01/07/2025
♦️“เขาพระวิหาร: เส้นพรมแดนเก่าในสมุดฝรั่งเศส กับบาดแผลใหม่ชายแดนไทย–กัมพูชา”
🛑เขาพระวิหาร — ภูเขาหินทรายสูง 625 เมตร ริมสันปันน้ำเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งถ้าดูตามหลักภูมิศาสตร์แล้ว หลายคนคงเชื่อว่าเขตแดนควรลากตามสันเขา แต่เส้นเขตแดนจริงกลับถูกกำหนดด้วยหมึกปากกาของคนฝรั่งเศสเมื่อกว่าร้อยปีก่อน — และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมจุดเล็กๆ บนแผนที่จึงยังคงสุมไฟการเมืองระหว่างไทย–กัมพูชามาจนถึงศตวรรษที่ 21
--- 🔍 ไฟเก่าที่คนในหมู่บ้านยังจำ
ใครก็ตามที่เคยไปยืนบนแนวเขาพระวิหารจะเข้าใจว่าปัญหานี้ไม่ใช่แค่ข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างรัฐบาลสองประเทศ แต่เป็นชีวิตจริงของผู้คนหลายรุ่น ที่เกิด–โต–ทำนา–ตัดไม้–ล่าสัตว์–ค้าขาย ข้ามแดนตามวิถีดั้งเดิม โดยไม่เคยรู้ว่าที่ดินผืนนี้วันหนึ่งจะถูก “ศาลที่ไกลออกไปถึงกรุงเฮก” ตัดสินให้เปลี่ยนมือ
ย้อนกลับไปในปี 1907 ไทยในชื่อ สยาม ต้องลงนาม อนุสัญญาปักเขตแดนกับฝรั่งเศส เพื่อยุติข้อพิพาทอินโดจีน แผนที่ Bonne Map Series ของกรมแผนที่อินโดจีนฝรั่งเศสกลายเป็นแผนที่แม่บท ระบุเส้นแบ่งดินแดนตรงเขาพระวิหารให้ไปอยู่ในเขตกัมพูชา ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศสเต็มตัว
หลักฐานเดียวที่ทำให้เขมรใช้สู้คดีในศาลโลกเมื่อปี 1962 คือเอกสารฝรั่งเศสชุดนี้ — ที่ไทยไม่เคยลงนามเห็นชอบโดยตรง แต่ก็ไม่เคยคัดค้านอย่างเป็นทางการในเวลาที่ควรคัดค้าน ฝ่ายกัมพูชาใช้จุดนี้ยืนยันว่า ไทย ยอมรับโดยพฤตินัย แล้ว
---
⚖️ ICJ: คำตัดสินที่ไม่เคยดับไฟจริง
คดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ปี 1962 ชี้ว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา เพราะตามแผนที่อนุสัญญาฝรั่งเศสอยู่ในเขตกัมพูชา ไทยต้องถอนทหารออก แต่ปัญหาคือ ศาลไม่ได้ตีความชัดเจนว่าพื้นที่โดยรอบ รวมถึงทางขึ้นฝั่งไทย อยู่ในสิทธิ์ใคร
กว่า 50 ปีต่อมา จุดเสี่ยงนี้กลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ เมื่อกัมพูชาเดินเกมขึ้นทะเบียน เขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกในปี 2008 และเสนอแผนบริหารที่ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ — ฝั่งไทยมองว่านั่นคือการ “ขยายอาณาเขตเกินคำตัดสิน”
ช่วงปี 2011–2013 เกิดเหตุยิงปะทะชายแดนหลายระลอก ประชาชนต้องอพยพ ทหารทั้งสองฝั่งตรึงกำลังอย่างต่อเนื่อง สุดท้าย ICJ จึงมีคำวินิจฉัยรอบใหม่ในปี 2013 ย้ำว่า กัมพูชามีสิทธิ์ดูแลพื้นที่ “รอบตัวปราสาท” บางส่วนตามเจตนารมณ์เดิมของคำพิพากษา 1962
📌 เบื้องหลัง: แผนที่ที่ถูกลากโดยมหาอำนาจ
ความจริงคือ เขาพระวิหารไม่ใช่คดีเดียวที่ถูกลากด้วยหมึกอาณานิคม ฝรั่งเศสในฐานะจักรวรรดินิยมอินโดจีน เคยเจรจาแลกเปลี่ยนดินแดนกับไทยถึงสี่ครั้งหลัก:
1867: ไทยสละสิทธิ์ครองกัมพูชา (ยกเว้น พระตะบอง–เสียมราฐ–ศรีโสภณ)
1893: วิกฤต ร.ศ.112 ไทยต้องยกฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด (ลาว)
1904–1907: ไทยยกเมืองกันชนทั้งหมด แลกคืนตราดและด่านซ้ายบางส่วน
หลักฐานเหล่านี้ยังคงถูกเก็บใน National Archives of Thailand และ Archives Nationales d’Outre-Mer (ฝรั่งเศส) แผนที่ Bonne Map ที่ ICJ ใช้ตัดสินคดี 1962 ก็ยังคงเป็นแผนที่แม่บทในแฟ้มข้อพิพาท จนมีนักวิชาการเรียกว่า “พรมแดนในสมุดฝรั่งเศส” ซึ่งฝังรากลึกกว่าการปักปันด้วยเส้นสันปันน้ำตามธรรมชาติ
💰 เส้นแบ่งที่กลายเป็นเงิน: เศรษฐกิจชายแดน
หากมองลึกกว่าการเมือง ปัจจุบันแนวชายแดนไทย–กัมพูชาไม่ใช่แค่เส้นดินแดนโบราณ แต่ยังเป็น เส้นเศรษฐกิจ ที่เชื่อม ตลาดแรงงาน – สินค้าเกษตร – คาสิโน – เขตเศรษฐกิจพิเศษ หลายจุด ฝั่งกัมพูชาตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอย่าง ปอยเปต–บึงตึก–พระตะบอง รองรับทั้งการค้าและคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งส่วนหนึ่งโยงไปถึง เครือข่ายทุน–พนันออนไลน์–การฟอกเงิน ที่หน่วยงานระหว่างประเทศอย่าง FinCEN และ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ
เมื่อพรมแดนยังมีช่องโหว่ การจัดระเบียบชายแดนและความโปร่งใสทางการเงินจึงกลายเป็นคำถามสำคัญที่ทุกประเทศเพื่อนบ้านต้องจับตา
---📍 ใครได้ ใครเสีย
ในเชิงกฎหมาย กัมพูชาชนะคดี และใช้ “ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส” เป็นโล่บังข้อพิพาทได้สำเร็จ ส่วนไทยแม้จะเสียศักดิ์ศรีบางส่วน แต่ก็ใช้พื้นที่รอบเขตแดนเป็น “ไม้ต่อรอง” ในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ประชาชนสองฝั่งกลับเสียโอกาส — เพราะหลายหมู่บ้านถูกประกาศเป็นเขตทหาร ปิดเส้นทางค้าขาย และกลายเป็นด่านอิทธิพลของผู้มีอำนาจท้องถิ่นแทน
---✏️ บทเรียนไฟชายแดน: จะดับหรือจะสุมต่อ
กว่า 120 ปีหลังหมึกฝรั่งเศสลากเส้นผ่านสันเขา ปราสาทเขาพระวิหารจึงไม่ใช่เพียงซากหินโบราณ หากแต่คือ “อนุสรณ์ไฟเงียบ” ที่บอกให้รู้ว่า รอยแผลทางพรมแดนจะไม่หาย หากประวัติศาสตร์ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อต่อรองการเมือง
เสียงของคนชายแดนทั้งสองฝั่งย้ำซ้ำว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ชัยชนะในคดี หรือแผนที่สวยงามบนกระดาษ หากแต่คือโอกาสในการทำมาหากินโดยไม่ถูกลากเข้าไฟความขัดแย้งที่เขียนด้วยน้ำหมึกของคนยุโรปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
✅ ข้อมูลอ้างอิง
ICJ Reports 1962, 2013: icj-cij.org
Bonne Map Series: Archives Nationales d’Outre-Mer (ANOM), France
National Archives of Thailand
งานวิจัย: Preah Vihear Temple Dispute (Cambridge)
เขียนและรายงานโดย: "หน้ากากแสง"
เจ้าชายมันตรา
บรรณาธิการ อาวุโส📜🌏