AMARC บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการ และวิจัยทางการแพทย์
และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือ เอมาร์ค (AMARC)
(1)

ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือเอมาร์ค (AMARC) เป็นแล็บด้านเกษตร อาหาร และยา ที่ให้บริการครบวงจร ทั้งการทดสอบ วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือและอุปกรณ์ การตรวจและการรับรอง การให้คำปรึกษา และการฝึกอบรม ครอบคลุมตั้งแต่ปัจจัยการผลิต กระบวนการผลิต จนถึงผลิตภัณฑ์ โดยได้รับการยอมรับจากระบบมาตรฐานทั้งระดับประเทศและระดับสากล

“อาหารสัตว์ธงเขียว” ยกระดับเกษตรกรไทย ลดต้นทุน เพิ่มความมั่นคงอาหารสัตว์ พร้อมก้าวสู่ตลาดโลก     กรมปศุสัตว์เดินหน้าผลัก...
05/12/2025

“อาหารสัตว์ธงเขียว” ยกระดับเกษตรกรไทย ลดต้นทุน เพิ่มความมั่นคงอาหารสัตว์ พร้อมก้าวสู่ตลาดโลก

กรมปศุสัตว์เดินหน้าผลักดัน “โครงการอาหารสัตว์ธงเขียว” ช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทยทั้งระบบ ผ่านการบูรณาการร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ สนับสนุนให้สหกรณ์ด้านปศุสัตว์ทั่วประเทศสามารถผลิตอาหารสัตว์คุณภาพได้เอง ทั้งอาหารข้นและอาหารหยาบ พร้อมจำหน่ายให้เกษตรกรสมาชิกในราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุว่า โครงการนี้ตอบโจทย์นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรในทุกมิติ ผ่าน 3 โครงการสำคัญ ได้แก่

1.โครงการผลิตอาหารผสมสำเร็จรูป TMR เหมาะสำหรับโคเนื้อ–โคนม
- ใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น กากปาล์ม กากเบียร์ ใบมันหมัก เปลือกสับปะรด
- ปรับสัดส่วนตามความต้องการของสัตว์ “ให้อาหารแบบแม่นยำ”
- ลดต้นทุนอาหารสัตว์ได้จริง และช่วยเพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพ
กรมปศุสัตว์จัดตั้งหน่วยจัดการอาหารสัตว์เคลื่อนที่ (FMMU) ให้คำปรึกษา วิเคราะห์คุณภาพโภชนะจากห้องปฏิบัติการมาตรฐาน ก่อนนำไปผลิตอาหารสัตว์ในพื้นที่ ปี 2569 ตั้งเป้าผลิต TMR ราคาประหยัด 670,000 กิโลกรัม

2.โครงการสูตรลดต้นทุนอาหารข้นสุกร ช่วยเกษตรกรรายย่อยผสมอาหารใช้เองในฟาร์ม
- คำนวณสูตรอาหารเหมาะสม โดยนักวิชาการจาก FMMU
- แนะนำแหล่งวัตถุดิบราคาประหยัด เช่น รำข้าว ข้าวโพด กากถั่วเหลือง
- ลดต้นทุนค่าอาหารสุกรเฉลี่ย 20%
- ยังคงคุณภาพเนื้อและผลผลิตอยู่ในระดับดีเยี่ยม
ผลตอบรับจากเกษตรกรระบุว่า ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน

3.โครงการปลูกพืชอาหารสัตว์เพิ่ม 50,000 ไร่ สร้างความมั่นคงด้านอาหารสัตว์ในประเทศ
- สนับสนุนการปลูกหญ้าเนเปียร์ ถั่วฮามาต้า และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
- ฟื้นฟูแปลงเดิมและขยายพื้นที่ใหม่ทั่วประเทศ
- แจกเมล็ดพันธุ์กว่า 100,000 กก. และท่อนพันธุ์กว่า 3.5 ล้านกก.
ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์ที่ได้รับการส่งเสริมแล้วมากกว่า 500,000 ไร่ ช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งอาหารสัตว์คุณภาพดีในราคาย่อมเยา ช่วยลดความเสี่ยงจากราคาตลาดผันผวน

ประโยชน์ระยะยาวกับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย
- สร้างรายได้ให้เกษตรกร
- สร้างตลาดรองรับสินค้า
- สร้างโอกาสแข่งขันในตลาดโลก

ที่มาข้อมูล : https://shorturl.asia/f5unZ

📌AMARC ให้บริการตรวจวิเคราะห์อาหารสัตว์ ดังนี้

1. ตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี เช่น โปรตีน (Protein), ไขมัน (Crude Fat), กาก (Crude fiber), ความชื้น (Moisture), เถ้า (Ash) เป็นต้น

2. ตรวจวิเคราะห์โลหะหนัก เช่น สารหนู (Arsenic) แคดเมียม (Cadmium), ดีบุก (Tin), ตะกั่ว (Lead) เป็นต้น

3. ตรวจวิเคราะห์สารพิษจากเชื้อรา เช่น แอฟลาทอกซิน (Aflatoxin), ดีออกซีนิวาลีนอล (Deoxynivalenol ; DON) เป็นต้น

4. ตรวจวิเคราะห์เชื้อจุลินทรีย์ เช่น จำนวนจุลินทรีย์ (Total Plate Count), โคลิฟอร์ม (Coliform), อี.โคไล (Escherichia coli), เอนเทอโรแบคทีเรียซีอี (Enterobacteriaceae), แซลโมเนลลา (Salmonella spp.), รา (Mold)
*เชื้อที่ตรวจในกลุ่มอาหารสัตว์บรรจุกระป๋อง (Canned feed) เช่น ตรวจประสิทธิภาพกระบวนการฆ่าเชื้อโดยการบ่ม (Incubation test 35 0C 14 days) คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum), แฟล็ทซาวร์มีโซฟิลิก (Flat Sour Mesophilic), แฟล็ทซาวร์เทอร์โมฟิลิก (Flat Sour Thermophilic)

5. ตรวจวิเคราะห์ทดสอบยาสัตว์ตกค้าง ดังนี้
- Chloramphenicol
- Erythromycin
- Nitrofuran (Parent Drug) มีสาร Nitrofurazone (NFZ), Nitrofurantoin (NFT), Furazolidone (FZD), Furaltadone (FTD)
- Nitrofurans (Metabolite) มีสาร Semicarbazide (SEM), 1-Aminohydantoin (AHD), 3-Amino-5-Methyl-morpholino-2-oxazolidinone(AMOZ), 3-Amino-2-oxazolidinone (AOZ)
- Malachite green & Leucomalachite green
- Sulfonamide group
- Tetracycline group (Chlortetracycline / Oxytetracycline/ Tetracycline)

6. บริการตรวจวิเคราะห์บริการอื่นๆ ดังนี้
- กรดอะมิโน (Amino acid profile)
- ทอรีน (Taurine)
- ไขมันแบบไม่อิ่มตัว (Monounsaturated fatty acid และ Polyunsaturated fatty acid เป็นต้น
- กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 fatty acids)
- แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม (Calcium), ทองแดง (Copper),เหล็ก (Iron), แมกนีเซียม (Magnesium), โพแทสเซียม (Potassium), ซีลีเนียม (Selenium), สังกะสี (Zinc)
- วิตามิน เช่น วิตามินเอ (Vitamin A), วิตามินซี (Vitamin C), วิตามินบี1 (Vitamin B1), วิตามินบี2 (Vitamin B2) และวิตามินบี6 (Vitamin B6) เป็นต้น
- ตรวจวิเคราะห์เพื่อจัดทำข้อมูลโภชนาการ (Nutrition Labelling) เช่น พลังงานทั้งหมด (Total energy), โปรตีน (Protein), ใยอาหาร (Total dietary fiber), คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate), แร่ธาตุ (Mineral), วิตามิน (Vitamin), ไขมันแบบอิ่มตัว (Saturated fatty acid) และน้ำตาล (Sugar) เป็นต้น

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล #ตรวจวิเคราะห์อาหารสัตว์

กรมปศุสัตว์เดินหน้าขับเคลื่อน “โครงการอาหารสัตว์ธงเขียว” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์และยกระดั....

“ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด” ครองแชมป์สินค้า GI ปี 2568 ทำรายได้สูงสุดกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ในช่วง ม.ค.–ก.ย. 2568     กรมทร...
03/12/2025

“ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด” ครองแชมป์สินค้า GI ปี 2568 ทำรายได้สูงสุดกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ในช่วง ม.ค.–ก.ย. 2568

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดเผยผลสำเร็จการส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในปี 2568 โดย ดันมูลค่ารวมสินค้า GI ไทยกว่า 46,000 ล้านบาท สอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ที่มุ่งใช้ GI เป็นกลไกเสริมแกร่งเศรษฐกิจชุมชน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า สินค้า GI ไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งติดอันดับรายได้สูงสุด 10 อันดับแรกของปี 2568

ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด จังหวัดตราด ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว เปลือกสีเขียวปนน้ำตาล หนามแข็งแหลม เนื้อสีเหลืองอ่อน รสหวานมัน ปลูกในพื้นที่แนวเทือกเขาบรรทัดที่ดินร่วน ระบายน้ำดี มีฝนตกมาก และได้รับอิทธิพลจากลมทะเล ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว ต้นทุเรียนเกิดภาวะเครียดเล็กน้อย กระตุ้นให้ออกดอกเร็วและเก็บเกี่ยวได้ก่อนพื้นที่อื่น จึงได้เปรียบด้านฤดูกาลและราคา

อันดับ 2 คือ “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” มูลค่า 6,661 ล้านบาท มีจุดเด่นคือเนื้อแห้ง ไม่แฉะ เส้นใยน้อย ปลูกบนพื้นที่สูงกว่า 100 เมตรจากระดับน้ำทะเลในจังหวัดยะลา อันดับ 3 “ทุเรียนหมอนทองระยอง” มูลค่า 4,886 ล้านบาท เปลือกบาง พูชัด เนื้อหนา สีเหลืองนวล แห้ง เหนียว เส้นใยน้อย รสหวานมันกลมกล่อม มีกลิ่นหอมอ่อน ทุเรียน GI ทั้ง 3 รายการเป็นดาวเด่นในตลาดส่งออก โดยเฉพาะประเทศจีน สะท้อนศักยภาพทุเรียนไทยคุณภาพสูงในตลาดโลก

นอกจากทุเรียนแล้ว ยังมีสินค้า GI ไทยที่ทำรายได้โดดเด่นอีก 7 รายการ ได้แก่
- ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ มูลค่า 4,812 ล้านบาท
- มะพร้าวทับสะแก (ประจวบคีรีขันธ์) มูลค่า 3,776 ล้านบาท
- เหล้าแป้ (แพร่) มูลค่า 3,632 ล้านบาท
- มะขามหวานเพชรบูรณ์ มูลค่า 3,363 ล้านบาท
- หอมแดงศรีสะเกษ มูลค่า 2,882 ล้านบาท
- กุ้งก้ามกรามบางแพ (ราชบุรี) มูลค่า 2,570 ล้านบาท
- ทุเรียนบางนรา (นราธิวาส) มูลค่า 2,544 ล้านบาท

โดยเฉพาะ “เหล้าแป้” ถือเป็นดาวรุ่ง GI น้องใหม่ เพิ่งขึ้นทะเบียนเดือนกรกฎาคม 2568 แต่สามารถไต่อันดับติด Top 10 รายได้รวมของปีได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนศักยภาพสินค้าท้องถิ่นไทยที่ตอบโจทย์ตลาด

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ย้ำว่า “ตรา GI” เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่รับรองคุณภาพ แหล่งผลิตชัดเจน ตรวจสอบย้อนกลับได้ และช่วยเพิ่มราคาสินค้าเฉลี่ย 2–5 เท่า พร้อมผลักดันให้ GI ไทยขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และสร้างเรื่องราวของสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

ที่มาข้อมูล : https://shorturl.asia/X7txA

📌AMARC ให้บริการตรวจวิเคราะห์ ตัวอย่างทุเรียน (สด แช่เย็น แช่แข็ง) เปลือก-เนื้อ ดังนี้

1. ทุเรียนผลสด ตรวจวิเคราะห์
- Basic Yellow 2 (BY2) และ แคดเมียม (Cadmium) เพื่อส่งออกจีน

2. ทุเรียนแช่แข็ง ตรวจวิเคราะห์
- ตรวจวิเคราะห์เชื้อจุลินทรีย์ อ้างอิงตามมาตรฐาน GB 29921-2021 ของ China ดังนี้
1. E.coli (25g. n=5)
2. Listeria monocytogenes (25g. n=5)
3. Staphylococcus aureus (CFU/g. n=5)
4. Salmonella (25g. n=5)
- รายการทดสอบสีปนเปื้อนและโลหะหนัก
1. Basic Yellow 2
2. Cadmium

📍 นอกเหนือจากการตรวจวิเคราะห์ข้างต้น AMARC ให้บริการรับตรวจรับรอง ตามมาตรฐานดังนี้

1. GAP ตรวจรับรองโดยมาตรฐานสินค้าเกษตร
1.1 มกษ.9001 การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร

2. GMP ตรวจรับรองโดยมาตรฐานสินค้าเกษตร
2.1 มกษ.9023 หลักเกณฑ์การปฏิบัติ : หลักการทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะ
2.2 มกษ.9047 การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงรวบรวมผักและผลไม้สด
2.3 มกษ.9035 การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผักและผลไม้สด

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล #ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด

“ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด” ผลไม้ทองคำ โกยรายได้ทะลุ “หมื่นล้าน” ครองแชมป์สินค้า GI ทำเงินสูงสุดในปี 2568

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตัวท็อป “ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด” ช่วงปี 2568 (มกราคม – กันยายน 2568) ทำรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท พร้อมย้ำ “ตรา GI” คือกุญแจสำคัญในการเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย ผ่านการยกระดับคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผย ผลการส่งเสริมและคุ้มครองสินค้า GI ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยคุณภาพและอัตลักษณ์อันโดดเด่นส่งผลให้สินค้า GI ไทยได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสินค้า GI ไทยที่ทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ในช่วงมกราคม – กันยายน 2568 ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและอาหาร สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 46,000 ล้านบาท

โดย 3 อันดับแรกคือสินค้าทุเรียน GI นำโดย “ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด” จังหวัดตราด ครองแชมป์สินค้า GI ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2568 ด้วยมูลค่าสูงถึง 11,047 ล้านบาท ลักษณะเด่นของทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด คือเปลือกสีเขียวปนน้ำตาล ปลายหนามแข็งแรงแหลมคม เนื้อมีสีเหลืองอ่อน รสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปลูกในบริเวณแนวเทือกเขาบรรทัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ดินร่วนระบายน้ำดี และมีฝนตกมากเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ประกอบกับแรงลมทะเลที่เข้าปะทะกับพื้นที่ชายฝั่งไปจนถึงเทือกเขาบรรทัด ทำให้สภาพความชื้นในอากาศลดลงเร็วกว่าปกติ ทุเรียนเกิดอาการเครียดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จึงกระตุ้นให้ออกดอกเร็วและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อนพื้นที่อื่น

ตามด้วยอันดับ 2 “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” มูลค่า 6,661 ล้านบาท มีลักษณะเด่นคือเนื้อทุเรียนแห้ง ไม่แฉะ เส้นใยน้อย รสชาติหวานมัน ปลูกบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 เมตรขึ้นไปในจังหวัดยะลา และอันดับ 3 “ทุเรียนหมอนทองระยอง” มูลค่า 4,886 ล้านบาท มีลักษณะเด่นคือเปลือกบาง พูชัดเจน เนื้อสีเหลืองนวล หนา แห้ง เหนียว เส้นใยน้อย รสชาติหวานมันกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมอ่อน โดยทุเรียนทั้ง 3 รายการมีตลาดส่งออกสำคัญในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน สะท้อนศักยภาพสินค้าเกษตรและความต้องการทุเรียนไทยคุณภาพสูงในตลาดโลก

นอกจากทุเรียน GI ดังกล่าวแล้ว ยังมีสินค้า GI ไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงอีก 7 รายการ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ มูลค่า 4,812 ล้านบาท มะพร้าวทับสะแก (ประจวบคีรีขันธ์) มูลค่า 3,776 ล้านบาท เหล้าแป้ (แพร่) มูลค่า 3,632 ล้านบาท มะขามหวานเพชรบูรณ์ มูลค่า 3,363 ล้านบาท หอมแดงศรีสะเกษ มูลค่า 2,882 ล้านบาท กุ้งก้ามกรามบางแพ (ราชบุรี) มูลค่า 2,570 ล้านบาท และทุเรียนบางนรา (นราธิวาส) มูลค่า 2,544 ล้านบาท สะท้อนคุณภาพสินค้าท้องถิ่นไทยที่ครองใจผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล้าแป้ หนึ่งในสินค้า GI น้องใหม่มาแรงที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 และสามารถทำรายได้ติด Top 10 ของปี 2568 (ในอันดับที่ 6) ได้อย่างรวดเร็ว

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของสินค้า GI ไทย มาจากกลไกการขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่ การคุ้มครองและรับรองคุณภาพ (GI Protection) ชื่อและตรา GI เป็นปัจจัยแรกที่ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในแหล่งผลิต และยอมรับในชื่อเสียงและคุณภาพของสินค้า โดยมีระบบควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าอย่างเข้มงวด และสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงที่มาของแหล่งผลิตได้ รวมทั้งควบคุมปริมาณการผลิตสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ราคาขายสินค้าหลังจากขึ้นทะเบียน GI โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2-5 เท่า

การเข้าถึงตลาด ผ่านการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นคุณภาพพรีเมียมให้สามารถขยายตลาดไปยังประเทศเป้าหมาย ซึ่งมีความต้องการสินค้าคุณภาพดีจากไทยและมีกำลังซื้อสูง อาทิ จีน มาเลเซีย และญี่ปุ่น รวมถึงการจำหน่ายสินค้าในประเทศผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งในท้องตลาด ห้างสรรพสินค้า และช่องทางออนไลน์ การต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ผ่านการยกระดับสินค้า GI สู่เมนูอาหารระดับ Fine Dining การแปรรูปสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์ผู้บริโภคในตลาดยุคใหม่

การเชื่อมโยงแหล่งผลิตสินค้า GI กับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและนวัตวิถี การนำภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาสร้างแบรนด์และเรื่องราว (Storytelling) ที่มีคุณค่า รวมทั้งการพัฒนาภาพลักษณ์และบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ซึ่งช่วยกระตุ้นความน่าสนใจและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรพื้นถิ่นได้ เช่น ทุเรียนหมอนทองระยองที่กรมฯ มีส่วนร่วมในการออกแบบพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยใช้แนวคิด “Art of Durian” สะท้อนความสนุกสนานระดับพรีเมียม ผ่านภาพประกอบตัวการ์ตูนที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ถ่ายทอดความเป็นมิตรและการเข้าถึงง่ายของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ส่งผลให้สินค้า GI มีศักยภาพการแข่งขันสูง ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ของไทย

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมฯ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) ที่มุ่งมั่นให้ใช้ GI เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง พร้อมเดินหน้าส่งเสริมสินค้า GI ในภูมิภาคต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักและขยายตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรา GI เป็นสัญลักษณ์ของ “สินค้าดี มีคุณภาพ คู่แหล่งกำเนิด” ของประเทศไทย โดยสินค้าเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ระดับหมื่นล้านบาท แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นต่อไป

#ครองแชมป์สินค้า GI #ทำเงินสูงสุด #ทุเรียน #ทุเรียนหมอนทอง #ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด #ปี2568 #ผลไม้ทองคำ #รายได้ทะลุหมื่นล้าน

AMARC เปิดหลักสูตรอบรมประจำปี 2569-  การตีความ และวิเคราะห์ใบรายงานผลสอบเทียบ” ครั้งที่ 1/256925 กุมภาพันธ์ 2569 เวลา 9....
28/11/2025

AMARC เปิดหลักสูตรอบรมประจำปี 2569

- การตีความ และวิเคราะห์ใบรายงานผลสอบเทียบ” ครั้งที่ 1/2569
25 กุมภาพันธ์ 2569 เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ อาคาร AMARC
สมัครอบรม : https://forms.gle/yc6rhBAzhQLjgjoh6

- การจัดการเครื่องมือวัด ตามระบบคุณภาพ ISO/IEC 17025:2017
11 มีนาคม 2569 เวลา 9.00-17.00 น. ณ อาคาร AMARC
สมัครอบรม : https://forms.gle/cnvK72iZ5WE6aZmR8

- การตีความ และวิเคราะห์ใบรายงานผลสอบเทียบ” ครั้งที่ 2/2569
19 สิงหาคม 2569 เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ อาคาร AMARC
สมัครอบรม : https://forms.gle/MWw4jriwV9sgepFs7

📌 สามารถสมัครอบรมได้แล้ววันนี้ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมในหลักสูตรที่สนใจได้เลยค่ะ

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล

นม ทางเลือกยุคใหม่: มุมมองทางวิทยาศาสตร์และเทรนด์โภชนาการปี 2025     ในปี 2025 อุตสาหกรรมนมทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้...
26/11/2025

นม ทางเลือกยุคใหม่: มุมมองทางวิทยาศาสตร์และเทรนด์โภชนาการปี 2025

ในปี 2025 อุตสาหกรรมนมทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จากเดิมที่ “นมวัว” เคยเป็นสัญลักษณ์ของโภชนาการที่ครบถ้วนและเป็นพื้นฐานของอาหารประจำวันของผู้คนทั่วโลก วันนี้แนวคิดนั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้โดดเด่น เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่หันมาให้ความสำคัญกับ สุขภาพส่วนบุคคล ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพของสัตว์ มากขึ้น เทรนด์ ลดนมวัว – หันหานมทางเลือก จึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย เราเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์อย่าง นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ นมข้าวโอ๊ต หรือนมจากพืชผสมสูตรเฉพาะ เข้ามาแทนที่นมวัวบนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต และแม้แต่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโรงงาน ก็เริ่มพิจารณาใช้วัตถุดิบจากพืชแทนโปรตีนจากสัตว์ในสูตรผลิตภัณฑ์

เมื่อมุมมองทางโภชนาการ วิทยาศาสตร์ และความยั่งยืนมาบรรจบกัน “นม” จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต ในโลกที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความคาดหวังด้านสุขภาพมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม

แล้วทำไม “นมวัว” จึงเคยถูกยกให้เป็นอาหารหลักในหลายประเทศ ซึ่งคำตอบนี้อยู่ที่หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม การผลิตนมและผลิตภัณฑ์นมได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ประเทศตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ผลักดันให้นมเป็น “อาหารประจำวัน” ผ่านนโยบายสาธารณสุขและโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน เนื่องจากให้พลังงานสูง มีประโยชน์ครอบคลุมและราคาเข้าถึงได้ แนวคิดนี้แพร่ขยายสู่หลายประเทศ รวมถึงไทย จนเกิดภาพจำว่า “ดื่มนมทุกวันช่วยให้ร่างกายแข็งแรง” ซึ่งเป็นความจริงในเชิงโภชนาการพื้นฐาน แต่เมื่อสังคมเริ่มหลากหลายมากขึ้น และงานวิจัยด้านโภชนาการลึกซึ้งขึ้น เสียงวิพากษ์จึงเริ่มตามมา

อย่างไรก็ตามในเชิงวิทยาศาสตร์ นมวัวไม่ใช่อาหารที่ “ควรถูกตัดออก” แต่ควรถูก “เข้าใจใหม่” โดยพิจารณาจากปัจจัยเฉพาะบุคคล เช่น ภาวะย่อยแลคโตสไม่ได้, ปริมาณไขมันที่บริโภคต่อวัน, ความสมดุลกับอาหารอื่น ๆ, และแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานปลอดภัย เป็นต้น

ดังนั้น การดื่มนมวัวในยุค 2025 จึงไม่ใช่คำถามว่า “ดีหรือไม่ดี” แต่เป็นคำถามว่า “เหมาะกับใคร และในปริมาณเท่าไร” ซึ่งผู้ผลิตและห้องปฏิบัติการวิเคราะห์จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการ ตรวจสอบคุณภาพ ความปลอดภัย และคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่เข้าสู่ตลาด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “นม A2” กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในวงการโภชนาการและสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ดื่มนมวัวแล้วรู้สึกไม่สบายท้อง ทั้งที่ไม่แพ้แลคโตส ซึ่งเบื้องหลังของความแตกต่างนี้อยู่ที่ โครงสร้างของโปรตีนในนมวัว โดยนมวัวมีโปรตีนอยู่ประมาณ 3.3% โดยส่วนใหญ่เป็น เคซีน (Casein) ซึ่งมีหลายชนิด (**ข้อมูลเพิ่มเติม** โดยทั่วไป เคซีน (Casein) คือโปรตีนหลักในนมวัว คิดเป็นประมาณ 80% ของโปรตีนทั้งหมดในนม ส่วนที่เหลือเป็นโปรตีนเวย์ (Whey protein) 20% เคซีนไม่ใช่โปรตีนชนิดเดียว แต่ประกอบด้วย หลายชนิดย่อย (fractions) ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน) หนึ่งในนั้นคือ เบต้า-เคซีน (β-casein) ที่มีบทบาทสำคัญต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ

ไม่ใช่ A1 และ A2 แต่เริ่มต้นตั้งแต่ที่อาหารของวัว (Grass-Fed Milk) ซึ่งนมวัวที่เราเห็นในท้องตลาดไม่ใช่ว่าเหมือนกันทั้งหมดทุกชนิด คุณภาพและสารอาหารในนมวัวขึ้นอยู่กับ อาหารที่วัวกิน เป็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันตลาดเริ่มให้ความสนใจกับ นม Grass-Fed หรือ “นมจากวัวที่กินหญ้าเป็นหลัก” อย่างมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับนมวัวจากฟาร์มอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค นม Grass-Fed อาจ ช่วยสนับสนุนสุขภาพได้หลายด้านเช่น ลดความเสี่ยงการอักเสบ เนื่องจาก Omega-3 และ CLA ช่วยปรับสมดุลการอักเสบ พร้อม สารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันความเครียดออกซิเดชัน และ ไขมันดีและวิตามินครบ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้สนใจโภชนาการและสุขภาพเชิงป้องกัน ถึงแม้ประโยชน์ทางสุขภาพจะชัด แต่ราคานม Grass-Fed มักสูงกว่านมทั่วไป เนื่องจากการเลี้ยงวัวแบบปล่อยและการจัดการฟาร์มต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นจึงทำให้มีราคาที่สูง

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: https://www.amarc.co.th/knowledge-milk-1/

📌AMARC ให้บริการตรวจวิเคราะห์ด้าน เคมี จุลชีววิทยา รวมถึง อายุการเก็บรักษา (Shelf life) ของนมของทั้ง นมวัวและ Plant base Milk

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล
#นม #นมวัว #นมทางเลือก #นม2025 #นมถั่วเหลือง #นมโอ๊ต #นมข้าว #นมธรรมชาติ

นม เสริมคุณค่า (Fortified Milk) คือผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านกระบวนการ เติมสารอาหารสำคัญ เพิ่มเติมจากที่มีตามธรรมชาติ เช่น ....

น้ำเสีย กับ น้ำทิ้ง คุณเคยได้ยินหรือไม่?     น้ำเสียกับน้ำทิ้ง…ไม่ใช่คำเดียวกัน แม้ฟังดูคล้ายกันแต่ความหมายต่างกันโดยสิ้...
21/11/2025

น้ำเสีย กับ น้ำทิ้ง คุณเคยได้ยินหรือไม่?

น้ำเสียกับน้ำทิ้ง…ไม่ใช่คำเดียวกัน แม้ฟังดูคล้ายกันแต่ความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง และความเข้าใจนี้สำคัญต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

น้ำเสียกับน้ำทิ้ง สองคำที่หลายคนอาจเคยได้ยินบ่อยในข่าวหรือบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่รู้หรือไม่ว่าสองคำนี้ไม่ได้หมายถึงสิ่งเดียวกันเสียทีเดียว ความแตกต่างของทั้งสองคำมีความสำคัญอย่างมากในแง่ของการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการที่มีการใช้น้ำจำนวนมากในกระบวนการผลิต

น้ำเสีย หมายถึงน้ำที่ผ่านการใช้งานมาแล้วและมีสิ่งปนเปื้อนอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นสารอินทรีย์ สารเคมี โลหะหนัก หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ซึ่งอาจเกิดจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การอาบน้ำ ซักล้าง ล้างภาชนะ หรือจากกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม น้ำเสียถือเป็นน้ำที่ยังไม่ผ่านกระบวนการบำบัดตามมาตรฐาน ดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมได้โดยตรง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

ส่วนคำว่า น้ำทิ้ง หมายถึงน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจนคุณภาพอยู่ในระดับที่ปล่อยออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย เช่น คลองหรือแม่น้ำ โดยกระบวนการบำบัดจะช่วยลดปริมาณสารพิษ สารอินทรีย์ หรือเชื้อโรคในน้ำให้อยู่ในระดับที่กฎหมายกำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น มาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของน้ำทิ้งไว้อย่างชัดเจน เช่น ค่า pH ต้องอยู่ระหว่าง 5.5 – 9.0 อุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส และค่าความต้องการออกซิเจน (BOD, COD) ต้องไม่เกินค่าที่ระบุไว้ในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งจากโรงงานก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะ (อ้างอิงจาก JETRO, 2017)

สาเหตุที่ต้องแยกคำว่าน้ำเสียและน้ำทิ้งให้ชัดเจน เพราะ “น้ำเสีย” เป็นเพียงน้ำที่ผ่านการใช้งานและยังมีมลพิษ ในขณะที่ “น้ำทิ้ง” หมายถึงน้ำที่ผ่านการจัดการและควบคุมคุณภาพแล้ว ซึ่งในแง่ของกฎหมาย มาตรฐานและการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐจะใช้กับ “น้ำทิ้ง” เท่านั้น ไม่ใช่น้ำเสียที่ยังไม่ผ่านการบำบัด ดังนั้น หากโรงงานหรือสถานประกอบการใดปล่อยน้ำเสียออกโดยตรง ย่อมถือว่าผิดกฎหมายและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง

ในประเทศไทย แหล่งกำเนิดของน้ำเสียสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ น้ำเสียจากชุมชนและครัวเรือน น้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรม และน้ำเสียจากภาคเกษตรกรรม น้ำจากแต่ละแหล่งจะมีลักษณะของมลพิษแตกต่างกัน เช่น น้ำเสียจากบ้านเรือนจะมีสารอินทรีย์และของเสียจากการอุปโภคบริโภค ในขณะที่น้ำเสียจากอุตสาหกรรมอาจมีโลหะหนักหรือสารเคมีอันตรายปนเปื้อนอยู่ ส่วนในภาคเกษตรกรรมก็มักมีสารปนเปื้อนจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลง

กระบวนการบำบัดน้ำเสียให้กลายเป็นน้ำทิ้งที่ปลอดภัยนั้นประกอบด้วยหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การกรองและแยกของแข็งขนาดใหญ่ การตกตะกอนของสารแขวนลอย การใช้จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ และการบำบัดขั้นสูง เช่น การกำจัดเชื้อโรค โลหะหนัก หรือสารอาหารส่วนเกินในน้ำ เพื่อให้ได้น้ำที่สะอาดและมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

หากไม่มีการบำบัดน้ำเสียอย่างเหมาะสม ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจรุนแรง ทั้งการเน่าเสียของแหล่งน้ำ การลดลงของปริมาณออกซิเจนในน้ำซึ่งส่งผลให้สัตว์น้ำตายจำนวนมาก เกิดกลิ่นเหม็น และมีการสะสมของสารพิษในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งอาจย้อนกลับมาส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว งานวิจัยในประเทศไทยยังพบว่า น้ำเสียจากบางสถานพยาบาลและโรงงานมีค่ามลพิษ เช่น BOD และ COD สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด แสดงให้เห็นว่ายังมีความจำเป็นในการพัฒนาระบบบำบัดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (อ้างอิงจาก Thai Journal of Health Research)

ดังนั้น การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างน้ำเสียและน้ำทิ้งจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของคำศัพท์ แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ดีไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรและช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง:
- Notification of Ministry of Industry regarding Industrial Effluent Standards B.E. 2560 (ประเทศไทย) JETRO
- Legislative framework: Thailand – WEPA WEPA+1
- Wastewater reclamation trends in Thailand – IWA Publishing IWA Publishing

📌AMARC ให้บริการตรวจวิเคราะห์

1. บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้ง อ้างอิงมาตรฐาน ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง กําหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน พ.ศ. 2560 รายการตรวจวิเคราะห์ดังนี้

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก : https://shorturl.asia/LGaZ8

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล #ตรวจวิเคราะห์น้ำทิ้ง

ผักบ้านๆ แต่คุณประโยชน์ล้น! 'มะระขี้นก–กระเจี๊ยบเขียว' เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น     อยากสุขภาพดีแบบคนญี่ปุ่น ไม่ต้องบ...
19/11/2025

ผักบ้านๆ แต่คุณประโยชน์ล้น! 'มะระขี้นก–กระเจี๊ยบเขียว' เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น

อยากสุขภาพดีแบบคนญี่ปุ่น ไม่ต้องบินไปไกลก็ทำได้ เพราะผักพื้นบ้านของไทยอย่าง มะระขี้นก และกระเจี๊ยบเขียว คือสองซูเปอร์ฟู้ดที่ญี่ปุ่นยกให้เป็นอาหารแห่งความยืนยาว ช่วยดูแลลำไส้ หัวใจ และระบบเลือด แถมหาซื้อง่าย ราคาไม่แพงอีกด้วย

🥒กระเจี๊ยบเขียว 'โสมสีเขียว' ของญี่ปุ่น
กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักสุดฮิตในเมนูญี่ปุ่น ตั้งแต่สลัดง่ายๆ ไปจนถึงเมนูลวกหรือนึ่ง เพราะอยู่ในกลุ่ม neba neba foods อาหารลื่นๆ เหนียวๆ อย่างนัตโตะหรือสาหร่าย ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยให้ลำไส้แข็งแรงและช่วยยืดอายุ

ในไทย กระเจี๊ยบเขียวปลูกมากในภาคกลาง เช่น นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี เป็นต้น มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กระต้าด (สมุทรปราการ) มะเขือมอญ ฮะถั่วเละ เป็นต้น

✔ ประโยชน์เด่น
ลดไขมันในเลือด เจลเหนียวในกระเจี๊ยบช่วยดักคอเลสเตอรอลและขับออกทางอุจจาระ ลด LDL และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ พลังงานต่ำ แต่สารอาหารแน่น1100 กรัม ให้พลังงานเพียง 33 แคล แต่มีวิตามิน C และ K1 ถึง 26% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน พร้อมแมกนีเซียมและโฟเลตแบบจัดเต็ม

🍃มะระขี้นก — ซูเปอร์ฟู้ดประจำโอกินาวา
มะระขี้นกถือเป็นสัญลักษณ์ของเกาะโอกินาวา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ผู้สูงอายุยืนยาวที่สุดในโลก เมนูดัง ‘Goya Chanpuru’ ผัดมะระกับไข่ เต้าหู้ และหมู คืออาหารสุขภาพที่คนท้องถิ่นกินเป็นประจำ

✔ ในศาสตร์แพทย์แผนไทย
มะระขี้นกเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ทั้งกินอร่อยและใช้เป็นยาได้ สารสำคัญ charantin ถูกศึกษาว่าช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้จริง โดยงานวิจัยระบุว่า การรับประทานวันละ 2,000 มก. นาน 6 เดือน ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง ไม่มีพิษต่อตับ เหมาะสำหรับใช้เสริมการควบคุมเบาหวานในรูปแบบอาหาร

ปัจจุบันมะระขี้นกถูกบรรจุใน บัญชียาหลักแห่งชาติ สามารถเบิกจ่ายได้ในคลินิกแพทย์แผนไทยของ รพ.รัฐทั่วประเทศ

🥗กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ที่สุด

กระเจี๊ยบเขียว → ลวกหรือนึ่งเบาๆ เพื่อรักษาเจลเหนียว
มะระขี้นก → ผัด ต้ม แกง หรือทำสลัด ก็ช่วยคุมระดับน้ำตาลได้
แนะนำให้กินในรูปแบบ “อาหาร” เป็นหลัก เพื่อให้ได้ทั้งไฟเบอร์ วิตามิน และสารอาหารครบถ้วน

ที่มาข้อมูล : https://shorturl.asia/IoPcE

📌AMARC ให้บริการตรวจวิเคราะห์ ผัก-ผลไม้

1. ตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้าง (Pesticide residue)
1.1 สารพิษตกค้าง 4 กลุ่ม (Pesticide 4 groups) กลุ่มออร์กาโนคลอรีน (Organochlorine group), กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphate group), กลุ่มคาร์บาเมต (Carbamate group), กลุ่มไพรีทรอยด์ (Pyrethroids group)
1.2 ตรวจวิเคราะห์หาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช Pesticides residue 250 items
1.3 ตรวจวิเคราะห์หาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช Pesticides residue 416 items

2. ตรวจวิเคราะห์โลหะหนัก เช่น สารหนู (Arsenic), แคดเมียม (Cadmium), ตะกั่ว (Lead), ปรอททั้งหมด (Mercury), ดีบุก (Tin)

3. ตรวจวิเคราะห์หาเชื้อจุลินทรีย์ เช่น จำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด (Total Plate Count), แบซิลลัส ซีเรียส (Bacillus cereus), โคลิฟอร์ม (Coliform), คลอสทริเดียม เพอรฟริงเจนส์ (Clostridium perfringens), อี.โคไล (Escherichia coli), ลิสทิเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes), แซลโมเนลลา (Salmonella spp.), สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus), วิบริโอ คอเลอเร่ (Vibrio cholerae), ยีสต์ (Yeast), รา (Mold)

4. ตรวจวิเคราะห์พืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs)

5. บริการอื่นๆ
- ตรวจวิเคราะห์แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม (Calcium), เหล็ก (Iron), แมกนีเซียม (Magnesium), แมงกานีส (Manganese), ฟอสฟอรัส (Phosphorus), โพแทสเซียม (Potassium), ซีลีเนียม (Selenium), สังกะสี (Zinc)
- ตรวจวิเคราะห์วิตามิน (Vitamin) เช่น วิตามินเอ (Vitamin A), วิตามินซี (Vitamin C), วิตามินบี1 (Vitamin B1),วิตามินบี2 (Vitamin B2), วิตามินบี6 (Vitamin B6)

📍 นอกเหนือจากการตรวจวิเคราะห์ข้างต้น AMARC ให้บริการรับตรวจรับรอง ตามมาตรฐานดังนี้

1. GAP ตรวจรับรองโดยมาตรฐานสินค้าเกษตร
1.1 มกษ.9001 การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร

2. GMP ตรวจรับรองโดยมาตรฐานสินค้าเกษตร
2.1 มกษ.9023 หลักเกณฑ์การปฏิบัติ : หลักการทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะ
2.2 มกษ.9047 การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงรวบรวมผักและผลไม้สด
2.3 มกษ.9035 การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผักและผลไม้สด

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล

อยากสุขภาพดี อย่าพลาด! ผัก 2 ชนิด ขวัญใจคนญี่ปุ่น อีกหนึ่งเคล็ดลับช่วยให้มีอายุยืนยาว แถมยังมีที่ไทย หากินง่าย ขายไม่แพง!
ผักพื้นบ้าน 2 ชนิดที่สามารถหาซื้อได้ในราคาถูกในไทย คือ มะระขี้นก และ กระเจี๊ยบเขียว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่นและถือเป็นกุญแจสู่การมีอายุยืนยาว
อ่านเพิ่มเติม https://www.khaosod.co.th/technologychaoban/featured/article_317562

#มะระขี้นก #กระเจี๊ยบเขียว #ผักเป็นยา #เทคโนโลยีชาวบ้าน

เตือนภัยปาร์ตี้หมูกระทะ หลังพบ 5 คนหมดสติ คาดสาเหตุจากแมงกะพรุนในอาหาร     เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ภายในห้องพั...
12/11/2025

เตือนภัยปาร์ตี้หมูกระทะ หลังพบ 5 คนหมดสติ คาดสาเหตุจากแมงกะพรุนในอาหาร

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ภายในห้องพักเอื้ออาทร นิคมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งมีผู้หมดสติหลายราย จึงรีบรุดไปตรวจสอบ และพบผู้ใหญ่ 4 คน พร้อมเด็กหญิงอีก 1 คน นอนหมดแรงเรียงกันอยู่บริเวณหน้าห้องพัก

ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มดังกล่าวกำลังสังสรรค์รับประทานหมูกระทะอย่างสนุกสนาน แต่หลังจากกินแมงกะพรุนที่อยู่ในชุดอาหาร พบว่าทุกคนเริ่มมีอาการผิดปกติในเวลาไม่นาน ทั้งคลื่นไส้ อาเจียน และมีปัญหาหายใจติดขัดอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอาการแพ้หรือได้รับพิษจากอาหาร

อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนลำเลียงผู้ป่วยทั้ง 5 รายส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาและตรวจสอบอาการที่เกิดขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แมงกะพรุนบางชนิดสามารถนำมาบริโภคได้ แต่จำเป็นต้องผ่านการเตรียมที่ถูกต้องและปรุงจนสุก หากเป็นแมงกะพรุนชนิดมีพิษหรือเตรียมไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง และเสี่ยงอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้

เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับสายปิ้งย่างและผู้ชื่นชอบหมูกระทะ ควรเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัย ตรวจสอบคุณภาพ และหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มั่นใจ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองและคนรอบข้าง

ที่มาข้อมูล : https://shorturl.asia/tUh6P

📌 AMARC ให้บริการตรวจวิเคราะห์ปลารวมถึงสัตว์น้ำแช่เย็น-แช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ ดังนี้

1. ตรวจวิเคราะห์ทางเคมี เช่น ฮีสตามีน (Histamine), อีดีทีเอ (EDTA), ฟอสฟอรัสหรือฟอสเฟต (Total phosphorus as P2O5), ค่าเกลือ (%salt), ปริมาณไนโตรเจน (Total nitrogen -TN), วอเตอร์แอคทีวิตี้ (Water activity -Aw)

2. ตรวจวิเคราะห์โลหะหนัก เช่น สารหนู (Arsenic), สารหนูอนินทรีย์ (Inorganic Arsenic), แคดเมียม (Cadmium), ตะกั่ว (Lead), ปรอททั้งหมด (Mercury), เมธิลเมอร์คิวรี (Methyl mercury) เป็นต้น

3. ตรวจวิเคราะห์ยาสัตว์ตกค้าง
- Chloramphenicol
- Fluoroquinolones group
- Quinolone group (Flumequine, Oxolinic acid)
- Malachite green and Leucomalachite green
- Nitrofurans (Metabolite) มีสาร Semicarbazide (SEM), 1-Aminohydantoin (AHD), 3-Amino-5-Methyl-morpholino-2-oxazolidinone (AMOZ), 3-Amino-2-oxazolidinone (AOZ)
- Nitrofurans (DNSH) หรือ 3,5-dinitrosalicylic acid hydrazide (DNSH)
- Tetracycline group (Chlortetracycline/Oxytetracycline / Tetracycline)

4. ตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อน เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde)

5. ตรวจวิเคราะห์เชื้อจุลินทรีย์ เช่น จำนวนจุลินทรีย์ (Total Viable Count), โคลิฟอร์ม (Coliform), คลอสทริเดียม เพอรฟริงเจนส์ (Clostridium perfringens), อี.โคไล (Escherichia coli), เอนเทอโรแบคทีเรียซีอี (Enterobacteriaceae), เอนเทอโรคอกไค (Enterococci), ลิสทิเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes), สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus), แซลโมเนลลา (Salmonella spp.), ซัลไฟด์รีดิวซิ่ง คลอสตริเดีย (Sulfite Reducing Clostridia), ยีสต์และรา (Yeast & Mold), วิบริโอ คอเลอเร่ (Vibrio cholerae), วิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส (Vibrio parahaemolyticus)

📍 และตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง เพิ่มเติมจากรายการข้างต้น ดังนี้

เชื้อจุลินทรีย์ในกลุ่มอาหารกระป๋อง (Canned Fishery Products) เช่น ตรวจประสิทธิภาพกระบวนการฆ่าเชื้อโดยการบ่ม (Incubation test 35 0C 14 days), คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum), แฟล็ทซาวร์มีโซฟิลิก (Flat Sour Mesophilic), แฟล็ทซาวร์เทอร์โมฟิลิก (Flat Sour Thermophilic)

6. ตรวจหา Microplastic ปนเปื้อนในสัตว์น้ำ

☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎
TEL : 02-516-2422
Website : http://www.amarc.co.th/
Line : (มี@นำหน้านะคะ)

#เอมาร์ค #มาตรฐานแล็บระดับสากล

เผยสาเหตุ ปาร์ตี้หมูกระทะ เป็นลมหมดสติไป 5 ราย นอนเรียงบนถนน เตือนภัยสายปิ้งย่าง

ที่อยู่

361 ซอยลาดพร้าว122 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
Bang Kapi

เบอร์โทรศัพท์

+6625162422

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ AMARCผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง AMARC:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram