หมอนัดโภชนาการ

หมอนัดโภชนาการ Nutrition educator and Nutritional and lipid biochemistry researcher

โค้ชชิ่งโภชนาการ NCD หายได้

LDL ไขมันเรื่องราวที่คุณควรทราบ จากคนที่ทำการศึกษาด้านนี้ได้บ้าง แต่ศึกษามากกว่า 20 ปึช่วงนี้หลายคนอาจจะสับสนกับข้อมูลสุ...
05/12/2025

LDL ไขมันเรื่องราวที่คุณควรทราบ จากคนที่ทำการศึกษาด้านนี้ได้บ้าง แต่ศึกษามากกว่า 20 ปึ

ช่วงนี้หลายคนอาจจะสับสนกับข้อมูลสุขภาพในโซเชียลที่บอกว่า “LDL สูงก็ไม่เป็นไร” หรือ “ใช้สูตร TG/HDL ก็พอแล้ว” หรือบางโพสต์บอกว่า “ตรวจ CAC score อย่างเดียวก็พอรู้ความเสี่ยงโรคหัวใจได้ทั้งหมด” แต่ในความเป็นจริง สุขภาพหัวใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากกว่านั้น และไม่สามารถใช้ตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งมาตัดสินทั้งหมดได้ครับ เพราะการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (atherosclerosis) เป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ สะสมทีละน้อยและมีปัจจัยร่วมหลายอย่างมากกว่าที่เห็นบนผลเลือดหนึ่งค่า

และต้องยอมรับว่า ในแง่สาธารณสุขการแพทย์ เรามี overtreatment จำนวนมาก คือรักษาเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการ "สาด"ยา ชุดมาตรฐาน ให้ไปโดยที่อาจจะไม่มี evidence รองรับที่ชัดเจน และเราก็มี under treatment ที่เกิดจากทั้งคนไข้ ประชาชน รวมถึงวงค์การแพทย์...ซึ่งทั้งสองสิ่งกระทบต่อเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข และสาธารณสุขในระดับมหภาค

แม้จะมีความเห็นหลากหลายบนออนไลน์ แต่หลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทั้งจากยุโรป อเมริกา รวมถึงประเทศไทย ยังคงชี้ชัดว่า LDL เป็นสาเหตุสำคัญในการก่อให้เกิดการสะสมในผนังหลอดเลือด และเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม LDL ก็เป็นเพียง “หนึ่งส่วน” ของภาพรวม ไม่ได้เป็นคำตอบทั้งหมดว่าคน ๆ นั้นมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพราะในคนบางคน LDL สูงจากพันธุกรรม แต่ลักษณะไขมันอื่น ๆ อาจไม่ได้ก่อความเสี่ยงมาก ขณะเดียวกันบางคนมี LDL เพียงเล็กน้อย แต่มีปัจจัยอื่นที่อันตรายกว่า เช่น Lp(a) สูง, sdLDL สูง หรือภาวะอักเสบเรื้อรัง

สูตรอย่าง TG/HDL หรือ TC/HDL ก็มีประโยชน์ครับ เพราะช่วยสะท้อนสุขภาพเมตาบอลิซึมและภาวะดื้อต่ออินซูลิน แต่ก็ไม่สามารถแทนที่ LDL ได้ และไม่ใช่สูตรที่ใช้ประเมินความเสี่ยงของหลอดเลือดในทุกกรณี เช่นกัน การตรวจ CAC score ก็เป็นเครื่องมือที่ดีมากในการบอกว่ามีแคลเซียมในหลอดเลือดหรือไม่ แต่ผล CAC เป็นแค่ “ภาพ ณ ตอนนี้” ไม่ได้บอกแนวโน้มอนาคต เพราะ plaque ที่อันตรายที่สุดบางชนิดเป็นแบบอ่อน (soft plaque) ซึ่งเครื่องตรวจไม่สามารถเห็นได้

ด้วยเหตุนี้ เวลาประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจจริง ๆ จึงควรดูหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น LDL, การอักเสบ, พันธุกรรม, โปรไฟล์ไขมันอื่น ๆ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทีมของผมเองกำลังทำงานวิจัยด้าน lipidomics, proteomics, polygenic risk score และข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อตอบคำถามว่า “ใครกันแน่ที่ LDL สูงแล้วเสี่ยงจริง” และ “ใคร LDL สูงแต่เสี่ยงน้อยกว่าที่คิด” ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นก็บ่งชี้แล้วว่า คนไทยจำนวนหนึ่งมีรูปแบบไขมันและพันธุกรรมที่แตกต่างจากที่คำแนะนำมาตรฐานตั้งอยู่บนงานวิจัยในยุโรปเป็นส่วนใหญ่

อย่างกราฟสุดท้ายที่ผม post และเพิ่งตีพิมพ์ไปใน nature.com ทีมเราใช้เวลากว่า 8 ปีถึงจะได้มาซึ่งผลงานนี้ ใช้งบไปมากมาย จะพบว่า คะแนน polygenic risk score พบว่ามีคนที่มีคะแนนสูง ก็มีแนวโน้มสำคัญในการมีไขมันสูง ซึ่งในอนาคตอาจจะทำนายการเสียชีวิต หรือการเกิดโรคได้อีก ดังนั้น การตรวจเฉพาะน้ำเลือดง่าย ๆ เช่น LDL, sdLDL, APOB ในตอนนี้อาจจะใช้ได้ แต่อีกไม่นาน น่าจะมี panel test ที่รวม exposome ต่าง ๆ เข้ากันได้ดีขึ้น เช่นการรวม พฤติกรรมการนอน, การเดินออกกำลังกาย, การซึ้ออาหาร, การกิน ultraprocessed foods, omics

ท้ายที่สุด สิ่งที่อยากชวนให้เข้าใจคือ สุขภาพหัวใจไม่ควรถูกตัดสินจากตัวเลขเพียงค่าเดียว แต่ควรมองเป็นภาพรวมทั้งระบบ และประเมินแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพราะร่างกายของแต่ละคนมีความซับซ้อนมากกว่าที่สูตรลัดหรือคอนเทนต์ในโซเชียลจะอธิบายได้ การแพทย์ยุคใหม่กำลังมุ่งไปสู่การดูแลแบบ personalized และงานวิจัยของเราก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คำแนะนำเหล่านี้แม่นยำและปลอดภัยมากขึ้นสำหรับทุกคนครับhttps://www.nature.com/articles/s41525-025-00532-1

งานนี้ถือว่าเป็นงานยากอีกชิ้นหนึ่งครับ คือการถอดบทเรียนการทำคลินิกลดยา หยุดยาเบาหวาน ในประเทศไทย ความยากอยู่ที่ ต้องไปถอ...
03/12/2025

งานนี้ถือว่าเป็นงานยากอีกชิ้นหนึ่งครับ คือการถอดบทเรียนการทำคลินิกลดยา หยุดยาเบาหวาน ในประเทศไทย

ความยากอยู่ที่ ต้องไปถอดบทเรียนจากคลินิกการให้บริการที่ต่างๆ ในประเทศไทยที่มีพื้่นฐานทางความมั่นคงทางอาหารที่แตกต่างกัน

บทความนี้อยากให้ FC ที่เป็น บุคลากรการแพทย์ได้อ่าน ก่อนที่ฉบับเต็มจะออกสิ้นเดือนนะครับ

ใช้เวลาในการทำงานนี้ ปีครึ่ง

📢 สรุปงานวิจัยล่าสุด: "เบาหวานชนิดที่ 2" สงบได้จริงไหมในบริบทคนไทย? 🇹🇭🍚 . ใครว่าเป็นเบาหวานแล้วต้องกินยาไปตลอดชีวิต? งานวิจัยใหม่จากการสัมภาษณ์บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศไทยชี้ให้เห็นว่า

"เบาหวานระยะสงบ" (Diabetes Remission) หรือการที่คุมระดับน้ำตาลได้ปกติโดยไม่ต้องใช้ยา เป็นไปได้จริง! แม้เราจะอยู่ในเมืองแห่งข้าวและผลไม้หวานๆ ก็ตาม

นี่คือ 5 เรื่องต้องรู้ จากงานวิจัยชิ้นนี้ครับ:

✅ 1. "เบาหวานระยะสงบ" คืออะไร? ไม่ใช่การ "หายขาด" ถาวร แต่คือภาวะที่คนไข้สามารถคุมระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ให้ต่ำกว่า 6.5% ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน โดยที่ "ไม่ต้องกินยาลดน้ำตาล" ซึ่งถือเป็นเป้าหมายใหม่ของการรักษา

🍛 2. สูตรอาหารแบบไหนที่หมอไทยใช้? (ปรับให้เข้ากับเรา) ไม่มีสูตรเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน! แต่แนวทางที่ได้ผลดีในไทยคือ:
• Low-Carb (ลดแป้ง/น้ำตาล): เป็นวิธีหลักที่ใช้กันมาก
• IF (Intermittent Fasting): การจำกัดเวลาทานอาหาร เช่น 16:8 ก็ถูกนำมาใช้ร่วมด้วย
• ปรับตามวิถีชีวิต: เช่น ภาคเหนือ/อีสานที่ติดข้าวเหนียว หมอจะแนะนำให้ค่อยๆ ปรับปริมาณ หรือเปลี่ยนชนิดข้าว และเน้นกับข้าวที่มีโปรตีนและผักแทน (Plate Model 2:1:1)

• คำเตือน: สูตร Keto (คีโต) หมออาจให้ทำได้ในช่วงสั้นๆ แต่ต้องอยู่ในการดูแลใกล้ชิดเพราะอาจมีความเสี่ยง

🤝 3. หัวใจความสำเร็จคือ "ทีมเวิร์ก" และ "เทคโนโลยี"
• ลำพังแค่หมอสั่งยาอาจไม่พอ ต้องมีทีม "สหวิชาชีพ" (พยาบาล, นักโภชนาการ) ช่วยวางแผนการกินและให้กำลังใจ
• การใช้ LINE ส่งรูปอาหารการกินให้หมอ/นักโภชนาการตรวจ หรือใช้เครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้วเองที่บ้าน ช่วยให้คนไข้คุมตัวเองได้ดีขึ้นมาก

🛑 4. อุปสรรคของคนไทยคือ "วัฒนธรรมการกิน" งานวิจัยพบว่าความท้าทายที่สุดคือ:
• อาหารหวานและผลไม้: คนไทยติดหวาน
• งานสังคม: งานบุญ งานศพ งานเลี้ยง ที่เลี่ยงการกินแป้งและน้ำตาลยาก
• วิถีชีวิต: แม่ค้าขายของ หรือคนทำงานกะดึก กินอาหารไม่เป็นเวลา

5. อย่าหยุดยาเองเด็ดขาด! การจะเข้าสู่ระยะสงบ ต้องมีการ "ถอนยา" (Deprescribing) อย่างเป็นระบบ โดยแพทย์จะค่อยๆ ลดอินซูลินหรือยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียก่อน เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำวูบ

ไม่ว่าโลกจะมียาเบาหวานใหม่ในการลดความอ้วน อย่าง GLP-1 แต่มิตินี้ เราไม่ได้ใช้ยานี้ครับ อย่าหลงทาง

💡 สรุป: เบาหวานระยะสงบทำได้จริงในไทย แต่ต้องอาศัย 2 อย่างคู่กันคือ "ความตั้งใจจริงของคนไข้" (ที่จะปรับพฤติกรรม) และ "การดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์" ใครที่สนใจ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอประจำตัวเพื่อวางแผนร่วมกันครับ! 💪 . #เบาหวาน #สุขภาพดี #ลดน้ำตาล #งานวิจัยแพทย์ไทย

วันนี้ผมได้นำส่งมอบยา Doxycycline จำนวน 10,000 เม็ด ร่วมกับทีมรับบริจาคของศิริราช เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่หาดใหญ่แล้วนะคร...
02/12/2025

วันนี้ผมได้นำส่งมอบยา Doxycycline จำนวน 10,000 เม็ด ร่วมกับทีมรับบริจาคของศิริราช เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่หาดใหญ่แล้วนะครับ

ร่วมส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ เร่งฟื้นฟูให้กลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็วนะครับ

29/11/2025

อ. เหน่ง แห่งโรงพยาบาลสงขลา ท่านเป็นผู้ประสบภัยเช่นกัน แจ้งเบื้องต้นว่า ยา Doxy ในโรงพยาบาลสงขลาน่าจะมีเพียงพอ

แต่เวลาลงพื้นที่ ที่มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก อาจจะไม่เพียงพอ

ผมจัดหาได้ 10,000 เม็ดแล้ว จะจัดส่งวันจันทร์นะครับ ขอบคุณท่านเสริมยุทธ เพื่อนรักที่ขายยา ที่ช่วยจัดหาในราคาพิเศษด้วยครับ

ทรงพระเมตตาต่อพสกนิกรของท่านอย่างหาที่สุดมิได้ทรงพระเจริญ
29/11/2025

ทรงพระเมตตาต่อพสกนิกรของท่านอย่างหาที่สุดมิได้
ทรงพระเจริญ

29/11/2025

ผมจะขออนุญาติใช้เงินกองทุน 3902 ของมูลนิธิศิริราช ที่ผมดูแล สั่งซื้อ doxycycline นะครับ คาดว่าจะซื้อ 5000 เม็ดก่อน (คนนึงกินสองเม็ด)
และจะดำเนินการส่งออก ไปที่สงขลาวันจันทร์ครับ

28/11/2025

วันนี้อยากเล่าเคสหนึ่งที่เป็นภาพสะท้อนของสังคมไทย…ที่ผมได้ตรวจเมื่อวานที่หน่วยบริการปฐมภูมิ และขอความเห็นเพื่อน ๆ ครับ

ชายวัยกลางคน ปวดหัว เวียนหัวจนเดินไม่ได้
วัดความดันได้ 200/100 mmHg (ที่คลินิก)
คลินิกบอกให้ไปโรงพยาบาลทันที แต่เขาไม่ไป…
เพราะคิดว่า “ดึกแล้ว เดี๋ยวค่อยไปก็ได้”

สองปีก่อนเคยตรวจเจอว่าตัวเองเป็นความดันสูง (ไปตรวจที่ห้างแห่งหนึ่ง)
แต่ไม่เคยไปพบแพทย์ ไม่เคยทานยา
เขาบอกว่า
— “ไม่มีใครบอกว่าอันตรายขนาดนั้น” และ”ไม่เห็นกำชับเค้าให้ไปหาหมอ”
— “กินยาเดี๋ยวไตพัง”
— “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”

ภรรยาเองก็ไม่เคยตรวจสุขภาพ
ทั้งครอบครัวจึงไม่รู้เลย หรืออาจจะให้ความสำคัญน้อยว่า “ความดันสูงคือโรคเงียบที่ทำลายอวัยวะทุกวัน”

แต่พอมีอาการหนักครั้งนี้ ผู้ป่วยพูดว่า…
“คราวนี้ผมกลัวแล้วหมอ”



📌 ความรู้สำคัญเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง ที่คนไทยมักไม่รู้

🔴 1) ความดันสูงไม่มีอาการ แต่ทำลายอวัยวะเงียบ ๆ

70–80% ของคนที่เส้นเลือดสมองแตก หรือหัวใจวายกะทันหัน
เป็นคนที่ ไม่เคยคุมความดัน หรือ ไม่รู้ว่าตนเองมีโรค

ความดันที่สูงจะทำให้
• เส้นเลือดสมองตีบ แตก → อัมพาต
• กล้ามเนื้อหัวใจโต → หัวใจวาย
• ไตเสื่อม → ไตวายเรื้อรัง
• หลอดเลือดทั่วร่างกายเสื่อมเร็วขึ้น

โรคนี้ใช้เวลา “หลายปี” ในการทำลายอวัยวะ โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย



🔴 2) ความเข้าใจผิดเรื่อง “กินยาแล้วไตพัง”

จริง = ไม่คุมความดัน → ไตพัง
ไม่จริง = “ยาลดความดันทำให้ไตพัง”

ยาความดันเป็นหนึ่งในยาที่ ช่วยป้องกันไตวาย ด้วยซ้ำ
(โดยเฉพาะกลุ่ม ACEI/ARB ที่ใช้ในผู้ป่วยไตเรื้อรัง)

ผู้ป่วยจำนวนมากไตวายเพราะ ไม่ได้กินยา มากกว่าเพราะ “กินยา”



🔴 3) ความดันสูงไม่หายเอง ต้องรักษาต่อเนื่องตลอดชีวิต

หลายคนพอความดันลง ก็หยุดยาเอง
แล้วคิดว่า “หายแล้ว”

แต่ความจริงคือ
ยาไม่ได้ทำให้หายขาด ยาแค่ช่วยควบคุมความดันให้ปลอดภัย

หยุดยา = ความดันเด้งกลับสูงกว่าเดิม
เสี่ยงหัวใจล้มเหลว อัมพาตแบบไม่ทันตั้งตัว



🔴 4) โรคความดันสูงเป็น “โรคของทั้งบ้าน ไม่ใช่โรคของคนคนเดียว”

พ่อแม่ไม่ตรวจ ลูกก็ไม่ได้ตรวจ
คนหนึ่งในบ้านล้ม → ทั้งครอบครัวได้รับผลกระทบ

งานวิจัยพบว่า
ถ้าครอบครัวหนึ่งคนเป็นความดันสูง
คนในบ้านมีโอกาสสูงกว่าปกติหลายเท่า

เพราะ
• พันธุกรรม
• พฤติกรรมการกินที่เหมือนกัน
• ความเครียดในบ้าน
• ไลฟ์สไตล์ร่วมกัน

ดังนั้น ควรตรวจทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่ป่วยแล้ว



🔵 ทำไมเราถึงพบพฤติกรรมแบบนี้ในสังคมไทยเยอะ?

1️⃣ รู้ไม่พอ (Health Literacy ต่ำ)
คนไทยจำนวนมากรู้ว่า “ความดันสูงไม่ดี”
แต่ไม่รู้ว่า ไม่ดีแค่ไหน ไม่รู้ว่าสามารถฆ่าคนได้แบบไม่เตือน

2️⃣ ทัศนคติแบบ “ผมยังไหว”
รอให้ป่วยก่อน รอให้ล้มก่อน จึงไปหาหมอ
เมื่อเจอเหตุรุนแรงถึงจะเริ่มกลัว

3️⃣ ความเชื่อผิด ๆ ที่ส่งต่อกันเป็นรุ่น ๆ
“กินยานาน ๆ ไตพัง”
“หยุดยาหน่อย เดี๋ยวชินยา”
“ไม่เจ็บก็ไม่เป็นอะไร”

4️⃣ ระบบสังคมที่เน้นรักษา ไม่ใช่ป้องกัน
คนอยากตรวจตอนป่วย
ไม่อยากตรวจตอนยังแข็งแรง



⭐ สรุปที่อยากฝากทุกคนในโพสต์
• ความดันสูงฆ่าคนได้แบบเงียบ ๆ
• ไม่ปวด ไม่เจ็บ แต่สะสมจนทำลายหัวใจ ไต สมอง
• ยาความดันกินแล้วปลอดภัยกว่า “ไม่กินยา”
• โรคเรื้อรังต้องรักษาต่อเนื่อง
• ตรวจสุขภาพปีละครั้ง ช่วยชีวิตได้จริง

วันนี้ผู้ป่วยคนนี้รอดมาเล่าให้ฟัง
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสแบบนี้

อยากให้ทุกครอบครัวเห็นความสำคัญของ “การตรวจ การรักษา และการไม่ประมาท”
เพราะบางครั้งโอกาสแก้ตัว…มีแค่ครั้งเดียวจริง ๆ ครับ

แนวทางโรคฉี่หนูใครลงไปช่วยน้ำท่วม อย่าลืมใช้ยา doxycycline 100 mg 2 เม็ดครั้งเดียวครับ ถ้ามีโอกาส อาจจะฝากซื้อยานี้บริจา...
27/11/2025

แนวทางโรคฉี่หนู
ใครลงไปช่วยน้ำท่วม อย่าลืมใช้ยา doxycycline 100 mg 2 เม็ดครั้งเดียวครับ

ถ้ามีโอกาส อาจจะฝากซื้อยานี้บริจาคได้ครับ

26/11/2025
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุก ๆ คนครับ เวลานี้ รวมใจเป็นหนึ่ง ส่วนงานข้างล่างนี้พูดถึง โภชนาการเฉพาะบุคคล (personalized...
26/11/2025

ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุก ๆ คนครับ เวลานี้ รวมใจเป็นหนึ่ง

ส่วนงานข้างล่างนี้พูดถึง โภชนาการเฉพาะบุคคล (personalized nutrition) ที่จะสอนเร็วๆ นี้ที่สถาบันโภชนาการ

เวลาที่เราอ่านงานวิจัยด้านโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกำลังกาย การอดอาหารแบบ IF การนอน หรือรูปแบบการกินต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ งานวิจัยส่วนใหญ่รายงานผลในรูปของ “ค่าเฉลี่ย” จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าในค่าที่ถูกนำเสนอออกมานั้น มีทั้งคนที่ได้ผลดีมาก คนที่ได้ผลบ้าง และคนที่แทบไม่ได้ผลเลย การจะนำค่าเฉลี่ยเหล่านั้นมาใช้กับตัวเองโดยตรง จึงอาจไม่ตรงกับความจริงของร่างกายเราเสมอไป
แต่ในยุคปัจจุบัน เรามีเครื่องมือที่ช่วยให้แต่ละคนสามารถสังเกตตัวเองได้ละเอียดกว่าที่เคย ทั้งพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย การนอน การทำ IF การควบคุมอาหาร และการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เมื่อเราทดลองและติดตามผลด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่ได้จะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “N-of-1 trials” หรือก็คืองานวิจัยจากคนเพียงคนเดียว ซึ่งสะท้อนความจริงของร่างกายเรามากกว่างานวิจัยแบบค่าเฉลี่ย เพราะเป็นผลที่เกิดขึ้นจากวิธีที่เราใช้จริง ๆ กับชีวิตประจำวันของเราเอง ไม่จำเป็นต้องเหมือน หรือคาดหวังว่าจะเหมือนกับผลที่เกิดขึ้นในคนอื่น

หลายคนคงเคยได้ยินกระแสเรื่อง autophagy ที่โด่งดังไปทั่วโลก หลังจากที่ศาสตราจารย์ Yoshinori Ohsumi ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2016 จากการค้นพบกลไกนี้ ทำให้เกิดความเชื่อว่า “การอดอาหารช่วยชะลอวัย” แต่ความจริงแล้ว งานวิจัยดั้งเดิมเหล่านั้นทำในระดับเซลล์และยีสต์ (Saccharomyces cerevisiae) ไม่ใช่ในมนุษย์ทั้งร่างกาย เวลาเราทำ Fasting จริง ๆ เซลล์ที่ไม่ต้องการจะ “อด” ก็ต้องอดไปด้วยทั้งระบบ ส่วนผลระยะยาวว่ามนุษย์ที่ทำ Fasting ต่อเนื่องจะมีอายุยืนหรือสุขภาพดีขึ้นจริงหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอดอาหารนานแค่ไหน ถึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์ (meaningful significances without harmful significance) ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอในมนุษย์

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ การเฝ้าสังเกตตัวเองผ่าน N-of-1 trials สำคัญมากในยุคนี้ เพราะเป็นข้อมูลจริงของร่างกายเราเอง สามารถใช้ปรับการกิน การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพได้อย่างเฉพาะตัว หากทำต่อเนื่องเป็นปี ๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากการทำ “งานวิจัยของตัวเราเอง” และเป็นข้อมูลที่มีค่ามากกว่างานวิจัยเฉลี่ยของคนหลายร้อยคนเสียอีก

สุดท้ายนี้
ช่วงนี้ผมไม่ได้จัด clips เลยครับ เพราะมุ่งไปกับการเรียนซึ่งตอนนี้เรียนที่ cambridge อังกฤษ ด้านพันธุศาสตร์ ต้องบินไปบินกลับไทยปีละ 5-6 ครั้ง และกลับมารับใช้ รพ. และสอนหนังสือ และทำวิจัยโภชนาการไปด้วย รวมถึงออกคลินิกที่ Siriraj H solution เรื่องเหล่านี้ที่เชี่ยวชาญ รวมถืง แฮะๆซ้อมวิ่ง ว่ายน้ำ ไตรกีฬาวนไป...ขอบคุณทุกคนที่กดติดตาม หรือทักทาย หรือสนับสนุนสื่อสุขภาพดี ๆ นะครับ

26/11/2025

กรณีศึกษา: หญิงสาววัย 30+ปี กับค่าไขมันที่สูงผิดปกติในคนอายุน้อย ร่วมกับการลดน้ำหนัก

หญิงสาวอายุ 30+ปี รูปร่างปกติ ( BMI 21) สุขภาพทั่วไปแข็งแรง ไม่มีเบาหวาน ความดันปกติ น้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ดี

🔹 ช่วงแรก: เธอทานอาหารแบบพืชเป็นหลัก (vegetarian/low fat) และทำ IF 18/6 ผลเลือดออกมาปกติ แต่กลับพบปัญหาประจำเดือนผิดปกติและนอนไม่หลับ

🔹 ช่วงหลัง: เธอเปลี่ยนมาทานแบบ keto / low carb high fat + IF รู้สึกมีพลังงานมากขึ้น รอบเดือนกลับมาปกติ แต่เมื่อตรวจเลือดกลับพบว่า
• Total cholesterol: 470–560 mg/dL
• LDL-C: 270–300 mg/dL
• HDL-C: 110–126 mg/dL
• Triglyceride: 45–63 mg/dL

สรุปคือ LDL สูงมากผิดปกติ อาจจะเพิ่มขึ้นตอนหลัง?? แม้ HDL จะสูงและ Triglyceride ต่ำ



🔎 วิเคราะห์เชิงความรู้
1. ภาวะไขมันสูง (Severe Hypercholesterolemia)
• ค่า LDL ที่สูง > 190 mg/dL จัดว่า “สูงมาก” และเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
• HDL สูง แม้ดูเหมือนปกป้อง แต่ถ้าสูงผิดปกติ บางครั้งอาจสะท้อนภาวะทางพันธุกรรม และ HDL เป็นที่หมอนัดคิดว่า HDL เป็นไขมันที่ดื้อ คือ ไม่ทำตามเรา และปริมาณอาจจะไม่สัมพันธ์กับ สุขภาพหลอดเลือดจริงๆ)

2. ความเป็นไปได้ของ FH (Familial Hypercholesterolemia) แต่ก็มี เกณฑ์ ทางคลินิกอีกหลายข้อ)
• FH คือโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ LDL สูงตั้งแต่กำเนิด
• ผู้ที่เป็น FH จะมีความเสี่ยงโรคหัวใจ สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า แม้อายุยังน้อย
• ถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา ความเสี่ยงเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอาจเกิดเร็วกว่าปกติในผู้หญิง และอายุน้อยกว่านั้นในผู้ชาย
3. แนวทางสากล (ESC/EAS 2025)
• ถ้า LDL ≥ 190 mg/dL = จัดอยู่ในกลุ่ม “High Risk” แม้ยังไม่มีโรคหัวใจ 【ESC/EAS 2025】
• เป้าหมายคือ “ลด LDL ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” โดยเริ่มด้วย statin และถ้าไม่พออาจต้องใช้ ยาเสริม เช่น ezetimibe, PCSK9 inhibitor, bempedoic acid
• Guidelines เน้นย้ำว่าในกลุ่มที่สงสัย FH ควร ตรวจยืนยันและรักษาเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงในระยะยาว

✅ หลักการดูแล (เชิงให้ความรู้ ไม่ใช่การรักษา)
• ตรวจเพิ่มเติม: ApoB, Lp(a), NMR lipoprotein, etc ตรวจพันธุกรรมหากสงสัย FH หรือภาวะอื่นๆ ที่รุนแรง

• ปรับอาหาร: ลดไขมันอิ่มตัว เปลี่ยนเป็นไขมันไม่อิ่มตัวจากพืชและปลา
• เพิ่มใยอาหารก่อนกิน อาหารมื้อหลัก เช่นกินผัก ข้าวกล้อง ก่อน สักพัก ก่อน big meal (sequential diet ไปอ่านหรือดู youtube dr. Nat nutrition)
• การรักษา: ถ้า LDL สูงมากตามแนวทางสากล (เช่น >190 mg/dL) มักพิจารณาใช้ยาเพื่อลด LDL ร่วมกับการปรับอาหารและพฤติกรรม
• การติดตาม: ตรวจไขมันซ้ำทุก 3–6 เดือน



✅ ข้อคิดสำหรับประชาชน
1. อาหารไม่มีสูตรสำเร็จ – การทาน keto หรือ low carb บางคนได้ผลดี แต่บางคนอาจทำให้ LDL พุ่งสูงมาก ดังนั้นการตรวจเลือดเป็นระยะสำคัญ
2. ตัวเลข LDL matters – ค่า LDL สูงผิดปกติ โดยเฉพาะเกิน 190 mg/dL ไม่ควรมองข้าม แม้ไม่มีโรคประจำตัวอื่น
3. FH คือโรคทางพันธุกรรม – หากมีประวัติครอบครัวโรคหัวใจก่อนวัยอันควร + ค่า LDL สูงผิดปกติ ควรสงสัยและตรวจเพิ่มเติม
4. แนวทางสากลแนะนำให้เริ่มการรักษาเร็ว – เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต



📌 หมายเหตุสำคัญ:
โพสต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้ความรู้ด้านสุขภาพ เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใช้แทนการวินิจฉัยหรือรักษาโรคเฉพาะบุคคล หากท่านตรวจพบค่าไขมันสูงผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลที่เหมาะสม

ทางการแพทย์มีข้อยกเว้น มากมาย และความรู้มากมาย ที่ออกมา โดยข้อมูลทางการแพทย์อาจจะมีเกณฑ์ ระดับความเชื่อมั่นด้วย (ซึ่งเรื่องนี้ใช้ประสบการณ์ การหารือ ข้อสรุป และจริยธรรมการแพทย์ที่สัมพันธ์กับความรับผิด รับชอบ) การตัดสินใจเรื่องนี้จึงต้อง พิจารณาและศึกษาโดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลมามากๆ



📚 อ้างอิง
• Mach F, Koskinas KC, Roeters van Lennep JE, et al. 2025 Focused Update of the 2019 ESC/EAS Guidelines for the management of dyslipidaemias. Eur Heart J. 2025. PubMed link
• ESC/EAS. 2025 Guidelines for the management of dyslipidaemias. ESC official slides

ของเล่นใหม่เพื่อการอธิบายเรื่อง “หลอดเลือดแดงตีบ”พึ่งซื้อมาจากออนไลน์ครับ เป็นโมเดลจำลอง “การหนาตัวและการตีบของหลอดเลือด...
25/11/2025

ของเล่นใหม่เพื่อการอธิบายเรื่อง “หลอดเลือดแดงตีบ”

พึ่งซื้อมาจากออนไลน์ครับ เป็นโมเดลจำลอง “การหนาตัวและการตีบของหลอดเลือดแดง” ซึ่งใช้บ่อยมากในการอธิบายให้คนไข้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะผู้ที่มี คอเลสเตอรอลสูง

โมเดลนี้ช่วยให้เห็นภาพว่า
🔸 ถ้าคอเลสเตอรอลในเลือดสูงไม่ได้รับการแก้ไข
🔸 คราบไขมัน (plaque) จะสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ
🔸 จนทำให้หลอดเลือดตีบหรืออุดตันได้ในอนาคต

บางรายอาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น Calcium Score เพื่อตรวจโครงสร้างของเส้นเลือดและประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า

ของเล่นเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ช่วยให้คนไข้เข้าใจสุขภาพหัวใจของตัวเองได้ดีขึ้นมากครับ ❤️

ที่อยู่

Wanglang
Bangkok Noi
10700

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 20:00
อังคาร 09:00 - 20:00
พุธ 09:00 - 20:00
พฤหัสบดี 09:00 - 20:00
ศุกร์ 09:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 17:00
อาทิตย์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6624192640

เว็บไซต์

http://www.mahagarun.com/

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หมอนัดโภชนาการผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หมอนัดโภชนาการ:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram