิกันหลบหนีสภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ตกต่ำเข้ามาทำงานในอเมริกาจำนวนมาก ชาวแม็กซิกันได้เข้ามาพร้อมกับวัฒนธรรมการใช้กัญชาเพื่อความเพลิดเพลิน อันเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นยุคมืดของกัญชา



ยุคมืดของกัญชา



ค.ศ. 1915-1927 มลรัฐต่างๆ ในอเมริกาเริ่มมีการห้ามใช้กัญชาเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ยังคงอนุญาตให้ใช้เป็นยาได้ เริ่มตั้งแต่ แคลิฟอร์เนีย (1915) เท็กซัส (1919) หลุยเซียน่า (1924) นิวยอร์ค (1927)



ค.ศ. 1920 สหรัฐอเมริกาประกาศให้แอลกอฮอล์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยห้ามผลิต มีไว้ในครอบครอง และห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของโลกในการทำให้สิ่งมึนเมาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย



การทำให้แอลกอฮอล์ผิดกฎหมายทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมาอย่างกว้างขวางในสังคม การลักลอบผลิตแอลกอฮอล์กลายเป็นธุรกิจกำไรงามที่ผู้คนพร้อมจะละเมิด เพียงเวลาไม่นานจากผู้ผลิตเหล้าเถื่อนธรรมดา ยกระดับขึ้นมาเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล มีอาวุธ และมีอำนาจเงินมหาศาล

ภาพจับเหล้าเถื่อน ค.ศ. 1925



กฎหมายการห้ามแอลกอฮอล์กลายเป็นเพียงกระดาษเปล่า เมื่อเงินจากธุรกิจมืดสามารถซื้อเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเบ็ดเสร็จ จนเกิดภาวะการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ยุติธรรม เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มอำนาจผูกขาดตลาดมืดไปในที่สุด



กระบวนการเรียกร้องให้แอลกอฮอล์ถูกกฎหมายจึงเริ่มขึ้นในช่วงปลายยุค 1920 เมื่อมีประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้อง สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย จนในที่สุดยุคของแอลกอฮอล์ผิดกฎหมายก็สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1933



เหตุการณ์ข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในสหรัฐอเมริกา แต่เกิดขึ้นกับประเทศที่ทำให้แอลกอฮอล์ผิดกฎหมาย ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ต่างกันเช่น Iceland (1915-1933), Norway (1916-1927), Finland (1919-1932) ฯลฯ



ค.ศ. 1934 หลังจากที่แอลกอฮอล์ถูกกฎหมายเพียง 1 ปี กองปราบปรามยาเสพติดสหรัฐนำโดย Harry J. Anslinger เริ่มมีการขยับเพื่อผลักดันให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยเริ่มต้นจากการ เปลี่ยนชื่อกัญชา จากที่เคยใช้คำว่า “Cannabis” ไปเป็น “Ma*****na” ที่มาจากภาษาแม็กซิกัน เพื่อทำให้กัญชากลายเป็นสิ่งที่ชาวแม็กซิกันและคนดำใช้ และพยายามเชื่อมโยงอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากชนชั้นล่างกับอาชญากรรมในประเทศ

ภาพ Harry J. Anslinger



ค.ศ. 1935 Harry J. Anslinger ใช้นโยบายทางด้านสื่อโจมตีกัญชาในรูปแบบต่างๆ โดยตัวเค้าออกรายการวิทยุทุกสัปดาห์เพื่อพูดเกี่ยวกับความเลวร้ายของกัญชาที่จะทำร้ายสังคม กัญชาคือฆาตรกร คือสาเหตุของอาชญากรรม คือพืชที่มีรากมาจากนรก รวมทั้งการทำสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ใช้คำชวนเชื่อที่รุนแรงเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับสังคม

โฆษณาภาพยนตร์เรื่อง Ma*****na ค.ศ. 1936



การโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ : จงระวังไว้ให้ดี คุณอาจได้รับมันจากคนแปลกหน้าที่ดูเป็นมิตร มันคือ ยาแห่งความตาย “กัญชา” ยาเสพติดรุนแรงที่จะนำคุณไปสู่ ความบ้าคลั่ง ฆาตรกรรม และความตาย



ค.ศ. 1936 ภาพยนตร์เรื่อง Re**er Madness ภาพยนตร์ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับความบ้าคลั่งของการเสพกัญชา การฆาตรกรรม ความรุนแรงทางเพศ ทางภาษา อารมณ์ที่รุนแรงก้าวร้าว ผ่านตัวละครที่เสพกัญชา ได้เข้าฉายทั่วอเมริกา และสร้างมุมมอง ทัศนคติที่มีต่อกัญชาให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

โฆษณาภาพยนตร์เรื่อง Re**er Madness ค.ศ. 1936 – เนื้อหาในภาพยนตร์ที่นำเสนอการใช้ความรุนแรงของผู้เสพกัญชา



ในภายหลังมีการเปิดเผยว่าการกระทำที่ใส่ร้ายกัญชาของ Harry J. Anslinger เพียงเพราะเค้าต้องการได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการปราบปราม และได้รับผลประโยชน์จากบริษัทยา บริษัทผลิตฝ้าย ฯลฯ ที่มีพืชกัญชาเป็นศัตรูทางเศรษฐกิจ



ค.ศ. 1937 สภาคองเกรซของอเมริกาออกกฎหมายห้ามการใช้กัญชาทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การใช้เส้นใยในอุตสาหกรรม ผู้ใดฝ่าฝืนถือว่าเป็นอาชญากรรม การออกกฎหมายของอเมริกาในครั้งนี้นับเป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนเกี่ยวกับกฎหมายกัญชาไปทั่วโลก

แม้จะมีเสียงคัดค้านจาก Dr. William C. Woodward ตัวแทนจากสมาคมการแพทย์อเมริกัน (The American Medical Association) คัดค้านในสภาว่า ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่ากัญชา คือยาเสพติดที่อันตราย และที่มากกว่านั้นการออกกฎหมายในลักษณะนี้จะเป็นการทำให้สูญเสียผลประโยชน์ทางด้านการแพทย์ในการสืบค้นยารักษาโรคจากกัญชาที่อาจเป็นไปได้ในอนาคตอีกด้วย แต่ก็ถูกปฎิเสธ



ค.ศ. 1938 บริษัท ดูปองท์ (DuPont) จากสหรัฐอเมริกา จดสิทธิบัตรในกระบวนการการสร้างพลาสติกจากถ่านหินและน้ำมัน และสิทธิบัตรกระบวนการผลิตกระดาษจากเยื่อไม้ ซึ่งก่อนหน้ากระดาษที่ใช้ในอเมริกา 70% ผลิตมาจาก H**p

ค.ศ. 1940 ทัศนคติ มุมมอง และการทำให้กัญชาผิดกฎหมายจากสหรัฐอเมริกาแพร่กระจายไปทั่วโลก

ค.ศ. 1941 กัญชาถูกลบออกจากตำรับยา และไม่ถูกพิจารณาเป็นยาอีกต่อไปในอเมริกา

ค.ศ. 1951 สหรัฐอเมริกาเพิ่มความรุนแรงในการลงโทษกรณียาเสพติด

ค.ศ. 1971 สหรัฐอเมริกามีการแบ่งบัญชียาเสพติดตามความรุนแรง และกัญชาถูกจัดอยู่ในบัญชีที่ 1 คือ ยาเสพติดที่รุนแรงที่สุด โดยไม่มีคุณสมบัติทางยาใดๆ

ค.ศ. 1972 อดีตประธานาธิบดี Richard Nixon ต้องการเงินในการปราบปรามยาเสพติดจำนวนมาก เค้าจึงมอบหมายให้มหาวิทยาลัย เวอร์จีเนีย ทำงานวิจัยว่ากัญชานั้นก่อให้เกิดมะเร็งในผู้ใช้ เพื่อสนับสนุนความชอบธรรมในการปราบปราม

อดีตประธานาธิบดี Richard Nixon



ค.ศ. 1974 ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเวอร์จีเนียเสร็จสิ้นลง และมีรายงานว่า THC ในกัญชาเมื่อมีการแปรรูปในแบบที่มีความเข้มข้นสูง จะโจมตีเซลล์มะเร็งในร่างกาย และยังคงรักษาเซลล์ที่ดีไว้

ทีมวิจัยสรุปว่ามันอาจเป็นการรักษาที่ถูกต้องสำหรับโรคมะเร็งก็เป็นได้ เพราะมันทำงานได้อย่างรวดเร็วและทำงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในรายงานยังพูดถึงผลของการใช้กัญชาส่วนบุคคลว่ามีผลกระทบต่อสังคมน้อยนิด และครอบคลุมเรื่องความเข้าใจผิดในหลายๆ เรื่อง



เมื่อ Nixon ได้ทราบผลของการศึกษาทำให้เขาโกรธจัด เพราะสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอด 2 ปีคือ รายงานที่สนับสนุนการทำสงครามกับยาเสพติด เขาโยนงานวิจัยทิ้งลงถังขยะและสั่งปิดการวิจัยทั้งหมด และเรื่องราวเหล่านี้ถูกปิดบังเอาไว้กว่า 30 ปี ตามกฎการปิดบังความลับของประธานาธิบดีสหรัฐ

งานวิจัยกัญชาในปี 1972



ค.ศ. 1999 รัฐบาลสหรัฐจดสิทธิบัตรกัญชา หมายเลข US6630507 B1

อ้างสิทธิในการใช้กัญชารักษาโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์, พาร์กินสัน, โรคหลอดเลือดสมอง โรคที่เกิดจาก Oxidative Stress (เซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ) เช่น โรคหัวใจ, โรคปลายปลอกประสาทเสื่อม, โรคเบาหวาน แต่ในขณะเดียวกัน กฎหมายและองค์การอาหารและยายังคงปฎิเสธว่ากัญชาสามารถใช้เป็นยาได้



วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2014 รัฐโคโลราโด กัญชา ถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบภายใต้การควบคุมทั้งการผลิต ซื้อขาย และการเสพ เป็นสัญญาณแห่งการจบสิ้นยุคมืดของกัญชา และก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง

https://highlandnetwork.asia/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2/

ใครมีปัญหาเมล็ดไม่งอกบ้าง เชิญอ่านศึกษาไปพร้อมกัญเถอะ การทำให้เมล็ดกัญชา งอกรากแบบง่าย!  #วิธีปลูกกัญชาวันนี้จะมาแนะนำเท...
12/11/2019

ใครมีปัญหาเมล็ดไม่งอกบ้าง เชิญอ่านศึกษาไปพร้อมกัญเถอะ
การทำให้เมล็ดกัญชา งอกรากแบบง่าย!

#วิธีปลูกกัญชา

วันนี้จะมาแนะนำเทคนิคการทำให้เมล็ดกัญชางอกรากแบบง่ายที่สุดและลงทุนน้อยที่สุดกัน

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
ถาดพลาสติก (ผ่านการทำความสะอาดมาแล้ว) จำนวน 2 ถาด
กระดาษทิชชู่แบบหนา
เมล็ดกัญชา
สเปรย์ฉีดน้ำ

ขั้นตอนที่ 1 - เตรียมกระดาษทิชชู่ จำนวน 4 แผ่น แล้วทำให้ชุ่มน้ำ แต่อย่าให้ถึงกับเปียกนอง โดยน้ำต้องผ่านการต้มฆ่าเชื้อมาแล้ว (ปล่อยให้น้ำเย็นลงก่อน ค่อยเอามาใช้)

ขั้นตอนที่ 2 - วางกระดาษทิชชู่ที่ชุ่มน้ำ จำนวน 2 แผ่น ไว้บนถาด วางเมล็ดกัญชาลงไป ให้แต่ละเมล็ดห่างกันอย่างน้อย 3 ซม แล้วเอากระดาษทิชชู่ที่ชุ่มน้ำอีก 2 แผ่น มาปิดทับไว้ด้านบนเมล็ด

ขั้นตอนที่ 3 - นำถาดอีกอันมาปิดครอบไว้ด้านบน เพื่อสร้างพื้นที่มืดๆให้เมล็ดกัญชา

ขั้นตอนที่ 4 - เมล็ดกัญชาชอบอากาศ “อุ่นๆ” ดังนั้นให้เอาถาดเพาะเมล็ดของเราไปวางไว้ในที่ๆมีอุณหภูมิประมาณ 21 – 32 องศาเซลเซียส

หลังจากนั้นก็คือการรอให้รากงอกออกมา เมล็ดบางอันรากจะงอกเร็วมาก ในขณะที่บางอันอาจจะใช้เวลาหลายวัน สิ่งที่เราต้องทำระหว่างรอก็คือ คอยระวังอย่าให้ทิชชู่แห้ง ต้องคอยพ่นน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นตลอดเวลา

สิ่งสำคัญคือ ต้องทำให้พื้นที่เพาะเมล็ดของเราสะอาดที่สุด พยายามอย่าเอามือไปแตะเมล็ดหรือรากแก้วที่งอกออกมา

 #ปัจจัยการปลูกกัญชาเรามาร่วมศึกษาไปพร้อมๆกัญเถอะ เพจ ได้รวบรวม 6 ขั้นตอนการปลูกกัญชาไว้ ดังนี้1.เลือกเมล็ดพันธุ์สำหรับน...
12/11/2019

#ปัจจัยการปลูกกัญชา

เรามาร่วมศึกษาไปพร้อมๆกัญเถอะ เพจ ได้รวบรวม 6 ขั้นตอนการปลูกกัญชาไว้ ดังนี้

1.เลือกเมล็ดพันธุ์

สำหรับนักปลูกหน้าใหม่ชาวไทย การเลือกเมล็ดพันธุ์คือสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศบ้านเราแตกต่างจากประเทศฝั่งตะวันตกที่ปลูกกัญชากันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เข้ากับสภาพอากาศมา ความพยายามในขั้นตอนต่อไปก็อาจจะสูญเปล่า

สิ่งต่อมาที่ต้องพิจารณาคือความเหมาะสมของเมล็ดพันธุ์กับสถานที่ปลูก เพราะบางสายพันธุ์เติบโตได้ดีในที่ปิด บางสายพันธุ์เติบโตได้ดีในที่โล่ง นอกจากนั้นก็แล้วแต่รสนิยมของคุณแล้วว่าชอบการออกฤทธิ์ของสายพันธุ์ไหนและสายพันธุ์ไหนเข้ากับคุณที่สุด

2.สภาพแวดล้อมพื้นฐาน

น้ำ: เช่นเดียวกับพืชชนิดอื่น กัญชาต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ในกรณีที่ปลูกกลางแจ้ง ถ้าพื้นที่ที่คุณปลูกมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องน้ำ แต่ถ้าปลูกในปริมาณมาก คุณก็จำเป็นต้องหาน้ำจากแหล่งอื่นมาเสริม

น้ำคือสื่อที่นำพาสารอาหารล่อเลี้ยงต้นกัญชา นอกจากนั้นยังถูกใช้เพื่อล้างระบบไฮโดรโพนิก ค่า pH ของน้ำมีความสำคัญมาก เครื่องวัดค่า pH จึงเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ปลูกกัญชา

อุณหภูมิ: กัญชาเป็นพืชที่แข็งแรงมาก สามารถอยู่รอดได้ทั้งในสภาพอากาศเย็นและร้อน อย่างไรก็ตามกัญชาก็เหมือนมนุษย์ มีสภาวะเครียด เติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรืออาจถึงขั้นหยุดเติบโต ถ้าอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นเกินไปหรือร้อนเกินไปโดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับปลูกกัญชาอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส ดังนั้นการปลูกกัญชาในที่ร่มจึงเป็นเรื่องง่ายกว่า เพราะคุณสามารถปรับอุณหภูมิและความชื้นได้ด้วยเครื่องปรับอากาศ

ตรงกันข้ามกับการปลูกการแจ้ง มันอาจจะใช้ต้นทุนน้อยกว่า แต่คุณต้องแบกรับความเสี่ยงที่มากกว่า คุณต้องเชี่ยวชาญมาก ๆ ในการคาดการณ์สภาพอากาศ ไม่เช่นนั้นกัญชาของคุณอาจผลิดอกออกผลไม่ได้ตามเป้า หรืออาจถึงขั้นตายได้เลย

โภชนาการ: กัญชาก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ต้องใช้สารอาหารในการเจริญเติบโต ส่วนผสมของดินที่ดี อุดมไปด้วยปุ๋ยหมัก วิตามิน และแร่ธาตุ จึงจำเป็นมาก ๆ กับการปลูกกัญชา

แนะนำให้รดน้ำด้วยชาหมักและส่วนผสมอินทรีย์อื่น ๆ เช่นกากน้ำตาล เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงคุณภาพดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นกัญชา

ความชื้น: การปลูกกลางแจ้งคุณไม่สามารถควบคุมปัจจัยนี้ได้ ข้อเสียคือความแปรปรวนของความชื้นและฟังก์ชันทางชีวภาพที่จำเป็นต้องปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อม แต่ถ้าคุณทำสำเร็จ กัญชาของคุณก็จะมีคุณภาพดีเป็นพิเศษ

ส่วนการปลูกในร่ม การควบคุมความชื้นมีความสำคัญมากตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดจนเติบโตเป็นต้น ความชื้นที่เหมาะสมจะทำให้สภาพแวดล้อมปลอดเชื้อรา และกัญชาจะเติบโตอย่างแข็งแรง

Ma*****na buds ( cannabis), h**p plant. Washington State. Legal Medical ma*****na law in US.

3.แสงไฟสำหรับการปลูกในร่ม

Growing Cupboards: คือหลอดไฟที่ใช้สำหรับการปลูกกัญชาโดยเฉพาะ ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของต้นกัญชา แต่ข้อเสียของมันคือราคาที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ นอกจาก Growing Cupboards แล้ว เราแนะนำให้คุณจัดแบบ Full Option เพิ่มพัดลม ตัวจับเวลาและตัวกรองคาร์บอน เข้าไปด้วย การันตีได้เลยว่ากัญชาที่ได้จะมีคุณภาพดีแน่นอน

ไฟสำหรับงบประมาณประหยัด: คุณสามารถใช้ CFL (Compact Fluorescent Light) หรือแผงไฟ LED (Light Emitting Diode) ขนาดเล็ก ปรับแต่งนิดหน่อยให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในการปลูก ทดแทน Growing Cupboards ได้

4.ระยะงอกเงย

เมล็ดกัญชาจะไม่งอกเงยจนกว่าจะมีปัจจัย 3 สามประการครบ คือ น้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสม และทำเลในการปลูกที่ดี

การปลูกกัญชาเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่มีกฎตายตัว แต่ละคนก็มีวิธีการปลูกที่แตกต่างกันออกไป คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ แล้วสักวันหนึ่งคุณจะเจอวิธีการปลูกที่เหมาะสมกับตัวคุณที่สุด คุณสามารถปลูกเมล็ดกัญชากับดินได้โดยตรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีทางเลือกอื่นอีก

กระดาษชำระ: วางเมล็ดกัญชาลงบนกระดาษชำระที่เปียกชื้นพอประมาณ ก่อนจะห่อด้วยพลาสติกเพื่อรักษาความชื้น หลังจากนั้น 5 วันถึง 1 สัปดาห์ เมล็ดเหล่านั้นก็จะเริ่มแตกหน่อ

เมื่อต้นอ่อนโผล่พ้นเมล็ดและพื้นผิวดิน ใบเลี้ยงเริ่มผลิ นี่คือสัญญาณที่บอกว่าการสังเคราะห์แสงเริ่มต้นขึ้นแล้ว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะปลูกกลางแจ้งหรือในร่ม ก็ถึงเวลาที่ต้องจัดการเรื่องแสงให้เหมาะสม

5.ระยะเจริญเติบโต

เมื่อเกิดการสังเคราะห์แสง หมายความว่าต้นกัญชาของคุณจะเริ่มหาอาหารและเผาผลาญมันเป็นพลังงาน เป็นจุดสิ้นสุดของระยะงอกเงย และเป็นการเริ่มต้นของระยะเจริญเติบโต

ในร่ม: ควรเปิดไฟให้ต้นกัญชา 18 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนอีก 6 ชั่วโมงให้เปิดไฟสำหรับโหมดกลางคืน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวไม่จำเป็นต้องอิงตามช่วงเวลาจริงของโลก

นอกจากดินที่ดี สารอาหารที่เพียงพอ และอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว อีกหนึ่งเคล็ดลับที่นิยมเพื่อให้ต้นกัญชาผลิดอกออกผลได้ดียิ่งขึ้นคือการเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในห้องเพาะเลี้ยง

กลางแจ้ง: กัญชาจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในสภาพได้รับแสงแดดเพียงพอ โดยเฉพาะในฤดูร้อน แต่ก็ควรมีการควบคุมให้ระดับแสงอยู่ในระดับพอดี ไม่เช่นนั้นกัญชาอาจเข้าสู่ภาวะแห้งตายได้

6.ระยะผลิดอกออกผล

ระยะการผลิดอกเริ่มต้นขึ้นเมื่อระยะการเจริญเติบโตสิ้นสุดลง ซึ่งเมื่อช่วงเวลานี้มาถึง ในกรณีปลูกในร่มควรจะปรับระยะเวลาให้แสงจาก 18 ชั่วโมงต่อวันเหลือ 12 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกัญชาด้วย

ความแตกต่าง: ในช่วงเริ่มต้นระยะออกดอกจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเติบโตที่เห็นได้ชัดเจน ความสูงของต้นจะหยุดนิ่ง กิ่งก้านสาขาจะแผ่ขยายออกด้านข้าง ความหนาแน่นของใบจะเพิ่มขึ้น

เมื่อผลิดอกออกผลเต็มที่ ก็ถึงเวลาของการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์ หลังจากนั้นจะนำผลิตผลที่ได้ไปแปรรูปในไหนก็สุดแล้วแต่



ขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบจาก unlockmen.com

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when SSK Og Farm420. posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram