04/01/2021
#ถั่วดาวอินคา ✨
#ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
กรดไขมันโอเมก้า 3 และสารไฟโตสเตอรอล มีฤทธิ์ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด โดยสามารถยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในระบบทางเดิอนอาหารได้ นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟีโนลิกและแคโรทีนอยด์ ยังมีคุณสมบัติป้องกันการออกซิเดชั่นของไขมัน ดังนั้นถั่วดาวอินคาและน้ำมันสกัดจากถั่วดาวอินคา น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการลดไขมันในเลือด
#ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
ด้วยสรรพคุณของกรดไขมันโอเมก้า 3 สารไฟโตสเตอรอล และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในถั่วดาวอินคา ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลไม่ดีเข้าสู่เส้นเลือด ทั้งยังป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของไขมัน จึงทำให้ถั่วดาวอินคามีสรรพคุณช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
#ช่วยลดน้ำหนัก
กรดไขมันโอเมก้า 3 ในเมล็ดถั่วดาวอินคา มีคุณสมบัติด้านการสร้างสมดุลฮอร์โมนของร่างกาย ช่วยลดการหลั่งสารคอร์ติซอลหรือสารแห่งความเครียดที่ส่งผลให้เราหิวบ่อย อยากกินอาหารรสหวานและอาหารจังก์ฟู้ดบ่อย ๆ หรือสรุปง่าย ๆ คือสามารถช่วยลดความอยากอาหารลงได้ ทำให้เราควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ
#ช่วยบำรุงกระดูก
กรดไขมันโอเมก้า 3 ในถั่วดาวอินคายังมีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมมาบำรุงกระดูกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาความแข็งแรงของเยื่อหุ้มเซลล์ ลดการอักเสบของหลอดเลือด และลดความเสี่ยงโรคไขข้อได้อีกด้วย
#บำรุงผิวและผม
นอกจากกรดไขมันชนิดดีแล้ว ในถั่วดาวอินคายังอุดมไปด้วยวิตามินอี และวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิวและผม ช่วยป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระอันเป็นต้นเหตุของการอักเสบ ช่วยลดริ้วรอย และช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากสารสกัดของถั่วดาวดินคาวางจำหน่ายในบ้านเรา
#มีโปรตีนสูง
เมล็ดถั่วดาวอินคาเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ โดยเมล็ดถั่วดาวอินคาปรุงสุก 100 กรัมมีสัดส่วนของโปรตีนมากถึง 27% ดังนั้นคนที่กินมังสวิรัติ หรือในคนที่ต้องการโปรตีนเข้าไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกาย ถั่วดาวอินคาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ
ถั่วดาวอินคากลายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกชนิดที่เราสามารถหาซื้อได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรนัก เพราะมีกลุ่มชุมชนที่ปลูกถั่วดาวอินคา อย่างเช่น จังหวัดทางภาคเหนือ ที่นำถั่วดาวอินคามาแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว น้ำมันสกัด และเครื่องสำอาง เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยาว์, กรมวิชาการเกษตร