05/12/2025
LDL ไขมันเรื่องราวที่คุณควรทราบ จากคนที่ทำการศึกษาด้านนี้ได้บ้าง แต่ศึกษามากกว่า 20 ปึ
ช่วงนี้หลายคนอาจจะสับสนกับข้อมูลสุขภาพในโซเชียลที่บอกว่า “LDL สูงก็ไม่เป็นไร” หรือ “ใช้สูตร TG/HDL ก็พอแล้ว” หรือบางโพสต์บอกว่า “ตรวจ CAC score อย่างเดียวก็พอรู้ความเสี่ยงโรคหัวใจได้ทั้งหมด” แต่ในความเป็นจริง สุขภาพหัวใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากกว่านั้น และไม่สามารถใช้ตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งมาตัดสินทั้งหมดได้ครับ เพราะการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (atherosclerosis) เป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ สะสมทีละน้อยและมีปัจจัยร่วมหลายอย่างมากกว่าที่เห็นบนผลเลือดหนึ่งค่า
และต้องยอมรับว่า ในแง่สาธารณสุขการแพทย์ เรามี overtreatment จำนวนมาก คือรักษาเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการ "สาด"ยา ชุดมาตรฐาน ให้ไปโดยที่อาจจะไม่มี evidence รองรับที่ชัดเจน และเราก็มี under treatment ที่เกิดจากทั้งคนไข้ ประชาชน รวมถึงวงค์การแพทย์...ซึ่งทั้งสองสิ่งกระทบต่อเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข และสาธารณสุขในระดับมหภาค
แม้จะมีความเห็นหลากหลายบนออนไลน์ แต่หลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทั้งจากยุโรป อเมริกา รวมถึงประเทศไทย ยังคงชี้ชัดว่า LDL เป็นสาเหตุสำคัญในการก่อให้เกิดการสะสมในผนังหลอดเลือด และเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม LDL ก็เป็นเพียง “หนึ่งส่วน” ของภาพรวม ไม่ได้เป็นคำตอบทั้งหมดว่าคน ๆ นั้นมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพราะในคนบางคน LDL สูงจากพันธุกรรม แต่ลักษณะไขมันอื่น ๆ อาจไม่ได้ก่อความเสี่ยงมาก ขณะเดียวกันบางคนมี LDL เพียงเล็กน้อย แต่มีปัจจัยอื่นที่อันตรายกว่า เช่น Lp(a) สูง, sdLDL สูง หรือภาวะอักเสบเรื้อรัง
สูตรอย่าง TG/HDL หรือ TC/HDL ก็มีประโยชน์ครับ เพราะช่วยสะท้อนสุขภาพเมตาบอลิซึมและภาวะดื้อต่ออินซูลิน แต่ก็ไม่สามารถแทนที่ LDL ได้ และไม่ใช่สูตรที่ใช้ประเมินความเสี่ยงของหลอดเลือดในทุกกรณี เช่นกัน การตรวจ CAC score ก็เป็นเครื่องมือที่ดีมากในการบอกว่ามีแคลเซียมในหลอดเลือดหรือไม่ แต่ผล CAC เป็นแค่ “ภาพ ณ ตอนนี้” ไม่ได้บอกแนวโน้มอนาคต เพราะ plaque ที่อันตรายที่สุดบางชนิดเป็นแบบอ่อน (soft plaque) ซึ่งเครื่องตรวจไม่สามารถเห็นได้
ด้วยเหตุนี้ เวลาประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจจริง ๆ จึงควรดูหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น LDL, การอักเสบ, พันธุกรรม, โปรไฟล์ไขมันอื่น ๆ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทีมของผมเองกำลังทำงานวิจัยด้าน lipidomics, proteomics, polygenic risk score และข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อตอบคำถามว่า “ใครกันแน่ที่ LDL สูงแล้วเสี่ยงจริง” และ “ใคร LDL สูงแต่เสี่ยงน้อยกว่าที่คิด” ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นก็บ่งชี้แล้วว่า คนไทยจำนวนหนึ่งมีรูปแบบไขมันและพันธุกรรมที่แตกต่างจากที่คำแนะนำมาตรฐานตั้งอยู่บนงานวิจัยในยุโรปเป็นส่วนใหญ่
อย่างกราฟสุดท้ายที่ผม post และเพิ่งตีพิมพ์ไปใน nature.com ทีมเราใช้เวลากว่า 8 ปีถึงจะได้มาซึ่งผลงานนี้ ใช้งบไปมากมาย จะพบว่า คะแนน polygenic risk score พบว่ามีคนที่มีคะแนนสูง ก็มีแนวโน้มสำคัญในการมีไขมันสูง ซึ่งในอนาคตอาจจะทำนายการเสียชีวิต หรือการเกิดโรคได้อีก ดังนั้น การตรวจเฉพาะน้ำเลือดง่าย ๆ เช่น LDL, sdLDL, APOB ในตอนนี้อาจจะใช้ได้ แต่อีกไม่นาน น่าจะมี panel test ที่รวม exposome ต่าง ๆ เข้ากันได้ดีขึ้น เช่นการรวม พฤติกรรมการนอน, การเดินออกกำลังกาย, การซึ้ออาหาร, การกิน ultraprocessed foods, omics
ท้ายที่สุด สิ่งที่อยากชวนให้เข้าใจคือ สุขภาพหัวใจไม่ควรถูกตัดสินจากตัวเลขเพียงค่าเดียว แต่ควรมองเป็นภาพรวมทั้งระบบ และประเมินแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพราะร่างกายของแต่ละคนมีความซับซ้อนมากกว่าที่สูตรลัดหรือคอนเทนต์ในโซเชียลจะอธิบายได้ การแพทย์ยุคใหม่กำลังมุ่งไปสู่การดูแลแบบ personalized และงานวิจัยของเราก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คำแนะนำเหล่านี้แม่นยำและปลอดภัยมากขึ้นสำหรับทุกคนครับhttps://www.nature.com/articles/s41525-025-00532-1