23/12/2023
🧐 #รอบขา180 เป็น Magic Number ?
จะวิ่งให้ดีต้องมีรอบขา 180 จริงหรอออออออ⁉️
📋 รอบขา 1️⃣8️⃣0️⃣ มาจาก Jack Daniels ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น World's Best Running Coach ของ Runner's World ที่มานั่งดู VDO การแข่ง Olympic ปี 1984 แล้วนับว่านักวิ่ง Elite ใช้รอบขาเท่าไร?
🚨 แต่ล่าสุดนี้! ได้มีการให้ข้อมูลโดยคุณ Amanda Furrer Test Editor ของ Runner World ว่า ในปัจจุบันเรามีความตระหนักมากขึ้น (เค้าใช้คำนี้เลยจริงๆ Realized) ว่า รอบขานั้น ประกอบด้วยหลายปัจจัยเช่น Running Economy, Vo2 Max ,รองเท้าที่ใส่, ความเร็วที่ใช้ ซึ่งมีความเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลมากๆ
🏃♀️ คุณ Amanda Furrer ได้ทำการทดสอบ โดยนำ Staff ของ Runner's World จำนวน 4 คน ซึ่ง 3 คนเป็นนักวิ่งถนน และ 1 คนเป็นนักวิ่ง Ultra ให้แต่ละคนวิ่งในความเร็ว 6 Mph , 7 Mph , 8 Mph , 9 Mph , 10 Mph และสังเกตุดูว่า มีการใช้รอบขาในแต่ละความเร็วเป็นยังไงบ้าง โดยมีผลออกมาดังนี้ ⬇️
☑️ Amanda Furrer
- 6 Mph รอบขา 188
- 7 Mph รอบขา 196
- 8 Mph รอบขา 204
- 9 Mph รอบขา 220
- 10 Mph รอบขา DNF
☑️ Jeff Dengate
- 6 Mph รอบขา 164
- 7 Mph รอบขา 176
- 8 Mph รอบขา 180
- 9 Mph รอบขา 184
- 10 Mph รอบขา 188
☑️ Pat Heine-Holmberg
- 6 Mph รอบขา 172
- 7 Mph รอบขา 180
- 8 Mph รอบขา 180
- 9 Mph รอบขา 180
- 10 Mph รอบขา 184
☑️ Theo Kahler
- 6 Mph รอบขา 172
- 7 Mph รอบขา 172
- 8 Mph รอบขา 176
- 9 Mph รอบขา 180
- 10 Mph รอบขา DNF
📑 ผลที่ออกมาพบว่า 3 คนที่เป็นนักวิ่งถนน จะมีการปรับรอบขาที่สูงขึ้น เมื่อทำความเร็วสูงขึ้น
⚠️ แต่ 1 คนคือ คุณ Pat Heine-Holmberg ที่เป็นนักวิ่ง Ultra ใช้รอบขาเท่ากันที่ความเร็ว 7,8,9 MPH ด้วยความบังเอิญใช้รอบขา 180 พอดี การใช้รอบขาเท่ากัน เนื่องจากเค้าต้องวิ่งครั้งนึง เป็นระยะถึง 100 Miles เขาใช้วิธีวิ่ง โดยการหาจังหวะของตัวเอง และใช้จังหวะแบบที่คุ้นเคยไปจนจบทั้งระยะ
💨 ในการทำความเร็ว ที่ความเร็วใดความเร็วหนึ่งจะเกิดจากการที่เราใช้ รอบขา X ระยะก้าว และวิธีการที่ใช้เพิ่มความเร็วของแต่ละคนจะต่างกัน
- บางคนใช้รอบขาที่มากขึ้นโดยถีบตัวไกลเท่าเดิม
- บางคนใช้รอบขาเท่าเดิมแต่ถีบตัวแต่ละครั้งให้ไกลขึ้น
- บางคนใช้ทั้งการเพิ่มรอบขาและการถีบตัวให้ไกลขึ้น
Ⓜ️ จากข้อมูลของ พบว่า
🏃 หากคุณเป็นสไตล์การวิ่งที่เพิ่มระยะการถีบตัวให้ไกลขึ้นเป็นหลัก ในการเพิ่มความเร็วจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "Power Racer" โดยมีลักษณะดังนี้
- เป็นสายที่ทำความเร็วได้ดีที่สุด
- ถีบตัวได้ไกลมีการแช่เท้าที่ค่อนข้างต่ำ
- ขามีความแข็งแรงในการถีบตัวมากๆ
- แต่มีแรงกระแทกจากการวิ่งค่อนข้างสูงและโอกาสบาดเจ็บเยอะกว่านักวิ่งกลุ่มอื่นๆ
🏃♂️ หากคุณเป็นสไตล์การวิ่งที่เพิ่มรอบขาเป็นหลัก ในการเพิ่มความเร็วจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "Quick Steper" โดยมีลักษณะดังนี้
- โอกาสเกิดอาการบาดเจ็บน้อยที่สุดในทุกสไตล์การวิ่ง
- มีแรงกระแทกต่อก้าวจากการวิ่งค่อนข้างต่ำ
- แต่จะทำความเร็วได้ดีไม่เท่า Power Racer
- สไตลนี้จะพบได้จากนักวิ่ง Ultra และ Elite เพศหญิงในระยะมาราธอน
🌈 คุณ Amanda Furrer ได้ให้คำแนะนำเอาไว้ว่า "ไม่มี Magic Number" สำหรับรอบขาที่ใช้ในการวิ่ง
📌 แต่สิ่งสำคัญก็คือ เราจำเป็นต้องรู้ว่า "สไตล์ของเรา" นั้นร่างกายตอบสนองอย่างไร, ใช้วิธีแบบไหนในการทำความเร็ว และเพิ่มความเร็ว จึงสามารถฝึกซ้อมได้ตรงจุดและใช้เทคนิคที่เหมาะกับเราให้สามารถวิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในวันแข่ง!
👉 ยกตัวอย่างเช่น
✅ ถ้าเรารู้ว่าตัวเราเป็น Power Racer ที่มีโอกาสบาดเจ็บจากแรงกระแทกสูงเราก็อาจจะป้องกันโดยการเวทเทรนนิ่งสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อมีความสามารถในการรับแรงกระแทกมากขึ้น
✅ หรือถ้าเราเป็น Quick Steper ที่มีการเสียแรงออกทางด้านข้างเยอะทำให้ทำความเร็วได้ยากว่า Power Racer ก็ปิดจุดอ่อนโดยการฝึกกล้ามเนื้อที่ใช้ในการรักษาความมั่นคงฝึกทักษะการทรงตัวเพิ่มเพื่อให้เสียแรงออกทางด้านข้างน้อยลงก็จะสามารถทำความเร็วได้ดีขึ้น
📣 รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืม ลองทดสอบเพื่อสังเกตุตัวเองดูนะครับว่า ตัวเราเป็นนักวิ่งสไตล์แบบไหน หวังว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนักวิ่งสวัสดีครับ 😎
🔎 ส่วนใครที่ต้องการรู้ว่าตัวเองเป็นนักวิ่งสไตล์ไหนด้วยเทคโนโลยีเครื่องเครื่องตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่ใช้ในการวิ่ง MotionMetrix หากสนใจสามารถติดต่อทาง Inbox เพจได้นะครับ
credit picture: https://www.runnersworld.com/uk/author/217175/amanda-furrer/
#บางแสน42