13/11/2021
Chapter 37 : Bronchiectasis and Lung cavity
ในที่สุดก็มีอารมณ์อยากจะเขียนจนได้ เรื่องนี้ก็ไม่ได้ง่ายเลย กว่าคุณแม่จะดีขึ้นได้
ทั้งสองอาการรข้างบนก็เป็นอาการที่คุณแม่ต้องอยู่กันมันทั้งชีวิต แล้วทั้ง่สองอย่างก็เป็นผลข้างเคียงของการฉายแสง การรักษาพอมีอยู่ทางนึง คือผ่าตัดแต่ด้วย conditions ต่างๆในปอดของคุณแม่ การผ่าตัดค่อนข้างเสี่ยงมาก เสี่ยงในที่นี้หมายถึงเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
เอาละ เมื่อต้นปีทางครอบครัวเราได้ตัดสินใจให้ยา octreotide lar + prednisone อีกรอบ โดยที่คุณพ่อมีทฤษฎีว่า ถ้าหยุดให้ยาไปสักพักนึงเพื่อให้ฮอร์โมนต่างๆ กลับเข้าค่าปกติ แล้วค่อยให้ยาอีกรอบเพื่อก้อนมะเร็งที่เหลือจะหายไปหมด
หลังจากให้ยาไปสักพัก อาการทุกอย่างดีขึ้นมา X-Ray หลังจากให้ยาหนึ่งเดือน ปอดก็ดูโปร่งขึ้น หมอยังคิดเลยว่าอาจจะได้ผล
เริ่มให้ยาปลายเดือน 1 เลย ปรากฏว่าตอนประมาณปลายเดือน 3 มิ้นไม่สบายมีไข้ เป็นหมือนวัด ซึ่งคุณแม่ก็เป็นเหมือนกัน เหมือนจะติดไปจากมิ้น แต่แค่ 3 วันมิ้นก็หายเป็นปกติแล้ว แต่คุณแม่ไม่หาย ไอ(มากกว่าปกติมาก) แต่ไม่มีไข้ ซึ่งจริงๆควรจะมีไข้แหละ แต่ที่ไม่มีเพราะกินยา prednisone อยู่
2 อาทิตย์ผ่านไปก็ยังไม่หายแหละไม่ดีขึ้น ก็เลยเริ่มไปหาหมอละ ไปหาเป็นหมอเอกชนแถวบ้านก่อน เพราะว่าคิดว่าเป็นการติดเชื้อธรรมดา หมอก็เก็บไปตรวจเชื้อเจอตัวนึง ก็ให้ antibiotic มากิน กินเสร็จก็ดีขึ้นแต่ยังไม่หาย
ขอเล่าเกี่ยวกับยา prednisone หรือ steroid นิดนึงก่อน ยานี้คือยากดภูมิ คือมันกดภูมิคุ้นกันเรา ปกติใช้กับคนที่มาอาการภูมิแพ้ แต่การกดภูมิเนี่ยทำให้ เราติดเชื้อได้ง่ายขึ้น บวกกับทำให้เวลาป่วยอาการไม่ออก เช่นติดเชื้ออยู่ก็จริง แต่กิน steroid อยู่ภูมิเลยทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เลยไม่มีไข้
เอาละ ระหว่างนี้ก็วนเวียนหาหมอละ พอรู้ว่าเป็นการติดเชื้อละ เราก็ควรลด prednisone เราก็ขอให้หมอลด Prednisone ก่อนแผนที่กำหนดไว้นิดหน่อย ก็ลดเรื่อยๆ อาการก็ออกมาเรื่อยๆ
เดี่ยวขอตัดสั้นหน่อย ไม่งั้นมันจะยาวมาก
สรุป พอลด prednisone จนหมด คุณแม่ก็ไอทั้งวันทั้งคืน + ไข้ 38 ทุกคืน กลางคืนก็ไอ นอนอยู่ๆก็ไอ นอนก็ไม่ได้ นอนไปแปปนึงก็จะไอ ด้วยความที่นอนไม่ได้ กลางวันคุณแม่ก็จะเหมือนคนไม่มีแรง ง่วงตลอดเวลา แต่ละคืนไอเสมหะออกมาเกือบเต็มแก้วน้ำหนึ่งแก้วได้ แล้วน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเลย
ไปหาหมอปอด หมอก็อธิบายว่าก็คุณเป็น bronchiectasis หรือหลอดลมโปร่งพอง กับ lung cavity หรือ โพรงอากาศในปอด ซึ่งสองอย่างนี้ เป็นผลข้างเคียงของการฉายแสง โพรงอากาศในปอดเนี่ยหมออธิบายว่าก็เหมือนมีคลองน้ำเน่าอยู่ในปอดเราอะ มันหมักหมม มันก็เลยติดเชื้อง่าย ต่อให้เราให้ยาฆ่าเชื้อนี้ เดี่ยวเชื้อใหม่มันก็มาอยู่ดีอะ ส่วนหลอดลมโปร่งพองเนี่ยโดยโรคอันนี้ก็ทำให้มีเสมหะปริมาณมากอยู่แล้ว
เสร็จแล้วหมอก็บอกว่า อาการคุณก็ไม่ได้ดูแย่มาก ด้วย condition ของคุณมันก็น่าจะประมาณนี้แหละ แล้วก็เชิงๆ บอกให้เราอยู่กับมัน เสร็จแล้วหมอก็ให้เครื่องชื่อว่า acapella มา ไว้ใช้เป่า แล้วมันจะช่วยเคลียร์เสมหะได้ดีขึ้น กับให้กินยาละลายเสมหะ บอกว่ากินทุกวันได้เลย
คุณแม่ก็ใช้ acapella ไปสักพัก โดยภาพรวมก็คือยังไม่ดีขึ้นเท่าไรเลย ไข้ก็ยังไม่ลดเท่าไร ไอก็ยังเยอะ เสมหะก็ยังเพียบ น้ำหนักก็ยังลดต่อไป
คุณพ่อก็ยอมไม่ได้ละ เราต้องดิ้นเองละ เอาละเดี่ยวขอลิสคร่าวๆ ว่าไปหาอะไรมาให้ลองบ้างละกันนะ แต่คุณพ่อก็ไปอ่านมาเจอว่าถ้าคนเป็น bronchiectasis เนี่ยต้องเคลียร์เสมหะทุกวัน
- Nebuliser
- Autogenic drainage อันนี้คือเป็นการ
- หายใจบริหารปอด
- กินวิตามินซี
- กินโปรตีน
- ออกกำลังกาย
- Vest Therapy อันนี้คือยังไม่ได้ลอง ด้วยราคาที่แพง แถมเมืองไทยเหมือนจะยังไม่มีเท่าไร ที่ต่างประเทศคืออันละ 6 แสนบาทได้ แต่ถ้าของจีนก็เหลือ 150,000
ผลลัพท์ของการพยายามทำหลายๆอย่างก็ทำให้อาการดีขึ้นบ้าง ไข้กลางคืนน้อยลง ไอน้อยลงหน่อย กลางคืนนอนได้ยาวขึ้น แต่เอาจริงๆ มันก็ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่คุณพ่อรู้สึกว่า we can live with it เท่าไร
เอาละจะเล่าถึงสิ่งที่ได้ผลดีที่สุดที่ไปเจอมาละ
ด้วยความว่าอยากลองใช้ vest therapy มาก แต่ว่าราคาแพงก็เลยคิดว่าลอง search ของที่ๆ มันมีให้ลองดีไหม ก็เลย google เอา ไปเจอสถานกายภาพที่นึง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเครื่อง vest therapy แต่เราเขียนเน้นเกี่ยวกับ respiratory อยู่ก็เลย ตัดสินใจลองไปดู ทำนัดไปปุป ด้วยความที่ว่าคนทำนัดแค่ฟังเคสก็ปวดหัวแล้ว คุณหมอกายภาพโทรมาหาก่อนเลย ก่อนวันที่จะไปเจอคุณหมอ แล้วสอบถามข้อมูลขอบคนไข้ คุณพ่อก็ให้ข้อมูลไป
เสร็จวันต่อมาไปหมอ คุณหมอก็ให้ท่าบริหาร บอกตามตรง ตอนนี้ก็คือจำท่าบริหารของคุณหมอไม่ได้แล้ว แต่ประทับใจในความพยายาม กับ ความใจดีของคุณหมอมาก พอหาเสร็จหมอ หมอก็บอกว่าอยากให้ไปหาอาจารย์ของคุณหมอ คุณก็ไปเล่าเคสให้ฟัง แล้วเราก็ทำนัดกับอาจารย์ไป
สักพักหลังจากนั้น เราก็ได้ไปหาอาจารย์ทางกายภาพท่านนี้ คลินิคของแกเป็นคลินิคเล็กๆแถวสีลม ตอนไปครั้งแรกเรายังตกใจเลย มีคลินิคอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ คลินิคของอาจารย์ก็มีแค่อาจารย์อยู่คนเดียวนี้แหละ
อันนี้แหละคือเด็ดมากก
อาจารย์ให้ท่าในการเคลียร์เสมหะ ทีได้ผลดีมาก เสมหะออกมาเยอะมาก ซึ่งท่าที่อาจารย์ให้เนี่ยมันก็คือ autogenic drainage ที่คุณพ่อเคยทำอะแหละ เพียงแต่ที่อาจารย์ให้มัน specific กว่าเพราะที่อาจารย์ให้มันสอดคล้องกับว่า เป็น bronchiectasis ตรงไหน lung cavity อยู่ตรงไหนอะไรยังไงด้วย
เคลียร์เสมหะตามที่อาจารย์ 2-3 วัน อาการก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกนึงขั้นเลย ต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆ
ทุกวันนี้ก็คือต้องเคลียร์เสมหะทุกวัน และต้องเคลียร์ไปทั้งชีวิต กลางวันก็ยังจะมีไอ มีเสมหะบ้างแต่ก็ลดลงเยอะมากๆแล้ว ไข้กลางคืนไม่มีแล้ว เวลายืนหรือเดินก็ไม่ค่อยจะไอเท่าไรแล้ว แต่ถ้าไม่เคลียร์เสมหะ เวลานอนลงไปก็จะไอ ชีวิตก็ไม่ได้สะดวกสบายหรือดีมาก แต่มันก็อยู่ในระดับที่พออยู่กับมันได้อย่างพอมีความสุข
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้คือตัดสั้นมากๆ กว่าอาการจะอยู่ในขั้นที่เราพออยู่กับมันได้ ก็น่าจะสัก 6 เดือนได้ ป่วยหนักๆ ไข้ 38 นอนไม่ได้ทั้งคืน นี่ก็น่าจะสักเกือบ 2 เดือนได้
มันไม่ได้ง่ายกับใครเลยทั้งคุณแม่ และคุณพ่อ สำหรับคุณพ่อช่วงที่อาการหนักๆ เราแทบคุยกันไม่ได้เลย นอนก็ต้องนอนแยกห้อง เพราะไม่งั้นคุณพ่อก็ต้องตื่นเพราะเสียงไอคุณแม่ด้วย กลางวันคุณแม่ก็ง่วงทั้งวัน เราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยช่วงนั้น แล้วคุณพ่อก็รู้สึกเหมือนว่าไม่มี Life partner แล้ว ทุกๆวันเราก็เลี้ยงน้องมิ้นท์ แล้วก็ทำทุกอย่างเกือบจะคนเดียว แล้วมันเป็นระยะเวลาหลายเดือนเหมือนกัน
ยังไงก็ตาม วันนี้คุณแม่ก็แข็งแรงขึ้นมากแล้ว เรา road trip ขึ้นเหนือกัน 8-9 วันได้ เพราะคุณแม่ก็ยังแข็งแรงพอที่เดินทางไปกับเราได้ ช่วยเลี้ยงน้องมิ้นท์ (ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากคุณย่ามากมายก็เหอะ)
สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณหลายๆคนมากที่ช่วยมาให้ถึงจุดนี้
- ขอบคุณคุณแม่ที่ไม่ย่อท้อซะก่อน เรื่องกำลังใจคุณแม่สุดยอดจริงๆ
- ขอบคุณคุณย่าที่สละเวลาทั้งหมดช่วยเลี้ยงน้องมิ้นท์ แล้วก็ดูแลคุณแม่
- ขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้เราได้มีท่าเคลียร์เสมหะที่ดีได้
- ขอบคุณคุณหมอข้าวปุ้นที่ทำให้เราได้เจออาจารย์
- ขอบคุณตัวเอง ที่ไม่ยอมหยุดหาวิธีมารักษาคุณแม่
- ขอบคุณเพื่อนๆ ทั้งหลาย ที่คอยโทรมาชวนคุณแม่คุย
และก็มีอีกหลายคนที่ช่วยให้เราทำให้ปัญหาที่เรามีเบาขึ้น ขอบคุณมากครับ
ถึงแม้เรื่อง thymoma ก็ยังต้อง monitor ต่อไป โรคใหม่เราก็ต้องอยู่กับมันแต่เราก็ต้องหาทางอยู่กับมันอย่างมีความสุขให้ได้ cheers :)