สุขภาพที่ดี วิถีธรรมชาติบำบัด

สุขภาพที่ดี วิถีธรรมชาติบำบัด กดติดตามเพื่อแจ้งข่าวสาร

7 เคล็ดลับง่ายๆ! วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดีและแข็งแรง ในปีนี้หลายคนตั้งเป้าหมายการเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การเรื่...
16/05/2021

7 เคล็ดลับง่ายๆ! วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดีและแข็งแรง


ในปีนี้หลายคนตั้งเป้าหมายการเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การเรื่องงาน เป้าหมายการใช้ชีวิต รวมถึงการมีสุขภาพดีด้วย จะเห็นได้ว่าปัจจุบันคนหันมาสนใจ และใส่ใจในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ตัวเองนอนหลับสบาย มีสุขภาพแข็งแรง หรือการหลุดพ้นจากความเครียดเมื่อเราเรียนรู้ที่จะดูแลสุขภาพกายและใจตัวเองให้ดีแล้ว เราก็จะสามารถดูแลตัวเองและจัดการกับความเครียดและภาระหน้าที่ต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม



สร้างสุขภาพดีได้ด้วยตัวเอง


1. เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

อาหารกับสุขภาพเป็นของคู่กัน การที่เราจะมีสุขภาพดีได้นั้น การกินถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการดูแลตัวเอง เป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก เราจึงควรต้องกินอาหารให้พอดีและหลากหลายในแต่ละวัน เลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นไปที่โปรตีนและคาร์โบไฮเดตรที่มีประโยชน์เป็นหลัก เสริมผัก ผลไม้ที่ให้เกลือแร่และวิตามิน ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมันและอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลสูง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถกินอาหารที่คุณชอบแต่อาจจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก แถมยังรู้สึกผิดทุกครั้งที่กินเข้าไปได้ แน่นอนว่าคุณสามารถกินเค้กชิ้นเล็กๆ ชานมไข่มุก หรือเมนูประเภทปิ้งย่างได้เช่นกัน แต่ต้องระวังไม่ให้เผลอกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะถ้าหากคุณกินในปริมาณที่พอดีก็จะเป็นผลดีต่อร่างกายและจิตใจแถมยังช่วยเยียวยาอารมณ์ให้ดีขึ้นได้โดยไม่เสียสุขภาพด้วย

วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดีและแข็งแรง

2. ออกกำลังกาย

เมื่อเลือกทานอาหารที่ดีแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือการออกกำลังกาย ปัจจุบันการออกกำลังกายมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความชอบ ไลฟสไตล์ และสภาพร่างกายของแต่ละคน แต่ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายชนิดไหน ก็มีส่วนช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดีมากขึ้นทั้งนั้น

การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างอย่างหนัก แต่การออกกำลังกายที่ดีควรทำเป็นประจำ สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที และควรออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเลือกรูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับ สภาพร่างกายช่วงวัยและความถนัด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค บอดี้เวท หรือโยคะ เพราะการได้ออกกำลังกายในรูปแบบที่เราชอบ จะช่วยทำให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้น และออกกำลังกายได้อย่างไม่มีเบื่อ

3. ดื่มน้ำให้เยอะ

การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานการมีสุขภาพดีที่สำคัญขาดไม่ได้เลยในชีวิตประจำวัน แต่กลับเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม การดื่มน้ำเปล่านอกจากจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลย์ของร่างกาย บรรเทาความเมื่อยล้า ช่วยในเรื่องระบบเผาผลาญและการขับถ่าย แถมยังช่วยให้สุขภาพผิวของเราดีขึ้น

ปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายในแต่ละวัน โดยประมาณคือ 2 ลิตร ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์ สำหรับคนที่ดื่มน้ำน้อย ลองกรอกน้ำใส่ขวดไว้แล้วตั้งเป้าหมายว่าต้องดื่มน้ำเรื่อยๆ ให้หมดขวดภายในหนึ่งวัน แบบนี้ก็สามารถทำให้เราดื่มน้ำได้มากขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ สมองฝ่อ โรคตับ อีกทั้งยังมีผลต่อกล้ามเนื้อ และกระดูกในระยะยาวอีกด้วย

วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดีและแข็งแรง

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

ปัจจุบันเรา ใช้เวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ จนลืมไปว่าสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดและเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ ในการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีนั้นก็คือการนอนการนอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ อวัยวะต่างๆ จะได้หยุดพัก หรือทำงานน้อยลง เป็นช่วงเวลาที่ระบบภูมิต้านทานจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสะสมพลังงานสำรองไว้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากเรานอนครบ 8-10 ชั่วโมงต่อคืน จะทำให้เราตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่นและสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในวันถัดไปได้อย่างไม่รู้สึกเหนื่อยล้า เปรียบเสมือนการได้ชาร์ตแบตร่างกายให้เต็ม 100% ในทุกๆ วัน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าเข้านอนก็คือ ช่วงเวลาระหว่าง 22.00-02.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน เพื่อทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูระบบต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และทำให้คุณภาพการนอนได้รวมดีขึ้นอีกด้วย

5. วางแผนจัดการกับความเครียด

ความเครียดถือเป็นศัตรูตัวร้ายที่คอยบั่นทอนสุขภาพ เป็นสภาวะอารมณ์ของคนที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ จนเกิดความไม่สบายใจ วิตกกังวล และรู้สึกกดดัน หลายครั้งที่เรามักเรียกโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่สิ่งเหล่านี้มักจะแสดงออกมาทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ หรือพฤติกรรม บางคนเครียดแล้วทำให้หงุดหงิดง่าย บางคนเครียดแล้วป่วยบ่อย บางคนก็นอนไม่หลับ เราจึงควรต้องหาวิธีจัดการและบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อให้เรามีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีในเวลาเดียวกัน

การจัดการกับความเครียดนั้นทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการไปออกกำลังกาย การนั่งสมาธิฝึกจิตใจ การอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ตลอดจนการจัดสรรเวลาในชีวิตไม่ให้โฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือ จมอยู่กับความเครียดมากจนเกินไป จนอาจกระทบต่อตนเองและคนรอบข้างได้

วิธีดูแลตัวเองให้สุขภาพดีและแข็งแรง

6. ปรับวิธีคิดเพื่อเพิ่มพลังบวก

การจมอยู่กับความวิตกกังวล หรือปัญหาใดปัญหาหนึ่งมากจนเกินไป อาจทำให้กลายเป็นความเครียดสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของความทุกข์ในใจ ทำให้เกิดทัศนคติลบ จนส่งผลให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่แย่ลง ลองเอาตัวเองออกจากความกังวลเหล่านั้น และปรับมุมมองปัญหาต่างๆ อาจจะทำให้เรามองเห็นสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ไขได้ง่ายขึ้น หากเรายอมรับข้อบกพร่องและพยายามทำความเข้าใจกับมันอย่างมีสติ ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพใจที่แข็งแรง และมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้ง่ายขึ้น หรือถ้าเรามองเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ลองมองข้ามข้าม หรือปล่อยผ่านไปบ้างก็ได้

เราสามารถเพิ่มพลังบวกให้ตัวเองง่ายๆ ด้วยการ

มองโลกอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
ปรับความคิด ทัศนคติให้เป็นคนที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
เลิกเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ แต่เลือกมองหาเฉพาะเรื่องดีๆ จากสิ่งเหล่านั้นแทน
เตือนตัวเองว่าทุกเรื่องมีสองด้านเสมอ มีดีก็ต้องมีร้ายคละเคล้ากันไป
มีความสุข ยิ้ม และหัวเราะกับเรื่องธรรมดารอบตัว
พาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความคิดเชิงบวก
ข้อดีของการมองโลกในเชิงบวก นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสุภาพใจเราดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ยิ้มง่ายขึ้น กังวล หรือกดดันน้อยลงแล้ว ยังส่งผลให้สุขภาพกายเราแข็งแรงขึ้นด้วย

7. อย่าลืมไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ

บางคนอาจมองว่าตัวเองอายุยังน้อยจึงไม่เห็นความจำเป็นในการตรวจสุขภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตรวจสุขภาพเป็นประจำก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างแข็งแรง และมีสุขภาพดีในทุกๆ วัน เพราะการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เรารู้ ว่าเรามีปัจจัยเสี่ยงอะไรและควรจะต้องดูแลสุขภาพไปในทิศทางไหนบ้างเพื่อป้องกันโรคต่างๆที่เกิดขึ้นได้

ยิ่งไปกว่านั้นการตรวจพบโรคในระยะแรกแรกจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน และความรุนแรงของโรค ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที และมีโอกาสหายได้มากกว่าการตรวจพบโรคเมื่อมีอาการปรากฏมาสักระยะหนึ่งแล้ว

การตรวจสุขภาพประจำปีสามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้มีความเสี่ยง หรือเป็นผู้สูงวัยเท่านั้น

ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของการเกิดโรคมะเร็งตับ1 เพศ อายุ และถิ่นที่อยู่อาศัย โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 2-3 เท่า มักพบ...
03/02/2021

ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของการเกิดโรคมะเร็งตับ

1 เพศ อายุ และถิ่นที่อยู่อาศัย โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 2-3 เท่า มักพบในคนอายุ 30-70 ปี และพบโรคได้มากขึ้นในคนเหนือและอีสาน (จากมะเร็งท่อน้ำดี)
2 ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
3 ดื่มแอลกอฮอล์จัด ตับแข็ง (โรคมะเร็งตับมักพบร่วมกับภาวะตับแข็งได้ค่อนข้างบ่อย ประมาณ 90-95% ในบางรายงาน ส่วนผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซีที่มีภาวะตับแข็งจะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้ประมาณ 5% ต่อปี และผู้ป่วยตับแข็งจากแอลกอฮอล์จะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้ประมาณ 1-4% ต่อปี ซึ่งแม้จะหยุดแอลกอฮอล์แล้วความเสี่ยงก็ไม่ได้ลดลง)
4 การได้รับสารพิษอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารเป็นประจำ
5 โรคทางพันธุกรรมและเมตาบอลิกต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดไขมันพอกในตับมาก ๆ และเป็นตับแข็งตามมา
6 เป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับจากการรับประทานปลาดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ
7 การได้รับสารไนโตรซามีน (Nitrosamine) ซึ่งเป็นสารพิษที่พบได้ในอาหารจำพวกโปรตีนหมัก อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ผสมดินประสิว และอาหารรมควัน
8 ท่อน้ำดีในตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักพบร่วมกับโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง
9 การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาฮอร์โมนเพศชาย (ใช้สำหรับรักษาโรคโลหิตจางหรือการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ), ยาคุมกำเนิด, สารไวนิลคลอไรด์ (Vinyl chloride), สารหนู, การสูบบุหรี่ เป็นต้น

#อาการของโรคมะเร็งตับ
มะเร็งตับ ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการใด ๆ เลย (ยกเว้นในรายที่เป็นตับแข็งอยู่ก่อนที่จะมีอาการของโรคตับแข็ง) แต่เมื่อก้อนมะเร็งลุกลามมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง จุกเสียดท้องคล้ายอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด (เพราะเคมีน้ำดีในตับบกพร่อง) ในบางรายอาจมีอาการปวดหรือเสียวชายโครงด้านขวาโดยไม่มีอาการอื่น ๆ แสดงชัดเจนก็ได้ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเป็นอยู่เป็นสัปดาห์หรือนานเป็นเดือน โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่ทันได้ใส่ใจ หรือคิดว่าเป็นอาการปวดยอดชายโครงหรืออาหารไม่ย่อยทั่วไป

 #เซตคู่กำจัดมะเร็งลำไส้นวัตกรรมใหม่ไม่ต้องผ่าตัด คีโม ฉายแสง รักษาด้วยธรรมชาติ ทางออกใหม่ไม่ต้องเจ็บตัว  บริการ​จัดส่ง​...
11/01/2021

#เซตคู่กำจัดมะเร็งลำไส้
นวัตกรรมใหม่ไม่ต้องผ่าตัด คีโม ฉายแสง รักษาด้วยธรรมชาติ ทางออกใหม่ไม่ต้องเจ็บตัว บริการ​จัดส่ง​ฟรี​ทั่วประเทศ​

สายตรงผู้เชี่ยวชาญ 065-4191542,094-4666353

รู้หรือไม่....!!! #อายุเท่านี้ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง ..?? #แชร์ไปให้ถึงคนที่คุณรัก เพราะบางโรคมักไม่แสดงอาการในตอนแรก แต่หาก...
08/01/2021

รู้หรือไม่....!!!
#อายุเท่านี้ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง ..??

#แชร์ไปให้ถึงคนที่คุณรัก เพราะบางโรคมักไม่แสดงอาการในตอนแรก แต่หากปล่อยไว้ อาจลุกลามกลายเป็นโรคร้าย เรื้อรัง รักษายากในที่สุด

แล้วอย่างนี้จะรู้ได้อย่างไรว่า ในช่วงอายุของเรา
#เสี่ยงป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง ?

👉อายุ 23-45 ปี
โรคที่เสี่ยง‼️ : โรคเกี่ยวกับสายตา ออฟฟิศซินโดรม
เบาหวาน ตับ-ไต ไมเกรน กรดไหลย้อน

👉อายุ 45-60 ปี
โรคที่เสี่ยง‼️ : ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก
ผู้หญิงให้ระวัง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม
ผู้ชายให้ระวัง มะเร็งต่อมลูกหมาก

👉อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
โรคที่เสี่ยง‼️ : ต้อกระจก กระดูกพรุน
โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ

เพราะความเสี่ยงของโรคแต่ละช่วงอายุไม่เหมือนกัน การดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ หมั่นตรวจสุขภาพทุกปีเพราะทำให้เรารู้ถึงปัญหา หรือสาเหตุของโรคตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นโอกาสที่จะหาทางป้องกันและรักษาได้ให้หายได้มากกว่าเจอในขั้นที่รุนแรงแล้ว

19/09/2020
R.I.P. ”Chadwick Boseman” นักแสดงผู้รับบท Black Panther เสียชีวิตในวัย 43 ปี จากโรคมะเร็ง ลำไส้ใหญ่แชดวิก เข้ารับการตรวจ...
01/09/2020

R.I.P. ”Chadwick Boseman” นักแสดงผู้รับบท Black Panther เสียชีวิตในวัย 43 ปี จากโรคมะเร็ง ลำไส้ใหญ่

แชดวิก เข้ารับการตรวจ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 ในปี 2559 และต่อสู้กับโรคนี้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เข้าสู่ระยะที่ 4 ⁣ในท้ายที่สุด

เขาเสียชีวิตในบ้านโดยมีภรรยาและครอบครัวอยู่เคียงข้าง ⁣

แชดวิกนักสู้ตัวจริงพยายามฝ่าฟันทุกสิ่งมาโดยตลอดและนำเสนอภาพยนตร์หลายเรื่อง

ตั้งแต่ Marshall ไปจนถึง Da 5 Bloods, August Wilson’s Ma Rainey’s Black Bottom และอื่น ๆ อีกมากมายทั้งหมดนี้ถ่ายทำระหว่างการผ่าตัดและเคมีบำบัดนับไม่ถ้วน ⁣ รวมไปถึงหนังที่ทำให้ที่ทำให้ King T’Challa มีชีวิตขึ้นมาใน Black Panther ⁣และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

 #มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้าม⬛สัญญาณบอกโรค "มะเร็งต่อมน้ำเหลือง"▪️มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ เนื้องอ...
30/08/2020

#มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้าม
⬛สัญญาณบอกโรค "มะเร็งต่อมน้ำเหลือง"

▪️มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ เนื้องอกของระบบน้ำเหลืองในร่างกาย

▪️ระบบน้ำเหลือง (Lymphatic system) เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่ต่อสู้ และปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม

#สัญญาณอาการมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

อาการที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ มีต่อมน้ำเหลืองโตขึ้น ซึ่งจะคลำพบได้ง่ายในบริเวณที่อยู่ตื้น เช่นบริเวณข้างลำคอ รักแร้ เต้านม หรือขาหนีบ(ต่อมน้ำเหลืองโต ไม่ได้หมายความว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเสมอไป ทั้งนี้อาจเกิดจาก การติดเชื้อธรรมดาในอวัยวะใกล้เคียง หรือการกระจายมาของมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้เช่นกัน)

#อาการอื่นๆ ที่อาจเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเข้ามาพบแพทย์ได้แก่ ไข้ น้ำหนักลด เหงื่อออกกลางคืน ท้องอืดแน่นหรือโตขึ้น ตับม้ามโต รวมถึงมีผื่นหรือแผลเรื้อรัง
ขอบคุณที่มา โรงพยาบาลเวชธานี

26/08/2020

อยากสุขภาพดีต้องรู้‼️
5​ เคล็ดลับ​ที่ทำให้คุณ​อายุยืน

ดูแลสุขภาพอย่างปลอดภัยด้วย “ธรรมชาติบำบัด”“ธรรมชาติบำบัด” คือหลักการดูแลสุขภาพที่เชื่อว่าร่างกายสามารถเยียวยารักษาตนเองไ...
28/05/2020

ดูแลสุขภาพอย่างปลอดภัยด้วย “ธรรมชาติบำบัด”
“ธรรมชาติบำบัด” คือหลักการดูแลสุขภาพที่เชื่อว่าร่างกายสามารถเยียวยารักษาตนเองได้ เน้นการรักษาด้วยธรรมชาติ ไม่พึ่งยาแผนปัจจุบัน จัดเป็นแพทย์ทางเลือกรูปแบบหนึ่งซึ่งบางอย่างก็ได้รับการยอมรับมากในปัจจุบัน แนวทางการดูแลตัวเองด้วยธรรมชาติบำบัดอาจจะเริ่มจากสิ่งต่อไปนี้
5 พื้นฐาน ธรรมชาติบำบัด เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยตัวคุณ
1. การรับประทานอาหาร เน้นทานอาหารมังสวิรัติ ไม่ทานเนื้อสัตว์ หากกลัวได้รับโปรตีนไม่เพียงก็ทานถั่วต่างๆให้มากขึ้น การปรุงอาหารควรปรุงรสชาติให้น้อยที่สุด ส่วนวิธีการปรุงใช้วิธีนึ่ง ต้มหรือรับประทานแบบสดๆ
2. การขับถ่าย ควรขับถ่ายให้เวลาในทุกๆวัน เวลาที่เหมาะสมในการขับถ่ายคือ 05:00-07:00 น. เนื่องจากเป็นเวลาทำงานของลำไส้ใหญ่ค่ะ
3. การเข้านอน การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี เวลาที่ควรเข้านอนคือ 22:00-06:00 น. ก่อนจะนอนควรปิดไฟ งดเล่นโทรศัพท์หรือจอต่างๆ เพื่อให้ร่างกายหลับสนิท
4. การรักษาอาการป่วย หากเป็นเล็กๆ น้อยๆ ควรดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ควรทานยา เช่น เป็นหวัดคัดจมูก ลองใช้น้ำเกลือล้างจมูก จะช่วยให้หายไวโดยไม่ต้องพึ่งยา แต่ต้องเป็นน้ำเกลือที่มีมาตรฐานไม่ใช่น้ำเกลือผสมเอง ไม่อย่างนั้น อาจจะคัดจมูกมากกว่าเดิม
5. การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่าดื่มครั้งละเยอะๆ ให้จิบทีละน้อยแต่บ่อยๆ หรือดื่มเป็นครั้งๆ ครั้งละ 1 แก้วก็ได้ แนะนำว่าควรเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติจะดีต่อสุขภาพมากกว่า
การดูแลสุขภาพด้วย “ธรรมชาติบำบัด” ในช่วงแรก อาจจะทำให้การใช้ชีวิตลำบากสักเล็กน้อย เพราะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่าง แต่เมื่อค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ สักพัก จะเกิดความเคยชินและทำได้สบายๆ ในที่สุด
นอกจากวิธีการบำบัดพื้นฐานที่แนะนำมา 5 ข้อ ยังมีธรรมชาติบำบัดอีกหลายประเภท สนใจชนิดใด ลองกดอ่านกันได้นะค่ะ

ที่อยู่

Amphoe Thoeng
57230

เบอร์โทรศัพท์

+66843656784

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สุขภาพที่ดี วิถีธรรมชาติบำบัดผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง สุขภาพที่ดี วิถีธรรมชาติบำบัด:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท