D-Tide ดีไทด์ เพื่อโรคไต ไตวาย ไตเรื้อรัง ตับอักเสบ โรคตับ

D-Tide ดีไทด์ เพื่อโรคไต ไตวาย ไตเรื้อรัง ตับอักเสบ โรคตับ D-Tide ดีไทด์ เพื่อโรคไต ไตวาย ไตเรื้อรัง ตับอักเสบ โรคตับ ท้องมาน ไวรัสตับอักเสบ มะเร็งตับ Titanium Dioxide (USP/FCC) 0.004 มก.

กรีนแอล Green-L อาหารเสริมบำรุงตับ

เหมาะสำหรับ
-ผู้ที่ทานยาบ่อย
-ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ
-ผู้ที่มีอาการตาเหลือง
-ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับ
-ผู้ที่ผิวหมองคล้ำ
-ผู้ที่เคยทานกลูต้าไธโอน

ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล

สารสกัดจากโรสฮิป (Rosehip Extract) 240 มก.
อาร์ติโชค (Artichoke Powder) 200 มก.
สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) 180 มก.
สารสกัดจากอัลฟาฟ่า (Alfalfa Extract) 125 มก.
แอล-ซีสเตอีน (L-Cysteine HCL anhydrois) 95 มก. Inactive Ingredient
Microcrystalline Cellulose (USP/FCCV) 159.987 มก. Magnesium Stearate (USP/EU/FCC) 0.004 มก. Silicon Dioxide (USP/EU/FCC) 0.005 มก.
ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 แคปซูล รวม 30 แคปซูล ราคา 1,765 บาท
เลขสารบบ อย. : 10-1-15456-1-0018
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดี-ไทด์ (D-Tide) อาหารเสริมสำหรับไต

เหมาะสำหรับ
-ผู้ที่ชอบทานของเค็มจัด ของหมักดอง ชอบทานอาหารรสจัด
-ผู้ที่ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีกลิ่น หรือปัสสาวะมีฟอง
-ผู้ที่ปวดเอว ปวดหลังบริเวณไต
-ผู้ที่มีอาการบวมน้ำ ตัวบวม
-ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง

ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล

Schisandra Extract (สารสกัดจากโหงวบี่จี) 145 มก. Dandelion Extract (สารสกัดจากแดนดิไลออน) 140 มก. Garlic Extract (สารสกัดจากกระเทียม) 125 มก. Goji Berry Extract (สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่) 100 มก. Cranberry Juice Powder (ผงน้ำแครนเบอร์รี่) 100 มก. Fish Oil Powder (ผงน้ำมันปลา) 100 มก. Brown Algae Extract (สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล) 80 มก. Reishi Extract (สารสกัดจากเห็ดหลินจือ) 60 มก. Black Sesami Extract (สารสกัดจากงาดำ) 40 มก. Horsetail Extract (สารสกัดจากหญ้าหางม้า) 20 มก.
สารป้องกันการจับตัวเป็นก้อน (INS 460i, INS 470iii, INS 551), สีธรรมชาติ (INS 171)
ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 30 เม็ด
ราคา 1,765 บาท
เลขสารบบ อย. : 10-1-15456-5-0023
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด ก่อนนอน
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

09/07/2022

ภาวะแทรกซ้อนของตับอักเสบ

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และซี ชนิดเรื้อรัง อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคตับเรื้อรัง โรคตับแข็ง ตับวาย และโรคมะเร็งตับ ส่วนภาวะตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ (NASH) ก็อาจทำให้เกิดโรคตับแข็งได้เช่นกัน

นอกจากนั้น หากเกิดความเสียหายจนกระทบต่อการทำงานของตับ อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะตับวาย และมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายอื่น ๆ ได้ เช่น

ภาวะเลือดออกผิดปกติ
ท้องมาน
ภาวะความดันสูงในระบบหลอดเลือดดำของตับ (Portal Hypertension)
ภาวะไตวาย
อาการทางสมองที่มีสาเหตุจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy)
มะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma)
เสียชีวิต

การป้องกันตับอักเสบ

ตับอักเสบบางชนิดอาจไม่สามารถป้องกันได้ เช่น ตับอักเสบจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไป แต่ตับอักเสบจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส หรือตับอัักเสบจากการดื่มสุราปริมาณมาก อาจป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

รักษาสุขอนามัย ล้างมือให้สะอาด ไม่ใช้เข็มฉีดยา มีดโกน แปรงสีฟัน แก้วน้ำ ช้อนส้อม และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ร่วมกัน ไม่สัมผัสเลือดหรือของเหลวจากผู้ที่ติดเชื้อ หลีกเลี่ยงแหล่งน้ำที่อาจมีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อไวรัสตับอักเสบ
มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เนื่องจากไวรัสตับอักเสบบี ซี และดีสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ การสวมถุงยางอนามัยจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ด้วย
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกหลักโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม โดยเน้นบริโภคอาหารจำพวกผัก ผลไม้ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือหรือน้ำตาลในปริมาณมาก และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันในตับ
รับประทานอาหารอย่างระมัดระวัง เลือกรับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มหรือน้ำสะอาด โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปต่างถิ่น ควรระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบต่าง ๆ
ฉีดวัคซีน อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอและบีได้ โดยปกติเด็กจะได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่แรกเกิด แต่เด็กอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ อาจต้องตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันก่อนรับวัคซีน ในประเทศไทยสามารถติดต่อขอรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ อาจมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาล
ลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ตับได้พักจากการทำงานหนัก และป้องกันความเสี่ยงการเกิดตับอักเสบจากการดื่มแอลกอฮอล์
ใช้ยาตามที่แพทย์กำหนด ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ทุกครั้งในการใช้ยา ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์หากอยู่ระหว่างการรับประทานยารักษาโรค และควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้ง หากเป็นโรคตับหรือกำลังใช้ยาอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง
เลือกอาหารเสริมอย่างรอบคอบ หากต้องการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนบริโภคผลิตภัณฑ์ใด ๆ เสมอ เนื่องจากยา อาหารเสริม หรือแม้กระทั่งสมุนไพร อาจส่งผลต่อการดูดซึมของตับที่เปลี่ยนสารเหล่านี้ไปใช้งานในร่างกาย หากสารที่ได้รับเป็นอันตรายต่อตับ อาจนำไปสู่อาการป่วยหรือทำให้โรคที่ป่วยอยู่แย่ลงได้ ดังนั้น ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานองค์การอาหารและยารับรอง นำเข้าหรือผลิตอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ มีมาตรฐานการผลิตสูง รวมถึงผ่านการศึกษาทดลองทางการแพทย์แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดนั้นจะช่วยดูแลบำรุงตับได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ท้องมาน #กรีนแอล #ตับอักเสบเรื้อรัง #ตัวเหลือง #ท้องบวม #มะเร็งตับ

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ทักแชทคลิกที่นี่

https://bit.ly/3xRHO1y
https://bit.ly/3xRHO1y

08/07/2022

การวินิจฉัยตับอักเสบ

ภาวะตับอักเสบอาจตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่ามีค่าเอนไซม์ตับสูงผิดปกติ หรือมีอาการของตับอักเสบ โดยในเบื้องต้นเมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะซักประวัติการเจ็บป่วย เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรค และตรวจร่างกายบริเวณท้อง ดูว่าผู้ป่วยมีอาการเจ็บหรือปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านขวาหรือไม่ แล้วตรวจหาอาการตับโต และอาจมีการทดสอบอื่น ๆ เพื่อวินิจฉัยตับอักเสบร่วมด้วย เช่น

การตรวจเลือด เพื่อตรวจการทำงานของตับ หากพบว่ามีเอนไซม์ตับปริมาณมาก อาจแสดงถึงความเสียหายในตับหรือตับทำงานไม่ปกติ แต่หากแพทย์ต้องการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของตับอักเสบ อาจใช้ชุดตรวจอื่น ๆ เช่น ตรวจสารต้านภูมิคุ้มกัน เพื่อหาสาเหตุของตับอักเสบจากเชื้อไวรัส หรือตรวจการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต้านตนเอง เป็นต้น
การตรวจอัลตราซาวด์ เป็นการใช้คลื่นเสียงสร้างภาพอวัยวะภายในช่องท้อง เพื่อดูลักษณะของตับ ขนาดของตับ ความเสียหายของตับ เนื้องอกในตับ ความผิดปกติของถุงน้ำดี และระดับของเหลวภายในช่องท้อง
การตรวจชิ้นเนื้อ แพทย์อาจใช้อัลตราซาวด์เพื่อนำทาง แล้วเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจากตับด้วยการใช้เข็มจิ้มผ่านทางผิวหนัง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเซลล์และการอักเสบของตับในห้องปฏิบัติการต่อไป
การรักษาตับอักเสบ

วิธีการรักษาจะแตกต่างกันตามประเภท สาเหตุ และความรุนแรงของตับอักเสบ ดังนี้

ตับอักเสบจากเชื้อไวรัส

ตับอักเสบ เอ เป็นการป่วยระยะสั้น ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีเฉพาะ ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงอาจต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ผู้ป่วยที่ท้องเสียหรืออาเจียน ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหาร
ตับอักเสบ บี หากเป็นชนิดเฉียบพลันอาจมีการรักษาเฉพาะ แต่ชนิดเรื้อรังอาจต้องได้รับยาต้านเชื้อไวรัสหรือยาอื่น ๆ แพทย์ต้องประเมินการรักษาเป็นประจำ และประเมินการตอบสนองของไวรัส ซึ่งอาจต้องใช้เวลารักษาต่อเนื่องนานหลายเดือนหรือเป็นปี
ตับอักเสบ ซี อาจต้องได้รับยาต้านไวรัส ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังอาจต้องรักษาด้วยการผสมยาต้านไวรัสหลายชนิด และอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนตับสำหรับผู้ที่ตับอักเสบติดเชื้อเรื้อรังหรือเป็นโรคตับแข็ง
ตับอักเสบ ดี ในปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสตับอักเสบ ดี
ตับอักเสบ อี ยังไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ อี เนื่องจากเป็นการติดเชื้อที่ค่อนข้างเฉียบพลันและหายเองได้ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ อี ที่กำลังตั้งครรภ์ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
ตับอักเสบจากการใช้ยา

รักษาได้ด้วยการหยุดใช้ยาหรือสารที่เป็นต้นเหตุทำให้ตับอักเสบ และรักษาตามอาการป่วยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น

ตับอักเสบจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน

เป้าหมายหลักในการรักษา คือ ยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อยับยั้งการอักเสบของตับด้วย อาจต้องใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น เพรดนิโซน และยากดภูมิคุ้มกัน เช่น อะซาไธโอพรีน ซึ่งอาจใช้ยาเพียงชนิดเดียว หรืออาจใช้รักษาร่วมกันทั้งสองชนิดก็ได้

ตับอักเสบจากการดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยควรหยุดดื่ม หรือควบคุมปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ตับได้มีเวลาพักและฟื้นฟูตัวเอง โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการเลิกสุราได้ แต่หากยังคงดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเช่นเคย อาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคตับแข็ง ภาวะตับวาย หรือมะเร็งตับได้ในอนาคต

ตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ (NASH)

ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะเจาะจงในการรักษาตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ แนวทางการรักษาจึงเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เลือกรับประทานอาหารที่ดีกับสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันส่วนเกิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับ รักษาและควบคุมอาการของโรคประจำตัวอย่างเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง รวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระตุ้นการทำงานของตับอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ตับสามารถกลับสู่ภาวะสมดุลและซ่อมแซมตัวเองได้ แต่หากอาการป่วยรุนแรงหรือเป็นอันตราย ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ภาวะเร่งรีบในชีวิตประจำวันอาจกระทบต่อการดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยตับอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถปรับพฤติกรรมได้ดีเท่าที่ควร จึงอาจพิจารณาใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีผลงานวิจัยรองรับ โดยอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เสมอ เช่น ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดธรรมชาติพรูนัส มูเม่ (Prunus Mume) ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นกับตับ เป็นต้น

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ท้องมาน #กรีนแอล #ตับอักเสบเรื้อรัง #ตัวเหลือง #ท้องบวม #มะเร็งตับ

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ทักแชทคลิกที่นี่

https://bit.ly/3xRHO1y
https://bit.ly/3xRHO1y

สาเหตุของตับอักเสบตับอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ตับอักเสบจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ เป็นชนิดที่พบได้บ่อยในปร...
07/07/2022

สาเหตุของตับอักเสบ

ตับอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

ตับอักเสบจากเชื้อไวรัส

ตับอักเสบ เอ เป็นชนิดที่พบได้บ่อยในประเทศที่มีระบบสาธารณะสุขไม่ดี เกิดจากการรับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A Virus: HAV) ผ่านทางการรับประทานอาหารหรือการดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสซึ่งออกมาจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ โดยประเทศกำลังพัฒนาจะมีการแพร่กระจายเชื้อมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
ตับอักเสบ บี สามารถติดต่อผ่านทางเลือดหรือของเหลวในร่างกาย จากแม่สู่ลูก จากการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B Virus: HBV) พบได้มากในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ตับอักเสบ ซี เกิดจากการได้รับของเหลวจากร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี (Hepatitis C Virus: HCV) โดยตรง ทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือติดต่อผ่านทางเลือดจากแม่สู่ลูก ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ประมาณ 70-85% อาจป่วยเรื้อรังและเผชิญปัญหาสุขภาพระยะยาว หรืออาจป่วยถึงขั้นเสียชีวิตได้
ตับอักเสบ ดี เป็นชนิดที่รุนแรงและพบได้น้อย เกิดจากการรับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดดี (Hepatitis D Virus: HDV) จากเลือดของผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง และเกิดขึ้นกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี เท่านั้น เพราะไวรัสตับอักเสบชนิดดีไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้หากไม่มีไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย
ตับอักเสบ อี เป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดอี (Hepatitis E Virus: HEV) จากการบริโภคน้ำดื่มหรืออาหารที่มีอุจจาระที่ติดเชื้อปนเปื้อนอยู่ พบได้ในประเทศแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกากลาง และแอฟริกา โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาด้านสาธารณสุข ระบบจัดการน้ำไม่ดี น้ำดื่มปนเปื้อน หรือการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุกเพื่อฆ่าเชื้อก่อน
ตับอักเสบจากยาและได้รับสารพิษ การใช้ยาเกินปริมาณและระยะเวลาที่กำหนด หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดในปริมาณน้อยก็อาจสร้างความเสียหายต่อตับได้ เช่น ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล ยากลุ่มเอ็นเสด ยาคุมกำเนิด ยาแก้อักเสบอะม็อกซีซิลลินที่มีส่วนผสมของคลาวูลาเนท ยากลุ่มซัลฟา ยากลุ่มสแตติน ยาอะมิโอดาโรน ยาอะนาบอลิกสเตียรอยด์ ยาคลอร์โปรมาซีน ยาอิริโทรมัยซิน ยาเมทิลโดปา ยาไอโซไนอาซิด ยาเมโธเทรกเซท ยาเตตราไซคลีน และยากันชักบางชนิด เป็นต้น

นอกจากนี้ การได้รับสารเคมีบางชนิดเข้าสู่ร่างกายก็อาจทำให้ตับอักเสบได้ เช่น สารคาร์บอนเตตระคลอไรด์ สารกำจัดศัตรูพืชพาราคว็อท และสารโพลีคลอริเนตไปฟีนิล รวมถึงสมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดก็อาจมีพิษต่อตับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากบริโภคไม่ถูกวิธี เช่น ว่านหางจระเข้ แบลคโคฮอส คอมเพรย์ อีเฟรดา คาวา เป็นต้น

ตับอักเสบจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานผิดพลาด โจมตีและขัดขวางการทำงานของตับ ทำให้ตับเสียหายจนอาจเกิดการอับเสบตั้งแต่ชนิดไม่รุนแรงจนถึงขั้นรุนแรง โดยสาเหตุนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับเพศหญิงได้มากกว่าเพศชายประมาณ 3 เท่า

ตับอักเสบจากการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากอาจเป็นเหตุให้ตับเกิดความเสียหายหรืออักเสบได้ เพราะแอลกอฮอล์จะทำลายเซลล์ตับ หากปล่อยไว้นานและไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ตับเสียหายถาวร นำไปสู่ภาวะตับวายและโรคตับแข็งได้

ตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ หรือ NASH (Nonalcoholic Steatohepatitis) เป็นภาวะตับอักเสบที่เกิดจากไขมันพอกตับ มักไม่ค่อยพบอาการแสดง หรืออาการแสดงอาจปรากฏขึ้นเมื่อตับอักเสบเข้าสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้มีอาการ เช่น เมื่อยล้าอ่อนแรงอย่างหนัก น้ำหนักลดโดยหาสาเหตุไม่ได้ ปวดท้องด้านขวาบนบริเวณใต้ชายโครง ภาวะดีซ่านหรืออาการตัวเหลืองตาเหลือง เป็นต้น และภาวะนี้อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่ตับจนนำไปสู่โรคตับแข็งได้ในที่สุด ดังนั้น ทัศนคติของบุคคลทั่วไปที่ว่าตนไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์อย่างหนักก็ไม่น่าจะเป็นโรคตับอักเสบหรือตับแข็งได้จึงไม่เป็นความจริง โดยภาวะ NASH พบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในประชากรปัจจุบัน จากสถิติของประเทศที่มีประชากรจำนวนมากอย่างสหรัฐอเมริกา พบว่า 2- 5 % ของชาวอเมริกันป่วยด้วยภาวะ NASH ซึ่งการดำเนินโรคเริ่มจากการเกิดไขมันสะสมในตับ จากนั้นอาจมีปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ พังผืด และการตายของเซลล์ตับ โดยมีผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคอ้วน โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง และภาวะความดันโลหิตสูง เป็นต้น

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ท้องมาน #กรีนแอล #ตับอักเสบเรื้อรัง #ตัวเหลือง #ท้องบวม #มะเร็งตับ

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ทักแชทคลิกที่นี่

https://bit.ly/3xRHO1y
https://bit.ly/3xRHO1y

อาการของตับอักเสบตับอักเสบเรื้อรังหากตับอักเสบอย่างเรื้อรังอาจไม่พบอาการชัดเจนใด ๆ จนกระทั่งตับเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่หร...
06/07/2022

อาการของตับอักเสบ
ตับอักเสบเรื้อรัง

หากตับอักเสบอย่างเรื้อรังอาจไม่พบอาการชัดเจนใด ๆ จนกระทั่งตับเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่หรือมีภาวะตับวาย ซึ่งอาจตรวจพบได้จากผลการตรวจเลือด หรือผู้ป่วยอาจมีอาการปรากฏในระยะต่อมา เช่น

ภาวะดีซ่าน
ขา เท้า และข้อเท้าบวม
รู้สึกสับสน
อาเจียนหรืออุจจาระเป็นเลือด

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ท้องมาน #กรีนแอล #ตับอักเสบเรื้อรัง #ตัวเหลือง #ท้องบวม #มะเร็งตับ

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ทักแชทคลิกที่นี่

https://bit.ly/3xRHO1y
https://bit.ly/3xRHO1y

อาการของตับอักเสบตับอักเสบเฉียบพลันตับอักเสบชนิดเฉียบพลันอาจไม่ปรากฏอาการอย่างชัดเจน ผู้ป่วยอาจไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคตับ...
06/07/2022

อาการของตับอักเสบ
ตับอักเสบเฉียบพลัน

ตับอักเสบชนิดเฉียบพลันอาจไม่ปรากฏอาการอย่างชัดเจน ผู้ป่วยอาจไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคตับอักเสบ แต่หากป่วยจนอาการกำเริบ อาจสังเกตพบอาการได้ ดังต่อไปนี้

รู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้าตลอดเวลา
ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
รู้สึกไม่สบาย มีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
ปัสสาวะสีเข้ม
อุจจาระสีซีด
ปวดท้อง
เบื่ออาหาร
คันตามผิวหนัง
น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
ภาวะดีซ่าน หรือมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน #ตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ท้องมาน #กรีนแอล #ตับอักเสบเรื้อรัง #ตัวเหลือง #ท้องบวม #มะเร็งตับ

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ทักแชทคลิกที่นี่

https://bit.ly/3xRHO1y
https://bit.ly/3xRHO1y

ตับอักเสบ (Hepatitis) เป็นภาวะอักเสบที่เกิดบริเวณตับ อาจเกิดจากจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือสาเหตุอื่น ๆ อย่างการดื่...
28/06/2022

ตับอักเสบ (Hepatitis)
เป็นภาวะอักเสบที่เกิดบริเวณตับ อาจเกิดจากจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือสาเหตุอื่น ๆ อย่างการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก การใช้ยาเสพติด ผลข้างเคียงจากการใช้ยา การได้รับสารพิษ โรคอ้วน และกลุ่มอาการเมตาบอลิค รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันทำลายตับเอง ทำให้ตับเกิดความเสียหายจนเกิดอาการป่วยต่าง ๆ ตามมา หากตับอักเสบอย่างเรื้อรัง อาจทำให้การทำงานของตับผิดปกติ เกิดโรคตับแข็ง หรือเสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้อาการของตับอักเสบ

#ตับ #ตับอักเสบ #ไวรัสตับอักเสบ #ตับแข็ง #ไขมันพอกตับ #กรีนแอล #มะเร็งตับ #ตัวเหลือง #ดีซ่าน #ท้องมาร #บวม #ปวดข้อ #ขาบวม

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

23/06/2022

ตัวเหลืองตาเหลือง เจ็บชายโครงข้างขวา ท้องบวม ขาบวม #โรคตับ ค่าตับสูง ตับแข็ง ชุดนี้ช่วยแก้อาการเหล่านี้ได้...

กรีนแอลดูแลตับ ดีไทด์ดูแลไต
-สารสกัดจากโรสฮิป
-อาร์ติโชค
-สารสกัดจากชาเขียว
-สารสกัดจากอัลฟาฟ่า
-แอลซีสเตอิน

เลขที่อย.กรีนแอล 10-1-15456-1-0018
1 กล่อง บรรจุ 30 เม็ด ราคา 1,765 บาท

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

21/05/2022

ทุกวันนี้คนไทยเราเป็นโรคไตกันมากขึ้นค่ะ เรื่องฟื้นฟูดูแลไต ไว้ใจ ดีไทด์ ค่ะ

ดี-ไทด์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)
D-Tide (Dietary Supplement Product)
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ส่วนประกอบสำคัญ
- สารสกัดจากงาดำ Black Sesame Extract
- ผงน้ำแครนเบอร์รี่ Cranberry Juice Powder
- สารสกัดจากรากแดนดิไลออน Dandelion Root Extract
- สารสกัดจากกระเทียม Fermented Black Garlic หรือ Garlic extract (FDA อย. ไทย)
- ผงน้ำมันปลา Fish Oil Powder
- สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล Fucoidan หรือ Brown Algae Extratct (FDA อย. ไทย)
- สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ Goji Berry หรือ Goji Berry Extract (FDA อย. ไทย)
- สารสกัดจากหญ้าหางม้า Horsetail Extract
- สารสกัดจากเห็ดหลินจือ Reishi Extract หรือ Ganoderma lucidum extract (FDA อย. ไทย)
- สารสกัดจากโหงวบี่จี Schisandra Berry

เลข อย.: 10-1-15456-5-0023
บรรจุ/กล่อง: 30 แค็ปซูล
ราคา 1,765 บาท
#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน
ช่องทางการติดต่อ
แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ดี-ไทด์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)D-Tide (Dietary Supplement Product)ข้อมูลผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบสำคัญ- สารสกัดจากงาดำ Black Ses...
07/05/2022

ดี-ไทด์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)
D-Tide (Dietary Supplement Product)

ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ส่วนประกอบสำคัญ
- สารสกัดจากงาดำ Black Sesame Extract
- ผงน้ำแครนเบอร์รี่ Cranberry Juice Powder
- สารสกัดจากรากแดนดิไลออน Dandelion Root Extract
- สารสกัดจากกระเทียม Fermented Black Garlic หรือ Garlic extract (FDA อย. ไทย)
- ผงน้ำมันปลา Fish Oil Powder
- สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล Fucoidan หรือ Brown Algae Extratct (FDA อย. ไทย)
- สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ Goji Berry หรือ Goji Berry Extract (FDA อย. ไทย)
- สารสกัดจากหญ้าหางม้า Horsetail Extract
- สารสกัดจากเห็ดหลินจือ Reishi Extract หรือ Ganoderma lucidum extract (FDA อย. ไทย)
- สารสกัดจากโหงวบี่จี Schisandra Berry

เลข อย.: 10-1-15456-5-0023
บรรจุ/กล่อง: 30 แค็ปซูล

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ภาวะแทรกซ้อนของแอมีลอยโดซิสภาวะแทรกซ้อนของ Amyloidosis จะขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ เช่น• ไต อาจส่งผลกระทบต่อการก...
24/04/2022

ภาวะแทรกซ้อนของแอมีลอยโดซิส

ภาวะแทรกซ้อนของ Amyloidosis จะขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ เช่น

• ไต อาจส่งผลกระทบต่อการกรองของไต ทำให้โปรตีนรั่วจากเลือดไปยังปัสสาวะ หรือทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของไตลดลง และอาจทำให้ไตล้มเหลวได้
• หัวใจ อาจลดประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ ทั้งด้านการสูบฉีดเลือดในแต่ละครั้งที่หัวใจเต้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจหอบเหนื่อย หรือบางรายอาจเกิดผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งอาจทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจถูกรบกวน
• ระบบประสาท ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บ ชา รู้สึกคล้ายถูกเข็มทิ่ม ไร้ความรู้สึก แสบที่นิ้วเท้าหรือฝ่าเท้า หรืออาจเกิดผลกระทบต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของลำไส้ ซึ่งอาจทำให้มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย และหากโรคนี้ส่งผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมความดันโลหิต ก็อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หรือหน้ามืดเมื่อลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป
การป้องกันแอมีลอยโดซิส
Amyloidosis เป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ ดังนี้

• ระมัดระวังขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน หากพบว่ามีอาการหายใจไม่อิ่มก็ควรหยุดพัก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หรือปรึกษาแพทย์ว่าในแต่ละวันตนสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากน้อยเพียงใด
• รับประทานอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วนอย่างสมดุล เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางรายรับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำด้วย
• หากพบว่าตนมีปัญหาสุขภาพหรือมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคนี้ ให้เข้ารับการตรวจรักษาอย่างทันท่วงที เพราะอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

การวินิจฉัยแอมีลอยโดซิสแพทย์จะเริ่มสอบถามประวัติและตรวจร่างกาย ซึ่งอาการของ Amyloidosis อาจคล้ายกับโรคอื่น ๆ จึงเสี่ยงต่...
23/04/2022

การวินิจฉัยแอมีลอยโดซิส

แพทย์จะเริ่มสอบถามประวัติและตรวจร่างกาย ซึ่งอาการของ Amyloidosis อาจคล้ายกับโรคอื่น ๆ จึงเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้น แพทย์อาจทำการทดสอบอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการตรวจให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย เช่น

• การทดสอบทางห้องปฏิบัติการ อาจตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อช่วยหาความผิดปกติของโปรตีนที่บ่งบอกถึงโรค Amyloidosis และแพทย์อาจตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์และตับด้วย โดยพิจารณาจากอาการที่พบ
• การตรวจวินิจฉัยจากภาพ เพื่อตรวจอวัยวะภายในที่ได้รับผลกระทบ เช่น การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อตรวจสอบการทำงานและขนาดของหัวใจ หรือดูภาพตับและม้ามด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อหาความผิดปกติ เป็นต้น
• การตัดชิ้นเนื้อตรวจ อาจเป็นการตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อจากไขมันหน้าท้อง ไขกระดูก ตับ หรือไต เพื่อนำไปตรวจ โดยวิธีการนี้จะช่วยให้แพทย์ทราบว่าเป็นโรค Amyloidosis ชนิดใด
การตรวจความผิดปกติของยีนส์ ใช้ตรวจในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าโรคเกิดจากการสืบทอดทางพันธุกรรม
การรักษาแอมีลอยโดซิส

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่การรักษาจะเป็นการควบคุมอาการและจำกัดการผลิตโปรตีนแอมีลอยด์ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของโรคด้วย ได้แก่

• AL Amyloidosis เป็นการนำยาเคมีบำบัดที่ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวมัลติเพิลมัยอิโลมามารักษาโรค Amyloidosis ประเภทนี้ โดยยาจะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติที่ทำให้มีการผลิตแอมีลอยด์ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจรักษาด้วยวิธี Autologous Blood Stem Cell Transplant (ASCT) ซึ่งเป็นการเก็บสเต็มเซลล์ของตัวผู้ป่วยเองจากเลือด และเก็บเอาไว้ในระยะเวลาอันสั้นขณะที่ใช้ยาเคมีบำบัดในการรักษา จากนั้นแพทย์จะให้สเต็มเซลล์กลับเข้าไปผ่านทางหลอดเลือดดำ
• AA amyloidosisแพทย์จะรักษาโรคหรือภาวะต้นเหตุที่ทำให้เกิด Amyloidosis โดยผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาสเตียรอยด์ควบคู่ในการรักษาหลักไปด้วย
• Dialysis-Related Amyloidosis เนื่องจากโรค Amyloidosis ประเภทนี้มักเกิดในกระบวนการฟอกไตระยะยาว ดังนั้น อาจรักษาโดยเปลี่ยนวิธีกรองของเสียจากเลือด หรือการปลูกถ่ายไต ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
• Hereditary Amyloidosis เนื่องจากโปรตีนผิดปกติที่เป็นสาเหตุของ Amyloidosis ประเภทนี้ ถูกผลิตขึ้นที่ตับ จึงอาจรักษาได้ด้วยการปลูกถ่ายตับ
นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น

• ใช้ยาขับปัสสาวะ หรือให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารโซเดียมต่ำ เพื่อกำจัดน้ำส่วนเกินในร่างกาย
• ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการลิ้นบวม แพทย์อาจให้สารเพิ่มความเข้มข้นของอาหารเหลว เพื่อช่วยป้องกันอาการสำลัก
• ปรับเปลี่ยนวิธีรับประทานอาหาร โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

สาเหตุของแอมีลอยโดซิสโรค Amyloidosis มีสาเหตุมาจากการก่อตัวของโปรตีนผิดปกติที่ชื่อว่าแอมีลอยด์ ซึ่งสารนี้ถูกผลิตจากไขสัน...
22/04/2022

สาเหตุของแอมีลอยโดซิส

โรค Amyloidosis มีสาเหตุมาจากการก่อตัวของโปรตีนผิดปกติที่ชื่อว่าแอมีลอยด์ ซึ่งสารนี้ถูกผลิตจากไขสันหลังและสามารถสะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยโรคนี้แบ่งได้เป็นหลายชนิดตามลักษณะการเกิด ดังนี้

• AL Amyloidosis เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุดและไม่ทราบสาเหตุ โดยจะเกิดขึ้นเมื่อไขกระดูกได้ผลิตสารภูมิต้านทานที่เป็นโปรตีนผิดปกติอย่างแอมีลอยด์ ซึ่งสารนี้ไปสะสมอยู่ที่เนื้อเยื้อและส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ไต ตับ ผิวหนัง และระบบประสาท
• AA Amyloidosis เป็นประเภทที่ส่งผลกระทบต่อไตมากที่สุด แต่อาจส่งผลต่อทางเดินอาหาร ตับ หรือหัวใจได้เช่นกัน โดยจะเกิดขึ้นพร้อมกับโรคติดเชื้อหรือโรคที่มีการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น
• Dialysis-Related Amyloidosis เกิดโปรตีนในเลือดที่ไปสะสมอยู่ในข้อต่อและเอ็น ทำให้เกิดอาการปวดเกร็งและมีของเหลวที่ข้อต่อ รวมไปถึงอาจเป็นโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือร่วมด้วย โดยโรค Amyloidosis ประเภทนี้มักเกิดในผู้ที่ต้องฟอกไตระยะยาว
• Hereditary Amyloidosis เกิดจากพันธุกรรม มักส่งผลกระทบต่อตับ ไต ระบบประสาท และหัวใจ
ทั้งนี้ บุคคลบางกลุ่มอาจมีความเสี่ยงเผชิญโรค Amyloidosis เพิ่มขึ้น ได้แก่ เพศชาย ผู้ที่มีอายุ 60-70 ปี ผู้ที่เป็นโรคติดต่อเรื้อรังหรือโรคที่เกิดการอักเสบ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ และผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต

#โรคไตวาย #ไตเรื้องรัง #ไตเสื่อม #ไตระยะสุดท้าย #ดีไทด์ #ฉี่เป็นฟอง #ปวดบั้นเอว #เบาหวาน #ความดัน #อาหารบำรุงไต #ยารักษาไต #สมุนไพรบำรุงไต #สมุนไพรรักษาไต #ไต #ต่อมหมวกไต #นิ่วในไต #ไตวายเฉียบพลัน

ช่องทางการติดต่อ

แขกเฮลท์แคร์ดูแลตับและไต
โทร. 098-895-6463
Line ID: vanitchaya

ที่อยู่

พฤกษา51 ซอยฉลองกรุง53 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง
Amphoe Bangkok Noi
10520

เบอร์โทรศัพท์

+66988956463

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ D-Tide ดีไทด์ เพื่อโรคไต ไตวาย ไตเรื้อรัง ตับอักเสบ โรคตับผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง D-Tide ดีไทด์ เพื่อโรคไต ไตวาย ไตเรื้อรัง ตับอักเสบ โรคตับ:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram