คลินิกเด็กหมอพัชรินทร์ วังทอง

คลินิกเด็กหมอพัชรินทร์ วังทอง รักษาโรคเด็ก ผู้ใหญ่ทั่วไป ฉีดวัคซ? รักษาโรคเด็ก ผู้ใหญ่ทั่วไป ฉีดวัคซีน(เด็ก,ผู้ใหญ่) พ่นยา ทารกแรกเกิด ตรวจสุขภาพ

26/10/2022

คลินิกปิดให้บริการนะคะ
ขออภัยในความไม่สะดวก
รักษาสุขภาพนะคะ
🙏🙏🙏

13/01/2022

คลินิกปิดยาว
ไม่มีกำหนดเปิดนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
🙏🙏🙏🙏

📍ปรับพฤติกรรมลูกด้วยวิธีดีดี .. ไม่ตีตราว่า _ดื้อ_
13/11/2021

📍ปรับพฤติกรรมลูกด้วยวิธีดีดี .. ไม่ตีตราว่า _ดื้อ_

QA1806

“คุณหมอคะ ลูกอายุ 3ขวบ บอกไม่ค่อยฟังเลย เขาดื้อ แต่เราพูดเขารู้เรื่องหมดค่ะ น้องพูดเก่ง ชอบฟัง ร้องเพลง เต้น ร่าเริง สดใสตามวัย แต่สิ่งหนึ่งที่เขามักจะเป็นคือ ดื้อรั้น เราบอกห้าม เหมือนยุให้ทำ ล่าสุดวันนี้ล็อครถเอง ติดอยู่ในรถ 20นาที ร้องไห้ พ่อแม่พยายามให้เขาเปิดเขาก็พยายามเปิดค่ะ น้องจะเป็นแบบนี้ตลอด ถ้าเราลงรถก่อนเขาเขาจะล็อครถทันที ถ้าเข้าบ้านเขาเข้าก่อน เขาก็จะปิดบ้าน ล็อคบ้านทันที แม่ไม่รู้ทำงัยดีค่ะ ทั้งดุ ทั้งตี คือ คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย 😭😭”

เรียนคุณแม่

มีคำว่า “ดื้อ” 2 ที่เลย แบบนี้เราเหน่ยแย่
ขั้นแรก เรา delete คำนี้ออก ป้ายแล้วกดลบ เห็นมั้ย - ง่าย 🤣

เด็กมิได้ดื้อ เขาทำหน้าที่ของเขา คือหน้าที่ของเด็ก 3 ขวบที่พลังกล้ามเนื้อแขน ขา และนิ้วมือมาเต็ม ดังนั้น

1.เขาจะทดลองพลังของแขน ขา และนิ้วมือตนเอง เรื่อยๆจนกว่าจะมั่นใจว่าแขน ขา และนิ้วมือทำอะไรได้บ้าง

เขาไม่ฟังพ่อแม่ง่ายๆ เพราะ

2.เขาจะทดสอบพ่อแม่ว่าเอาจริงจริงหรือเปล่า เขาจะทดสอบจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าท่านมั่นคงและเอาจริง จริงๆ เขาจะทดสอบกฎ กติกา มารยาท จนกว่าจะมั่นใจว่าสังคมจะเอาอย่างไร

เขามีสมองที่ดี รู้จักล็อครถ ควรดีใจที่เขาฉลาด แต่

3.ห้ามทำร้ายคนอื่น
ห้ามทำร้ายตนเอง
และห้ามทำลายข้าวของ
เป็นกฎ 3 ข้อแรกที่ไม่ให้ทำครั้งที่สอง
กรณีล็อครถเป็นกรณีมีความเสี่ยง เราควรเอาจริงมากกว่าที่เคย

เด็กจะทำข้อ 1-2 มากมาย ตลอด 5 ปีนับจากนี้ไป ถ้าคุณแม่ไม่อยากบ้า ดังนั้น

4.ไปหาพื้นที่สงบศึก คือพื้นที่แก้บ้าทั้งสองฝ่าย กว้างๆ โล่งๆ ให้เขาทำข้อ 1-2 ได้ตามสบายโดยเราไม่ห้ามอะไรเลย ยกเว้นข้อ 3 แล้วปล่อยทำไปเรื่อยๆครับ

สุดท้ายอย่าลืม “เอาน้ำดีไล่น้ำเสีย” วันไหนเขาสงบเรียบร้อยดี อย่าลืมดึงมากอดแล้วพูดชัดๆว่าแม่ชอบอะไร มิใช่วันไหนเละ เราด่า วันไหนดี เราเฉย

สุดท้ายอีกที ถ้าแม่ควบคุมอารมณ์ตนเองมิได้แล้ว ไป

1.กินกาแฟดำขมๆ
2.ออกกำลังกายทุกวัน
3.แต่งตัวสวยๆ ซื้อครีมบำรุงผิวดีๆ

#พูดจริงใครว่าพูดเล่น

ดอกบัวตองบ้านไม้ยา เชียงราย บานแล้วเด้อ

… ทำไง ให้พี่น้อง “รักกัน” ..
16/09/2021

… ทำไง ให้พี่น้อง “รักกัน” ..

#เลี้ยงพี่น้องให้รักกัน

1. อย่าเสียเวลาไปกับการสั่งว่า "เป็นพี่ต้องรักน้อง"

ความรักไม่ใช่ประโยคคำสั่ง ความรู้สึกไม่ใช่เรื่องสั่งได้ เด็กๆไม่ได้รักใครตามสัญชาติญาณ

แต่ความรักของเด็กๆ เกิดขึ้นจากการพบว่าตัวเองเป็นที่รัก และพบว่าการพี่มีน้องเป็นเรื่องดีๆในชีวิต

ทำให้พี่รู้สึกดีกับน้อง จากการพบว่ามีน้องแล้วชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่มีภาระหรือมีความกดดันที่มากขึ้น ลองหลีกเลี่ยง..."ต้องรักน้องนะ" "ต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องด้วยล่ะ"

เปลี่ยนเป็น

"แม่ดีใจที่หนูจะได้มีเพื่อนเล่น คอยดูแลกัน"
"น้องต้องดีใจแน่ๆ ที่มีพี่ที่น่ารักอย่างลูก"
“น้องเค้าก็รักลูกมากเลยน้า”

อยากให้พี่น้องรักกัน อย่าใช้แต่คำพูด แต่ "ทำ" ให้พี่น้องรักกัน ด้วยการทำให้พี่น้องรู้สึกดีต่อกันและรู้สึกดี "กับตัวเอง"

2. เลี่ยงประโยคทำให้พี่น้องไม่ชอบขี้หน้ากัน

"ต่อไปต้องเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ"
"ดูสิ เห็นมั้ยน้องเก่งกว่าอีก"
"ถ้าดื้อ แม่จะรักน้องคนเดียวละนะ"

คำพูดเหล่านี้ หลายทีพูดออกมาด้วยความล้อเล่น หรือหวังผลให้ลูกทำตัวให้ดีขึ้น แต่มักส่งผลร้ายให้พี่น้องแข่งกัน เปรียบเทียบกัน ไปจนถึงเกลียดกันมากขึ้น

3. เลี่ยงประโยคคลาสสิค ที่ทำให้พี่ไม่รู้จะมีน้องมาทำไม

"เป็นพี่ก็ยอมน้องหน่อย"
"เป็นพี่ต้องเสียสละ"
"เป็นพี่ต้องเป็นแบบอย่าง"

ประโยคเหล่านี้มักทำให้พี่ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าน้อง และน้องมักจะเสียนิสัย

เด็กๆไม่ได้ตกลงกันมาว่าใครจะมาเป็นพี่ เด็กทุกคนล้วนกำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ ทุกคนควรฝึกการเคารพกติกา เคารพสิทธิกันและกัน ฝึกเสียสละ และฝึกแบ่งปัน

4. เข้าใจธรรมชาติว่าพี่น้องต้องทะเลาะกัน "เป็นธรรมดา"

ไม่มีใครอยู่ด้วยกันจะปรองดองกันได้ตลอดเวลา การแสดงการทะเลาะกันออกมา ก็ดีกว่าต่างคนต่างอยู่

การทะเลาะกัน ทำให้อีกฝ่ายสามารถเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของอีกฝ่ายได้มากขึ้น

แทนการโวยวาย อารมณ์เสีย ทุกครั้งที่ลูกทะเลาะกัน
ให้ชมลูกบ่อยๆ เวลาที่ลูกเล่นกันได้ดี “

แม่มีความสุขมากเลย ที่วันนี้ลูกสองคนเล่นกันสนุกเลย”

5. อย่าทำตัวเป็น “ศาล” คอยจ้องหาว่าใครผิด

อย่าทำให้ลูกติดนิสัย ต้องคอยหาใครมาตัดสินผิดถูก สิ่งที่ต้องท่องไว้

"ลูกไม่ได้ต้องการศาล ลูกต้องการคนมาช่วยแก้ปัญหา"

เวลาเข้ามาช่วย ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรับฟังกันและกัน ว่าปัญหาคืออะไร แต่ละฝ่ายรู้สึกอย่างไร ให้ "ลูก" ช่วยกันคิดว่าลูกจะแก้ปัญหาอย่างไร (เช่น ใครจะเล่นก่อน จะสลับกันอย่างไร) เราควรฝึกลูกให้แก้ปัญหาและสร้างข้อตกลงได้ โดยการไม่เข้าไปตัดสินผิดถูกหรือเลือกข้าง (ซึ่งอย่างหลังนอกจากทำให้พี่น้องไม่ชอบหน้ากัน ลูกจะเริ่มหันมาไม่ชอบหน้าพ่อแม่)

6. ทำความเข้าใจใหม่ในเรื่อง "ความยุติธรรม"

ความยุติธรรมไม่ใช่การทำอะไรให้เหมือนกัน ไม่ต้องซื้อของให้เท่ากันทุกครั้ง ไม่ต้องได้สิทธิทุกอย่างเท่าเทียม

"ความยุติธรรม" คือการตอบสนองที่ทำให้แต่ละคนได้สิ่งที่ตนเองพอใจ หรือไม่ได้สิ่งที่แต่ละคนไม่ควรจะได้รับ

สอนให้เคารพสิทธิ ไม่ใช่อะไรๆ ก็อ้างความเป็นพี่ให้ต้องเสียสละให้น้อง

7. เด็กทุกคนต้องการพื้นที่ส่วนตัว

พ่อแม่ควรมีเวลาที่จะให้กับลูกแต่ละคนแยกกัน เวลาที่แต่ละคนจะเล่นกับพ่อแม่ พูดคุย ปรึกษาปัญหา พี่น้องไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

การมีเวลาให้ลูกแต่ละคนเป็นส่วนตัว แสดงถึงการเห็นความสำคัญและความหมายในตัวตนของทั้งพี่และน้อง

เอาแค่นี้ก่อนนะคะเดี๋ยวยาว หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ ^^

#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
ผู้เชื่อว่าการมีพี่น้องที่ดีเป็นเรื่องดีของชีวิต (และในทางตรงข้ามก็เกิดได้เช่นกัน 😂😂)

บทความปรับจากหนังสือ เลี้ยงบวกลูกบวก

ป.ล. ท่าน พส จะไปทุกวงการไม่ด้ายยยยย 😂😂😆

01/09/2021

คลินิกปิดให้บริการระยะยาวหลายเดือนนะคะ
น่าจะเปิดให้บริการอีกทีปีหน้า
เวลาที่แน่นอนจะแจ้งในภายหลังเมื่อใกล้เปิดนะคะ

23/08/2021

คลินิกจะเปิดให้บริการ 23-27 ส.ค. 64 เป็นสัปดาห์สุดท้าย จากนั้นจะปิดให้บริการหลายเดือนนะคะ
ขอให้น้องๆที่มีนัดฉีดวัคซีนมารับบริการภายในสัปดาห์นี้ค่ะ.รักษาสุขภาพนะคะ..

12/08/2021

วันนี้ 12/8/64
คลินิกหยุด 1 วันนะคะ

อยู่บ้านว่างๆหากิจกรรมทำกับลูกกันนะคะ
24/07/2021

อยู่บ้านว่างๆหากิจกรรมทำกับลูกกันนะคะ

 #อ่าน_เล่น_ทำงาน .. เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น
14/07/2021

#อ่าน_เล่น_ทำงาน .. เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น

คำถาม “เด็กปฐมวัย (0-6 ปี) มีความจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรบ้าง?”
คำตอบสั้นๆ “งานหลักของเด็กปฐมวัย คือ การเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในวัยถัดไป ผ่านการฝึกช่วยเหลือตัวเองตามวัย การเล่น การฟัง(นิทาน)”
**********
คำตอบยาวๆ ...
หากอ้างอิงตามพัฒนาการตามทฤษฎีพัฒนาการทางจิตสังคมของ (Psychosocial Development) อีริก อีริกสัน จะเห็นถึงความสำคัญที่เด็กควรทำได้และสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรมอบให้ในแต่ละช่วงวัย โดยเรียงลำดับตามขั้นบันไดพัฒนาการ ดังนี้...
บันไดขั้นที่ 1 สร้างสายสัมพันธ์ พัฒนาความเชื่อใจ สร้างพ่อแม่ลูกที่มีอยู่จริง
“พัฒนาการขั้นแรกของมนุษย์ (วัย 0-2 ปีแรก) เริ่มจากการที่พ่อแม่ต้องสร้างความเชื่อใจ (Trust) ให้กับลูก
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ คือ “การมีเวลาให้กับลูกเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน" เพราะเด็กเล็กที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เมื่อเข้าร้องไห้เพราะหิว หรือร้องไห้เพราะเปียกแฉะไม่สบายตัว หรือ เพราะต้องการให้ปลอบประโลม ถ้าพ่อแม่ตอบสนองเขา เด็กจะรับรู้ว่า “สายสัมพันธ์ที่เขามีระหว่างพ่อแม่กับตัวเขานั้นมั่นคงและปลอดภัย”
"การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง” ถือเป็นอีกกิจกรรมที่พ่อแม่สามารถทำได้ทุกวัน
ทุกครั้งที่พ่อแม่นั่งลงเพื่ออ่านหนังสือให้ลูกฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา รวมทั้งสมองของลูกที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นจากการที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้เขาฟัง
ที่สำคัญ ก่อนที่เด็กๆ จะเรียนรู้ “การฟังและทำตามคำบอกของพ่อแม่” เสียงของพ่อแม่จำเป็นต้องมีความสำคัญสำหรับลูกเสียก่อน
ซึ่งการอ่านหนังสือนิทาน นอกจากเด็กๆ จะได้ยินเรื่องราวและมองเห็นภาพในหนังสือนิทานแล้ว เขายังได้ยินเสียงของพ่อแม่ และเสียงพ่อแม่มีความสำคัญสำหรับเขา เพราะช่วงเวลานิทานที่เต็มไปด้วยความสนุก เด็กๆ จะเชื่อมโยงความสุขที่เกิดขึ้นกับเสียงของพ่อแม่ และความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยกับช่วงเวลาที่พ่อแม่อยู่กับเขา
**********
บันไดขั้นที่ 2 พัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง ผ่านการใช้ร่างกายเพื่อช่วยเหลือตัวเอง
“พัฒนาการขั้นที่สองของมนุษย์ (วัย 2-3 ปี) คือ ความเป็นตัวของตัวเอง (Autonomy)” เด็กวัยนี้มีอิสรภาพทางร่างกายมากขึ้น เขาสามารถคลาน เดิน วิ่ง และหยิบคว้าอย่างรวดเร็ว เพราะกล้ามเนื้อของเขาเริ่มแข็งแรงพอจะเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง แต่อาจจะกะน้ำหนักมือไม่ได้และยังไม่คล่องแคล่วมากนัก ทำให้เขาอาจจะทำน้ำหก ทำของหลุดมือ จับของแล้วเผลอบีบจนเละคามือ และหกล้มได้บ่อยครั้ง
ดังนั้นความสามารถที่ต้องพัฒนามาพร้อมกับด้านร่างกาย คือ “การควบคุมร่างกายตนเอง” ซึ่งทักษะนี้จะเกิดขึ้นได้ หากเด็กได้ลงมือทำ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ของเด็กวัยนี้ ได้แก่...
(1) “การสอนเด็กช่วยเหลือตัวเองตามวัย (Self-care) เพื่อให้เขาได้ฝึกทำอะไรด้วยตนเอง” ได้แก่ การกิน การล้างหน้าแปรงฟัน การอาบน้ำ การถอด-ใส่เสื้อผ้า การถอด-ใส่รองเท้า การเก็บของเล่น และการเข้าห้องน้ำ
สุดท้าย เด็กที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่แค่เพียงทำให้พ่อแม่สบายใจที่ปล่อยลูกไปสู่โลกภายนอก แต่เป็นความมั่นใจที่เกิดขึ้นในตัวเด็กด้วยว่า “เขาสามารถทำได้” เด็กจะพร้อมเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างมีความสุขเพราะฐานของเขานั้นมั่นคงและเเข็งแรง
(2) “การให้เด็ก ๆ เล่นโดยใช้ร่างกายให้มากที่สุด เพื่อสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่ที่แข็งแรงพร้อมสำหรับการเรียนรู้ขั้นต่อไป และเพื่อกระตุ้นประสารสัมผัสทางกายต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เด็กๆ สามารถปรับตัวกับสังคมในวัยถัดมา อย่าเพิ่งมุ่งอ่านเขียนเป็นสำคัญ"
เล่นปีนป่าย เช่น ปีนเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น ปีนต้นไม้
เล่นกับธรรมชาติ เช่น เล่นน้ำ เล่นดิน เล่นทราย เล่นโคลน เล่นใบไม้ ใบหญ้า เรียงหิน เป็นต้น
เล่นเลอะเทอะ (Messy play) เช่น เล่นกับอาหาร ได้แก่ ข้าวสารแห้ง เส้นมักกะโรนี เส้นสปาเก็ตตี้ หั่นผักผลไม้ แป้งข้าวโพดใส่น้ำ เป็นต้น
*ศิลปะ สำหรับเด็กวัยนี้ก็ถือว่าเป็นการเล่นได้เช่นกัน เมื่อเด็กๆ ละเลงสี หรือ วาดเส้นไปทั่วกระดาษ ร่างกายของเขาได้เคลื่อนไหว สมองได้สร้างสรรค์ และเขารู้สึกสนุกกับการเล่นนี้
เล่นทำงานบ้าน เช่น ช่วยแม่ทำอาหาร ช่วยพ่อล้างรถ ช่วยกวาดพื้น ถูพื้น ซักผ้า เป็นต้น
เพราะการเล่นเช่นนี้ทำให้เด็กได้ทดสอบร่างกายของตนเอง และส่งเสริมให้ร่างกายได้ใช้งานอย่างเต็มที่นั้นเอง
เมื่อเด็กรับรู้ว่า “ตนเองสามารถทำสิ่งใดได้ด้วยตนเอง” เขาจะรับรู้ถึงความสามารถของตน ซึ่งนำไปสู่ความภาคภูมิใจ และความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง (Sense of Autonomy) และการควบคุมตนเอง (Self Control) จะเกิดขึ้นตามมา
**********
บันไดขั้นที่ 3 พัฒนาความคิดริเริ่มและลงมือทำตามความคิดผ่านการเล่น เพื่อเตรียมความพร้อมออกสู่โลกกว้าง
“พัฒนาการขั้นที่สามของมนุษย์ (วัย 3-5 ปี) คือ การเป็นผู้คิดริเริ่ม (Innitiative)” เด็กวัยนี้เริ่มมีความคิดริเริ่มอยากจะทำอะไรด้วยตนเอง พวกเขาจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด
นอกจากนี้จินตนาการจะเข้ามามีส่วนสำคัญในโลกของเด็กวัยนี้เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้การเล่นจึงเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนาร่างกาย จิตใจ ความคิด อารมณ์ และสังคมของเด็กวัยนี้เป็นอย่างมาก การเล่นทำให้เด็กๆ สามารถทดลองทำตามความคิดของตนเอง และความสนุกที่เกิดจากอิสระทางความคิดได้ปลดปล่อยให้เด็กๆ เล่นตามจินตนาการอย่างสนุกสนาน การเล่นที่เข้ามามีบทบาทสำคัญของเด็กๆ วัยนี้ ได้แก่...
การเล่นปรากฏในรูปแบบการทำกิจกรรมศิลปะ ประดิษฐ์ และสร้างสรรค์งานต่างๆ อย่างอิสระ
การเล่นบทบาทสมมติ เช่น การสมมติให้ตัวเองหรือพ่อแม่และคนรอบตัวที่เล่นด้วยเป็นสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ การสมมติให้สิ่งของรอบตัวเป็นอะไรก็ตามในจินตนาการของตน
การเล่นทดลองเพื่อตอบคำถามสิ่งที่เด็กๆ อยากรู้
การเล่นตามกติกาอย่างง่าย เช่น เกมโดมิโน เกมจับคู่ เกมบิงโก เป็นต้น
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ของเด็กวัย 3-5 ปี คือ “การอนุญาตให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างที่เด็กวัยเขาควรได้เล่น และได้ทดลองสิ่งที่เขาอยากรู้ โดยมีพ่อแม่คอยดูแลและสนับสนุน”
***
"การเตรียมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเล่นของเด็ก"
(1) พื้นที่ที่ปลอดภัย
ปิดรูปลั๊กไฟ ไม่มีของอันตราย หรือ ของที่อยู่สูงเกินเด็กเอื้อมถึง และหากเลอะเทอะแล้วทำความสะอาดในภายหลังได้อย่างง่ายดาย อาจจะใช้การปูผ้ายางกันเปื้อนก่อนจะปล่อยให้เด็กๆ เล่น
(2) วัตถุดิบและอุปกรณ์สำหรับเล่น
ของเล่นต่างๆ ทั้งแบบ Free form และสำเร็จรูป เช่น บล็อกไม้ ตัวต่อพลาสติก ตุ๊กตา รถของเล่น เป็นต้น
วัสดุและวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น หิน ดิน ทราย ไม้ ใบไม้ ดอกไม้ เป็นต้น
(3) อุปกรณ์สำหรับสร้างสรรค์งาน เช่น
กาว กรรไกร สีต่างๆ ทั้งนี้ผู้ใหญ่ควรสอนให้เด็กๆ ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นให้ถูกวิธี ก่อนจะมอบให้พวกเขาไป และในเด็กเล็กต่ำกว่า 6 ปี ผู้ใหญ่ควรให้การดูแลระหว่างที่เด็กๆ ใช้อุปกรณ์เหล่านี้
***
คำถาม “ปล่อยเด็กเล่นอิสระ โดยปราศจากการควบคุมชี้นำ แล้วถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่จะควบคุมเขาได้อย่างไร?”
คำตอบ “การเล่นอิสระ” ไม่ได้เท่ากับ “การปล่อยปละละเลย” เพราะ ก่อนปล่อยเด็กๆ เล่น ผู้ใหญ่มีหน้าที่บอกกติกาหรือขอบเขตให้ชัดเจน
ข้อ 1 เราจะไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
ข้อ 2 เราจะไม่ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
ข้อ 3 เราจะไม่ให้ข้าวของเสียหาย
หากเล่นแล้ว ทำผิดกติกา ผู้ใหญ่มีหน้าที่ย้ำเตือนเรื่องกติกาที่เราตกลงกัน โดยอาจจะตกลงกับเขาไว้ว่า “แม่จะเตือนลูก 2 ครั้ง ถ้าเกิดครั้งที่ 3 แม่จะเข้าใจว่า ลูกไม่พร้อมเล่นสิ่งนี้ เพราะลูกไม่ควบคุมตัวเอง”
นอกจากให้กติกาควบคุมเด็กแล้ว ก่อนจะเล่นกำหนดเวลาให้ชัดเจนว่าเล่นได้ถึงเมื่อไหร่ แล้วเมื่อหมดเวลาให้ตารางเวลาคุมเขา พ่อแม่ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมสั่งการเด็ก แต่เรามีหน้าที่ควบคุมกติกาให้ชัดเจน และสอนเด็กให้ปฏิบัติตาม
ส่วนประกอบสุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับการเล่นของเด็กๆ ก็คือ “ความกล้าหาญ” ของพ่อแม่ที่จะปล่อยให้ลูกเล่นอิสระ(ภายใต้ขอบเขตของกติกาที่ชัดเจน)
**********
สุดท้าย งานหลักของเด็กปฐมวัย คือ การฝึกช่วยเหลือตัวเองตามวัย การเล่น และการฟัง(หนังสือนิทาน) เพื่อเตรียมร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่ สมอง และจิตใจ ให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในขั้นวัยถัดไป
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา
อ้างอิง
Widick, C, Parker, C A, & Knefelkamp, L (1978) Erik Erikson and psychosocial development New directions for student services, 1978(4), 1-17

10/07/2021

เดือน ก.ค.-ส.ค. คลินิกเปิดวันจันทร์ - วันศุกร์
เวลา 17.00-19.00 น.
หยุดทุกวันเสาร์และอาทิตย์นะคะ

 #เล่านิทานกับลูกทุกวันนะคะ
03/07/2021

#เล่านิทานกับลูกทุกวันนะคะ

 #ทำความเข้าใจ_วัยทอง_ของลูก
10/06/2021

#ทำความเข้าใจ_วัยทอง_ของลูก

#ทำความเข้าใจ วัยทอง 1 2 3 4 ขวบ ของลูก
#พ่อแม่รับมือยังไงดี

พฤติกรรมตามวัยของลูกน้อย
ไม่ว่าจะวัยทองช่วงอายุไหนๆ
รับมือดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
#ไม่ต้องรีบร้อนนะค้า
การปรับพฤติกรรมต่างๆของเด็กน้อย
ต้องใช้เวลา รวมถึงความรักความเข้าใจ
พฤติกรรมไหนที่ยังแก้ไม่ได้ ปรับ และทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นผลค่ะ ^^

#หลักการสำคัญคือ จัดการอารมณ์แม่ก่อน
แล้วจึงไปจัดการอารมณ์ลูกนะค้า

เมื่อก่อนหมอก็เป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างใจร้อน
พอมีลูก...ก็ยังใจร้อน😅 แต่น้อยลงมาก
พยายามพัฒนาให้ตัวเองใจเย็นขึ้น
มีปรี๊ดบ้างสมัยรับมือกับช่วงพีควัยทอง
ที่ลูกเริ่มแสดงอาการมากๆในช่วง 2 ขวบเป๊ะๆ

มีครั้งหนึ่งลูกไม่ยอมใส่กางเกง
ลูกโยนกางเกงใส่แม่ ...
แม่ปรี๊ด โยนกลับใส่ลูกทันใด
คือ “ #โยนมาโยนกลับไม่โกงค้า” 555
และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณพ่อกำลังส่องกล้องวงจรปิด ดูว่า แม่ลูกเค้าทำอะไรกันอยู่น้าาา ???
จังหวะมันช่างบังเอิญเป็นเรื่องจริงผ่านจอ
คุณพ่อบันทึกเหตุการณ์และกดส่งมาให้หมอ

กรี๊ด!!! นี่ชั้นเหรอเนี่ย😱 #ทำไมช่างโหดร้าย
การได้เห็นภาพในบางมุมที่เราเผลอแสดงตัวตนออกไป มันเตือนสติได้ดีมากๆ ภาพลักษณ์ดีๆของชั้นหายไปหมดเลย 555 ...

ตอนนั้นหมอให้เหตุผลกึ่งแก้ตัวไปว่า...
“ก็แม่เหนื่อยง่ะ แม่ง่วง และก็หงุดหงิดน่ะ 😔
นี่ถ้าลูกยอมใส่กางเกงดีๆก็คงไม่มีเหตุการณ์นี้”
พอไตร่ตรองดีๆ นี่เรากำลังโยนความผิดให้ลูกน้อยวัย 1 ขวบกว่าๆรึเนี่ย เราไปคาดหวังกับลูก
แล้วพอรับมือไม่ไหว #ก็โทษลูก

มันไม่ค่อยยุติธรรมกับลูกที่ยังไม่ประสีประสามากนักเลยเนอะ ลูกยังตัวเล็กจ้อย แม่ตัวโตกว่าหลายเท่ามาก จริงอยู่ว่า...เราเองก็เพิ่งมีประสบการณ์การเป็นแม่เท่าๆกับอายุลูก #แต่สมองและชีวิตเราผ่านการคิดและประสบการณ์ในโลกใบนี้มามากกว่าลูกตั้งหลายปี แม่ขอโทษนะ แม่ผิดเองที่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ต่อไปแม่จะพยายามให้ดีขึ้นน้าาา ^^

เมื่อแม่ทำผิด การโทษลูกจึงเป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้น
แต่ก็เตือนตัวเองไว้เสมอว่า “ควรทำผิดพลาดกับคนที่เรารักและรักเราให้น้อยที่สุด” 😊

#หลังจากวันนั้น ก็ปรับตัว ไม่ปรี๊ดใส่ลูกอีกเลย
และระลึกอยู่เสมอว่า ลูกมองเราอยู่ทุกวินาทีพร้อมจะเลียนแบบและจดจำ และเช่นเดียวกัน คุณพ่อก็อาจส่องเราอยู่ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ทำพลาดอีกแล้วจ้า 555

เหมือนเป็นการฝึกจิต ที่มีผลดีกับตัวเองและลูก
พูดไปเหมือนโลกสวย แต่ถามว่าทำได้ไหม
“ทำได้ค่ะ” พยายามทำเท่าที่เราจะทำได้ดีที่สุด
ลูกเป็นเด็กแค่ครั้งเดียว เวลาผ่านแล้วผ่านเลย

~~~~~~~~~~🧸🧸🧸~~~~~~~~~~~~~

ลูกเรียนรู้ทุกวัน พฤติกรรมลูกก็เปลี่ยนทุกวัน
ลูกอาจเลิกทำสิ่งนั้น ไปทำสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า
ไปตามวัยและพัฒนาการของลูก

เมื่อลูกโตขึ้น ถ้าพ่อแม่รับมือดีเหมาะสม
พฤติกรรมงอแง เอาแต่ใจของลูกจะค่อยๆลดลง
ถ้ารู้สึกว่าลูกยังดื้อมากกกกกก มากๆ
ให้ลองทบทวนวิธีรับมือ ว่ามีจุดไหนที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ และเริ่มปรับที่พ่อแม่เอง
ให้เวลากับลูกมากขึ้น
ชวนลูก “อ่าน เล่น ทำงานบ้าน”

#เมื่อพ่อแม่ปรับลูกก็เปลี่ยน

📍ในภาพเป็นตัวอย่างพฤติกรรมของลูกที่พบเจอในแต่ละช่วงวัย บวกลบผสมผสานกันไปได้ค่ะ
📍หมอรวบรวมบทความเรื่องการรับมือวัยทองของลูกน้อยที่พบตามช่วงวัย และหมอเองนำมาปรับใช้ วันนี้ค่อยๆเห็นผล แม้ยังไม่ชัดเจน แต่ก็ชื่นใจ
รู้สึกว่าเราคุยกับลูกได้ และลูกก็เข้าใจ

#เมื่อแม่มีความสุขลูกก็จะมีความสุข

🌼20 ข้อ ที่พ่อแม่ควรรู้ก่อนจะปรี๊ดใส่ลูก
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2740736106216620/?d=n

🌼วัยสร้างตัวตน วัยทอง 1 ขวบ
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2510360212587545/?d=n

🌼รับมือวัยทองสองขวบ
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2462329894057244/?d=n

🌼ปรับคำพูด(ปรับใจ) รับมือลูกๆว้ยทอง
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2673552849601613/?d=n

🌼คำพูดและเทคนิคพิชิตใจวัยทอง2ขวบ
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2464612843828949/?d=n

🌼ระงับความเกรี้ยวกราดในใจแม่
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2637353083221590/?d=n

🌼ยิ่งห้ามก็ยิ่งทำ ปัญหาใหญ่หนักใจแม่
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2657493347874230/?d=n

🌼ดุอย่างไรให้สมองเด็กพัฒนา
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2644011129222452/?d=n

🌼ชมอย่างไรให้สมองเด็กพัฒนา
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2618388005118098/?d=n

🌼การร้องอาละวาด
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2649335432023355/?d=n

🌼รับมือลูกชอบกรี๊ด งอแง อาละวาด
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2605063516450547/?d=n

🌼20ถ้อยคำทำร้ายลูก
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2600182533605312/?d=n

🌼3 วิธี รับมือพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของลูก
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2570736233216609/?d=n

🌼คำพูดเชิงบวกช่วยให้เด็กเติบโต
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2668702603419971/?d=n

🌼5เทคนิคส่งเสริมการเลี้ยงลูกเชิงบวก
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2678496052440626/?d=n

🌼ตีลูก ส่งผลเสีย นำไปสู่พฤติกรรมเชิงลบ
https://www.facebook.com/2123519511271619/posts/2739423143014583/?d=n

~~~~~~~~~~🧸🧸🧸~~~~~~~~~~~~~
🧡ถ้ามีประโยชน์ฝากกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้หมอด้วยนะค้าา
✔️ติดตามสาระการเลี้ยงลูกและเรื่องของเด็กๆฉบับใช้จริงได้ที่ : https://www.facebook.com/Junjis-Story-by-หมอรวงข้าว-2123519511271619/
❌ #ไม่อนุญาตให้copyรูปและคอนเทนท์ไปใช้ในเพจอื่นๆนะคะ❌(แชร์โพสต์นี้แบบ original ไปดีกว่าน้าา)
~~~~~~~~~~🧸🧸🧸~~~~~~~~~~~~~
หมอรวงข้าว
กุมารแพทย์

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะค้า....
(หากกำลังทุกข์ใจ ฝากคำถามหรือระบายไว้ใต้โพสต์นี้ได้ค่ะ ❤️)

ที่อยู่

52/1 Rajaprek Road
Amphoe Wang Thong
65130

เวลาทำการ

จันทร์ 16:30 - 19:15
อังคาร 16:30 - 19:15
พุธ 12:00 - 13:00
16:30 - 19:15
พฤหัสบดี 16:30 - 19:15
ศุกร์ 16:30 - 19:15
เสาร์ 10:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66895320804

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกเด็กหมอพัชรินทร์ วังทองผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท