นิคมสหคลินิก แผนกเทคนิคการแพทย์

นิคมสหคลินิก แผนกเทคนิคการแพทย์ ให้บริการเกี่ยวกับการตรวจเลือด ปัสสาวะ มะเร็ง และเอ็กซเรย์

มารู้จักไวรัส"ซิกา"กันค่ะ...สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์" ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแล อย่าลืมมาตร...
03/02/2016

มารู้จักไวรัส"ซิกา"กันค่ะ
...สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์" ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแล อย่าลืมมาตรวจสุขภาพที่นิมคมสหคลินิกนะค่ะ โทรเข้ามาสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้เลยค่ะ....
โทร 098-9465390 Line ID : 0989465390

"สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์" ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแล อย่าลืมมาตรวจสุขภาพที่นิมคมสหคลินิกนะค...
21/12/2015

"สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์" ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแล อย่าลืมมาตรวจสุขภาพที่นิมคมสหคลินิกนะคะ โทรเข้ามาสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้เลยค่ะ
โทร 098-9465390 Line ID : 0989465390

เอาอีกแล้ว ชอบมาบอกว่ากินนั่นกินนี่แล้วตาย กินมาตั้งแต่เด็กไม่เห็นจะเป็นอะไร ที่ออกมาเตือนๆกันน่ะ เคยกินรึเปล่า?ตอบเลยว่...
26/10/2015

เอาอีกแล้ว ชอบมาบอกว่ากินนั่นกินนี่แล้วตาย กินมาตั้งแต่เด็กไม่เห็นจะเป็นอะไร ที่ออกมาเตือนๆกันน่ะ เคยกินรึเปล่า?
ตอบเลยว่า เคยจ้ะ พี่นี่ตัวกินเลย แต่พอรู้ว่ามันมีทั้งพยาธิและแบคทีเรียก็เลิกกิน แบคทีเรียในหมูดิบนี่ร้ายมากครับ มาดูกันว่ามันร้ายยังไง
ในหมูเกือบทุกตัวจะเชื้อแบคทีเรียชื่อ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส(Streptococus suis) อยู่ในโพรงจมูกและต่อมน้ำลายของหมู อยู่ในหมูแบบชิลๆไม่ก่อโรคอะไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่หมูมีร่างกายอ่อนแอ หมูเครียด(ทะเลาะกับเมีย) หรือป่วย ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ แบคทีเรียตัวนี้จึงได้ทีเพิ่มจำนวน และติดเชื้อในกระแสเลือดของหมู จนหมูป่วยและถึงตายในที่สุด
เชื้อจากหมูติดต่อคน ได้ 2 ทาง คือ
1. ผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และเยื่อบุตา จากการสัมผัสหมูที่เป็นโรค
2.จากการกินเนื้อหมูดิบ เช่น ลาบ ลู่ ก้อย แหนม หมูกระทะที่ปิ้งย่างไม่สุก
เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ไม่เกิน 3 วัน(โดยประมาณ) จะเริ่มเป็นไข้ ปวดศีรษะ อุจจาระร่วง เชื้ออาจเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าไปสู่เยื่อหุ้มสมอง นอกจากนี้ยังทำให้เกิดหนองบริเวณปลายประสาทรับเสียงและประสาททรงตัว ทำให้หูตึง จนหูหนวก หรืออาจเกิดติดเชื้อในกระแสโลหิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ในที่สุด
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าไปสัมผัสหมูป่วย หรือกินหมูดิบนะครับ ที่ผ่านมาอาจจะโชคดีไม่เจอทั้งพยาธิหรือแบคทีเรีย แต่! ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่เราจะเป็น...รายต่อไป
Cr. ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน

อย่างที่ทราบกันดีว่า ในร่างกายของคนเรานั้น เม็ดเลือดแดงมีความสำคัญมากในการขนส่งออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ในเม็ดเลือดแดงจะ...
21/10/2015

อย่างที่ทราบกันดีว่า ในร่างกายของคนเรานั้น เม็ดเลือดแดงมีความสำคัญมากในการขนส่งออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ในเม็ดเลือดแดงจะมีฮีโมโกลบิน(Hemoglobin)เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการจับออกซิเจน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายได้รับพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เช่น นอนหลับในรถที่ติดเครื่องยนต์เอาไว้ คาร์บอนมอนอกไซด์จะเข้าไปแย่งจับกับฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้ออกซิเจนจับกับฮีโมโกลบินได้น้อยลง เมื่อเซลล์ต่างๆของร่างกาย ได้รับออกซิเจนน้อยลง จึงเกิดอาการต่างๆตามมาจนกระทั่งเสียชีวิตได้
คาร์บอนมอนอกไซด์ที่จับกับฮีโมโกลบินในเลือด จะมีชื่อเรียกว่า “คาร์บอกซีฮีโมโกลบิน” (carboxyhemoglobin) ระดับคาร์บอกซีฮีโมโกลบินในเลือดถ้ามีมากอาจทำให้เกิดอาการต่างๆรุนแรงมากตามลำดับ
ระดับคาร์บอกซีฮีโมโกลบินในเลือด 5-10% จะทำให้การสั่งงานที่ซับซ้อนของร่างกายผิดพลาดมากขึ้น 10-20% จะเหนื่อยง่าย ออกกําลังกายได้น้อยลง 20-40% มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้เป็นลม 40-60% สับสน ชัก หมดสติ มากกว่า 60 % อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
การวินิจฉัยโรคต้องอาศัยการสงสัยจากอาการ และประวัติ เป็นหลัก
เนื่องจากอาการที่กล่าวมา สามารถพบได้ในหลายโรค
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ จำเป็นจะต้องวัดระดับคาร์บอกซีฮีโมโกลบินในเลือด(HbCO) ซึ่งพบในระดับที่สูงกว่าคนปกติ (ควรพบสูงกว่า 5% ในคนที่ไม่สูบบุหรี่ และสูงกว่า 10% ในคนที่สูบบุหรี่) วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีการตรวจอย่างอื่นแม้จะไม่ค่อยจำเพาะแต่อาจใช้เพื่อประกอบการวินิจฉัยร่วมด้วย เช่น
ตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือดเพื่อประเมินภาวะการหายใจและดูภาวะกรด acidosis (ค่า PO2 มักจะปกติ, ค่า PCO2 ต่ำเล็กน้อย)
ตรวจสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ได้แก่ Troponin T,Troponin I, creatinine kinase-MB, myoglobin
ตรวจความสมบูรณ์ของเลือดเพื่อดูภาวะที่เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ (leukocytosis)
ตรวจการสร้างกรดแล็กติกในเลือด (lactic acidosis)
ตรวจดูสภาวะไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ BUN, creatinine เป็นต้น
Cr. ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน

วันนี้มีสาระดีๆมาบอกนะคะ ...ผมขอบอกว่า ผมไม่เคยลวกช้อนส้อมด้วยหม้อหุงข้าวเลย เหตุผลคือ เราต้องการทำลายเชื้อแบคทีเรียหรือ...
01/10/2015

วันนี้มีสาระดีๆมาบอกนะคะ ...ผมขอบอกว่า ผมไม่เคยลวกช้อนส้อมด้วยหม้อหุงข้าวเลย เหตุผลคือ เราต้องการทำลายเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสต่างๆใช่มั้ยครับ เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ บลาๆๆ แต่คุณรู้มั้ย การทำลายมันจะต้องใช้อุณหภูมิที่สูงกว่า98 องศาเซลเซียส และใช้เวลานานถึง 4 นาที แล้วไอ้ที่เราลวกแป๊บๆ สะบัดๆ คืออัลไรคร้าบบบ! แล้วหม้อหุงข้าวตามศูนย์อาหารมันมีอุณหภูมิน้ำไม่สูงพอ ที่จะทำลายเชื้อโรคได้ นอกจากจะไม่ตาย ยังทำให้เชื้อโรคเพิ่มจำนวนมหาศาลสะสมอยู่ในน้ำนั้นอีกด้วย น้ำก็ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ และที่สำคัญอุณหภูมิสูงกว่า 45 องศาเซลเซียส จุ่มๆไป นอกจากจะเป็นอุณหภูมิที่ยังไม่สามารถฆ่าแบคทีเรียได้ ยังทำให้มันปรับตัวเพิ่มจำนวนขึ้นอีกมากมายเพื่อให้ตัวมันอยู่รอดได้มากที่สุด สรุปว่าหม้อหุงข้าวคืออ่างจากุ๊ดชี่สำหรับไวรัสและแบคทีเรียดีๆนี่เอง นอนอาบน้ำอุ่นสบายกันจริงๆเรย...
Cr: ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน

ข้อเท็จจริง!! ในการหลอกตรวจเลือดเพียง1หยดค่ะ
27/09/2015

ข้อเท็จจริง!! ในการหลอกตรวจเลือดเพียง1หยดค่ะ

ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ระบุว่า การหลอกลวงลักษณะนี้มีมานานนับ 10 ปีแล้ว โดยจะใช้กล้องจุลทรรศน์แบบพิเศษต่อเข้ากับโทรท...

มาตรวจสุขภาพกับเราสิคะ  โทร 0989465390  Line LD :  0989465390
20/09/2015

มาตรวจสุขภาพกับเราสิคะ โทร 0989465390 Line LD : 0989465390

จากเมื่อวานที่เรารู้จักกับโรคอันตรายในกลุ่ม NCDs ไปแล้ว วันนี้เรามารู้วิธีป้องกันโรคอันตรายในกลุ่ม NCDs กันค่ะ (ตอนจบ)**...
18/09/2015

จากเมื่อวานที่เรารู้จักกับโรคอันตรายในกลุ่ม NCDs ไปแล้ว วันนี้เรามารู้วิธีป้องกันโรคอันตรายในกลุ่ม NCDs กันค่ะ (ตอนจบ)
***** สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์" ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแล อย่าลืมมาตรวจสุขภาพที่นิมคมสหคลินิกนะค่ะ โทรเข้ามาสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้เลยค่ะ
โทร 098-9465390 Line ID : 0989465390 **********

วันนี้เรามารู้จักกับสัญญาณเตือน 6 โรคอันตรายในกลุ่ม NCDs กันค่ะ (ตอนที่1)ก่อนอื่นเรามาทำความรุ็จักกับ NCDs  (Non-Communi...
17/09/2015

วันนี้เรามารู้จักกับสัญญาณเตือน 6 โรคอันตรายในกลุ่ม NCDs กันค่ะ (ตอนที่1)
ก่อนอื่นเรามาทำความรุ็จักกับ NCDs (Non-Communicable diseases) กันก่อนนะคะ ซึ่งมีชื่อภาษาไทยเรียกว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นั้นเป็นชื่อเรียก กลุ่มโรคที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส คลุกคลี หรือ ติดต่อ ผ่านตัวนำโรค (พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ หากแต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์วิธีการใช้ชีวิต ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่าง เหล้า บุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย อาหารหวานมันเค็มจัด และมีความเครียด
ตัวอย่างของพฤติกรรมและการเกิดโรค NCDs
1. โรคเบาหวาน : โรคเบาหวานประเภท 2 เกิดจากการกินหวานจัด หรือกินน้ำตาลมากเกินไปจนร่างกายเผาผลาญไม่หมด
2. โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด : เกิดจากการกินอาหารมันมากเกินไป เกินความต้องการของร่างกายและเกิดการสะสมของไขมันในเส้นเลือด
3. โรคมะเร็งปอด/ถุงลมโป่งพอง : เกิดจากการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานๆ
4. โรคความดันโลหิตสูง : เกิดได้ทั้งจากความเครียด การไม่ออกกำลังกาย การรับประทานอาหารไขมันสูง เป็นต้น
5. โรคหลอดเลือดหัวใจ : สาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดโรคคือการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด...พรุ่งนี้มาติดตามกันต่อกับการป้องกันตัวเองจากโรคกลุ่ม NCDs นะคะ.....
*****สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์" ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแล อย่าลืมมาตรวจสุขภาพที่นิมคมสหคลินิกนะค่ะ โทรเข้ามาสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้เลยค่ะ
โทร 098-9465390 Line ID : 0989465390**********
ที่มา : thaihealth

ซีบีซี การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) คืออะไร ???หลายครั้งที่เราเห็นแพทย์สั่งตรวจ CBC มาดูกันว่า CBC คืออะไร ตรวจไ...
16/09/2015

ซีบีซี การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) คืออะไร ???
หลายครั้งที่เราเห็นแพทย์สั่งตรวจ CBC มาดูกันว่า CBC คืออะไร ตรวจไปทำไม ?
ซีบีซี (CBC) หรือการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เป็นการตรวจเลือดวิธีหนึ่ง โดยเมื่อตรวจเฉพาะซีบีซี ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำดื่ม ตรวจได้ทันที
ซีบีซี เป็นคำย่อมาจาก Complete blood count เป็นการตรวจเพื่อดูการทำงานของไขกระดูก ซึ่งไขกระดูกเป็นเนื้อเยื่ออยู่ในโพรงกระดูกทุกชิ้นของร่างกาย มีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดต่างๆรวมทั้งเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด
ในการตรวจซีบีซี ในใบรายงานผลตรวจจะมีค่าปกติกำกับให้อยู่แล้ว ซึ่งต่างกันในแต่ละโรงพยาบาล ทั้งจากเทคนิค ยี่ห้อเครื่องที่ใช้ตรวจ รวมทั้งหน่วย/ค่าต่างๆที่ใช้รายงานผล ดังนั้น แพทย์จึงแปลผลตรวจจากค่าปกติที่กำกับมาในใบรายงานผล ร่วมกับอาการและการตรวจร่างกายผู้ป่วย
ที่มา : http://haamor.com/th/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%B5/

อดอาหารก่อนเจาะเลือด แล้วน้ำล่ะ ดื่มได้ไหม???พี่น้องครับ การอดหารตามแพทย์สั่งนะครับไม่ใช่การไปประท้วงอดอาหารหน้าอาคารรัฐ...
15/09/2015

อดอาหารก่อนเจาะเลือด แล้วน้ำล่ะ ดื่มได้ไหม???

พี่น้องครับ การอดหารตามแพทย์สั่งนะครับไม่ใช่การไปประท้วงอดอาหารหน้าอาคารรัฐสภา น้ำเปล่าสามารถดื่มได้นะครับ ฝากบอกต่อๆกันไป ดูปากณัชชานะคะ น้ำเปล่าดื่มได้ค่ะ น้ำเปล่า ไม่ใช่ น้ำแดง น้ำอัดลม น้ำตาลสด หรือกาแฟนะจ๊ะ (น้ำเปล่าก็จิบเอานะไม่ใช่กินเป็นลิตรๆ)

คือถ้าเราไปกินอาหารพวกนี้หรือเครื่องดื่มต่างๆที่กล่าวมา เจ้าพวกน้ำตาล หรือไขมัน ในอาหารและเครื่องดื่ม จะไปเพิ่มระดับน้ำตาล ไขมัน ในเลือด ซึ่งจะทำให้ได้ค่าที่ตรวจได้สูงเกินจริง ผลที่ได้ก็ไม่ใช่ค่าที่แท้จริงของเรา แพทย์ก็จะเอาผลตรวจที่ได้ไปใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่

โดยเฉพาะไตรกลีเซอร์ไรด์มันจะได้ค่าที่สูงเว่อร์วังกว่าความเป็นจริงมาก ค่าโคเลสเตอรอลก็เพิ่มเกินจริงบ้างเล็กน้อย ค่าน้ำตาลในเลือดนี่ก็สูงกว่าความเป็นจริง(แล้วจะไปกินทำไมเล้าาา อดเอาเนอะ) สรุปก็คือการเจาะเลือดตรวจครั้งนี้แทบบอกอะไรไม่ได้เลยถ้าไปกินอาหารหรือเครื่องดื่มมา ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมีการตรวจเบาหวานที่ไม่ต้องอดอาหารด้วยนะครับ เขาเรียกว่าตรวจ HbA1c แต่มันก็แพงกว่าและใช้ในการตรวจติดตามพฤติกรรมการกินของเรามากกว่า ไม่อยากลงลึกมากเอาเป็นว่า
//การตรวจเบาหวานส่วนใหญ่จะงดอาหาร 8 ชั่วโมง
//ตรวจไขมันงดอาหาร 12 ชั่วโมง อ้อ!!! คาปูชิโน่ด้วยเด้อออออครับ เดี๋ยวๆๆๆๆ อมฮอลล์ อมลูกอมก็ไม่ได้นะครับ มันมีน้ำตาล แหม่.....
Cr: ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน

ตรวจไต ทำไมต้องต้องตรวจหา ครีเอตินิน (creatinine)???เอาอีกแล้ว มาเรื่องยากๆอีกแล้ว คนไม่ได้เรียนมาจะเข้าใจมั้ย? แหม่...อ...
15/09/2015

ตรวจไต ทำไมต้องต้องตรวจหา ครีเอตินิน (creatinine)???

เอาอีกแล้ว มาเรื่องยากๆอีกแล้ว คนไม่ได้เรียนมาจะเข้าใจมั้ย? แหม่...อย่าลืมสิครับ เพจผมเน้นเข้าใจง่ายๆ ถ้าท่านไม่เข้าใจก็คือความผิดผมเองนั่นล่ะ อธิบายไม่รู้เรื่องเอง5555 ผมน้อมรับ
อะ!เข้าเรื่อง ผมจะพูดเรื่องการตรวจครีเอตินินในเลือดนะครับ
ครีเอตินินคืออะไร ทำไมจึงเกี่ยวกับไต? ความจริงชื่อเต็มมันคือ "ครีเอตินิน ฟอสเฟต" มันคือสิ่งที่กล้ามเนื้อเราปล่อยออกมาในเลือดทุกๆครั้งที่กล้ามเนื้อเรายืดหดหรือขยับ ไหนลองขมิบ เอ๊ย!! ลองขยับซิครับ นั่นไง ครีเอตินินถูกปล่อยออกมาในกระแสเลือดแล้ว แม้แต่การขยับและเต้นของหัวใจก็มีการปล่อยครีเอตินินออกมาในเลือด (ครูที่ตบหัวเด็กนักเรียนในข่าว ตอนง้างแล้วตบ เพี๊ยะ!!! ใช้กล้ามเนื้อขนาดนี้ครีเอตินินก็หลั่งนะครับ)
ในคนปกติสารนี้จะถูกหลั่งออกมาคงที่ในแต่ละวัน เพราะกล้ามเนื้อคนเราจะขยับและยืดหดเหมือนๆกันทุกคน
พอครีเอตินินถูกหลั่งมาในเลือด ก็เป็นหน้าที่ของไตที่จะต้องขับออกทุกวัน ถ้าไตทำงานดี มันก็จะขับครีเอตินินออกทางปัสสาวะได้ในปริมาณปกติ แต่ไม่ว่าจะขับออกยังไง ก็เหลือค้างอยู่ในเลือดอยู่ดีแต่ไม่มาก(ประมาณคร่าวๆ 0.5-1.2 mg/dL)
ดังนั้นถ้าไตมีปัญหาจะขับครีเอตินินออกทางปัสสาวะไม่ดี ค่าครีเอตินินก็จะสูงในกระแสเลือดอย่างแน่นอน ยังไงก็ตามการแปลผลต้องเป็นหน้าที่ของหมอ เพราะมีความซับซ้อนและต้องแปลผลร่วมกับการตรวจอย่างอื่น เช่น บียูเอ็น(BUN) และตัวอื่นๆร่วมด้วยครับ
Cr: ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน

ที่อยู่

42/1 (ใกล้เทศบาลท่าเรือพระแท่น) ถ. แสงชูโต ต. ท่าเรือ อ. ท่ามะกา จ. กาญจนบุรี
Amphoe Tha Maka
71130

เบอร์โทรศัพท์

098-9465390

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ นิคมสหคลินิก แผนกเทคนิคการแพทย์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง นิคมสหคลินิก แผนกเทคนิคการแพทย์:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram