21/10/2015
อย่างที่ทราบกันดีว่า ในร่างกายของคนเรานั้น เม็ดเลือดแดงมีความสำคัญมากในการขนส่งออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ในเม็ดเลือดแดงจะมีฮีโมโกลบิน(Hemoglobin)เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการจับออกซิเจน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายได้รับพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เช่น นอนหลับในรถที่ติดเครื่องยนต์เอาไว้ คาร์บอนมอนอกไซด์จะเข้าไปแย่งจับกับฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้ออกซิเจนจับกับฮีโมโกลบินได้น้อยลง เมื่อเซลล์ต่างๆของร่างกาย ได้รับออกซิเจนน้อยลง จึงเกิดอาการต่างๆตามมาจนกระทั่งเสียชีวิตได้
คาร์บอนมอนอกไซด์ที่จับกับฮีโมโกลบินในเลือด จะมีชื่อเรียกว่า “คาร์บอกซีฮีโมโกลบิน” (carboxyhemoglobin) ระดับคาร์บอกซีฮีโมโกลบินในเลือดถ้ามีมากอาจทำให้เกิดอาการต่างๆรุนแรงมากตามลำดับ
ระดับคาร์บอกซีฮีโมโกลบินในเลือด 5-10% จะทำให้การสั่งงานที่ซับซ้อนของร่างกายผิดพลาดมากขึ้น 10-20% จะเหนื่อยง่าย ออกกําลังกายได้น้อยลง 20-40% มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้เป็นลม 40-60% สับสน ชัก หมดสติ มากกว่า 60 % อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
การวินิจฉัยโรคต้องอาศัยการสงสัยจากอาการ และประวัติ เป็นหลัก
เนื่องจากอาการที่กล่าวมา สามารถพบได้ในหลายโรค
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ จำเป็นจะต้องวัดระดับคาร์บอกซีฮีโมโกลบินในเลือด(HbCO) ซึ่งพบในระดับที่สูงกว่าคนปกติ (ควรพบสูงกว่า 5% ในคนที่ไม่สูบบุหรี่ และสูงกว่า 10% ในคนที่สูบบุหรี่) วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีการตรวจอย่างอื่นแม้จะไม่ค่อยจำเพาะแต่อาจใช้เพื่อประกอบการวินิจฉัยร่วมด้วย เช่น
ตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือดเพื่อประเมินภาวะการหายใจและดูภาวะกรด acidosis (ค่า PO2 มักจะปกติ, ค่า PCO2 ต่ำเล็กน้อย)
ตรวจสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ได้แก่ Troponin T,Troponin I, creatinine kinase-MB, myoglobin
ตรวจความสมบูรณ์ของเลือดเพื่อดูภาวะที่เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ (leukocytosis)
ตรวจการสร้างกรดแล็กติกในเลือด (lactic acidosis)
ตรวจดูสภาวะไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ BUN, creatinine เป็นต้น
Cr. ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน