14/09/2025
🌡️🧪. 70% alcohol (เช่น ethyl alcohol, isopropyl alcohol) และ 2% chlorhexidine ต่างกันทั้งในเรื่อง กลไกการออกฤทธิ์, ความแรง, และ การใช้งาน ดังนี้
🔬 1. กลไกการออกฤทธิ์
• 70% Alcohol
• ทำลายผนังเซลล์จุลชีพ → ทำให้โปรตีนเสียสภาพ (protein denaturation)
• ออกฤทธิ์รวดเร็ว (ภายในไม่กี่วินาที)
• มีประสิทธิภาพสูงต่อ แบคทีเรียแกรมบวก, แกรมลบ, ไวรัสบางชนิด
• ไม่ค่อยมีฤทธิ์ต่อ สปอร์, เชื้อรา, ไวรัสไม่มีเยื่อหุ้ม (non-enveloped virus)
• 2% Chlorhexidine
• จับกับผนังเซลล์ → ทำให้รั่วซึมและเสียสมดุล
• ออกฤทธิ์ช้ากว่า alcohol แต่ ออกฤทธิ์ยาวนาน (residual effect) อยู่ได้หลายชั่วโมง
• มีประสิทธิภาพต่อ แกรมบวกสูงกว่าแกรมลบ แต่ยังครอบคลุมเชื้อรา และไวรัสบางชนิด
• ไม่ทำลายสปอร์
💡 2. ระยะเวลาและความคงทน
• Alcohol: ฆ่าเชื้อได้เร็ว แต่ หมดฤทธิ์ทันที เมื่อแห้งหรือระเหย
• Chlorhexidine: ออกฤทธิ์นานกว่า (เพราะจับกับโปรตีนบนผิวหนัง) → เหมาะสำหรับการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อในระยะยาว
🏥 3. การใช้งานทางคลินิก
• 70% Alcohol
• ใช้เช็ดผิวหนัง ก่อนฉีดยา / เจาะเลือด / ทำหัตถการเล็กน้อย
• ใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์, พื้นผิว
• ไม่เหมาะสำหรับใช้ในบริเวณที่มีบาดแผลใหญ่เพราะแสบและทำให้เนื้อเยื่อเสียหายได้
• 2% Chlorhexidine
• ใช้เตรียมผิวหนัง ก่อนผ่าตัด, เจาะ central line, ทำหัตถการใหญ่
• ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก (แต่ความเข้มข้นต่ำกว่าคือ 0.12–0.2%)
• ใช้ฆ่าเชื้อบริเวณผิวหนังที่ต้องการการป้องกันยาวนาน
⚖️ 4. ข้อดี–ข้อเสีย
• Alcohol
✅ ฆ่าเชื้อเร็ว
❌ ไม่มีฤทธิ์ตกค้าง, แห้งแล้วหมดผล, ระคายเคืองผิว
• Chlorhexidine
✅ ออกฤทธิ์ยาวนาน, ลดโอกาสติดเชื้อหลังหัตถการ
❌ ออกฤทธิ์ช้ากว่า, อาจทำให้แพ้/ระคายเคือง, ไม่คุมเชื้อบางชนิดได้ดีเท่า alcohol
👉 ดังนั้นในทางปฏิบัติ มักใช้ร่วมกัน เช่น 2% chlorhexidine in 70% alcohol (chlora-prep) เพราะได้ทั้ง การฆ่าเชื้อเร็วจาก alcohol และ การป้องกันตกค้างจาก chlorhexidine