คลินิกแพทย์อุเทน

คลินิกแพทย์อุเทน บริการ คุณภาพ ประทับใจ ไม่ต้องรอ

**ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Disease)** คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ไนซีเรีย เมนิงไจทิดิส (𝘕𝘦𝘪𝘴𝘴𝘦𝘳𝘪𝘢 𝘮𝘦𝘯...
29/10/2025

**ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Disease)**

คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ไนซีเรีย เมนิงไจทิดิส (𝘕𝘦𝘪𝘴𝘴𝘦𝘳𝘪𝘢 𝘮𝘦𝘯𝘪𝘯𝘨𝘪𝘵𝘪𝘥𝘪𝘴)​ ไข้กาฬหลังแอ่นคือโรคที่มีความรุนแรง การติดเชื้อมีความรุนแรงสูงจนพิการและเสียชีวิตได้

ทุกคนสามารถเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่นได้ ย้ำว่า ทุกคนติดเชื้อได้ แต่มี 'กลุ่มเสี่ยง' บางกลุ่มที่จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดอาการรุนแรงได้มากกว่า โดยเฉพาะเด็กทารก - 2 ปี (เสี่ยงที่สุด) , วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น (16-23 ปี) ซึ่งวิธีป้องกันนอกจากการดูแลตัวเองให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วยและลดการอยู่ในที่แออัดคนเยอะ หรือที่ที่มีการระบาดของโรค​แล้ว การรับวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

สำหรับแบคทีเรีย 𝘕𝘦𝘪𝘴𝘴𝘦𝘳𝘪𝘢 𝘮𝘦𝘯𝘪𝘯𝘨𝘪𝘵𝘪𝘥𝘪𝘴 เป็นเชื้อที่พบได้ในช่องคอของมนุษย์ พบว่าคนปกติราว 1 ใน 10 พบเชื้อนี้อยู่ในช่องคอโดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ที่อาจมีเชื้อที่ช่องคอ แต่ไม่มีอาการ และสามารถแพร่เชื้อต่อให้คนรอบข้างและกลุ่มเสี่ยงได้ ในประเทศไทยพบสายพันธุ์ B มากที่สุด ​
​​
อาการ - ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จากนั้นอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้น สำหรับเด็ก จะเริ่มงอแงมาก ร้องไห้ผิดปกติ กินไม่ได้ ซึมลง ภายใน 9-12 ชั่วโมง ต่อมาอาจติดเชื้อในกระแสเลือด

อาจมีจ้ำเลือดตามผิวหนัง และอาจมีสีดำคล้ำเพราะการขาดเลือด หากเกิดการขาดเลือดที่ปลายอวัยวะก็อาจต้องตัดแขน/ขาทิ้ง หรือบางรายทิ้งเป็นแผลเป็นได้ เชื้อแบคทีเรียอาจลุกลามเข้าสู่ระบบประสาทเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจเข้าสู่ภาวะช็อค ชัก การทำงานของอวัยวะล้มเหลว และถึงแก่ชีวิตได้อย่างรวดเร็วใน 24 ชม. ได้เลย
​​
หากรอด ก็อาจกลายเป็นผู้พิการทางร่างกาย และ/หรือทางสมอง พัฒนาการล่าช้า ปัญหาทางพฤติกรรมและการเรียนรู้ เป็นโรคลมชักได้
​​
การป้องกัน - หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย/พาหะ และการรับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้อ จนอาจเสียชีวิต หรือพิการ

สำหรับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น โดยบ้านไหนที่มีทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี สามารถรับวัคซีนเพื่อป้องกันได้ เพราะนี่คือกลุ่มที่เสี่ยงที่สุด และอาจขยายไปจนถึงช่วงวัยทารก - 5 ปี เพราะวัยอนุบาลเป็นวัยที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด สำหรับเด็กโต/เด็กวัยรุ่นที่ไปเรียนต่างประเทศ (บางประเทศมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าไทยมาก) หรือเรียนโรงเรียนนานาชาติก็ยังเป็นอีกกลุ่มเสี่ยงที่สามารถป้องกันได้เช่นกัน

28/10/2025
**โรคหลอดเลือดสมอง ป้องกันได้  และสามารถเริ่มป้องกันได้ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ**   จากการวิจัยของ lancet มีปัจจัยเสี่ยงทั้งห...
27/10/2025

**โรคหลอดเลือดสมอง ป้องกันได้ และสามารถเริ่มป้องกันได้ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ**

จากการวิจัยของ lancet มีปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด 14 ข้อ ที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม และป้องกันได้

1️⃣ Physical inactivity
การออกกำลังกายชนิดแอโรบิก (เช่น เดิน วิ่ง ปั่น จักรยาน) จนเหงื่อออก นาน 45-60 นาที ต่อครั้ง ในผู้ที่อายุ 50 ปี ขึ้นไป สามารถลดการเกิดโรคสมองเสื่อมได้

2️⃣ Smoking
การสูบบุหรี่ เพิ่มโอกาสการเกิดโรคสมองเสื่อม ไม่ว่าจะเป็นผู้สูบเอง หรือคนที่อยู่ใกล้ๆผู้สูบ การเลิกสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเลิกที่อายุเท่าไหร่ ก็สามารถลดโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมได้

3️⃣ Excessive alcohol consumption
การดื่ม alcohol ในปริมาณที่มากเกินไป สัมพันธ์ กับการเกิดสมองเสื่อม โดยเฉพาะการเกิดโรคสมองเสื่อมตั้งแต่อายุน้อยกว่า 65 ปี นอกจากนี้การดื่มที่เกินกว่า 14 unit ต่อสัปดาห์ (เบียร์กระป๋อง 330 ซีซี ดีกรี 5% สัปดาห์ละ 8 กระป๋อง หรือไวน์ 100 ซีซี ดีกรี 10% สัปดาห์ละ 11 แก้ว) ยังสัมพันธ์กับการเกิดสมองฝ่อที่บริเวณส่วนความจำ (hippocampal atrophy) เมื่อวัดด้วยเครื่อง MRI

4️⃣ Air pollution
มลภาวะทางอากาศ เช่น ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ฝุ่น PM 2.5 ทั้งจากจราจร และจากการเผา สัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และการเกิดโรคอัลไซเมอร์ จากการทดลองในหนู นอกจากนี้ จากการศึกษาในสหรัฐ พบว่าบริเวณที่อากาศ PM2.5 มากกว่าค่ามาตรฐาน จะมีผู้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่าบริเวณอื่นๆ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น 1.6 เท่า ต่อ PM2.5 ที่เพิ่มขึ้น 1 µg/m³

5️⃣ Head injury
การบาดเจ็บในสมอง สัมพันธ์กับ การเกิดสะสมโปรตีนชนิด Tau ผิดปกติในบริเวณ hippocampus และทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมตามมา ในการศึกษา ขนาดใหญ่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ จากการศึกษา 10 ปี ย้อนหลัง ของประชาชน อายุ 50 ปี ขึ้นไป 3 ล้านคน พบว่า การเกิดอุบัติเหตุทางสมองสัมพันธ์กับการเกิดสมองเสื่อม โดยถ้ามี อุบัติเหตุทางสมอง 1 ครั้ง โอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น 1.2 เท่า เกิดอุบัติเหตุทางสมอง≥5 เท่า โอกาสเพิ่มขึ้น 2.8 เท่า

6️⃣ Infrequent social contact
การมีสังคมในผู้สูงวัย มีสามี/ภรรยา ลูกหลานพูดคุยด้วย สามารถลดการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ จากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น การมีคู่สมรส มีลูกหลาน เพื่อน เข้ามาเยี่ยม ยังคงทำงาน ร่วมงานกิจกรรมสังคม จะลดโอกาสการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ถึง 46% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่มี social isolation

7️⃣ Less education
การได้รับการศึกษา เรียนหนังสือ มีความสำคัญมากต่อ การลดการเกิดสมองเสื่อมในอนาคต โดยเฉพาะการเรียนหนังสือจนถึงอายุ 20 ปี สำหรับผู้สูงวัย การมีกิจกรรมฝึกสมอง เช่น เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ ฝึกแก้ไขปัญหา รวมถึง การเกษียนอายุช้าลง จะช่วยให้สมองเสื่อมช้าลง ในประเทศจีน มีการศึกษาขนาดใหญ่ (ผู้เข้าร่วมงานวิจัย 15,882 คน) ว่าผู้สูงอายุเกิน 65 ปี ที่ยังคงอ่านหนังสือ เล่นเกมส์ เล่นไพ่ โอกาสเกิดสมองเสื่อมจะลดลง

8️⃣ Obesity
ภาวะอ้วน (BMI≥30)ในผู้ที่อายุ 35-65 ปี เพิ่มความเสี่ยงการเกิดสมองเสื่อม 1.3 เท่า เมื่อเทียบกับคนปกติ และการลดน้ำหนัก ก็ช่วยให้สมาธิ และความจำดีขึ้น

9️⃣ Hypertension
การควบคุมความดันให้ systolic BP (ความดันตัวบน)ต่ำลงกว่า 130 mmHg ในประชากรวัยกลางคน ตั้งแต่อายุ 40 ปี ขึ้นไป สามารถช่วยลดการเกิดสมองเสื่อมได้ การศึกษาในปัจจุบัน พบว่า มีเพียงการให้ยาควบคุมความดันโลหิต ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่จะสามารถป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ (การให้ยาแอสไพริน หรือยาลดไขมัน statin ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ยังไม่พบว่าสามารถลดการเกิดโรคสมองเสื่อมได้

1️⃣0️⃣ Diabetes
การเกิดเบาหวานสัมพันธ์ กับความเสี่ยงการเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่ม 1.6 เท่า อย่างไรก็ดี ไม่พบว่ามียาเบาหวานตัวไหนที่ช่วยสามารถชะลอ ป้องกันการเกิดสมองเสื่อมได้ การป้องกันที่ดีที่สุดจึงน่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้เป็นเบาหวานนั่นเอง

1️⃣1️⃣ Depression
ภาวะซึมเศร้า โดยเฉพาะในคนสูงวัย สัมพันธ์กับการเกิดโรคสมองเสื่อม ในผู้ป่วยอายุ 71-89 ปี ภาวะซึมเศร้า สัมพันธ์กับโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อม 1.5 เท่า และมีการศึกษาว่าการให้ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม SSRI (serotonin reuptake inhibitor ) สามารถลดการเกิดสมองเสื่อมในผู้ป่วยสูงอายุที่ซึมเศร้าได้

1️⃣2️⃣ Hearing impairment
ภาวะหูไม่ได้ยิน เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคสมองเสื่อมที่เราสามารถแก้ไขได้มากที่สุด จากการคำนวณของคณะผู้วิจัยนี้ การศึกษาพบว่าโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า ทุกการได้ยินที่เสียลงไป 10 เดซิเบล การที่ผู้สูงวัย ไม่ได้ยินนานๆ ก็จะเสียการกระตุ้นสมอง กระตุ้นความคิดไป และการทำ MRI brain ในคนไข้ที่หูตึง ก็พบว่า สมองส่วนเกี่ยวข้องกับการได้ยิน และความจำจะฝ่อลง เนื่องจากสำหรับผู้สูงอายุแล้ว การใส่เครื่องช่วยฟัง ไม่ใช่ของง่ายเลย เพราะต้องปรับตัวหลายๆอย่าง ลูกหลานจึงควรให้กำลังใจท่าน

1️⃣3️⃣ visual impairment
การมองไม่เห็น ก็เพิ่มความเสี่ยงในการโรคสมองเสื่อม โดยตาต้อกระจก และภาวะเบาหวานขึ้นตา พบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงของการเกิดภาวะสมองเสื่อม

1️⃣4️⃣ ภาวะไขมันในเลือดสูง
การที่ไขมันเลวในเลือด หรือ LDL Low density lipoprotein

**คนไข้ผมร่วง ในซิฟิลิส ระยะ 2 **พบผมร่วงได้ ประมาณ 2%-7% ของคนไข้ หรือเรียกว่า Alopecia Syphilitica  โดยจะมีลักษณะที่เร...
26/10/2025

**คนไข้ผมร่วง ในซิฟิลิส ระยะ 2 **

พบผมร่วงได้ ประมาณ 2%-7% ของคนไข้ หรือเรียกว่า Alopecia Syphilitica โดยจะมีลักษณะที่เรียกว่า“มอดแทะ (Moth eaten hair loss) โดยเป็นผมร่วงหย่อมเล็กๆ ทั่วศีรษะ ใบหน้า ขนตามตัว และผมจะบางลง diffuse thinning แต่ผมจะขึ้นใหม่ได้เมื่อรักษาซิฟิลิสสำเร็จ เป็นปฏิกิริยาจากภูมิคุ้มกันที่มีต่อเชื้อซิฟิลิส โดยเม็ดเลือดขาวที่สร้างขึ้นไปทำลายตุ่มผม ทำให้ผมร่วง

📌ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มาระบาดอีกครั้ง มีคนติดเชื้อมากขึ้นมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถ้าเคยเป็นอาการแบบนี้ แล้วหายไปเอง ควรไปตรวจเลือดด้วย เพราะโรคอาจหายไปเองได้ แต่เชื้อจะฝังในตัวเรา ผ่านเวลาไปเป็น 10 ปี จะเกิดโรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท ทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้ นอกจากนั้น ยังต้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น เช่น HIV ไวรัสตับอักเสบบีและซี ที่พบร่วมได้

📌ซิฟิลิส (syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย T. Pallidum เป็นโรคที่รักษาได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา อาจเป็นอันตรายโดยจะไปทำลายสมอง หัวใจ อย่างถาวร

📌การติดต่อ ทางการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งทางปกติ ทางปาก หรือทวารหนักก็ติดต่อได้

📌อาการ ซิฟิลิส มี 4 ระยะ

- ระยะที่ 1 หลังมีเพศสัมพันธ์ 2-12 สัปดาห์ จะมีแผลขอบแข็งไม่เจ็บ ที่อวัยวะเพศ ปาก และสามารถหายไปเองได้แค่เชื้อยังมีอยู่

- ระยะที่ 2 ประมาณ 1-6 เดือน หลังแผลริมแข็งหายไป จะมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต และมีผื่นตามตัว โดยเฉพาะฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจมีผมร่วงหลายๆหย่อมทั่วศีรษะ (Moth eaten pattern) ต้องรีบรักษา ถ้าไม่รักษาจะเข้าสู่ระยะแฝง

- ระยะที่ 3 ระยะแฝง จะไม่มีอาการ อาจกินเวลาหลายปี

- ระยะที่ 4 ระยะสุดท้าย เชื้อจะไปทำลายสมอง ระบบประสาท ทำลายหัวใจ มีชักเกร็ง เคลื่อนไหวผิดปกติ
ตาบอดได้

📌การติดต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ เด็กจะมีความผิดปกติและเสียชีวิตในครรภ์ได้

📌การรักษา ยาที่ได้ผลดี ในระยะ1-2 คือ Benzathine Penicillin 2.4 ล้าน เข้ากล้าม ฉีด 1 เข็ม (แบ่งฉีดสะโพก 2 ข้าง ) (หรือ 3 เข็มในระยะหลังๆ)

ธ สถิตในดวงใจ ตราบนิจนิรันดร์น้อมกราบส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
25/10/2025

ธ สถิตในดวงใจ ตราบนิจนิรันดร์
น้อมกราบส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

“ไข้รากสาดใหญ่”ระบาดหนักช่วงปลายฝนต้นหนาว กรมควบคุมโรคเผย ปีนี้พบผู้ป่วยกว่า 6,600 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 รายโดยเฉพาะจังหวั...
22/10/2025

“ไข้รากสาดใหญ่”
ระบาดหนักช่วงปลายฝนต้นหนาว

กรมควบคุมโรคเผย ปีนี้พบผู้ป่วยกว่า 6,600 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย
โดยเฉพาะจังหวัดทางเหนือและอีสาน เช่น แม่ฮ่องสอน น่าน ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ และเชียงราย

“ไข้รากสาดใหญ่” เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มาพร้อมไรอ่อน ซึ่งชอบอยู่ตามกอหญ้าและทุ่งนาแหากถูกกัด อาจมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อย ตาแดง หรือมีแผลคล้าย “รอยบุหรี่จี้”

สิ่งที่ควรทำ
✅ ใส่เสื้อแขนยาว–กางเกงขายาว ป้องกันไรอ่อนกัด
✅ ใช้ยากันแมลง และอย่านั่งหรือนอนบนพื้นหญ้า
✅ หลังกลับจากพื้นที่เสี่ยง รีบอาบน้ำ–ซักเสื้อผ้าให้สะอาด
หากมีไข้สูงหรือพบแผลแปลก ๆ รีบไปหาหมอทันที ห้ามซื้อยากินเอง!

- แจ้งปิดร้าน เฉพาะรอบเที่ยง วันพุธ 22 ต.ค.68
21/10/2025

- แจ้งปิดร้าน เฉพาะรอบเที่ยง วันพุธ 22 ต.ค.68

**ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่ถูกกระตุ้นจากแสงแดด (Actinic Prurigo)**เป็นอาการผื่นคันเรื้อรัง ที่เกิดจากการตอบสนองต่อแดด ผิ...
19/10/2025

**ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่ถูกกระตุ้นจากแสงแดด (Actinic Prurigo)**

เป็นอาการผื่นคันเรื้อรัง ที่เกิดจากการตอบสนองต่อแดด ผิดปกติ เกิดตุ่มคัน บริเวณที่ถูกแสงแดด

📌สาเหตุ ไม่แน่ชัด แต่การศึกษาปัจจุบัน กรรมพันธุ์(genetics HLA DRB1) และ ภูมิคุ้มกันตอบสนองผิดปกติ

📌อาการตุ่มคัน(small papules)บริเวณที่ถูกแสงแดด แก้ม หลังคอ มือสองข้าง เมื่อเกามานานจะเกิดอาการเรื้อรังลุกลาม เป็นตุ่มอักเสบ หนาเป็นแผ่น ตุ่มแข็งหนาใหญ่ (plaques and nodules)

📌การดำเนินโรค จะเป็นมากช่วงหน้าร้อน แดดแรง เบาลงช่วงหน้าหนาว เป็นอาการเรื้อรัง

📌การรักษา
1)เลี่ยงแดด ใส่เสื้อผ้า ถุงมือ ทาครีมกันแดด
2)ทาครีมบำรุงผิวมากๆ Emollient ลดคัน งดเกา
3)ครีมสเตียรอย ปานกลางถึงแรง
4)intralesional steroids
5)ยาแก้คัน antihistamine
6)hydroxychloroquine/Chloroquine ลดการอักเสบ

ที่อยู่

45/6 ถ. บำรุงราษฎร์
Aranyaprathet
27120

เวลาทำการ

จันทร์ 07:00 - 08:00
17:00 - 19:30
อังคาร 07:00 - 08:00
17:00 - 19:30
พุธ 07:00 - 08:00
17:00 - 19:00
พฤหัสบดี 07:00 - 08:00
17:00 - 19:30
ศุกร์ 07:00 - 08:00
17:00 - 19:30
เสาร์ 08:00 - 11:30
17:00 - 19:30
อาทิตย์ 08:00 - 11:30
17:00 - 19:00

เบอร์โทรศัพท์

+66929415407

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกแพทย์อุเทนผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกแพทย์อุเทน:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram