บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช JR Physio Clinic

บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช JR Physio Clinic มี 2 สาขา เยาวราชและเพชรเกษม81 ให้บริการตรวจรักษาอาการบาดเจ็บจากกระดูกกล้ามเนื้อ

มี 2 สาขา 1. เพชรเกษม 81 (094-6542460) 2. เยาวราช (080-4259900)

บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช JR PHYSIO CLINIC·

ให้บริการรักษา บำบัด ฟื้นฟู อาการปวด โรคทางระบบกระดูก กล้ามเนื้อข้อต่อ แขน-ขาชา อ่อนแรง ด้วยเทคนิควิธีการทางกายภาพบำบัด และเครื่องมือที่ทันสมัย
ปวดหลัง ปวดเอว ปวดร้าวลงขา กระดูกทับเส้น
ปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดร้าวลงแขน ออฟฟิตซินโดรม ไหล่ติด
นิ้วล๊อค มือชา พังผืดฝ่ามือทับเส้นประสาท ปวดข้อ
ปวดเข่า เข่าเสื่อม เอ็นข้อเข่าอักเสบ
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
ปวดส้นเท้า พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ รองช้ำ ข้อเท้าพลิก เป็นต้น
ตัวอย่างเทคนิคการรักษาระดับสากลที่ทางคลินิกเราเลือกใช้
Neurokinetic therapy (NKT)
Dynamic Neuromuscular stabilization (DNS)
Facial Release by Anatomy trains concept
Mobilization with movement
Mobilization and manipulation
Muscle Energy technique
Mojo Lymphatic drainage
Physical modalities
นอกจากนี้ในการรักษาคนไข้แต่ละคน เราทำการตรวจประเมินคนไข้อย่างละเอียดตามแนวทางของคลินิก และให้การรักษาด้วยเทคนิคที่แตกต่างกัน เเละคัดเลือกเทคนิคการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละราย แน่นอนว่าไม่มีเทคนิคไหน จะเป็นเทคนิคที่ดีที่สุด มีแต่เทคนิคไหนเหมาะกับใครเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ทางคลินิกยังมุ่งเน้นคุณภาพในการรักษา จึงมีการพัฒนาความรู้ใหม่ๆ รวมทั้งส่งบุคลากรอบรมเนื้อหาที่มีประโยชน์อยู่เสมอ เพื่อให้การรักษาคนไข้ตัมีประสิทธิภาพสูงสุด

เปลี่ยนเงินบริจาค... เป็นพลังความรู้ เพื่อช่วยพี่น้องชาวใต้" 🌊❤️​สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคใต้น่าเป็นห่วงมากครับ ทาง JR Phys...
28/11/2025

เปลี่ยนเงินบริจาค... เป็นพลังความรู้ เพื่อช่วยพี่น้องชาวใต้" 🌊❤️

​สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคใต้น่าเป็นห่วงมากครับ ทาง JR Physio Academy และบ้านใจอารีย์ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการระดมความช่วยเหลือเร่งด่วน

"เปลี่ยนเงินบริจาค... เป็นพลังความรู้ เพื่อช่วยพี่น้องชาวใต้" 🌊❤️

​สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคใต้น่าเป็นห่วงมากครับ ทาง JR Physio Academy และบ้านใจอารีย์ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการระดมความช่วยเหลือเร่งด่วน

​📌 ผมขอแจกฟรี! Online Course 3 เรื่องจัดเต็ม (Functional Biomechanics, Applied Biomechanics, Pain Science)

สำหรับท่านที่ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ยอด 1,000 บาท ขึ้นไป (บริจาคเข้าหน่วยงานไหนก็ได้)
​กติกาง่ายๆ:
1. ​บริจาคเงินช่วยน้ำท่วมภาคใต้ (ขั้นต่ำ 1,000 บาท)
2. ​แปะสลิปการโอนเงินใต้โพสต์นี้ 👇
3. ​ทัก Inbox เพจ พร้อมแนบรูปสลิป เพื่อรับสิทธิ์เข้าเรียนทันที
​✅ ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ อยากให้ช่วยกันเยอะๆ ครับ
📅 ตั้งแต่วันนี้ - 5 ธันวาคม 2568
​มาร่วมส่งต่อน้ำใจให้พี่น้องชาวใต้ แล้วมารับความรู้ไปพัฒนางานกันนะครับ 🙏
​ #น้ำท่วมภาคใต้ #บ้านใจอารีย์ #กายภาพบำบัด #เรียนฟรีได้บุญ

"เพราะทุกการรักษา คือการได้ร่วมแบ่งปัน" ❤️​ในนามของ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด นำทีมโดย ดร.กภ.วีรชาติ ใจอารีย์ ผู้บริ...
28/11/2025

"เพราะทุกการรักษา คือการได้ร่วมแบ่งปัน" ❤️
​ในนามของ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด นำทีมโดย ดร.กภ.วีรชาติ ใจอารีย์ ผู้บริหารคลินิก วันนี้เราได้เป็นตัวแทนของคนไข้และนักเรียนทุกคน นำเงินจำนวน 100,000 บาท ไปมอบให้กับ ศิริราชมูลนิธิ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ครับ
​เงินก้อนนี้จะถูกนำไปสมทบทุนสร้าง "อาคารหอผู้ป่วยใน" เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลรักษา
​ทางผู้บริหารและทีมงานขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนบ้านใจอารีย์มาโดยตลอด เราสัญญาว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาการรักษา และส่งต่อสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมเช่นนี้ต่อไปในทุกๆ ปีครับ 🙏😊

​ #บ้านใจอารีย์ #ทำบุญประจำปี #ศิริราชมูลนิธิ #สังคมแห่งการแบ่งปัน

ร่วมสมทบทุนสร้าง "อาคารหอผู้ป่วยใน" ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก 🏥✨
​วันนี้ (28 พ.ย. 68) ผม และครอบครัว ได้เดินทางมามอบเงินบริจาคจำนวน 100,000 บาท ณ ศิริราชมูลนิธิ โดยได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.ธีระ กลลดาเรืองไกร ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เป็นผู้รับมอบ

​ความตั้งใจนี้สืบเนื่องมาจากปีที่แล้ว ที่ทาง บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด ได้ร่วมบริจาคสมทบทุนให้ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ รพ.รามาธิบดี

วันนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวันที่ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้เป็นสะพานบุญ นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการรักษาคนไข้และการสอน มาสร้างประโยชน์ต่อสาธารณะครับ

​🙏 ขอขอบพระคุณคนไข้และลูกศิษย์ทุกท่านที่เป็นส่วนสำคัญของเงินบริจาคก้อนนี้ครับ

​🚀 Next Step: สำหรับปีหน้า ใครมีโครงการการกุศลดีๆ หรืออยากให้ผมจัดคลาสสอนหัวข้อไหนเป็นพิเศษเพื่อระดมทุน แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังทุกไอเดียครับ
​ #ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก #ศิริราชมูลนิธิ #บริจาคสมทบทุน #กายภาพบำบัด #บ้านใจอารีย์

🤔 เคยสงสัยไหม? ทำไมรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย…หรือคุณยังไม่เจอต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง​สวัสดีค่ะ👋🏻 วันนี้กภ.คิตตี้ จะมาพูดคุ...
26/11/2025

🤔 เคยสงสัยไหม? ทำไมรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย…หรือคุณยังไม่เจอต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง

สวัสดีค่ะ👋🏻 วันนี้กภ.คิตตี้ จะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับคำถามที่ถามกันมาหลายรอบถึงแนวทางการตรวจประเมินของ อาการปวดเรื้อรังที่ “รักษาหายแล้ว… ก็กลับมาเป็นอีกเรื่อยๆ” 🔄 วนลูปเหมือนร่างกายหาทางออกไม่เจอ 😵‍💫 (ซึ่งเป็นอาการที่ กภ. คิตตี้พบบ่อยมากค่ะ)

​หลายคนเข้าใจว่ากายภาพบำบัดคือ การที่เจ็บตรงไหนก็ใช้เครื่องมือบนจุดนั้นเลย... 🛠️ แต่ที่จริงมันลึกซึ้งกว่านั้นค่ะ

🔍มันคือการตรวจวิเคราะห์หา “จุดเริ่มต้นของปัญหา”
เพื่อให้เราสามารถลงไปแก้ “ที่สาเหตุจริงๆ” ไม่ใช่แค่รักษาที่ “ปลายเหตุ” อย่างเช่นจุดที่ปวด

​ตัวอย่างเช่น : บางครั้งปัญหาการปวดไหล่ขณะยกแขน อาจมาจาก "สะบัก" ก็ได้ ไม่ใช่จากไหล่โดยตรง
​→ ซึ่งถ้าเราไปมุ่งรักษาแค่ที่ “จุดที่ปวด” อย่างไหล่❌
และไม่รักษาที่ “ต้นเหตุ” อย่างสะบัก​✅... อาการก็จะแค่ทุเลาลง แต่ไม่หายขาดค่ะ

สิ่งที่ กภ.คิตตี้ ใช้วิเคราะห์หา “จุดเริ่มต้นของปัญหา” มีด้วยกันหลายส่วนมากๆ
แต่วันนี้จะขอลงลึก 3 ส่วนหลักๆ ที่ใช้บ่อยนะคะ 👇

​✅ 1. ด้านกล้ามเนื้อ 💪
โดยจะดูกันหลายมิติของกล้ามเนื้อเลยค่ะ ทั้งความแข็งแรง, ความทนทาน และดูไปถึง “อายุของกล้ามเนื้อ” ของคนไข้ด้วย ⏳

​เพราะแต่ละช่วงอายุ จะมีจุดที่ต้องเสริมต่างกันออกไป เช่น

​→ 🧒 กล้ามเนื้อของหนุ่มสาว: จะมีมวลกล้ามเนื้อที่มากกว่า ทำให้เพิ่มความแข็งแรงได้เร็วกว่า และข้อห้ามน้อยกว่า

​→ 👵👴 กลับกันในผู้สูงอายุ: เราต้องระวังภาวะ "กล้ามเนื้อฝ่อตามวัย" (Sarcopenia) 📉 โจทย์คือต้องเน้นเพิ่มมวลและฝึกการทรงตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการล้ม ให้ท่านใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น

(เห็นไหมคะว่า แค่เรื่องกล้ามเนื้อ รายละเอียดการรักษาก็ต่างกันคนละขั้วแล้ว)

​✅ 2. ด้านกระดูก 🦴
กระดูกในร่างกายเราวางเรียงกันคล้าย "ฟันเฟือง" ค่ะ ⚙️
ถ้ามีกระดูกชิ้นไหนที่ "ไม่สบกันพอดี” หรือผิดรูปไป ❌จะทำให้การเคลื่อนไหวมีปัญหาไปทั้งระบบทันที

โดยกภ.คิตตี้จะใช้ APBC technique (Advanced Postural Biomechanical Correction)
ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อเช็คการวางตัวของกระดูกโดยเฉพาะ

​ตัวอย่างชัดๆ: คนที่ไหล่ติด บางครั้งเกิดจาก "ข้อไหล่ยื่นมาด้านหน้ามากเกินไป" ทำให้กระดูกขบกันจนเจ็บทุกครั้งที่ขยับ 💥

➡️ ถ้าไม่เช็คทิศทางของกระดูกว่าติดท่าไหน มุมไหน แล้วรีบไปแก้... ก็จะยิ่งเพิ่มเวลาในการรักษาให้นานขึ้น

➡️ และคนไข้จะยิ่งเจ็บ จนไม่กล้าขยับไหล่ 🙅‍♂️

➡️ สุดท้ายกลายเป็น "ไหล่ติด" มากขึ้นไปอีก

การแก้ที่ปลายเหตุจึงไม่มีทางหาย ถ้าไม่จัด "ฟันเฟือง" ให้เข้าที่ก่อน 🧩

​ส่วนสุดท้าย... ที่สำคัญที่สุดและเป็น 🗝️ "กุญแจ" ที่ทำให้เจอ “ต้นเหตุของปัญหา” ในหลายๆเคส คือ

​✨ 3. การตรวจ “การสั่งการของสมองลงไปที่กล้ามเนื้อ” (NMI - NeuroMuscular Integration) ✨

การตรวจนี้สำคัญมากๆ และเป็นเทคนิคเฉพาะที่ กภ.คิตตี้ ใช้ในทุกๆ เคสที่มารักษาเลย
โดยเฉพาะเคสปวดเรื้อรัง เทคนิคนี้จะเป็นตัวช่วยให้การวิเคราะห์หาสาเหตุได้ครอบคลุมมากขึ้นค่ะ

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า…
​การเคลื่อนไหวของร่างกายเราเกิดจากการที่ “สมอง” 🧠 สั่งการลงมาที่ “กล้ามเนื้อ” ค่ะ

และแต่ละการเคลื่อนไหวจะมี “กล้ามเนื้อหลัก” ที่จะค่อยทำงานอยู่เสมอ
เช่น ถ้าอยาก “งอศอก” 💪 → ก็จะมี “กล้ามเนื้อกลุ่มงอศอก” ทำงานเป็นหลักอยู่

​แต่เมื่อ “กล้ามเนื้อหลัก” ของเราบาดเจ็บ 🤕
→ ร่างกายจะฉลาด (แกมโกง) โดยการไปดึงเอา "กล้ามเนื้อรอง" มาทำงานชดเชยแทนโดยที่เราไม่รู้ตัว
→ ผลก็คือ... กล้ามเนื้อรองเหล่านั้นต้องทำงานหนักเกินหน้าที่ (Overload) 🏋️‍♀️ จนเกิดการบาดเจ็บ 🔥

ตัวอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ในยิม:
เมื่อเราต้องการจะออกกำลังกาย “งอศอกยกดัมเบล” 💪
→ ถ้ากล้ามเนื้องอศอกเราบาดเจ็บหรือแรงไม่พอ... หลายคนจะเผลอ "ยักไหล่" ขึ้นมาช่วยแบบอัตโนมัติ
นั่นแหละค่ะ คือการโกงเอา “กล้ามเนื้อตัวรอง” ออกมาใช้
→ ​และเมื่อเกิดการใช้งานผิดๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนเคยชิน → “กล้ามเนื้อตัวรอง” ก็จะยิ่งบาดเจ็บซ้ำไปมาอีก 🔁

​💢 นี่จึงเป็นเหตุผลที่บางครั้งอาการเรื้อรัง ไม่หายสนิทสักที
เพราะนี้ไม่ใช่ “การบาดเจ็บเรื้อรัง” แบบเดิมๆ
แต่เป็น “การบาดเจ็บใหม่ซ้ำๆ ที่จุดเดิม” วนไปเรื่อยๆ 📍
(บาดเจ็บเก่ายังไม่ทันหาย 🩹 บาดเจ็บใหม่ก็เกิดขึ้นอีกแล้ว)

​💡 ทางออกที่ยั่งยืนสำหรับเคสเรื้อรัง
​โดย กภ.คิตตี้ จะใช้เทคนิคเฉพาะ NMI ตัวนี้ในทุกๆ เคสที่รักษา เพื่อตรวจว่า 🧐 “สมองคุณกำลังสั่งการผิดพลาดที่จุดไหน”
และเข้าไปแก้ไขเพื่อคืนสมดุลให้กล้ามเนื้อหลักกลับมาทำงานได้เต็มที่ ✅
หยุดวงจรการชดเชยที่ทำร้ายร่างกายคนไข้ 🛑

​ในหลายๆ เคสที่ กภ.คิตตี้ นำเสนอไปทางเพจ 📄 ได้ผ่านการวิเคราะห์หาสาเหตุผ่าน NMI เพื่อหา “จุดเริ่มต้นของปัญหา” ทุกเคส

​🏆 นี่คือเหตุผลว่าทำไมเคสซับซ้อนที่มารักษาแล้วถึงอาการดีขึ้น
เพราะเราไม่ได้รักษาแค่ที่ "อาการ" แต่เราวิเคราะห์หา "จุดเริ่มต้น" และแก้ที่ต้นตอเลยค่ะ

​💬 ทั้งหมดที่พูดกันวันนี้ คือเทคนิคบางส่วนที่กภ.ได้ศึกษา และใช้มาตลอดการทำงาน ซึ่งได้ตกตะกอนเป็นการวิเคราะห์ในปัจจุบันนี้…

​ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ 🙋‍♀️ แล้วรู้สึกว่าร่างกายกำลังประท้วง ปวดวนซ้ำๆ ไม่หายสักที
ลองเข้ามาให้เราช่วยวิเคราะห์ละเอียดทั้ง 3 ด้านนี้ดูนะคะ
แล้วคุณจะเข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้นเยอะเลยค่ะ 😊

​📍 บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการกายภาพบำบัดได้ที่ :
❤️ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด (JR Physio) สาขาเยาวราช
🌐 เว็บไซต์ : www.jrphysio.com
⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร)
📞 080-425-9900
💬 Line : .cn
🗺️ แผนที่ : (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/mAwdMtETvgrW2yYT9

มาแล้วครับ กับตอน "บอกลา ออฟฟิศซินโดรม" ในรายการ Top to Toe EP.172  ทางช่อง The Standard หวังว่าเนื้อหาที่ได้คุยกันจะเป็...
22/11/2025

มาแล้วครับ กับตอน "บอกลา ออฟฟิศซินโดรม" ในรายการ Top to Toe EP.172 ทางช่อง The Standard หวังว่าเนื้อหาที่ได้คุยกันจะเป็นประโยชน์และได้มุมมองใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นนะครับ

ขอบคุณดร.ข้าว, พี่ฝัน และทีมงานทุกคนที่เชิญผมไปแบ่งปันความรู้ 🙏

ฝากถึงเพื่อนๆ ที่สนใจสาระสุขภาพดีๆ ติดตามรายการ Top to Toe ทางช่อง The Standard ได้เลย 📺 ทั้งตอนล่าสุดและย้อนหลัง รับรองได้ประโยชน์แน่นอนครับ 🩺 ใครมีคำถามเพิ่มเติมยินดีพูดคุยกันในคอมเมนต์ครับ


#สุขภาพ #ดูแลตัวเอง
fans

ถ้าคุณกำลังมีอาการปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดข้อมือ Top to Toe เอพิโสดนี้ตั้งใจทำมาเพื่อคุณ!เพราะที่ว่ามาข้างต้น.....

ร่วมสนุกรับบัตรฟรี
18/11/2025

ร่วมสนุกรับบัตรฟรี

Dr W ใจดีแจกบัตร! คอนเสิร์ต “BIRD FANFEST 20XX” รอบการกุศล
จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2 ใบ (มูลค่ารางวัลละ 5,000 บาท รวมมูลค่า 10,000 บาท) !! โดยงานจัดในวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เวลา 20.00 น. ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

ครั้งแรกที่พี่เบิร์ด X กับน้องๆ 3 คน 3 GEN บิวกิ้น, โจอี้ ภูวศิษฐ์ และ ก้อง สหรัถ มาร้อง มาเต้น มาเล่น กันให้สนุก

กติการ่วมสนุก
- กด Like ทั้ง 3 เพจ Dr Werachart DO, DPT, PT และ บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช JR Physio Clinic และ บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเพชรเกษม 81 JR Physio Clinic
- กด Like กด Share โพสต์นี้ไปยังหน้าวอลของคุณพร้อมเปิดสาธารณะ
- Comment และ Tag เพื่อนที่อยากพาไปด้วย ใต้โพสนี้และบอกเราว่า "อยากให้เพจเราแบ่งปันเรื่องอะไร หรือได้ประโยชน์ยังไงบ้างจากเพจนี้"
ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันพุธที่ 19 พฤศจิกายนนี้ (พรุ่งนี้) 18.10 น. โดยประเมินจาก comment ที่มีคนกดไลค์มากที่สุด และทำตามเงื่อนไขครบถ้วน กรณีกดยอดกดไลค์เท่ากัน จะประเมินจากคำตอบในcomment โดยจะอ้างอิงผลในเวลา 18.00 ของวันที่ 19 พ.ย. 68

โดยผู้โชคดีสามารถรับบัตรได้ที่บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 68 เป็นต้นไป

#แฟนจ๋ามาเสิร์ฟแล้วจ้ะ ​
#บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ


#การกุศล

17/11/2025
🧠 ฝึก Plank ทำไมปวดหลัง?รู้จักภาวะ “Open Scissor Posture” ตัวการที่ทำให้แกนกลางทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพสวัสดีครับ ผมกภ.โบ๊...
16/11/2025

🧠 ฝึก Plank ทำไมปวดหลัง?

รู้จักภาวะ “Open Scissor Posture” ตัวการที่ทำให้แกนกลางทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ

สวัสดีครับ ผมกภ.โบ๊ท

เคยได้ยินไหมครับว่า ถ้า“กล้ามเนื้อแกนกลาง (Core)” แข็งแรง จะทำให้ “ไม่ปวดหลัง”

แต่พอตั้งใจฝึก Plank ทุกวัน กลับยังรู้สึกว่า “เมื่อยหลัง” หรือปวดมากขึ้น?

สาเหตุอาจจะเป็นที่ “ posture ของร่างกาย” ก็ได้ครับ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแม้จะฝึกท่าทางได้เป๊ะๆแล้ว แต่ถ้ายังไม่สามารถคุมร่างกาย และปล่อยให้อยู่ในภาวะที่เรียกว่า Open Scissor Posture แกนกลางจะทำงานน้อยลง และความตึงตัวก็จะเกิดกับหลังของเราทันที



🔍 Open Scissor Posture คืออะไร?

โดยปกติแล้ว Postureที่ถูกต้อง

กล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragm) และ อุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor) → ควรจะ “วางตัวขนานกัน”

แต่ในภาวะ Open Scissor Posture

กล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragm) และ อุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor) → กลับ “เบ้ ออกจากกัน”

ทำให้เห็นเป็นภาพที่เหมือนเราง้างกรรไกรออก เลยเป็นที่มาของชื่อ Open Scissor นั้นเอง

🔍แล้ว open scissors ส่งผลอะไรบ้างล่ะ

ก่อนอื่นเลย ร่างกายของเรามีสิ่งที่เรียกว่า”แรงดันภายในช่องท้อง” โดยในโพสต์นี้ผมขอพูดง่ายๆว่า “IAP” (Intra-abdominal Pressure)

ซึ่งเป็นแรงสำคัญ!! ที่ช่วย → “ล็อกและป้องกันหลัง” ให้มั่นคงเวลาขยับหรือยกของ

ถ้าขาดมันไป → ก็จะส่งผลให้ข้อต่อ และกล้ามเนื้อหลังของเรารับภาระมากขึ้น

💡แล้ว IAP เกิดขึ้นมาได้ยังไง

IAP คือสิ่งที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของ Core muscle ที่ประกอบด้วย

1. Transversus Abdominis (กล้ามท้องชั้นในสุด)

2. Multifidus (กล้ามเนื้อเล็ก ๆ รอบกระดูกสันหลัง)

3. Pelvic Floor (กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน)

4. Diaphragm (กระบังลม)

แต่ถ้าร่างกายเราอยู่ในภาวะ Open Scissor จะขัดขวางการทำงานของ Core muscle → ทำให้ IAP ถูกสร้างมาได้ลดลง และเกิดปัญหาอาการปวดหลังมาได้นั่นเอง

🚨 อาการที่บ่งบอกว่าเกิด Open Scissor Posture ขณะออกกำลังกาย หรือในชีวิตประจำวัน

- อกเชิด ซี่โครงเปิด

- หลังแอ่น และเชิงกรานหมุนไปด้านหน้า (anterior tilt)

- ท้องยื่นออกมา

- ขณะนอนหงายแล้วรู้สึกว่าหลังแอ่นไม่แตะพื้นเตียง และมีอาการตึงหลัง

🧘‍♀️ วิธีเริ่มแก้ไข

เป้าหมายคือทำให้ Diaphragm และ Pelvic Floor “ขนานกัน” อีกครั้ง

ดังนั้น เริ่มจากแก้สองจุดหลักที่มักเป็นปัญหา

1. ซี่โครงเปิดออก (Flare out)

2. กระดูกเชิงกรานแอ่นไปด้านหน้า (Anterior tilt)

🪜 ขั้นตอนฝึกเบื้องต้น: ท่า 90/90 Setup

1. นอนหงาย บนพื้นราบ

2. ตั้งขาในท่า 90/90 องศา (อาจใช้ลูกบอลหรือเก้าอี้รองไว้)

3. คุม 4 จุดสำคัญให้มั่น

คอ: ยืดตรง ไม่ก้มหรือแอ่น

ซี่โครง: กดลงเล็กน้อย อย่าให้เปิดขึ้น

สะบัก: แนบพื้นไว้

ก้นกบ: แตะพื้นไว้

4. ฝึกหายใจให้ลึก โดยไม่เปิดซี่โครง

(ให้รู้สึกว่าท้องพองทั้งด้านหลังและด้านข้าง ไม่ใช่แค่พองด้านหน้า)

ท่านี้ช่วย “รีเซ็ตแนวร่างกาย” ให้กลับมาสมดุล

เมื่อฝึกจนชำนาญแล้ว จึงค่อยต่อยอดไปสู่ท่า Dead Bug หรือ Plank ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

💡 เคล็ดลับ

1. หายใจเป็นจังหวะ ไม่กลั้นลมหรือเกร็งเกินไป
เพราะการหายใจที่ถูกต้องคือหัวใจของการควบคุมแกนกลาง

2. โฟกัสที่ “กดซี่โครง” ไม่ใช่ “กดหลัง”

หลายคนพยายามแนบหลังกับพื้น จนเสียตำแหน่งกระบังลม และเชิงกราน

เริ่มจากท่าช้า ๆ ที่ควบคุมได้

เช่น support 90/90 ---> 90/90 ---> deadbug ---> plank

อย่ารีบทำท่ายาก เพราะสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ทำได้ แต่คือการควบคุมให้ได้

---

🧭 สรุป

ถ้าร่างกายยังอยู่ในภาวะ Open Scissor Posture และควบคุม

แรงดันในช่องท้อง (IAP) ,

กล้ามเนื้อแกนกลางไม่สามารถทำงาน เพื่อรับความหนักที่เกิดขึ้นในท่านั้นได้

และท้ายที่สุด “หลัง” จะต้องชดเชยแทน

ดังนั้น ก่อนจะเริ่มฝึก plank

ควรเริ่มจาก การฝึกควบคุม posture และแกนกลางลำตัวในท่าที่ง่าย แล้วค่อยๆเพิ่มความยากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยที่เราต้องพยายามควบคุมไม่ให้เกิด open scissors ให้ได้นะครับ

😩 ปวดไหล่เรื้อรังจนนอนตะแคงไม่ได้... ความทรมานที่คุณก็ไม่อยากเจอ🙏🏻สวัสดีค่ะ วันนี้กภ.คิตตี้จะมาพูดถึงเคสที่ หยุดงาน บินม...
12/11/2025

😩 ปวดไหล่เรื้อรังจนนอนตะแคงไม่ได้... ความทรมานที่คุณก็ไม่อยากเจอ

🙏🏻สวัสดีค่ะ วันนี้กภ.คิตตี้จะมาพูดถึงเคสที่ หยุดงาน บินมาไกลจากขอนแก่น✈️ เพื่อมารักษา 2 วันแล้วต้องบินกลับไปทำงานต่อค่ะ
(จริงๆ เคสนี้เคยรักษากันเมื่อปีที่แล้วด้วยอาการปวดบ่ามาก จนถือกระทะทำอาหารไม่ได้...ปีนี้กลับมาอีกครั้งด้วยปัญหาใหม่ที่ทนมานาน 1 ปีเต็ม!)

❗ ปัญหาคือ: "นอนตะแคงไม่ได้เลย" นาน 1 ปี!
คนไข้ต้องทนนอนหงายท่าเดียวมาตลอด 1 ปีเต็ม เพราะ…

- ถ้านอนตะแคงทับ ด้านขวา (ข้างที่เจ็บ) ➡️ จะปวดลึกที่ไหล่ด้านหลังจนนอนไม่ถึง 5 นาที
- ถ้านอนตะแคงทับ ด้านซ้าย (ข้างที่ดี) ➡️ กลับรู้สึก "ตึงรั้ง" ที่สะบักขวา (ข้างที่เจ็บ) มากจนนอนไม่หลับเหมือนกัน!

อาการที่เป็นดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงนะคะ แต่คิดภาพว่าถ้าเราต้องนอนหงายตรงๆทั้งปีตลอดเวลา ตะแคงแล้วจะสะดุ้งตื่นทันทีมันจะทรมานขนาดไหน😩

จากอาการที่คนไข้แจ้งมามีความเป็นไปได้2อย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนไข้คือ
1. ปัญหาจากกระดูก
2. ปัญหาจากกล้ามเนื้อ

🔎 การตรวจประเมินว่า: ปัญหามาจาก "กระดูก" หรือ "กล้ามเนื้อ"?
🔹ตรวจช่วงการเคลื่อนไหวของการยกแขนในมุมต่างๆ
1. ให้คนไข้ “กางแขน” ขึ้นด้วยตัวเอง → พบว่าไปได้ไม่สุด
2. นักกายภาพจึงช่วยดันแขนให้ “กาง” มากขึ้น → พบว่าแขนกลับไปได้สุดช่วง

แปลผลได้ว่า: ปัญหานี้มาจาก "กล้ามเนื้อ" 100% ไม่ใช่กระดูก ❌
(ถ้าเป็น "ข้อไหล่ติด" (Adhesive Capsulitis) หรือปัญหาจากกระดูก ต่อให้ช่วยดันก็จะยังไปไม่สุดค่ะ)

ก่อนจะไปคุยกันเรื่องการตรวจกล้ามเนื้อ
💡 เราต้องมารู้จัก “ข้อไหล่” กันก่อน
"ข้อไหล่" จริงๆ คือการทำงานร่วมกันของ "กระดูกแขน + สะบัก"

สมมุติว่า ถ้าเราไม่มี "สะบัก" (สมมติว่ามันถูกล็อคไว้) เราจะยกแขนได้แค่ 120° (ซึ่งน้อยมาก มือแทบจะไม่เลยระดับหัวเลยซะด้วยซ้ำ)

แต่เมื่อมี“กล้ามเนื้อรอบสะบัก” ช่วยหมุนส่งแรง แขนเราจึงยกได้ถึง “180++ องศา” เลยค่ะ!
..ดังนั้น เคสปวดไหล่เรื้อรังหลายเคส ปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่แขน แต่อยู่ที่ "สะบัก" นี่เองค่ะ
ซึ่งน่าเสียดายที่ ส่วนสำคัญขนาดนี้หลายๆคนกลับลืมที่จะดูแลมัน

💡เสริมเรื่องกล้ามเนื้อนิดหนึ่งนะคะ
ตามธรรมชาติกล้ามเนื้อเราจะมีการหดเกร็งเบาๆอยู่เรื่อยๆค่ะ
เนื่องจากจะต้องรั้งให้ข้อต่อต่างๆในร่างกายไม่เคลื่อนหลุดออก
เพราะถ้ากล้ามเนื้อปล่อยหมด ก็จะไม่มีอะไรคงโครงสร้างร่างกายของเราไว้ โครงสร้างเราก็จะหลุดออกมาได้ง่ายๆค่ะ

🧠 การตรวจวิเคราะห์กล้ามเนื้อเชิงลึกด้วย NMI: เมื่อร่างกาย "ทำงานแทนกัน" จนเจ็บเรื้อรัง
นี่คือหัวใจสำคัญของการรักษาเคสนี้ค่ะ เราได้ใช้เทคนิค NMI (NeuroMuscular Integration) ซึ่งเป็นการตรวจวิเคราะห์การทำงานของ "ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ" อย่างละเอียด เพื่อดูว่าสมองสั่งการให้กล้ามเนื้อทำงาน "ถูกต้อง" หรือ "ผิดพลาด"

* ในรอบนี้จะไม่ได้เขียนการตรวจอย่างละเอียดให้นะคะ จะทำเป็นสรุปให้เห็นภาพง่ายๆไว้ เนื่องจากลองเขียนแล้วค่ะ ข้อมูลเยอะ(ยาว6หน้าA4ได้) + เนื้อหาวิชาการหนักๆ ย่อยยากมากเกินไป (ลองเขียนแล้วค่ะ รู้สึกไม่ได้จริงๆ😂)

(แต่สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดหลังไมค์หรือคอมเม้นต์ไว้ได้นะคะ ยินดีมากๆที่จะได้พูดคุยกับทุกคนค่ะ)

เราวิเคราะห์ในท่าที่คนไข้เจ็บที่สุด คือ "ท่านอนตะแคง" ในทั้งส่วนของกล้ามเนื้อแขน และสะบัก เราก็เจอความจริงที่ซ่อนอยู่ค่ะ... ร่างกายกำลัง "ทำงานผิดพลาด" อย่างรุนแรง โดยแบ่งกล้ามเนื้อออกเป็น 2 กลุ่มนะคะ:

👉กลุ่ม A (ตัวที่ควรทำงาน...แต่ไม่ทำ):
- "กล้ามเนื้ออก" → ที่ทำหน้าที่ :หุบแขนขณะนอนตะแคง และคอยหดเกร็งเบาๆไม่ให้แขนตกเกินไป
- "กล้ามเนื้อใต้สะบัก" → ที่ทำหน้าที่ :หมุนสะบัก เพื่อยกแขนขึ้น และคอยหดเกร็งเบาๆไม่ให้แขนตกเกินไปเช่นกัน
- ➡️ ผลตรวจ (NMI): พบว่าทำงานได้ไม่ดี (Under-work) ❌

👉กลุ่ม B (ตัวที่ทำงานหนักเกินไป):
- "กล้ามเนื้อบนสะบัก" (ที่อยู่ด้านหลัง) → จะถูกยืดออกไปด้านหน้าตามสรีระแขน แต่เพื่อจะไม่ให้ตัวมันเองถูกยืดมากเกินจนบาดเจ็บ → มันจะหดเกร็งเบาๆ
- "กล้ามเนื้อระหว่างสะบัก" (ที่ดึงสะบักเข้า) → จะถูกยืดออกไปด้านหน้าตามสะบัก และมีการหดเกร็งเบาๆ
- ➡️ ผลตรวจ (NMI): พบว่าต้อง "ทำงานแทน" กลุ่ม A ตลอดเวลา (Over-work) 🔥

⚠️ กล้ามเนื้อ กลุ่ม B ที่ถูกยืดออก จะทำงานได้ยากกว่าปกติอยู่แล้ว แต่ต้องพยายามหดเกร็งมากขึ้น เพื่อ“ทำหน้าที่แทน” ที่ไม่ทำงานเลยตลอดทั้งคืน มันก็เลยรับภาระหนักเกินไป → เกิดการบาดเจ็บซ้ำๆ และปวดร้าวออกมาค่ะ!

💢 นี่คือเหตุผลที่คนไข้ปวดมา 1 ปีเต็มๆ ต่อให้ไปนวดคลาย "กลุ่ม B" ที่เกร็งอยู่ (จุดที่ปวด) มันก็แค่สบายตัวชั่วคราว... เพราะตราบใดที่ "กลุ่ม A" ยังขี้เกียจ ไม่กลับมาทำงาน "กลุ่ม B" ก็ต้องกลับไปปวดซ้ำๆ อยู่ดีค่ะ!
เพราะนี้ไม่ใช่ “การบาดเจ็บเรื้อรัง”แบบเดิมๆ แต่เป็น “การบาดเจ็บใหม่ซ้ำๆ ที่จุดเดิม” วนไปเรื่อยๆ
- “อาการบาดเจ็บเก่ายังไม่ทันหายอาการบาดเจ็บใหม่ก็เกิดขึ้นอีกแล้ว”

⚠️ ถ้าใช้กล้ามเนื้อ “ทำงานแทนที่กัน” แบบนี้ซ้ำๆ เป็นเวลานาน
มันจะทำให้เกิด “ความเคยชินที่ผิด”
ยิ่งถ้าใช้งานร่างกายหนักด้วยความเคยชินที่ผิด เป็นเวลานาน → กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานเกินหน้าที่ (Over work ) → จะเกิดการบาดเจ็บสะสม

🚑การรักษาจึงต้องเข้าใจธรรมชาติของการเคลื่อนไหวว่า “แต่ละการเคลื่อนไหวมีกล้ามเนื้อไหน หรือข้อต่อไหนขยับบ้าง” จึงจะหา “ต้นเหตุ” ที่แท้จริงได้
เพราะร่างกายเราไม่ใช่เครื่องจักรค่ะ ที่เสียที่ไหนซ่อมที่นั่น หรือซ่อมตามที่เขียนในตำราเป๊ะๆ
🤔ปัญหาเคสนี้ แก้ไม่ยากเลยค่ะ แค่เราต้องเข้าใจและปรับที่ “ต้นเหตุ”
ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจ แล้วไปเน้นแก้แต่อาการเจ็บปลายทาง😔 ปัญหานี้ก็จะไม่มีวันหาย

🧠แผนการรักษาแบบ Advance ที่อิงจากการวิเคราะห์ (NMI): ไม่ใช่แค่คลาย...แต่ต้อง "ปลุก"!
เราจะ “รีเซ็ตระบบ” การทำงานของกล้ามเนื้อใหม่ทั้งหมด → กระตุ้นให้ร่างกายเลือกหยิบกล้ามเนื้อที่ถูกต้องมาใช้

1️⃣คลายกล้ามเนื้อที่ทำงานแทน จนบาดเจ็บ (กลุ่ม B):
→ ใช้ shockwave คลายตัวของ scar tissue
→ ใช้เทคนิคการคลาย Fascia ผ่าน Blade
→ ใช้TENS ลดอาการปวด

2️⃣เสริมกำลังกล้ามเนื้อที่ถูกลดการทำงาน (กลุ่ม A):
→ ฝึกออกกำลังกายท่าเฉพาะ (Shoulder Blade Squeeze, Serratus Wall Slide) เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อที่ถูกลดการทำงาน กลับมาทำหน้าที่หลักของมัน

3️⃣ฝึกการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อทั้งกลุ่ม (Coordination):
→ ป้องกันการ “ทำงานแทนกัน” ในอนาคตอีก
→ ให้กล้ามเนื้อทำงานร่วมกันได้ราบรื่นในทุกองศาการเคลื่อนไหว

✅ ผลลัพธ์การกายภาพบำบัด
หลังจากรักษา 2 วัน และให้โปรแกรมกลับไปทำต่อที่บ้าน...
ภายใน 1 สัปดาห์ → อาการเจ็บไหล่ที่อยู่มานานกว่า 1 ปี ลดลงจนแทบไม่เหลือ
💬คนไข้สามารถกลับมานอนหลับได้อย่างมั่นใจ
💪คนไข้ไม่ต้องกลัวการพลิกตัว หรือสะดุ้งตื่นกลางคืนอีกต่อไปค่ะ

📍 บทเรียนจากเคสนี้:
"อาการปวดเรื้อรัง" หลายครั้งไม่ได้เกิดจากจุดที่เราเจ็บ...แต่เกิดจาก "ระบบ" การทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดเพี้ยนไป

การแก้ที่ปลายเหตุ (นวดคลายจุดที่ปวด) อาจช่วยแค่ชั่วคราว แต่การวิเคราะห์ให้เจอ "ตัวหลัก" ที่ไม่ยอมทำงาน และ "ตัวสำรอง" ที่ทำงานหนักเกินไป...คือการรักษาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงค่ะ 💪

🎉 บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด ภูมิใจในความสำเร็จของผู้บริหาร​คลินิกของเราขอร่วมแสดงความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งก...
09/11/2025

🎉 บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด ภูมิใจในความสำเร็จของผู้บริหาร

​คลินิกของเราขอร่วมแสดงความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับ ดร.กภ. วีรชาติ ใจอารีย์ ผู้บริหารบ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ "นักกายภาพบำบัดดีเด่น สาขาอุทิศตนทำประโยชน์เพื่อสังคม ประจำปี 2568" จากสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย

​รางวัลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและหัวใจของการเป็นผู้ให้ของ ดร.กภ. วีรชาติ ในการใช้ความรู้ความสามารถทางกายภาพบำบัดเพื่อช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมมาอย่างต่อเนื่อง

​ในฐานะผู้บริหาร ท่านได้ถ่ายทอดความตั้งใจและมาตรฐานวิชาชีพชั้นสูงนี้มาสู่การบริการของ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด ตลอดมา ทำให้เรามั่นใจในการมอบการดูแลที่ดีที่สุด ให้คำปรึกษาที่จริงใจ และการรักษาที่มีคุณภาพแก่คนไข้ทุกท่าน

​💖 ความมุ่งมั่นในการ "อุทิศตนเพื่อสังคม" คือปรัชญาที่เรายึดถือในการดูแลทุกอาการปวดของคนไข้

🏃‍♂️💨 "เอ็นร้อยหวายขาด 100% จะกลับมาวิ่งได้ไหม?" คำตอบคือ "สามารถกลับมาวิ่งได้ค่ะ!"🙏🏻 สวัสดีค่ะ วันนี้กภ.คิตตี้ จะมาเล่า...
29/10/2025

🏃‍♂️💨 "เอ็นร้อยหวายขาด 100% จะกลับมาวิ่งได้ไหม?" คำตอบคือ "สามารถกลับมาวิ่งได้ค่ะ!"

🙏🏻 สวัสดีค่ะ วันนี้กภ.คิตตี้ จะมาเล่าหนึ่งในเคสที่ท้าทายและน่าสนใจมากที่สุดเคสหนึ่งในการดูแลนักกีฬาค่ะ

🧑‍💼 เคสนี้เป็นพนักงานออฟฟิศที่รักการวิ่งและกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เขามีกลุ่มเพื่อนๆ ที่ไปเตะบอลด้วยกันเป็นประจำ

🚫 จุดเริ่มต้นของอาการ… 7เดือนก่อน
ในระหว่างเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ จังหวะที่คนไข้กำลังจะง้างเท้าเตะบอลอย่างเต็มเหนี่ยว เขาก็ได้ยินเสียงดัง "Pop!" 💥 ออกมาจากข้อเท้า และเจ็บปวดรุนแรงทันที

📍 ผลตรวจที่โรงพยาบาลคือ "เอ็นร้อยหวายขาด 100%" (Achilles Tendon Rupture)

คนไข้รีบเข้ารับการผ่าตัดเย็บซ่อมเส้นเอ็นทันที!!
และหลังจากนั้นก็ได้ทำกายภาพบำบัดเบื้องต้นจนพอ กลับมา เดินและใช้ชีวิตประจำวันได้
แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการกลับไป "วิ่ง" ให้ได้ค่ะ 🏃‍♂️

❗ อาการที่ทำให้ต้องมาพบ กภ.คิตตี้ คือ
1. ขณะวิ่ง
→ วิ่งไปได้แค่ประมาณ 10 ก้าว ก็จะเริ่มเจ็บจนต้องเปลี่ยนเป็น "เดิน" แทน
→ รู้สึก "ข้อเท้าติดขัด" ไปได้ไม่สุดตลอดเวลา
2. เดินขึ้นบันได, ทางชัน
→ จะรู้สึก "ติดขัด" ที่ข้อเท้าเช่นกัน

🔬 การตรวจประเมิน (ส่วนที่ 1): ทำไมข้อเท้าถึง "ติดขัด"? อาการ "ติดขัด" แบบนี้ เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลักค่ะ:

1️⃣ ปัญหาจากกล้ามเนื้อ: ปกติเวลาเราก้าวขึ้นบันได เราต้อง "กระดกข้อเท้าขึ้น" (กล้ามเนื้อหน้าแข้งทำงาน) และกล้ามเนื้อ "น่อง" (ที่เพิ่งผ่ามา) จะต้อง "คลายตัว"

ปัญหาคือ: กล้ามเนื้อหน้าแข้งที่ต้องทำงานก็ "อ่อนแรง" ส่วนกล้ามเนื้อน่องที่ต้องคลายตัว ก็เกิดการเกร็งยึดจากแผลผ่าตัด ทำให้มัน "คลายออกได้ไม่สุด" มันเลยยึดรั้งข้อเท้าไว้ไม่ให้กระดกขึ้นได้เต็มที่ค่ะ

2️⃣ ปัญหาจากข้อต่อ: พบว่ากระดูกชิ้นเล็กๆ ที่กลางเท้ามีการเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง ยื่นออกมาขัดขวางการเคลื่อนไหว (ในเคสนี้เราใช้ Adjusting Tool ช่วยจัดกระดูกให้กลับเข้าที่ค่ะ)

พอเราแก้ที่ 2 จุดนี้ (กล้ามเนื้อและข้อต่อ) คนไข้ก็สามารถกลับมาเดินขึ้นบันไดและทางชันได้ดีขึ้น โดยไม่มีอาการติดขัดแล้วค่ะ..แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์หลักคือ "ทำไมวิ่ง ได้แค่10 ก้าวแล้วเจ็บจนต้องหยุด?"

🔥 การตรวจประเมิน (ส่วนที่ 2): หาปัญหาที่แท้จริงในเรื่อง "วิ่ง"
นี่คือคำถามสำคัญค่ะ...
"ในเมื่อผ่าตัดและกายภาพมา 7 เดือนแล้ว ร่างกายซ่อมแซมตัวเองเกือบ 100% แล้ว...ทำไมยังใช้งานร่างกายได้ไม่ดี?!"

เรื่องนี้เราต้องมาปูพื้นฐานเกี่ยวกับ "4 ระยะของการฟื้นฟูร่างกายหลังผ่าตัด" กันก่อนนะคะ

# ส่วนนี้เนื้อหาจะเยอะหน่อย ค่อยๆตามกันไปนะคะ😊

1️⃣ Phase 1: ระยะฟื้นฟูช่วงแรก
→เป้าหมาย: ยังไม่เน้นวิ่ง! แต่เน้นสร้างพื้นฐานให้แข็งแรง คือ ลดปวด, ลดบวม, และฟื้นฟูองศาการเคลื่อนไหว (โดยเฉพาะการกระดกและจิกปลายเท้า) ให้กลับมาเต็มที่
✅ (เคสนี้ผ่านระยะนี้มาเรียบร้อยแล้ว)

2️⃣ Phase 2: ระยะกลับสู่กิจกรรมเบื้องต้น
→เป้าหมาย: เน้นการสร้างฐานความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาทั้งหมด, เริ่มฝึกการเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ

*(ที่จริงในเฟสนี้ จะสามารถฝึกกระโดดเบื้องต้น แบบที่ไม่กระตุ้นเจ็บได้ค่ะ)
✅ (เคสนี้ผ่านระยะนี้มาเรียบร้อยแล้ว)

3️⃣Phase 3: ระยะที่เส้นเอ็นใหม่แข็งแรงขึ้น
→เป้าหมาย: ฟื้นฟู "คุณภาพ" ของเส้นเอ็นใหม่ (ช่วงเฟสนี้จะสำคัญมาก หลังผ่าตัด)

- ร่างกายเราฉลาดที่รักษาตัวเอง แต่บางครั้งก็ไม่ฉลาดขนาดนั้นค่ะ... เมื่อมีการบาดเจ็บของเส้นเอ็น ร่างกายก็จะพยายามซ่อมแซมโดยการสร้างเส้นเอ็นขึ้นมาใหม่ แต่มันจะเป็น ปมคล้ายๆ ผังพืด ขึ้นมานะคะ

- การกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ก็คือการ "ขยับ" เพื่อให้เส้นใยเอ็นเหล่านั้น เรียงตัวเป็นระเบียบ และพร้อมกลับมาใช้งานมากขึ้น
❌ (เคสนี้ติดอยู่ที่ระยะนี้ค่ะ)

4️⃣Phase 4: ระยะกลับไปเล่นกีฬาและสมรรถภาพสูงสุด
→เป้าหมาย: กลับไปเล่นกีฬาได้อย่างมั่นใจ, มีสมรรถภาพสูงสุด, และเสี่ยงบาดเจ็บซ้ำน้อยที่สุด

→นี่คือช่วงที่ต้องกลับมาฝึก "ท่าเฉพาะ" ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมวิ่งค่ะ

และนี้คือจุดที่พลาดไปค่ะ... ➡️ ในเคสนี้...หยุดอยู่แค่ Phase 3 และไม่เคยก้าวข้ามมาฝึกใน Phase 4 เลย!

🩺 แผนการรักษา: ก้าวข้ามสู่ Phase 4
วันนี้ กภ.คิตตี้ จึงต้องฝึกให้เคสนี้เริ่มเข้าสู่ Phase 4 เพื่อจะได้กลับไปวิ่งอย่างมั่นใจ

ทุกคนรู้ไหมคะว่า...ถ้าเราจะ "วิ่ง" ได้ดี เราจะต้อง "กระโดด" ได้ดีก่อน!

เพราะการวิ่งก็เหมือนการ "กระโดดขาเดียวสลับซ้ายขวา" ไปเรื่อยๆ ดังนั้น เราต้องเริ่มจากการกระโดดให้ได้ดีก่อน และต้องสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระโดดให้พร้อมก่อนนะคะ

🔥 จากการตรวจประเมินกล้ามเนื้อเพิ่มเติม
พบว่า กล้ามเนื้อแข็งแรงมากพอจะวิ่งได้สบายๆ
→เพียงแต่ว่าเมื่อกลับไปวิ่งคนไข้จะมีอาการเจ็บทุกครั้ง มันเกิดอะไรขึ้น ??

ย้อนกลับ 7 เดือนที่ผ่านมา

🔹เคสนี้ได้รับ "ความเจ็บปวด" ในการขาดของเอ็นร้อยหวาย และขณะรักษาตัวเพื่อให้กลับมาเดิน
ได้
🔹อีกทั้งในตอนนั้น คนไข้ได้รับคำแนะนำมาว่า "ห้ามกระดกเท้า" เพื่อป้องกันไม่ให้เอ็นที่เย็บติดไว้หลุดออกจากกัน

🧠 "คำแนะนำ"นั้น...บวกกับ"ความเจ็บปวด"ที่ผ่านมา...มันได้ฝังกลายเป็น "ความกลัวการเคลื่อนไหว (Fear-Avoidance Beliefs)" ในสมอง

ผลก็คือ: แม้ตอนนี้เส้นเอ็นจะแข็งแรงดีแล้ว แต่สมองยังคง "เบรก" และ "หลีกเลี่ยง" การกระดกข้อเท้าโดยที่คนไข้ไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่พยายามจะวิ่ง สมองจะส่งสัญญาณ "เจ็บ" เพื่อปกป้องร่างกายทั้งๆ ที่ร่างกายพร้อมแล้ว

🩺 แผนการรักษา: "ฝึกสมองให้เชื่อใจข้อเท้าอีกครั้ง"
เคสนี้กภ.คิตตี้ จึงต้องพาคนไข้เข้าสู่ Phase 4 และต้องพิสูจน์ให้สมองของเขารู้ว่า "คุณปลอดภัยแล้ว"

โชคดีที่เคสนี้มีการพยายามฝึกกล้ามเนื้อน่อง (ท่า Heel Lifting) มาด้วยตัวเองอยู่เรื่อยๆ ทำให้การบำบัดในวันนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้นค่ะ

สัปดาห์ที่ 1: "เปิดใจ" ให้กล้ากระโดด
→กภ.จะเริ่มฝึกเพื่อเตรียมกล้ามเนื้อและ "รีเซ็ต" ความกลัวของสมอง:

🔸Deficit Calf Raises ขาคู่ และขาทีละข้าง :เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อน่องให้พร้อมกระโดด

🔸Box Drops :ฝึกขาให้พร้อม "รับแรงกระแทก" จากการกระโดด,วิ่ง
(ในเคสนี้สามารถทําได้ เนื่องจากขณะทำไม่ได้มีการกระตุ้นความเจ็บในท่านี้)

🔸Jump in Place :ฝึกกระโดดอยู่กับที่เบาๆ เพื่อเปิดใจคนไข้ให้เขารู้ว่าเขาทำได้

🔸และท่าสุดท้ายBox Jump (กระโดดขึ้นกล่อง 25 ซม.): และเขาก็ทำได้! โดยมีอาการเจ็บแค่ 2/10 (ซึ่งน้อยมากและยอมรับได้)

หลังทำเสร็จ คนไข้หันมาพูดเลยว่า... 💬
"นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกระโดดในรอบ 7 เดือน... ผมคิดมาตลอดว่าผมคงกระโดดไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นแล้วครับ ว่าผมสามารถกลับไปวิ่งได้ "

กภ.คิตตี้ได้แต่ยิ้มในใจแล้วบอกว่า นี้พึ่งเริ่มต้นนะคะ

สัปดาห์ที่ 2: เพิ่มความท้าทาย เราเริ่มเพิ่มความยากในทิศทางต่างๆ ที่จำเป็นต่อการวิ่ง

🔸 Directional Jumps: ฝึกกระโดดไปข้างหน้า-หลัง และ ซ้าย-ขวา เพราะตามธรรมชาติในการวิ่งแล้ว เราต้องวิ่งไปข้างหน้า หรือเลี้ยวซ้ายขวา ข้อเท้าจึงต้องพร้อมรับแรงในทุกทิศทาง

🔸ในสัปดาห์นี้คนไข้มีความกระตือรือร้นในการออกกําลังกายมากขึ้น
→เริ่มมีความมั่นใจ ที่จะกระโดด มากขึ้น
→สามารถเดินขึ้นบันได และทางชันได้ดีขึ้น ถึงแม้จะมีขัดๆเล็กน้อย
→"ความกลัว" และการ "หลีกเลี่ยง" ที่สมองเคยจดจำไว้ เริ่มคลายลงอย่างชัดเจน

ในสัปดาห์ถัดๆไป กภ.ก็ค่อยๆปรับท่าออกกำลังกายให้เหมาะกับการวิ่งมากขึ้น
เช่น จากJumpขาคู่ →ก็เป็นJumpขาเดียว →จนเริ่มกลับไปฝึกวิ่งลู่ →และเริ่มฝึกวิ่งในสภาพพื้นผิวต่างๆมากขึ้น
โดยท่าออกกำลังกายที่ให้ทำ จะดูจากอาการจะความไหวของร่างกายเคสนี้เป็นหลักค่ะ

✅ ผลลัพธ์การรักษา หลังจากที่เราค่อยๆ คลายความกลัวในสมอง และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
→เดินขึ้นลงบันไดและทางชันได้ โดยไม่มีอาการติดขัด
→ตอนนี้คนไข้สามารถ... 🎉 "วิ่งจ๊อกกิ้ง 1 ชั่วโมงเต็ม ได้โดยไม่มีอาการเจ็บเลย" 🎉
→และคนไข้ยังบอกอีกว่าเขาสามารถวิ่งได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก

📍 บทเรียนจากเคสนี้:
→บางครั้งการบาดเจ็บของสายกีฬา โดยเฉพาะการบาดเจ็บรุนแรง... การรักษาไม่ได้จบแค่ "ลดปวด" หรือ "เนื้อเยื่อสมานตัว"
→แต่คือการฟื้นฟู "สมอง" และ "ความมั่นใจ" ให้กลับมาเชื่อใจและกล้าใช้งานร่างกายได้เต็ม 100% อีกครั้งเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากค่ะ 💪

🌿 การดูแลที่อบอุ่น....เริ่มจากทีมที่เติบโตไปด้วยกันเสมอ 💕ทุกครั้งที่บ้านใจอารีย์ก้าวต่อ เราเรียนรู้ แบ่งปัน และพัฒนาไปพร...
28/10/2025

🌿 การดูแลที่อบอุ่น....เริ่มจากทีมที่เติบโตไปด้วยกันเสมอ 💕

ทุกครั้งที่บ้านใจอารีย์ก้าวต่อ เราเรียนรู้ แบ่งปัน และพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อส่งต่อ 💛ความมั่นใจ ความสบายใจ และความห่วงใย ให้ทุกคนได้รับกลับไปเสมอ 🌟

🦴 รู้หรือไม่? ยกไหล่ไม่ขึ้น อาจไม่ได้มาจากไหล่!🙏 สวัสดีครับ ผม กภ.โบ๊ทวันนี้อยากมาเล่าเรื่องที่เจอบ่อยมากในห้องกายภาพเลย...
28/10/2025

🦴 รู้หรือไม่? ยกไหล่ไม่ขึ้น อาจไม่ได้มาจากไหล่!

🙏 สวัสดีครับ ผม กภ.โบ๊ท
วันนี้อยากมาเล่าเรื่องที่เจอบ่อยมากในห้องกายภาพเลยครับ — “ยกแขนไม่ขึ้น” หรือ “เจ็บไหล่” ที่หลายคนคิดว่าเป็นปัญหาที่ข้อไหล่ แต่จริง ๆ แล้ว…บางทีมันไม่ได้มาจากไหล่โดยตรงครับ 😮

🤔 ถ้าเราใช้แค่ไหล่เรายกได้จริง ๆ แค่ 120 องศาเท่านั้น!
หลายคนอาจไม่รู้ว่า
👉 การเคลื่อนไหวของ “ข้อไหล่” เพียงอย่างเดียว ยกแขนได้สูงสุดประมาณ 120 องศา หรือแค่ระดับสายตาเท่านั้นเอง
แต่เรายังสามารถยกแขนได้สูงกว่านั้น เช่น ตอนโหนบาร์ เอื้อมหยิบของบนชั้น หรือชูมือเหนือหัว แล้วอะไรช่วยให้เรายกแขนต่อจากนั้นได้ล่ะ?
คำตอบคือ — “สะบัก (Scapula)” นั่นเองครับ 🪽
⚙️ สะบัก...เพื่อนซี้ของข้อไหล่
สะบักเป็นกระดูกแผ่นบาง ๆ ที่อยู่บนหลังของเรา ทำหน้าที่เป็นฐานให้ข้อไหล่เกาะอยู่
เมื่อสะบักขยับ ข้อไหล่ก็จะขยับตามไปด้วย
พูดง่าย ๆ เลยคือ
“ถ้าเอ็งไป ข้าก็ไป”
สะบักกับไหล่คือเพื่อนซี้ที่แยกกันไม่ได้ครับ 😄
การทำงานร่วมกันของทั้งคู่เรียกว่า
🔄 Scapulohumeral Rhythm — หรือ “จังหวะการเคลื่อนไหวระหว่างสะบักกับกระดูกต้นแขน”
เวลาเรายกแขนขึ้น 180 องศา (เหนือศีรษะ):
• ข้อไหล่จะขยับ 120 องศา
• ส่วนสะบักจะช่วยอีก 60 องศา
จึงทำให้เรายกแขนได้สูงสุดเต็มที่ครับ 🙌
🧭 การเคลื่อนไหวของสะบักมีหลายทิศทาง
สะบักไม่ใช่แค่ขยับขึ้นลงนะครับ มันทำได้เยอะมาก เช่น
• ยกขึ้น / กดลง
• ยื่นไปข้างหน้า / ดึงกลับ
• หมุนขึ้น / หมุนลง
• เอียงไปข้างหน้า / เอียงไปข้างหลัง
กลไกเหล่านี้ทำให้เราทำท่าทางต่าง ๆ ได้ เช่น ดึง เอื้อม ผลัก หรือเขวี้ยงแขน — ทั้งหมดล้วนต้องใช้ “สะบัก” ช่วยทั้งนั้นครับ 💪
🚨 แล้วถ้าสะบักมีปัญหาล่ะ?
เมื่อเพื่อนซี้อย่างสะบักเริ่ม “งอแง” ข้อไหล่ก็ไม่รอดแน่ครับ
เพราะถ้าสะบักไม่ขยับ ไหล่ก็จะถูกดึงรั้งตามไปด้วย
ผลคือ
• ยกแขนไม่ขึ้น
• รู้สึกติด ขัด เจ็บ
• หรือบางคนถึงขั้น “ไหล่ติด” เลยก็มี
เรียกได้ว่า…
ถ้าเอ็งหยุด ข้าก็อู้ 😅
ด้วยความที่ทั้งสองอันตัวตัดกันเป็นตังเมอย่างนี่ หากสะบักไม่เคลื่อน มันก็จะรั้งข้อไหล่ ทำให้ไหล่ขยับไปไม่ได้ด้วย ทำให้เกิดอาการทั้งเจ็บ ขัด ไม่สบายตัว หรือติดไปเลย ซึ่งหากปล่อยไปไว้นานๆ คู่ซี้ตัวแสบนี้ก็จะพาลพากันเสียระบบ และทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้หลายจุดเลยครับ 🤕

มาดูกันว่าปัญหาที่เกิดจาก “สะบักมีปัญหา” มีอะไรบ้าง
1: Scapular Dyskinesia
คือภาวะที่ “สะบักเคลื่อนไหวผิดปกติ” ซึ่งอาจเกิดจากกล้ามเนื้อบางมัดอ่อนแรงหรือเกร็งเกินไป

ที่พบได้บ่อยมี 4 แบบ 👇
• ขอบล่างนูน (Inferior angle prominence) — เพราะกล้ามเนื้อ Lower trapezius อ่อนแรง
• ขอบในนูน (Medial border prominence) — เพราะ Serratus anterior อ่อนแรง
• ขอบบนนูน (Superior border prominence) — เพราะ Levator scapulae ตึงเกิน
• แบบไม่ชัดเจน — ขยับไหล่แล้วรู้สึกไม่สมดุล เจ็บ หรือเมื่อยง่าย
2 : Impingement Syndrome
มักเกิดต่อจากข้อแรกครับ
เมื่อสะบักทำงานไม่ดี ข้อไหล่จะเคลื่อนผิดตำแหน่ง กดทับเอ็นและถุงน้ำใต้กระดูกไหปลาร้า
ผลที่ตามมา ได้แก่
• เอ็นไหล่อักเสบ (Supraspinatus tendon)
• ถุงน้ำอักเสบ (Bursa)
• และถ้าปล่อยไว้นาน…อาจลามไปเป็น Rotator cuff injury, Shoulder instability, Biceps tendinitis
• หรือร้ายแรงสุดคือ Frozen shoulder (ไหล่ติด) ❄️
🎯 สรุปสั้น ๆ
• ไหล่กับสะบักทำงาน “คู่กันเสมอ”
• ถ้าสะบักขยับไม่ดี → ไหล่ก็จะยกได้ไม่สุด และอาจเจ็บได้
• การดูแลและออกกำลังกายให้ “สะบักแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้ดี” จึงสำคัญมากครับ
เพราะสุดท้ายแล้ว...
ไหล่จะแข็งแรงได้ ก็ต้องมีสะบักที่แข็งแรงด้วย

ที่อยู่

บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช
Bangkok
10100

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 20:00
พุธ 09:00 - 20:00
พฤหัสบดี 09:00 - 20:00
ศุกร์ 09:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 20:00
อาทิตย์ 09:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66804259900

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช JR Physio Clinicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง บ้านใจอารีย์ คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช JR Physio Clinic:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram