RSU Gender Health Clinic / คลินิกสุขภาพเพศ

18/11/2025

สนใจตรวจสุขภาพเพศ ปรึกษาและบริการด้านการข้ามเพศและเทคฮอร์โมนส์ ติดต่อได้ที่
📍RSU Gender Health Clinic / คลินิกสุขภาพเพศ จาก RSU Healthcare สุขุมวิท31
⏱ เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร เวลา 16.00 น. – 19.00 น.
📱 Line:
☎ 02-610-0300 ต่อ 200
📞 089-7945500 (เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์)

อคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศ หมายถึง การให้ค่าเชิงลบ การเหมารวม และการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่แสดงออกถึงอัตลัษณ์ทางเพศที่ไม่เป็นไปตามกรอบกำหนดของสังคมแวดล้อมในปัจจุบันของบุคคลนั้น นักวิจัยส่วนมากมักใช้แทนความเกลียดกลัวต่อคนข้ามเพศ – transphobia ซึ่งมีลักษณะเป็นเจตคติเชิงลบที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศเช่นเดียวกัน ทว่าการศึกษาส่วนมากในปัจจุบันมีแนวโน้มในการแยกสองคำนี้ออกจากกัน เนื่องจากระดับของความรุนแรงของการปฏิบัติต่อคนข้ามเพศที่แตกต่างกัน โดยความเกลียดกลัวต่อคนข้ามเพศนั้นมีลักษณะเป็นการกีดกัน กลั่นแกล้ง และความไม่สบายใจในการอยู่ในสังคมร่วมกับกลุ่มคนข้ามเพศ ขณะที่การศึกษาบางส่วนชี้ให้เห็นว่า “อคติ” ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลมีต่อตัวตนของกลุ่มคนข้ามเพศ แต่มีลักษณะเป็นความไม่สะดวกใจต่อการรับรู้อัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลอื่นที่ไม่เป็นไปตามการแบ่งสองขั้วที่ปลูกฝังกันมาภายในสังคม

อ่านต่อที่
https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/transgender-prejudice/

#คำศัพท์จิตวิทยา

ข้อมูลจาก

บุณยาพร อนะมาน. (2567). การกล่าวโทษเหยื่อ: อิทธิพลของความเชื่อเรื่องโลกมีความยุติธรรม โดยมีอคติที่มีต่อกลุ่มคนข้ามเพศและการยอมรับมายาคติของการข่มขืนที่ถูกนำเสนอโดยสื่อเป็นตัวแปรส่งผ่าน [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2024.593

13/11/2025

สนใจตรวจสุขภาพเพศ ปรึกษาและบริการด้านการข้ามเพศและเทคฮอร์โมนส์ ติดต่อได้ที่
📍RSU Gender Health Clinic / คลินิกสุขภาพเพศ จาก RSU Healthcare สุขุมวิท31
⏱ เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร เวลา 16.00 น. – 19.00 น.
📱 Line:
☎ 02-610-0300 ต่อ 200
📞 089-7945500 (เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์)

The truth about being gay in Bangkok is NOT what you think. Everyone assumes Bangkok is just ladyboys and parties, but there's so much more to gay life in Th...

11/11/2025

ต้อนรับปีใหม่ เพื่อสุขภาพที่ดีตลอดทั้งปี

👉โปรแกรมตรวจสุขภาพราคาเริ่มต้น 1,990 บาท
👉ตั้งแต่วันนี้ - 30 ม.ค 2569

ซื้อ Package และนัดหมายตรวจสุขภาพล่วงหน้าได้ที่
👉RSU Healthcare อาคาร RSU Tower สุขุมวิท 31 ชั้น 11
(BTS พร้อมพงษ์-ทางออก 5 / MRT สุขุมวิท-ทางออก 2)
👉โทร: 02-610-0300
👉Line :
ดูแลทุกการใช้ชีวิต

04/11/2025

27/10/2025

25/10/2025

สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้าผู้บริหาร คณะแพทย์และพนักงาน บริษัท อาร์เอสยู เฮลท์แคร์ จำกัด

21/10/2025

สนใจตรวจสุขภาพเพศ ปรึกษาและบริการด้านการข้ามเพศและเทคฮอร์โมนส์ ติดต่อได้ที่
📍RSU Gender Health Clinic / คลินิกสุขภาพเพศ จาก RSU Healthcare สุขุมวิท31
⏱ เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร เวลา 16.00 น. – 19.00 น.
📱 Line:
☎ 02-610-0300 ต่อ 200
📞 089-7945500 (เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์)

: 🏳️‍🌈🎵✨ Snoop Dogg กับเพลงเด็กที่พูดถึงครอบครัวเพศเดียวกัน เสียงสนับสนุนที่ชัดเจนกว่าเดิม 🌈

Snoop Dogg มักถูกจดจำในฐานะไอคอนของวงการฮิปฮอป ที่เต็มไปด้วยภาพจำแบบชายเท่ ดุดัน ตรงไปตรงมา แต่ล่าสุดเขาเลือกสื่อสารสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดผ่านเพลงสำหรับเด็ก ที่พูดเรื่องความหลากหลายของครอบครัวได้อย่างตรงประเด็นและอบอุ่น

หลังจากเคยให้สัมภาษณ์ว่า “กลัว” และ “อึดอัด” เมื่อต้องตอบคำถามหลานเกี่ยวกับฉาก LGBTQ+ ในหนัง Lightyear เพราะมีฉากตัวละครเพศเดียวกันแสดงความรักกันอย่างเปิดเผย คำพูดนั้นกลายเป็นจุดวิจารณ์หนักจากคนในและนอกชุมชน LGBTQ+ หลายคนตั้งคำถามว่า Snoop Dogg เข้าใจประเด็นนี้ดีพอหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเขามีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชน

ไม่นานหลังจากนั้น เขาเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ในแอนิเมชันสำหรับเด็ก Doggyland ซึ่งมีเพลงชื่อ Love Is Love เป็นผลงานร่วมกับ Jeremy Beloate ศิลปิน q***r และอดีตผู้เข้าแข่งขันจากรายการ The Voice เพลงนี้พูดถึงครอบครัวหลากหลายรูปแบบอย่างชัดเจน และยืนยันว่า ความรักระหว่างพ่อสองคน แม่สองคน หรือผู้ปกครองในรูปแบบใดก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามและมีคุณค่า

“เด็กควรเติบโตมาในบ้านที่เต็มไปด้วยความรัก จะมีกี่แม่กี่พ่อก็ไม่สำคัญ”

นี่คือข้อความในเพลงที่มาพร้อมภาพการ์ตูนตัวละครสัตว์ ที่มีครอบครัวแตกต่างกันตามความจริงของสังคมร่วมสมัย
Snoop Dogg ยังเข้าร่วมกิจกรรม Spirit Day กับ GLAAD องค์กรสื่อด้านสิทธิ LGBTQ+ ที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนเยาวชนที่เผชิญการกลั่นแกล้ง โดยเขาพูดชัดว่า “Hate is taught and so is love” (ความเกลียดถูกสอนมาได้ เช่นเดียวกับความรัก) ประโยคนี้กลายเป็นแก่นของบทเพลงและจุดยืนที่เขาเลือกยืนยันในตอนนี้

สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาไม่ได้เลือกพูดผ่านแถลงการณ์หรือโซเชียลมีเดียส่วนตัว แต่ใช้ ‘เพลงสำหรับเด็ก’ เป็นเครื่องมือส่งต่อความเข้าใจใหม่ให้ผู้ฟังรุ่นเล็กที่สุดในสังคม เพราะการเริ่มพูดตั้งแต่ยังเล็ก คือวิธีที่หลายครอบครัวกำลังใช้ เพื่อปลูกฝังความเข้าใจเรื่องครอบครัวหลากหลายและอัตลักษณ์ทางเพศ

สำหรับวัฒนธรรมฮิปฮอปที่เคยถูกวิจารณ์ว่ามีความเป็นชายสูงเกินไป การที่ศิลปินอย่าง Snoop Dogg เลือกใช้พื้นที่ของตัวเองสนับสนุนครอบครัว LGBTQ+ อย่างเปิดเผย เป็นสิ่งที่น่าจับตา และอาจสร้างแรงกระเพื่อมในแวดวงเดียวกัน

ในไทย บทเพลงที่สื่อสารแบบนี้ยังค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในหมวดหมู่เพลงเด็กหรือสื่อครอบครัว การมีต้นแบบที่กล้าเล่าชีวิตรูปแบบอื่นนอกจาก ‘พ่อ-แม่-ลูก’ อาจช่วยให้เด็กไทยเข้าใจว่า สิ่งที่เรียกว่า ‘บ้าน’ ไม่ได้มีแค่สูตรเดียว

คนที่มีชื่อเสียงสามารถเลือกเงียบเฉยได้ แต่การออกมาสนับสนุนอย่างเปิดเผย ก็อาจสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กและเยาวชนอีกจำนวนมากที่กำลังเติบโตมากับครอบครัวหรืออัตลักษณ์ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม
Snoop Dogg เคยลังเล แต่วันนี้เขาเลือกพูดใหม่ และเขาเลือกพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็กเข้าใจได้

20/10/2025

10/10/2025

08/10/2025

สนใจตรวจสุขภาพเพศ ปรึกษาและบริการด้านการข้ามเพศและเทคฮอร์โมนส์ ติดต่อได้ที่
📍RSU Gender Health Clinic / คลินิกสุขภาพเพศ จาก RSU Healthcare สุขุมวิท31
⏱ เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร เวลา 16.00 น. – 19.00 น.
📱 Line:
☎ 02-610-0300 ต่อ 200
📞 089-7945500 (เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์)

🌕 Myth & Fact : เรียนรู้กันและกันวันละนิด เพื่อการอยู่ร่วมกับบุคคลอินเตอร์เซ็กซ์
EP.02 Myth & Fact เกี่ยวกับ “รอบเดือนของร่างกายอินเตอร์เซ็กซ์”
---
🩸 Myth:
ทุกคนที่เป็นอินเตอร์เซ็กซ์ ไม่มีประจำเดือนเลย
🌿 Fact:
บางคนมีประจำเดือนปกติ บางคนมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ และบางคนไม่มีเลย เพราะฉะนั้นร่างกายของคนอินเตอร์เซ็กซ์ไม่ได้มี “คำตอบเดียว
---
เหตุผลก็เพราะ การมาของ “ประจำเดือน” มีที่มาจากกลไกทางชีววิทยาของร่างกาย เช่น การทำงานของ ต่อมไร้ท่อ ฮอร์โมน และโครโมโซม ที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
---
🧠 ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System)
ระบบนี้เป็นตัวควบคุม “รอบเดือน” ผ่านการสื่อสารระหว่างสมอง (hypothalamus) ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) และต่อมเพศ (รังไข่หรืออัณฑะ) โดยใช้ฮอร์โมน 2 ชนิด คือ

1. FSH (Follicle-Stimulating Hormone): มาจากต่อมใต้สมอง ทำหน้าที่กระตุ้นให้รังไข่สร้างฟองไข่ให้เจริญเติบโตและสุกพร้อมสำหรับการตกไข่ พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างเอสโตรเจน
2. LH (Luteinizing Hormone): มาจากต่อมใต้สมอง ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการตกไข่ และกระตุ้นการสร้างโปรเจสเตอโรน

ดังนั้น ถ้าฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ทำงานปกติ จะส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนของร่างกาย ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาและหลุดลอกออกตามรอบเดือน แต่หากต่อมเพศไม่ตอบสนองหรือผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอ รอบเดือนอาจมาไม่สม่ำเสมอหรือไม่มาเลย
---
💫 ฮอร์โมนเพศ (S*x Hormones)
ร่างกายของบุคคลอินเตอร์เซ็กซ์อาจมีสมดุลฮอร์โมนต่างจากค่าเฉลี่ย เช่น

1. ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น
2. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ส่งผลให้เยื่อบุพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่

ดังนั้น หากร่างกายของบุคคลอินเตอร์เซ็กซ์คนนั้นยังมีมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูกที่ตอบสนองต่อฮอร์โมนได้ ร่างกายก็สามารถมีประจำเดือนได้
---
🧬 โครโมโซม (Chromosomes)
โครโมโซมกำหนดการพัฒนาของต่อมเพศและอวัยวะสืบพันธุ์ภายใน แต่ในร่างกายอินเตอร์เซ็กซ์ ความสัมพันธ์นี้อาจไม่ได้ตายตัว

👤ร่างกายแบบ AIS (XY): มีอวัยวะเพศภายนอกแบบหญิง แต่ไม่มีมดลูก → ไม่มีประจำเดือน
👤ร่างกายแบบ Ovotesticular DSD (XX หรือ XX/XY): มีทั้งเนื้อเยื่อรังไข่และมดลูกบางส่วน → อาจมีประจำเดือนบ้าง
👤ร่างกายแบบ Turner Syndrome (XO): รังไข่ไม่พัฒนาเต็มที่ → ไม่มีประจำเดือนหรือมีน้อยครั้งมาก
---
✨ จำไว้เสมอว่า:
“การมีหรือไม่มีประจำเดือน ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้เพศสภาพของใคร”
เพราะประจำเดือนเป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการทางชีววิทยาเท่านั้น — ไม่ใช่เครื่องชี้วัดความเป็นหญิงหรือชาย
---
✍️ เนื้อหา: อัส
🎨 กราฟิก: อัส
บรรณาธิการ: พรีส
#อินเตอร์เซ็กซ์ใกล้ฉัน #เรียกร้องสิทธิเพื่ออินเตอร์เซ็กซ์ #สิทธิบุคคลอินเตอร์เซ็กซ์ #ประจำเดือนกับอินเตอร์เซ็กซ์ *xualAndReproductiveHealthforIntersex #สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ของอินเตอร์เซ็กซ์

03/10/2025

26/09/2025

สนใจตรวจสุขภาพเพศ ปรึกษาและบริการด้านการข้ามเพศและเทคฮอร์โมนส์ ติดต่อได้ที่
📍RSU Gender Health Clinic / คลินิกสุขภาพเพศ จาก RSU Healthcare สุขุมวิท31
⏱ เปิดให้บริการ ทุกวันอังคาร เวลา 16.00 น. – 19.00 น.
📱 Line:
☎ 02-610-0300 ต่อ 200
📞 089-7945500 (เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์)

: จากกรณี 'ศาลปกครองกลางชี้ สภากาชาดไทยมีสิทธิ์ปฏิเสธรับเลือดจากผู้มีความหลากหลายทางเพศ' (https://www.facebook.com/photo?fbid=745079745191937&set=a.191499740549943)

เรามาหาข้อมูลกันหน่อยว่า ณ ตอนนี้ชาติอื่นๆ เค้าจัดการเรื่องนี้กันอย่างไร ในมิติมาตรฐานใหม่บนหลักวิทยาศาสตร์ และความเท่าเทียม
ในอดีต หลายประเทศใช้หลักเกณฑ์ 'ห้ามบริจาคเลือด' สำหรับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) แบบเหมารวม สาเหตุมาจากกังวลการแพร่เชื้อ HIV ผ่านการถ่ายเลือด แต่ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และแรงผลักดันจากชุมชนสิทธิมนุษยชน แนวโน้มโลกยุคใหม่ได้ปรับสู่วิธี 'คัดกรองพฤติกรรมเสี่ยง' ที่ไม่แบ่งแยกเพศหรือรสนิยมทางเพศอีกต่อไป

ตัวอย่างประเทศที่ปรับนโยบาย
1. สหรัฐอเมริกา
FDA ประกาศเปลี่ยนเกณฑ์เมื่อ 11 พฤษภาคม 2023 มีผลใช้ช่วงปลายปี 2023 (บางแห่งเริ่มธันวาคม) โดยเลิกใช้การคัดกรองเฉพาะ MSM มาสู่การถามถึงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนใหม่หรือหลายคนในช่วง 3 เดือน หากไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงสามารถบริจาคได้ทันที ผลให้ทุกเพศได้รับการถามชุดคำถามเดียวกัน

2. สหราชอาณาจักร
ใช้ระบบ Individual Donor Assessment (IDA) ตั้งแต่ มิถุนายน 2021 โดยถามถึงพฤติกรรมรายบุคคล ไม่เหมารวมกลุ่ม LGBTQ+ โดยหากมีพฤติกรรมเสี่ยงสูง ต้องเว้นระยะ 3 เดือน เช่นเดียวกับผู้บริจาคทุกคน

3. แคนาดา
Health Canada อนุมัติหลักเกณฑ์ใหม่ มีผล 30 กันยายน 2022 โดยเปลี่ยนจากการถามเพศหรือรสนิยมทางเพศ มาเป็นการถามถึงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนใหม่หรือหลายคนในช่วง 3 เดือน ทุกรายจะถูกถามเรื่องพฤติกรรม ไม่ใช่ถามเพศ/รสนิยมอีก

4. ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเริ่มอนุญาต MSM ให้บริจาคพลาสมาตั้งแต่ปี 2023 หากไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง 3 เดือน มีแผนขยายสู่บริจาคเลือดเต็มรูปแบบในอนาคต

5. ยุโรป (ฝรั่งเศส อิสราเอล อิตาลี สเปน)
ประเทศเหล่านี้ทยอยยกเลิกข้อจำกัด MSM ตั้งแต่ปี 2021–2022 และเปลี่ยนสู่คัดกรองตามพฤติกรรม กลุ่ม LGBTQ+ สามารถบริจาคได้หากไม่มีความเสี่ยง [ข้อมูลปีจาก WHO และ ILGA]

วิทยาศาสตร์การตรวจเลือดยุคใหม่
ความเปลี่ยนแปลงนี้มีพื้นฐานจากการนำ Nucleic Acid Testing (NAT) มาใช้
NAT ตรวจหาเชื้อ HIV ได้ภายใน 3–7 วันหลังติดเชื้อ ลด window period (ช่วงที่เพิ่งติดเชื้อแต่ยังตรวจไม่เจอ) จากหลักสัปดาห์/เดือน เหลือไม่กี่วัน
ทำให้หลายประเทศลด ระยะรอ จากเดิม 12 เดือน เหลือเพียง 3 เดือน หรือยกเลิกสำหรับผู้ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง
โดยประเทศส่วนใหญ่ยังคงใช้การเว้นระยะ 3 เดือนเพื่อมาตรการป้องกันเพิ่มเติม แม้ NAT จะมีความไวสูง


แนวทางขององค์กรอนามัยโลก (WHO)
WHO แนะนำมาตั้งแต่ปี 2010 ให้ใช้นโยบายดังนี้...

- คัดกรองตามพฤติกรรมจริง ไม่ใช่โดยการเหมารวมเพศหรือรสนิยม
- ตรวจหา HIV และโรคติดต่อจากเลือดทุกถุง
- ปรับกระบวนการคำถามและการคัดกรองให้ทันสมัย โปร่งใส และไม่กีดกัน


ตัวอย่างจากนานาชาติพิสูจน์ว่า การคัดกรองตามพฤติกรรมช่วยเสริมความปลอดภัยของผู้รับเลือด โดยไม่ละเมิดศักดิ์ศรีและสิทธิของผู้บริจาค ปัจจุบันมาตรฐานสากลชี้ชัดว่าความปลอดภัยและความเท่าเทียมสามารถไปด้วยกันได้

คำถามต่อสังคมไทยคือ ไทยจะเดินตามแนวทางโลกที่ขับเคลื่อนสู่วิธีคัดกรองที่ทั้งปลอดภัยและยุติธรรมนี้เมื่อไร