โยคะคนท้อง by ครูอีฟ/ youyogaclass

22/11/2025

คลิปนี้ คือ เตรียมพร้อมก่อนคลอด 101 แบบ 5 นาทีจบ
•
ใครสนใจ เรียน ติดต่อครูอีฟได้นะคะ ยังสอนอยู่ค่ะ 💕😃 จะได้เข้าใจทั้งคุณพ่อคุณแม่ สอนนวดคุณแม่ด้วยค่ะ
•
Happy Birthing
ไปคลอดลูกให้มีความสุข
ครูอีฟ ❤️

น้องๆคิดว่าพี่ดุรึเปล่าวะ ดูคลิปนี้แล้ว Comment บอกพี่หน่อย !!!บางสายก็ทำให้พี่อดไม่ได้จริงๆ

07/06/2025

สาระดีๆ เกี่ยวกับคนท้อง และโควิดที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรอ่านนะคะ อย่าตื่นตกใจ อ่านอย่างมีสติ

https://www.facebook.com/share/p/199ouU5vyu/?mibextid=wwXIfr

สถิติเดือนนี้ของแค่จังหวัดเดียว 5 วันคนไข้ COVID-19 เสียชีวิตไปแล้ว 8 ราย เคสล่าสุดพึ่งเดินผ่านที่ ER เมื่อวานนี้...อาจดูไม่มากมายอะไร แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งสถิติทั้งประเทศไม่เกิน 10 รายต่อสัปดาห์ ก็นับว่าควรใส่ใจ

สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่เวร...นอกจากเคสที่รับปรึกษา รับส่งต่อ และต้องผ่าตัดแล้ว คนไข้อีกกลุ่มที่ดูจะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษคือคุณแม่คลอดติด COVID ตอนนี้มีเด็กที่แม่ติดเชื้อนอนแยกอยู่สามคน ไม่นับพวกเคสปวดท้องที่ส่งมาตรวจแต่ติดเชื้อ หรือเคสหลังคลอดจะเข้าห้องพิเศษ แต่ตรวจพบสามีซึ่งจะมาเฝ้าติดเชื้อเลยไม่ได้เข้า...COVID มาป้วนเปี้ยนที่แผนกสูติทุกวัน

ถึงผู้ใหญ่ของกระทรวงจะออกมาพูดเรื่อง new normal ผู้ติดเชื้อไม่ต้องพักงาน ไม่ต้องหยุดเรียน ใช้ชีวิตปกติได้ แต่กลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะคนท้อง อยากให้รู้ไว้ว่าถ้าท่านติดโรค
1.อาการอาจรุนแรงกว่าคนปกติ โดยเฉพาะการติดเชื้อในไตรมาสหลัง
2.ถ้ามีอาการรุนแรง หรือมีความเสี่ยงอื่น ต้องให้ยาต้านไวรัส ยาที่ใช้ได้คือ Remdesivir ทั้งราคาสูง ขาดแคลน และเนื่องจากให้โดยการฉีด จึงต้องนอนรพ.เท่านั้น
3.เพิ่มความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด ครรภ์เป็นพิษ ลูกน้ำหนักน้อย
4.เพิ่มโอกาสผ่าตัดคลอด ถ้ามีแนวโน้มว่าการคลอดจะยาวนาน ต้องเฝ้าสังเกตอาการ แพทย์จะตัดสินใจผ่าตัดคลอดง่ายกว่าเคสปกติ
5.แม้โอกาสที่ลูกจะติดเชื้อน้อยทั้งในช่วงตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นม หากมีการดูแลเหมาะสม แต่คุณหมอที่ดูแลลูกอาจจะไม่เสี่ยงด้วย แม่หลังคลอดจะย้ายไปนอนหอผู้ป่วยติดเชื้อหรือห้องแยก ลูกถูกสังเกตอาการในห้องหรือตู้แยก นมแม่ก็อด
แม่จะไม่ได้อุ้ม ไม่ได้เลี้ยงลูกอย่างน้อย 5-10 วัน
..คุณแม่ทั้งหลาย รวมทั้งบ้านที่มีคนท้อง ช่วงนี้โรคระบาดหนัก ซึ่งโดยมากอาการจะไม่รุนแรงจนเรารู้สึกประมาท แต่ระวังตัวกันหน่อย อย่าปล่อยตามสบายแบบใครบอก วัคซีน ใครไม่เคยฉีดก็น่าฉีด, ใส่แมสก์, ล้างมือบ่อยๆ, social distancing+ลดการไปในที่ที่คนเยอะๆ

รักษาตัวให้ดีครับ...ถ้าคลอดแล้วอยากกอดลูก :)

30/05/2025

การกระตุ้นคลอด (Induced Labour)หรือ ทำให้การคลอดมาเร็วขึ้น
การกระตุ้นคลอดที่ได้รับการแนะนำ จาก ACOG หรือ NHS ควรทำ หรือ มีการปรึกษากับคุณแม่เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ 40 สัปดาห์ขึ้นไป
หากมีการกระตุ้นคลอดก่อนอายุครรภ์ 40 สัปดาห์อาจจะทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงที่จะต้องผ่าคลอด เนื่องจากหลังการกระตุ้นคลอดคุณหมอจะต้องเข้ามาดูการบีบของมดลูกว่า เป็นไปตามผลของยากระตุ้นคลอดที่ใช่นั้นควรจะเป็นกับคุณแม่ตั้งครรภ์หรือไม่

นอกจากนี้ หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์โดนกระตุ้นคลอดแล้วผลของยาไม่เป็นไปตามที่คุณหมอต้องการอาจจะทำให้ทารกในครรภ์มีภาวะเครียดหรือ distressed ได้ ซึ่งก็นำไปสู่การผ่าคลอดได้เช่นกัน

พอการผ่าคลอดมาจากการโดนกระตุ้นคลอด ➡️ทำให้ฮอร์โมนทุกอย่างไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ➡️ ไม่มีการบีบรัดของมดลูกไม่มีการผ่านช่องคลอดตามธรรมชาติ ➡️ ทำให้เด็กที่เกิดมาไม่มีภูมิคุ้มกันเท่ากับเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ ➡️ นอกจากนี้ยังทำให้คุณแม่ไม่สามารถให้นมบุตรได้เนื่องจากฮอร์โมนออกซิเจนโทซินทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ ➡️ น้ำนมของคุณแม่จะมาช้า

เมื่อน้ำนมของคุณแม่มาช้า ➡️ ก็สามารถทำให้คุณแม่มีความเครียดมากขึ้น นอกจากฮอร์โมนที่ตกลงอย่างมากหลังการคลอดแล้วคุณแม่อาจจะมีภาวะเสียใจมากขึ้นที่ไม่สามารถให้นมบุตรได้ ➡️ คุณแม่ยังต้องใช้เวลา เพื่อเยียยวยาตัวเองหลังคลอดนานกว่าการคลอดธรรมชาติ

ทั้งนี้ การโดนกระตุ้นคลอดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น เวลาของคุณหมอที่ทำงาน ช่วงเวลาเทศกาล หรือ ความต้องการของคุณแม่เอง ที่อดทนกับการตั้งครรภ์ไม่ไหวหรือ คิดว่าการคลอดธรรมชาติไม่ใช่วิธีที่คุณแม่อยากจะคลอดบุตร ซึ่งเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล

วิธีเลี่ยงการกระตุ้นคลอด
1. คุณแม่จะต้องมีการพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อความเข้าใจ ที่ตรงกันว่าคุณแม่ต้องการให้ตั้งครรภ์เป็นไปอย่างธรรมชาติหรือเป้าหมายการตั้งครรภ์และการคลอดของคุณแม่เป็นอย่างไร
2. คุณแม่ต้องมีทีม Support ที่ดี เช่น สามี, ครอบครัว ที่เข้าใจ และคอยให้กำลังใจ และทีมตั้งครรภ์โรงพยาบาลที่ซัพพอร์ตให้คุณแม่คลอดลูกอย่างธรรมชาติ
3. การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการคลอดบุตรตามธรรมชาติมีความสำคัญมากต่อสุขภาพของคุณแม่ทารก และ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ในระยะยาว

ไปคลอดลูกให้มีความสุข นะคะ
Happy Birthing ค่ะ

รู้หรือไม่ การที่คุณแม่ มีคุณพ่อที่คอยเข้าใจ และสนใจเรื่องการคลอดและการตั้งครรภ์ที่ดีด้วยให้การผ่าคลอดลดลงได้ อย่างมีนัยยสำคัญ

28/05/2025

คนท้องออกกำลังกายได้ แน่นอน
ถ้าคุณแม่ไม่ได้อยู่ในภาวะเสี่ยง (ดูคอมเม้นต์)

10/05/2025

แค่ลูกยังกลับมายิ้มให้ แล้วคุณก็ยังรักลูกสุดหัวใจ
คุณก็เป็นพ่อแม่ที่ดีพอแล้วนะ

“เราทุกคนล้วนเติบโตมากับบาดแผล”.บางคนเติบโตมาพร้อมความคาดหวัง บางคนเติบโตมากับความไม่มั่นคง บางคนเติบโ...

07/04/2025

ล่าสุด Adolescence จะถูกฉายในโรงเรียนในอังกฤษ เป็นวาระแห่งชาติ ผกก ไปหานายกเลยทีเดียว
•
ใจพ่อใจแม่ ใจเค้าใจเรา… ผมไม่ผิด… การทำให้คนนึงหายไป ไม่ใช่แค่ swipe ผ่าน หรือกด delete เพราะเค้าอาจเป็นที่รักของคนอื่นก็ได้

ความกังวลของคนเป็นพ่อแม่หลังดูซีรี่ส์ Adolescence ก็เหมือนความกังวลของพ่อแม่ส่วนใหญ่ที่พาลูกมาปรึกษาหมอคือ กลัวว่าลูกโตไปจะเป็นซึมเศร้ามั้ย โตไปจะกลายเป็นฆาตกรมั้ย ฯลฯ

อนาคตคงมีแต่หมอดูที่กล้ายืนยัน

แต่จิตแพทย์ส่วนใหญ่คงรับปากไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร

แต่อย่างน้อยที่บอกได้ คือรู้ว่ามี’สิ่งที่ควบคุมได้&ควบคุมไม่ได้’ ในการที่พ่อแม่จะมีส่วนในการช่วยขีดเส้นทางอนาคตให้เด็กโต

============
ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
============

เช่น (ก) คุณกำหนด genes กับ temperament ของเด็กไม่ได้

- ตั้งแต่คลอดมาบางคนเลี้ยงง่ายบางคนเลี้ยงยาก บางคนขี้หงุดหงิดบางคนอารมณ์สงบดี บางคนใจร้อนบางคนใจเย็น ฯลฯ บางส่วนของมนุษย์ทุกคน ‘ยังไม่ทันเลี้ยง’ ก็ถูกยีนกำหนดมาแล้ว

เราไปทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยช่วยเหลือให้เขารับมือกับ temperament หรือบุคลิกนิสัยติดตัวแรกเกิดมา ให้มีชีวิตที่ปกติสุขมากสุด

======

(ข) คุณกำหนด content ในโลกออนไลน์ไม่ได้
และมันหล่อหลอมตัวตนของเด็ก

- ไม่รู้ว่าเมื่อเปิดหน้าจอลูกจะ ‘หล่อหลอมแล้วเรียนรู้’ ความดีความชั่ว เรียนรู้ความเท่/ความน่ารังเกียจ เรียนรู้มาตรฐานศีลธรรมจาก content ไหน

, จะเป็นฟองน้ำที่ดูทุกวันดูทั้งวันแล้ว ‘ซึมซับ’ความก้าวร้าวหรืออ่อนโยน ความสนใจทางเพศ ฯลฯ จาก content อะไร

======

(ค) คุณคุมการค้าสารเสพติด เช่น บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา กระท่อม ยาบ้า ไม่ได้

- ไม่รู้ว่าวันไหนเด็กจะถูกคนชวน ไม่รู้ว่าวันไหนเวลาเครียดเขา/เธอจะไปลองใช้ 'ความยากง่ายในการเข้าถึง' และทัศนคติต่อสารเสพติด คือนโนบายรัฐ

=====

(ง) คุณคุมการครอบครองอาวุธไม่ได้

- ไม่รู้ว่าการซื้อปืนหรือพกพาปืนมันง่ายหรือยากขนาดไหน เด็กคนไหนจะพกไปเข้าโรงเรียน เพราะมันคือกฎหมาย

======

(จ) คุณคุมเศรษฐกิจหรือระบบสวัสดิการของประเทศไม่ได้

- ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ลด สวัสดิการแย่ ฯลฯ ต่อให้คุณรู้ว่า ‘เวลากับลูก’ นั้นสำคัญ แต่คุณก็หาเวลาไม่ได้เพราะต้องทำงานหนักในการหาเงินมาเอาครอบครัวให้รอดยกบ้าน

=====

(ฉ) คุณคุมเหตุในรั้วโรงเรียนไม่ได้

-เพราะขึ้นกับนโยบายของโรงเรียน การจัดสรรคัดกรองครูมาประจำ ฯลฯ ต่อให้คุณรู้ว่าครูมีบทบาทสำคัญ

แต่นโยบายรัฐบาลยังไม่ให้ความสำคัญกับสวัสดิการอาชีพครู คนเรียนเก่งส่วนใหญ่ยังไม่สนใจวิชาชีพนี้ ครูหลายคนทำผิดแต่อยู่มานานก็แตะไม่ได้ ยังเน้นงานคุณภาพมากจนไม่ใส่ใจสุขภาพจิต ฯลฯ

คุณก็ต้องยอมรับโอกาสเกิดปัญหา

หรือแม้รู้ว่าโรงเรียนปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อปัญหา (สารเสพติด , ความรุนแรง ฯลฯ) แต่ถ้าอยากย้ายแล้วเศรษฐานะตามข้อ (ง) ไม่เอื้ออำนาย ก็ทำอะไรไม่ได้

=========
=========

ยังมีอีกหลายข้อที่เราคุมไม่ได้ในกระบวนการเลี้ยงลูก แต่ขี้เกียจพิมพ์แล้ว5555

แต่ ในสิ่งที่คุมไม่ได้ก็มี'สิ่งที่คุมได้'หลายข้อเช่นกัน

เป็นเสมือน protective factor สำคัญ เช่น

===================
(1) Quality time - เวลาคุณภาพ
===================

ไม่ใช่เวลาหาข้าวให้กินหาเตียงให้นอน ไม่ใช่แค่เวลาที่ถามว่า ‘วันนี้เรียนอะไรมา ส่งงานครบมั้ย ฯลฯ’

แต่คือเวลาคุยใส่ใจในชีวิตด้านต่างๆ เวลาที่จะรับฟังปัญหาหรือสิ่งในใจเด็กโดยไม่รีบตัดสินหรือสั่งสอน เวลาที่จะนั่งดู content แล้วแลกเปลี่ยนคุยกับเด็ก เวลาที่จะรับรู้กรอบศีลธรรมหรือมาตรฐานถูกผิดที่เขาเรียนรู้มา ฯลฯ

ถึงคุณจะคุมการผลิต content ในโลกออนไลน์ไม่ได้ แต่เวลาเหล่านี้คือ ‘โอกาส’ ที่จะช่วย shape ไม่ให้เขาออกนอกเส้นทางที่เรากังวล เส้นทางที่เสี่ยงต่อ harm ต่างๆ เช่น ติดสารเสพติดหรือเป็นอาชญากร

==============
(2)สุขภาพจิตตัวคุณเอง
สุขภาพจิตผู้ใหญ่
=============

ถ้าผู้ใหญ๋ในบ้านดูแลสุขภาพจิตดี โอกาสเด็กในบ้านก็สุขภาพจิตดีไปด้วยเหมือนฟองน้ำที่ ‘ซึมซับ’สุขภาพจิตที่ดีไปด้วย แต่บ้านที่พ่อเจ้าอารมณ์ ใช้ความรุนแรง , แม่ขี้หงุดหงิด ตวาดบ่อยๆ , ยายที่ไม่ได้รักษาสมองเสื่อมอาละวาด ถือมีดแกว่งไปมา ฯลน

การเติบโตเหล่านี้คือสมองของเด็กก็จะ ‘ซึมซับ’ ความเครียดสะสมไปทุกวัน ซึ่งสมองของเด็ก ‘ยังไม่แข็งแกร่ง’ เท่าสมองของผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์มามากกว่า

เช่นแม่เห็นยายสมองเสื่อมแกว่งมีดก็กลัว แต่รู้ว่าคือปัญหาอะไร รู้ว่าต้องวางแผนรับมือยังไง เคยเจอเรื่องแรงๆมาหลายสิบปีจนกล้าแกร่ง แต่การปล่อยให้เด็ก 8 ขวบเจอแบบนี้ทุกเย็นที่แม่ยังไม่กลับย่อมส่งผลต่างกัน , เด็กที่ expose ต่อความก้าวร้าวรุนแรงตั้งแต่เล็กจึงเสี่ยงสูงที่จะมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา

หรือเช่น พ่อซึมเศร้าแต่ไม่ยอมรักษา กลับเข้าบ้านทุกครั้งไม่ติดเหล้าก็เก็บตัว โอกาสที่ลูกมีปัญหาอะไรในรั้วโรงเรียนจะมาปรึกษาเปิดอกคุยก็น้อยลง ต่างฝ่ายก็จะต่างซึมซับความเครียดกันและกันจนแย่ลง

แม้กระทั่งครู

เด็กที่โตมากับครูที่ mental health ดี หรือมีความเข้าใจด้านสุขภาพจิต ก็จะช่วยประคอง เด็กที่ครอบครัวไม่อาจช่วยเหลือด้านจิตใจ

================================
(3) การเมืองมีผลต่อการเลี้ยงเด็กและเติบโต – นโยบายรัฐ
=================================

ไม่ว่าจะเสรีนิยมหรือเผด็จการ ขวาหรือซ้าย ล้วนมีผลต่อการเติบโตของเด็ก

มันอาจไม่ใช่ 100% จะเป็นแบบผู้นำหรือตามพรรคการเมือง

แต่คือการเพิ่มโอกาส เพิ่มสัดส่วน ‘เบ้าหลอม’ในการโต

====

เช่น

ถ้าคุณเลือกผู้นำประเทศแบบทรัมป์ มันก็คือการเพิ่มความเห็นชอบ(endorse)ที่นิยาม ‘แมนๆ’ ในรูปแบบชายแท้สายพันธุ์อัลฟ่าให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น

การแบ่งแยกกีดกัน discriminate ไปจนถึงการเหยียดก็มีโอกาสเกิดสูงขึ้น เพราะมีตัวอย่างที่ผ่านการยอมรับจากตัวผู้นำและจากนโยบายรัฐ , เด็กที่เติบโตผ่านวัฒนธรรมแบบนี้ก็มีโอกาสเป็นชายในรูปแบบที่ยกมา มีโอกาสเกิดปัญหาแบบใน adolescence ได้ง่ายขึ้น

- คุณได้ผู้นำแบบกร่างๆ คุณก็จะมีต้นแบบกร่างๆเป็นตัวอย่างที่สังคมแยกไม่ถูกระหว่างก้าวร้าวกับเข้มแข็ง

- คุณได้ผู้นำที่ tricky ไม่เคารพกติกา คุณก็จะมีต้นแบบการคอรัปชั่นหรือไม่เคารพกฎหมาย ถูกมองว่าฉลาดหรือเก่ง

- คุณได้ผู้นำที่ไม่ให้เกียรติเพศหญิงหรือ LGBTQ คุณก็จะมีต้นแบบของการเหยียดเพศให้เด็กจดจำ
ฯลฯ

ทุกอย่างจะถูกถ่ายทอดผ่านสื่อ , ผ่านวัฒนธรรมองค์กร , ผ่านนโยบายรัฐ ฯลฯ เกิดเป็น’วัฒนธรรมของยุคสมัย’

วัฒนธรรมนำไปสู่การหล่อหลอมเด็กในสังคม

===

ถ้าคุณเลือกพรรคการเมืองที่นโยบายเสรีนิยมในเรื่องเสี่ยงอันตราย(harm) เสรีนิยมไม่รัดกุม เช่นเช่น สนับสนุนกัญชาเสรี ระดับรัฐมนตรีหรือกระทรวงสธ.ให้การยอมรับและสนับสนุนมากกว่าป้องกันอันตราย ฯลฯ

ก็ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงปัญหาจจากสารเสพติดมากขึ้น , เด็กที่โตมาก็มีโอกาสเสี่ยงต่อหันหน้าไปพึ่งกัญชาหรือยาเสพติดที่หาได้ง่ายเวลาเครียดหรือทดลอง

====

เลือกพรรคการเมืองที่เสรีนิยมแบบซ้ายสุดโต่ง ยอมเปิดพื้นที่ให้ hate speech เต็มที่ , ก็เสี่ยงความรุนแรงจาก hate-crime ได้สูงขึ้น ในรั้วโรงเรียนก็เสี่ยง abusive ได้ง่ายจนเสี่ยงต่อความรุนแรง

คือเสี่ยงว่าเด็กอาจกลายเป็นคนรังแกคนอื่น หรือตรงข้ามคือเป็นเหยื่อ และโต้ตอบแรงๆเมื่อถูกกระตุ้นไปมาจากถ้อยคำที่เหยียดหยามเกลียดชัง

=====

ในทางตรงข้ามเลือกพรรคการเมืองที่มีรูปแบบเผด็จการจ๋าหรืออำนาจนิยม เน้นการควบคุมบังคับจัดระเบียบให้เชื่อฟัง นิยามคำว่าระเบียบวินัยในความหมาย ‘พาเด็กไปฝึกในค่ายทหาร’

ก็มีแนวโน้มรูปแบบของการนิยมอำนาจ นิยมใช้ความรุนแรงบังคับ เด็กที่โตมาก็มีแนวโน้มขาดเสรีภาพทางความคิด ขาดความหลากหลายในพื้นที่สากล ไม่กล้าแสดงออกให้แตกต่าง เชื่องเพื่อให้เป็นเด็กดี

และเด็กดีหลายคนก็อาจกลายถูกแปะป้ายเป็นเด็กตัวปัญหาเพียงเพราะแตกแถวจาก ‘มาตรฐานหรือขนบหรือกรอบศีลธรรมอันดีที่รัฐกำหนด’

=====

หรือเลือกพรรคการเมืองที่นโยบายขวาสุดโต่งไปในแนวชาตินิยมสุดกู่ ก็จะมีโอกาสผลิตปัญหา ‘เหยียด กีดกัน เบียดคนไปสู่ภาวะชายขอบ’

เด็กที่โตมาก็มีโอกาสขี้เหยียด หรือก้าวร้าวเพียงเพราะความคลั่งชาติคลั่งสีผิวของตัวเองว่าอยู่เหนือใคร

เพิ่มความเสี่ยงปัญหาแบบหลงตัวเอง , พร่อง empathy , พร่องในการเห็นค่าของความเป็นคนที่เท่าเทียมกัน

=====

หรือถ้าคุณเลือกพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญกับ ‘กระทรวงศึกษาฯ’ จัดสรรงบประมาณให้สัดส่วนกับการศึกษา อาชีพครู หรือสาธารณสุขที่มากขึ้น มีนโยบายในระบบการศึกษาหรือระบบสุขภาพที่ดี

ก็จะมีส่วนป้องกันปัญหาและหล่อหลอมชีวิตที่ดีให้เด็กมากขึ้นไปด้วย

ฯลฯ

=====

‘การมีส่วนร่วมทางการเมือง’จึงมีผลต่อการทำนายอนาคตของเด็กอย่างหนึ่ง

ไม่ว่าจะจากการเลือกตั้ง

หรือการเรียกร้องของประชาชนให้พรรคการเมืองที่เราเชียร์ปรับนโยบายตามที่พ่อแม่อยากเห็นอนาคตของลูก

====

ยังมีอีกหลายข้อแต่ขี้เกียจเขียนแล้ว เลยขอจบดื้อๆแค่นี้5555 ถ้ายาวจนครบกว่านี้คงต้องไปออกเป็นหนังสือเลี้ยงเด็กแล้ว

แค่อยากบอกว่า ‘เราทำนายอนาคตไม่ได้ 100% เราป้องกันอันตรายหรือการกลายเป็นฆาตกรไม่ได้ 100%’

แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่เรามีอำนาจในมือที่จะป้องกันปัญหา มีอำนาจกำหนดอนาคตที่ดีให้ลูกหลานได้ ไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้เลยแล้วปล่อยไปตามยถากรรม

สำคัญคือ ‘เราจะลงมือทำหรือมีส่วนร่วม’ ในการเติบโตของเด็กมากแค่ไหนเท่านั้นเอง

========

ศีลธรรม , empathy , ความเมตตา ฯลฯ สามารถสร้างด้วยปัจจัยบุคคล

แต่การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โต

ยังมีภาพระดับโครงสร้างของสังคมครอบงำและหล่อหลอมผ่านวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน

==========
==========
บทความก่อนหน้า
==========
==========

ใครสร้าง(วัยรุ่นแบบ)เจมี่? : ตอน 2
เลี้ยงลูกแบบแมนๆ and Manosphere

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1187077119455913&set=pb.100044609071540.-2207520000

========

ใครสร้าง (วัยรุ่นแบบ) เจมี่ : ตอน 1
“It takes a village to raise a child”

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1186214619542163&set=a.204385714391730

10/02/2025

🌸การออกกำลังกายหลังคลอดช่วงวัยก่อนวัยทอง หรือ 40++🌸
🌸Navigating Peri-Menopause: Empower Your Journey with Balanced Exercise! 🌸

As we embrace the changes that come with peri-menopause, it's crucial to maintain an exercise routine that caters to our evolving bodies. With fluctuating hormones, the right approach to fitness can significantly impact our mood, energy levels, and overall well-being. การมีความรู้ความเข้าใจในการเข้าสู่ในช่วงก่อนวัยทองมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะคะ ในการออกกำลังกายให้ถูกวิธีในขณะที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป และการออกกำลังกายที่ถูกต้องสามารถมีผลกระทบต่ออารมณ์พลังงานและความเป็นอยู่ที่ดีได้ค่ะ

Here are some foundational tips to keep in mind as you embark on this journey:
และนี่คือ 4 สิ่งที่ควรใส่ใจในการออกกำลังกาย
1️⃣ **Listen to Your Body**: As hormones fluctuate, remember to honor what your body needs. It's essential to find exercises that resonate with you and not to overdo it. Quality over quantity!
ฟังเสียงร่างกายตัวเอง ในขณะที่ฮอร์โมนของเรามีการเปลี่ยนแปลงจำไว้เสมอว่าฟังเสียงร่างกายตัวเองคือสิ่งที่สำคัญการหาการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแต่ว่าไม่ออกกำลังกายมากจนเกินไปจำไว้นะคะว่าคุณภาพมาก่อนปริมาณค่ะ

2️⃣ **Mix It Up**: Cardio is great for your heart health, but combining it with strength training is key to preserving muscle mass and ensuring healthy joints. Consider activities like brisk walking, cycling, or swimming, paired with resistance exercises like light weights or resistant bands.
การรวมการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และการเล่นเวทเทรนนิ่ง หรือสร้างกล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อและส่งเสริมการใช้ข้อต่อให้แข็งแรง ลองเพน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ร่วมกับการออกกไลังกายแบบแรงต้าน เช่น ยกเวทเบาๆ หรือ ห่วงสร้างแรงต้าน

3️⃣ **Don't Skip the Breaks**: Your body's signals matter! Proper timing and rest during your workouts are essential. Finding a rhythm that works for you can help stabilize hormone levels and prevent undue stress.
อย่ามองข้ามการหยุดการเคลื่อนไหว การหยุดพักการออกกำลังกาย ระหว่างการออกกำลังกายที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคุญในการช่วยสมดุลฮอร์โทน หรือการหยุดออกกำลังกายแบบไม่ฝืนตัวเองไปเลย ก็ป้องการลดความเครียดจากการออกกำลังกาย เพราะนอกจากเราเครยดจาดฮอร์โมนแล้ว ร่างกายเราก็จะยิ่งเครียดไปอีก

4️⃣ **Embrace HIIT Mindfully**: High-Intensity Interval Training (HIIT) has profound benefits, especially in teaching our minds to pause and keep calm. Incorporate shorter, more intense bursts into your routine, balanced with slower, restorative movements for the best results.
ลองการออกกำลังกายแบบ HIIT มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในการฝึกให้เราหยุด ระหว่างการออกกำลังกาย ช่วยฝึกดึงฮอร์โมนลงมา ฝึกให้ใจเย็น ออกกำลังกายแบบเข้มข้น ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันดีขึ้น สมดุลดด้วยการเคลื่อนไหวที่ช้า และ แบบรักษาร่างกาย เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

Remember, this phase is not about pushing through at any cost. It’s about nurturing your body and spirit, finding joy in movement, and celebrating every small victory. 🌟
Let’s uplift each other. Share your favorite exercise routines in the comments below! 💪💖
จำไว้ว่าอายุข่วงนี้ไม่ใช่ช่วงที่คุณจะบังคับร่างกายตัวเองให้ออกกำลังกายอย่างหนัก แต่เป็นการดูแลร่างกายทั้งร่างกายและจิตใจ เคลื่อนไหวอย่ามีความสุข ลองชมตัวเองฉลองความสำเร็จแบบเล็กๆ น้อยๆ หาเพื่อนออกกำลังกาย ใครออกกำลังกายแบบไหนมาแชร์กันได้นะคะ

24/12/2024

ครูอีฟ เข้าวงการเบเบ้มากสักพักแล้ว เพราะว่าเริ่มเข้า perimenopause แล้วมันนอนไม่หลับ เลยลองดู แล้วมันได้ผลมากๆ ค่ะ😃
•
แต่อื่นใด วันนี้ไม่ได้มาพูดเรื่อง perimenopause แต่อยากพูด ”การออกกำลังกายสำหรับ คุณแม่หลังคลอดอย่างถูกต้อง“ เพื่อการลดน้ำหนักแบบยั่งยืนและสุขภาพดี จากวีดีโอของคุณเบเบ้
•
สรุปง่ายๆ  ถ้าคุณแม่ต้องการลดหุ่นลองทำตามที่คุณเบบี้สอนดู ทำได้และทำตามเลยค่ะ
•
 การสควอช Squat และ การย่อเข่า Lunge มีการคิวลมหายใจอย่างดี คือ **หายใจเข้าย่อตัว หายใจออกยกตัวขึ้น** เพื่อ Pelvic floor muscles  หรือกล้ามเนื้อกระดูกเชิงกรานที่แข็งแรงหลังจากอุ้มท้องมาเก้าเดือน แข็งแรง และฟื้นฟู
•
ไม่ว่าคุณแม่จะผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติ กล้ามเนื้อ ส่วนนี้ถูกใช้งาน 9 เดือนเหมือนๆ กันค่ะ
•
ทั้งนี้ หลังคลอดลูก 1 ปีฮอร์โมน Relaxin ยังคงอยู่  ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยให้ข้อต่อยังคงหลวม ดังนั้นการกระโดดต้องมีความระวังอย่างสูง หรือไม่แนะนำเลยค่ะ
•
หลังคุณแม่คลอดลูกมาเกินหนึ่งปีแล้ว ฮอร์โมนตัวนี้จะหมดไป สามารถกระโดดได้เพิ่มคาร์ดิโอได้อีก  ช่วยในเรื่องการเต้นของหัวใจ และ เผาผลาญพลังงาน ได้ดีขึ้น ช่วยเรื่อง Calories Deficit
•
 การสร้างกล้ามเนื้อช่วยให้คุณแม่มีระบบเผาผลาญที่ดีขึ้นเนื่องจาก แม้คุณแม่ไม่ได้ออกกำลังกาย ก็สามารถมีระบบเผาผลาญที่ดีได้ ช่วยเผาสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการเช่นไขมันส่วนเกินหรือคาร์โบไฮเดรตส่วนเกิน
•
ในตอนสุดท้ายสิ่งที่เรามีเหมือนกันหลังการออกกำลังกายก็ คือ ฮอร์โมนแห่งความสุข หรือ Endropine ทำงานค่ะ
•
ไว้คราวหน้าจะมาเขียนต่อในเรื่องของการออกกำลังกายแบบ Interval ที่ช่วยการนอนหลับที่ดีเยี่ยม สำหรับวัย 40++ นะคะ

Happy Holidays 🎄
ออกกำลังกายให้มีความสุข
ครูอีฟ ❤️

12/12/2024

นี่คือต้นคริสมาสต์ต้นที่ 5 ของการเข้าปีที่ 5 ในการอยู่อังกฤษค่ะ 😃
•
ต้นจริงๆ หอมมากๆ นะคะ หอมกลิ่นต้นสนไปทั่วห้องเลยค่ะ เสียอย่างเดียว ใบมันชอบหล่นก็ต้องขยันกวาดค่ะ
•
เอามาตั้ง ตั้งแต่ ต้นเดือน ธันวาคม ได้มาต้องหั่น ปลาย ต้นเพื่อเปิดให้เค้าดูดซับน้ำ และต้องรดน้ำสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 2-3 ลิตร แล้วแต่ขนาดต้น
พอเปิดมกรา ประมาณกลางเดือนใบก็ร่วงหมดพอดี เอาไปทิ้งหน้าบ้านได้ มีเจ้าหน้าที่มาเก็บค่ะ ตามวัน ของแต่ละเขต
เวลาผ่านไปเร็วมากๆ ได้เรียนรู้อะไรมากมาย การปรับตัว อยู่กับคนที่นี่ ได้ ได้ทำงานออฟฟิศ ได้ใช้ชีวิต ได้ไปพบเจอสถานที่สวยงาม และไม่สวยงามมากมาย
•
แม่ๆ เป็นยังไงบ้างคะ เห็นลูกๆ คุณแม่โตขึ้นเยอะเลย ออกกำลังกายกันบ้างหรือปล่าววว

สุขสันต์ช่วงเทศกาลนะคะ
ครูอีฟ ❤️

06/12/2024

ตั้งครรภ์ไปคลอดลูกว่ายากแล้ว เข็นลูกแฝดไปวิ่งมาราธอนคือยอดมนุษย์ค่ะแม่

พลังบวกมากๆ

ครูอีฟ ❤️

https://www.facebook.com/share/15qg7iW5e4/?mibextid=WC7FNe

ทำได้แล้ว! แม่ลูกแฝดคนนี้เข็นลูกจบฟูลมาราธอน 42.195 กิโล! ❤️

นี่คือภารกิจที่เคยพลาดเมื่อปีที่แล้ว…
วิ่งไปได้แค่ 30 กิโล แล้วต้องจอด 😢
แต่ปีนี้ ฉันกลับมาอีกครั้ง พร้อม ความมุ่งมั่นแบบสุดหัวใจ

ซ้อมหนัก เตรียมพร้อมทุกอย่าง เรียนรู้จากทุกความผิดพลาด
จนวันนี้… ฉันทำได้!

Checklist ความสำเร็จ:
✅ แยกรถเข็น แฝดอยู่คนละคัน ตีกันไม่ได้!
✅ เกลือแร่แช่แข็ง จิบสดชื่นตลอดทาง
✅ ตุ๊กตาตัวโปรด ของแฝด พกไปคนละตัว
✅ ซ้อมวิ่งยาว เกิน 30 กิโล 3 รอบ ก่อนแข่ง
✅ ลูกอม ให้ลูกนอนกอดเพิ่มความอุ่นใจ
✅ รถเข็นปรับม่านปิดมิด หลับสบายยาวๆ
✅ เปลี่ยนตัวเอง! วิ่งเร็วขึ้น ไม่เอ้อระเหย

5 ชั่วโมง 17 นาที
คือเวลาที่ฉันเข็นลูก พร้อมน้ำหนักกว่า 50 กิโลกรัม
ทั้งเด็ก รถเข็น และของที่พกไปตลอดเส้นทาง

เหนื่อยไหม? บอกเลยว่า…ไหล่กับบ่านี่ ตึงหนักสุดในชีวิต!
แต่หัวใจ…เต็มอิ่มมากกกกกกก ❤️

นี่คืออีกครั้งที่ยืนยันกับตัวเองว่า…
“อะไรก็เป็นไปได้ ถ้าเราตั้งใจจริง”

ขอบคุณตัวช่วยทุกอย่าง:
🚲 รถเข็น Cooper ที่ทำให้เส้นทางนี้ราบรื่น
🎯 Coach Deaw และทีมวันพุธ ที่ผลักดันจนถึงเส้นชัย
📸 พี่ๆ ช่างกล้องทุกคน ที่บันทึกความทรงจำสุดพิเศษ

นี่แค่น้ำจิ้ม…เดี๋ยว Race Note ฉบับเต็มจะมาเล่าให้ฟัง!

บ้าไหม? บ้า! 🤣
แต่การได้จบพร้อมลูกๆ ครั้งนี้ มันคุ้มที่สุดในชีวิต ❤️

#42กิโลของแม่ลูกแฝด
#ชั้นทำได้แล้ว
#มาราธอนแห่งความรัก
#ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้