โรคนิ่วน่ารู้ Urology

โรคนิ่วน่ารู้ Urology ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคในระบบปัสสาวะและสืบพันธุ์เพศชาย โดยนพ.ศิริอนันต์ ประสิทธิ์ ศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ

20/11/2025

วันนี้ลูกสาว 10 ขวบของหมอ
เล่าให้ฟังว่า
"เพื่อนถูกห้ามไม่ให้กินเนื้อไก่
เพราะแม่ของเค้าบอกว่าจะทำให้มีประจำเดือนเร็ว"
พร้อมทั้งถามว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่
แต่ก่อนหน้านั้น
แม้ว่าหมอจะเริ่มใส่ข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนแปลง เมื่อร่างกายเข้าสู่วัยสาวให้ลูกเป็นระยะ
ดูเหมือนเจ้าตัว ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
แต่ตอนนี้ คงเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆในชั้นเรียน
ทำให้ ดึงข้อมูลที่เคยได้รับ
มาประติดประต่อ กับสิ่งที่เห็น
ทำให้การพูดคุยรอบนี้
ไปได้ไกลกว่าทุกครั้ง
เลยเอาข้อมูลที่ได้อ่าน
มาสรุปให้เพื่อนๆในเพจอ่านด้วยนะคะ
ไปพบรายงานล่าสุดของประเทศไทยมา
ตาม link นี้ มี ppt เต็มให้ดาวน์โหลดด้วยค่ะ
https://www.thaihealth.or.th/?p=237058
ประเทศไทย สำรวจ อายุเฉลี่ยที่เข้าสู่วัยสาวของเด็กไทย ล่าสุดในปี 2563
โดยคณะนักวิจัย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้รับทุนวิจัยจาก สสส.

สำรวจเด็กผู้หญิงที่เรียนชั้น ป.3 ถึง ม.3 (8-14 ปี) จากตัวอย่างโรงเรียนทั่วประเทศ
กลุ่มตัวอย่าง 8,161 คน จาก 95 โรงเรียน

พบว่า เด็กไทย เริ่มมีประจำเดือนตอน 11.5 ปี ซึ่งน้อยลงกว่าการสำรวจในครั้งก่อน 1ปี (เป็นสถานการณ์เดียวกันทั่วโลก คือ เด็กผู้หญิง อายุน้อยลงเรื่อยๆในการมีประจำเดือนครั้งแรก)

เด็กเป็นสาวเร็วแล้วส่งผลกระทบอะไรบ้าง
1. ความสูงสุดท้ายลดลง (adult height)
2. เรื่องของความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจในการดูแลตัวเองของเด็ก
3. ความเสี่ยงของโรคมะเร็ง (ข้อนี้อ่านงานวิจัยแล้วค่อนข้าง surprise แต่เข้าไปดูในงานวิจัยที่อ้างอิง เป็นความเสี่ยงของมะเร็งแบบรวมๆ คนที่มีประจำเดือนมาก่อน มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งมากกว่า 7-10%)
4. เรื่องของโรคอ้วน ความเสี่ยงของภาวะหัวใจและหลอดเลือด
ขอสรุปเป็นข้อๆในประเด็นที่สำคัญที่หมอคิดว่าอยู่ในความสนใจของคุณพ่อคุณแม่นะคะ
■ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะเป็นสาวเร็ว
○ พันธุกรรม ถ้าแม่มีประจำเดือนเร็ว ลูกก็มักจะมาเร็วด้วยเหมือนกัน
○ เรื่องอาหาร เอาเป็นว่า ที่เชื่อต่อๆกันเรื่อง เนื้อไก่ น้ำมะพร้าว หรือ ไข่ ทำให้ประจำเดือนมาเร็ว ไม่เป็นความจริงค่ะ....ความเสี่ยงที่สูงที่สุด คือ ความอ้วน ดังนั้น ถ้าอ้วน แม้ไม่ได้อ้วนจากไก่ ไข่ หรือ น้ำมะพร้าว ก็เสี่ยง
○ มีอาหารที่พบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงในการสำรวจครั้งนี้ คือ ขนมกรุบกรอบ อาหารฟาสต์ฟูด น้ำอัดลม ชา/กาแฟ(ในเด็กวัยนี้ชะรอยเป็นชาไข่มุก😅) นมวัว?
อาหารที่เป็นปัจจัยป้องกัน ผัก ถั่ว ผลไม้
(เป็นงานวิจัยแบบสำรวจ ตอบแบบสอบถาม อาจจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อดูความเสี่ยงได้แม่นยำนะคะ แต่ก็พอจะบอกได้บ้าง)
○ เรื่องของเศรษฐานะ และความรู้ในครอบครัวก็เกี่ยวค่ะ
○ การฉีดยาชลอ มีหลายงานวิจัย
เข้าไปอ่านตัวเต็ม สรุปว่า ถ้ากังวลเรื่องความสูง ไม่ค่อยชัดเจน ที่สูงกว่าชัดคือรักษาตั้งแต่อายุน้อยกว่า 5 ปี🫠 ซึ่งในประเทศเรา
คงไม่ได้เอาลูกไปฉีดยาตอน 4 ขวบ!
ในอายุที่ common คือ 8-9 ปี
อาจจะสูงมากกว่ากลุ่มไม่ได้รักษา ประมาณ 1-2 ซม ในบาง paper บอกไม่ต่าง (อันนี้ต้องแล้วแต่ครอบครัวเลยว่า เงินที่จ่ายไปกับ 1 cm ที่ได้มา เราคิดว่าคุ้มค่ามั้ย)
แต่สิ่งที่หมอกังวลมากกว่า ความสูง
คือความพร้อมในการดูแลตัวเอง...
ซึ่งถ้าถามว่าลูกสาวตัวเองมีภาวะสาวเร็ว จะรักษามั้ย ก็คงรักษา ในแง่ปัจจัยเรื่องจิตใจ การดูแลตัวเอง ไม่ใช่เรื่องความสูงค่ะ

เฉลย bilateral vas deferens calcificationsหรือการสะสมตัวของแคลเซียมในท่อนำอสุจิอ้างอิง https://epos.myesr.org/posterimag...
20/11/2025

เฉลย bilateral vas deferens calcifications
หรือการสะสมตัวของแคลเซียมในท่อนำอสุจิ

อ้างอิง https://epos.myesr.org/posterimage/esr/ecr2020/153647/mediagallery/873371?deliveroriginal=1

เส้นสีขาวในรูปเอกซเรย์คืออะไรครับ.

เฉลย bilateral vas deferens calcifications
หรือการสะสมตัวของแคลเซียมในท่อนำอสุจิ

อ้างอิง https://epos.myesr.org/posterimage/esr/ecr2020/153647/mediagallery/873371?deliveroriginal=1

19/11/2025

คนมีสไตล์อย่างแอดต้อง 17 pro max เท่านั้น

18/11/2025
18/11/2025

📕คู่มือแนวทางการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว!✨

🩺บุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน คือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบการรักษาพยาบาลฉุกเฉินให้เติบโตอย่างยั่งยืน สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของผู้ปฏิบัติงาน คือรากฐานของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย จึงจัดทำคู่มือแนวทางการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้บุคลากรทุกท่านมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และมีความสุขในการปฏิบัติหน้าที่☺

วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนการจัดทำคู่มือนี้ และเรายินดีรับทุกข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

📂ดาวน์โหลดคู่มือได้ที่: https://drive.google.com/file/d/12ZM5VzxL_cvy9WIRdbfwhI_EwxzNQYFw/view

#วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย #วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉิน #คู่มือการตรวจสุขภาพ #สุขภาพจิต

ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคไต เบาหวานและความดันโลหิตสูง มีอาการปวดนิ่วท่อไตด้านซ้ายอย่างรุนแรงและความดันโลหิตสูงมาก (180...
18/11/2025

ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคไต เบาหวานและความดันโลหิตสูง มีอาการปวดนิ่วท่อไตด้านซ้ายอย่างรุนแรงและความดันโลหิตสูงมาก (180-210/80-100 mmHg) กินยาลดความดันพร้อมทั้งฉีดยาลดความดันก็ไม่ดีขึ้น

หลังใส่สายระบายท่อไต (DJ stent) อาการปวดดีขึ้น ความดันโลหิตเริ่มลดลงแล้วครับ

18/11/2025
17/11/2025

🩺 ยุคใหม่ของการวินิจฉัยโรคอ้วน: ใช้ BMI อย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป
• แนวทางการแพทย์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่าการใช้ ดัชนีมวลกาย เพียงอย่างเดียว (BMI-Centric Care) ไม่เพียงพอสำหรับการวินิจฉัยโรคอ้วนในระดับบุคคล เพราะไม่สามารถแยกมวลไขมันออกจากกล้ามเนื้อและไม่สะท้อนการกระจายตัวของไขมันที่ส่งผลต่อสุขภาพ

• ปัจจุบัน การวินิจฉัยและการประเมินความรุนแรงของโรคอ้วนจึงต้องอาศัย การประเมินหลายมิติ โดยมุ่งเน้นที่ผลกระทบของไขมันส่วนเกินต่อการทำงานของร่างกาย หรือที่เรียกว่า Complication-Centric Care

• นี่คือภาพรวมของแนวทางใหม่ในการวินิจฉัยและประเมินโรคอ้วนจาก 3 องค์กรชั้นนำ
The Lancet Commission (2025) https://www.thelancet.com/commissions-do/clinical-obesity
AACE obesity guidelines (2025) https://www.endocrinepractice.org/article/S1530-891X(25)00977-2/fulltext
EASO Framework (2024) https://www.nature.com/articles/s41591-024-03095-3

1. โรคอ้วนในฐานะโรคเรื้อรังจากภาวะไขมันส่วนเกิน (Adiposity-Based Chronic Disease, ABCD)

องค์กรชั้นนำอย่าง AACE (American Association of Clinical Endocrinology) และ EASO (European Association for the Study of Obesity) แนะนำให้คำว่า Adiposity-Based Chronic Disease (ABCD) ในการวินิจฉัยโรคอ้วน เพื่อให้สะท้อนถึงพยาธิสภาพที่เกิดขึ้น (Adiposity-Based) และการที่โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง (Chronic Disease) เพื่อให้น้ำหนักที่ลดลงไปแล้วไม่เพิ่มกลับขึ้นมาใหม่จากความผิดปกติของการควบคุมสมดุลพลังงานของระบบประสาทและฮอร์โมน
การวินิจฉัย ABCD ต้องมี 2 องค์ประกอบเสมอ:
- Anthropometric Component: เพื่อประเมินปริมาณและการกระจายตัวของไขมันส่วนเกิน
- Clinical Component: เพื่อประเมินความเสี่ยง การมีอยู่ และความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน (Obesity-related complications and diseases, ORCD)

2. Anthropometric Component: Beyond BMI
เนื่องจาก BMI มีข้อจำกัดดังที่ได้กล่าวข้างต้น แนวทางการวินิจฉัยใหม่จึงกำหนดให้ต้องมีการยืนยันภาวะไขมันส่วนเกินที่ชัดเจน:

• The Lancet Commission 2025: กำหนดว่าการยืนยันภาวะไขมันส่วนเกินสำหรับวัตถุประสงค์ทางคลินิกต้องใช้ BMI ร่วมกับการวัดอื่นๆ ซึ่งแสดงถึงการกระจายตัวของไขมันในร่างกาย อย่างน้อย 1 อย่าง ได้แก่ เส้นรอบเอว (waist circumference, WC) หรือ อัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูง (waist-to-height ratio, WtHR) หรือ อัตราส่วนระหว่างรอบเอวและรอบสะโพก (waist-hip ratio, WHR) หรือการวัดไขมันโดยตรง (เช่น การใช้ DXA หรือ Body Impedance Analysis, BIA) อย่างไรก็ตาม หากมี BMI สูงมาก (เช่น >40 kg/m²) สามารถสันนิษฐานได้ทันทีว่ามีไขมันส่วนเกิน

• AACE 2025: แนะนำว่าการใช้ BMI เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ควรใช้ เส้นรอบเอว (waist circumference, WC) และ อัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูง (waist-to-height ratio, WtHR) ร่วมด้วย เพื่อประเมินการกระจายตัวของไขมัน ซึ่งจะช่วยสะท้อนความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและเมตาบอลิกได้

• EASO 2024: สนับสนุนการวินิจฉัยโรคอ้วนในผู้ใหญ่ที่มี BMI ≥25 kg/m2 และ WtHR ≥0.5 ร่วมกับมีภาวะบกพร่องทางสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ หรือข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวัน การใช้ WtHR > 0.5 นี้ช่วยในการระบุผู้ที่มีการสะสมไขมันช่องท้องสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

3. Clinical Component: การแบ่งระยะโรค
แนวทางใหม่กำหนดให้การประเมินความรุนแรงของโรคอ้วนต้องอาศัย การแบ่งระยะ (Staging) ตามภาวะแทรกซ้อน:

🟢 The Lancet Commission: แยก "ความเสี่ยง" ออกจาก "ความเจ็บป่วย"

1. โรคอ้วนระยะก่อนมีอาการ (Preclinical Obesity):
o ลักษณะ: มีไขมันส่วนเกิน แต่ การทำงานของเนื้อเยื่อและอวัยวะยังคงเป็นปกติ
o สถานะ: จัดเป็น ภาวะเสี่ยง (Risk state) ที่เพิ่มขึ้นต่อการเป็นโรคอ้วนทางคลินิกหรือโรค NCDs อื่นๆ
o เป้าหมายการรักษา: เน้นที่การลดความเสี่ยง (Risk reduction) และการป้องกัน

2. โรคอ้วนทางระยะที่มีอาการทางคลินิก (Clinical Obesity):
o ลักษณะ: เป็น ภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าไขมันส่วนเกินทำให้ การทำงานของอวัยวะบกพร่อง (เช่น ภาวะหายใจลำบาก, ข้อต่อถูกจำกัดการเคลื่อนไหว) หรือ จำกัดกิจกรรมประจำวัน
o สถานะ: จัดเป็น ภาวะเจ็บป่วย (Illness state) ที่ต้องการการรักษาโดยมีเป้าหมาย เพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคแทรกซ้อน

🟠 AACE 2025: การแบ่งระยะ 1, 2, 3 ตามความรุนแรงของ ORCD
AACE ใช้การแบ่งระยะ (Staging) ตามความรุนแรงของ Obesity-related complications and diseases (ORCD) โดย Stage 1 สอดคล้องกับ Preclinical Obesity ส่วน Stage 2-3 สอดคล้องกับ Clinical Obesity ของ The Lancet Commission:

• Stage 1 (ระยะก่อนมีภาวะแทรกซ้อน): ไม่มี ORCD ที่ทราบชัดเจน แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการลุกลามของโรค
• Stage 2: มี ORCD ระดับ เล็กน้อยถึงปานกลาง อย่างน้อย 1 โรค
• Stage 3: มี ORCD ระดับ รุนแรง อย่างน้อย 1 โรค หรือหลายโรค

💡 ข้อถกเถียงที่สำคัญ: การรักษาควรเริ่มต้นเมื่อใด?
แม้ The Lancet Commission จะแยก "ความเสี่ยง" ออกจาก "ความเจ็บป่วย" แต่ AACE และ EASO เน้นย้ำความสำคัญของการดูแลเชิงรุก:
• AACE/EASO มองว่า Stage 1 (Preclinical Obesity) เป็นส่วนหนึ่งของ ABCD ที่ ต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกัน ไม่ให้โรคแทรกซ้อนลุกลาม
• EASO ได้แสดงความกังวลว่าแนวคิด Preclinical Obesity อาจถูกตีความผิดเป็นกลยุทธ์ "เฝ้าระวัง" (watchful waiting) ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงพลาดโอกาสได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ

บทสรุป: การดูแลโรคอ้วนในยุคใหม่ต้องอาศัย การดูแลที่ต่อเนื่อง และปรับให้เข้ากับสุขภาพของแต่ละบุคคล โดยมีเป้าหมายหลัก ไม่ใช่เพื่อการลดน้ำหนัก หรือ BMI เท่านั้น แต่เป็นการ ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยมุ่งไปที่การป้องกันและการรักษาภาวะแทรกซ้อนอย่างจริงจัง
________________________________________

บทความโดย ผศ. นพ.พรพจน์ เปรมโยธิน อายุรแพทย์โภชนคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
จัดทำโดยคณะอนุกรรมการสื่อสารองค์กรสมาคมผู้ให้อาหารทางหลอดเลือดดำและทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย

#โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรัง
#การวินิจฉัยโรคอ้วน

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โรคนิ่วน่ารู้ Urologyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram