Cloud Vetchalagon

Cloud Vetchalagon ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Cloud Vetchalagon, สุขภาพและการแพทย์, Bangkok.

ตกขาวไม่มีกลิ่น… แต่ไม่ปกติเสมอไป!อย่าชะล่าใจ ถ้ามีตกขาวเยอะ แฉะ เปียกบ่อย แม้ไม่มีกลิ่น!🧐 ตกขาวไม่มีกลิ่น ฟังดูไม่น่ากล...
04/10/2025

ตกขาวไม่มีกลิ่น… แต่ไม่ปกติเสมอไป!
อย่าชะล่าใจ ถ้ามีตกขาวเยอะ แฉะ เปียกบ่อย แม้ไม่มีกลิ่น!
🧐 ตกขาวไม่มีกลิ่น ฟังดูไม่น่ากลัว…แต่ก็อาจเป็น “สัญญาณเตือน”
แม้ “ตกขาวไม่มีกลิ่น” จะดูไม่รุนแรงเท่ามีกลิ่นเหม็นหรือคันมาก แต่ถ้ามี ปริมาณมากกว่าปกติ, เหนียวข้น, แฉะตลอดวัน หรือ มีสีขาวข้นคล้ายแป้งเปียก อาจบอกได้ว่า...
👉 ร่างกายกำลังเสียสมดุล

📌 ลักษณะของตกขาวที่ควรระวัง
แม้ไม่มีกลิ่น... ถ้าเป็นแบบนี้ ควรใส่ใจ:
ขาวข้น หนืด แฉะ เปียกตลอดวัน
รู้สึกอับชื้นภายใน หรือมีอาการคัน แสบ
ออกผิดเวลา (ไม่ใช่ช่วงก่อน/หลังประจำเดือน)
เป็นต่อเนื่องเรื้อรังหลายสัปดาห์/เดือน

🧑‍⚕️ แพทย์แผนไทยมองอย่างไร?
ตกขาวแบบนี้ แพทย์แผนไทยมองว่าเกิดจาก "ลมและน้ำเสียสมดุล"
โดยเฉพาะ “ธาตุเย็น” และ “ความชื้น” สะสมในมดลูก

🔸 1. ลมในกองธาตุทำงานผิดปกติ
"ลม" ในแผนไทยควบคุมการไหลเวียนทุกอย่างในร่างกาย เช่น เลือดลม การขับถ่าย การมีรอบเดือน
ถ้าลมติดขัด → ระบบหมุนเวียนในมดลูกไม่ดี → ตกขาวออกผิดเวลา หรือค้างภายในจนชื้น
ตัวอย่างอาการที่บ่งบอก “ลมเสียสมดุล”?
ลมอ่อน → เหนื่อยง่าย เพลีย ไม่สดชื่น
ลมกำเริบ → ปวดท้องน้อยช่วงตกขาว
ลมตีขึ้น → หงุดหงิด เวียนหัวก่อนมีประจำเดือน
🔸 2. ความชื้นในมดลูกมากเกินไป?
ความชื้น = ความเย็น ความอับ เปียกภายใน
มดลูกที่ “เย็น-ชื้น” เกินไป → ขับเสมหะและของเสียออกมา → เกิดตกขาวเหนียว แฉะ แม้ไม่มีกลิ่น

สาเหตุความชื้นสะสม เช่น
1.ดื่มน้ำเย็น ของเย็นจัดเป็นประจำ
2.อาบน้ำดึก / อยู่ห้องแอร์ทั้งวัน
3.ทานของมัน หวาน หมักดอง
4.เครียด พักผ่อนน้อย
5.นอนดึก เลือดลมไม่ไหลเวียน
6.หลังคลอดดูแลไม่ดี มดลูกเย็น

🔄 เชื่อมโยงกับแพทย์แผนปัจจุบัน

1.ดื่มน้ำเย็นจัดบ่อย=ธาตุน้ำกำเริบ⬆️, ไฟในกายลด⬇️ 🔜 กระเพาะย่อยไม่ดี, ภูมิคุ้มกันลำไส้ลด
2.อยู่ในแอร์ทั้งวัน=ร่างกายชื้น, ลมไม่เคลื่อนไหว
🔜เลือดไปเลี้ยงปลายแขนขาลดลง
3.ตกขาวเหนียว ขาวข้น มดลูกเย็น, ธาตุน้ำ-ลมผิดปกติ 🔜เชื้อราขยายดีในที่อับชื้น
4.นอนดึก พักน้อย ไฟในกายลด, เลือดลมติดขัด 🔜ฮอร์โมนแปรปรวน, ภูมิคุ้มกันตก

🧠 สรุปภาพรวมให้เข้าใจง่าย
🔅แพทย์แผนไทย
"ร่างกายเสียสมดุล → เปิดช่องให้โรค"
🔅แพทย์ปัจจุบัน
"เชื้อเป็นสาเหตุหลักของโรค"

💡 ความจริงคือ “ทั้งสองศาสตร์สามารถใช้ร่วมกันได้”
เพื่อดูแลร่างกายจากรากของปัญหา ไปพร้อม ๆ กับ อาการที่เกิดขึ้น

✅ แนวทางดูแลตามแผนไทย (เบื้องต้น)
-หลีกเลี่ยงน้ำเย็น / ของเย็นจัด
-เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม (ช่วงเลือดลมทำงานดีที่สุด)
-ลดอาหารมันจัด หวานจัด หมักดอง
-ไม่อาบน้ำดึก
-ดื่มน้ำอุ่น พอเหมาะ
-อบตัว / ประคบอุ่นเป็นระยะ
-กินสมุนไพรช่วยขับความเย็น เช่น ขิง ตะไคร้ ใบกระเพรา

📍 หากมีตกขาวเรื้อรัง แนะนำปรึกษาแพทย์แผนไทย เพื่อวินิจฉัยธาตุและดูแลเฉพาะบุคคล

🔁ตกขาวแม้ไม่มีกลิ่น ก็อาจเป็นสัญญาณของ "ร่างกายไม่สมดุล"แพทย์แผนไทยให้ความสำคัญกับความชื้น ลม และธาตุเย็นในมดลูกปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยให้ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องรอให้ป่วยหนัก

03/10/2025

ตุลาคม : การเปลี่ยนผ่าน และการเริ่มต้นใหม่

เดือนตุลาคมคือเดือนแห่งการเปลี่ยนผ่าน อากาศเริ่มเปลี่ยน ฤดูกาลเริ่มหมุนเวียน และหลายครั้งก็พาเราไปพบกับบทใหม่ของชีวิต การเปลี่ยนแปลงอาจเต็มไปด้วยทั้งความตื่นเต้น ความหวัง และบางครั้งก็มีความกังวลแฝงอยู่ แต่เชื่อเถอะว่า ทุกการเปลี่ยนผ่าน คือโอกาสในการเติบโต 🌱

การก้าวออกจาก “พื้นที่ที่คุ้นเคย” อาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้พบกับความเป็นไปได้ใหม่ๆ ได้เรียนรู้ทักษะที่ไม่เคยลอง และค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง

สำหรับใครที่กำลังอยู่ในเส้นทางการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ชีวิต หรือหัวใจ — อยากบอกว่า คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ✨

อนาคตอาจไม่ชัดเจน แต่ทุกก้าวที่คุณเดิน ล้วนมีความหมาย

ความกลัวไม่ใช่สัญญาณให้หยุดเดิน แต่มันคือเครื่องบอกว่า “คุณกำลังก้าวไปไกลกว่าเดิม”

และที่สำคัญ ทุกการเริ่มต้นใหม่ คือโอกาสให้เราได้เขียนเรื่องราวที่สดใสกว่าเดิมเสมอ 🌈

และตุลาคม : ฟ้าไม่ได้มีแค่สีฟ้า

บางครั้งเป็นสีเทาหม่น บางครั้งเป็นสีทองของแสงอาทิตย์ หรือสีส้มชมพูในยามเย็น แต่ไม่ว่าสีไหน มันก็คือความงดงามของท้องฟ้าเช่นกัน ☁️✨

ชีวิตก็เหมือนกัน มันไม่ได้มีแต่ความสดใส ทุกการเปลี่ยนผ่านอาจพาเรามาพบทั้งความหวัง ความกังวล และความไม่แน่นอน แต่ทั้งหมดนี้ก็คือสีสันที่ทำให้เราเติบโต 🌱

วันที่มีเมฆหม่นก็ไม่ได้หมายความว่าฟ้าไม่สวย

ความกลัวไม่ได้หมายถึงเราล้มเหลว แต่มันคือสัญญาณว่าเรากำลังก้าวไปสู่สิ่งใหม่

และทุกการเริ่มต้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนคือโอกาสให้เราเขียนบทใหม่ที่สดใสกว่าเดิม 🌈
ตุลาคมนี้ ขอส่งกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเปลี่ยนผ่านชีวิต
เราจะเติบโตไปด้วยกัน 💪💖
#ก้อนเมฆอยากบอกอะไรกับคุณ☁️✨

02/10/2025
✨☁️แจกสูตร!!ลูกประคบแม่หลังคลอดที่ปลอดภัย☁️✨❌ ทำไม “ห้ามใส่ผิวมะกรูด” ทั้งที่ใช้กันมานาน?"ก็ใช้มาตั้งแต่รุ่นย่า รุ่นยาย…...
02/10/2025

✨☁️แจกสูตร!!ลูกประคบแม่หลังคลอดที่ปลอดภัย☁️✨

❌ ทำไม “ห้ามใส่ผิวมะกรูด” ทั้งที่ใช้กันมานาน?
"ก็ใช้มาตั้งแต่รุ่นย่า รุ่นยาย… ทำไมต้องเปลี่ยน?"
คำถามนี้เจอบ่อย...
และไม่ใช่คำถามที่ผิดเลย เพราะภูมิปัญญาไทยมีคุณค่ามหาศาล แต่เมื่อโลกหมุนไป ความรู้เพิ่มขึ้น เราก็ควรถามตัวเองกลับว่า:

📌 “ถ้าวันนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งใดเสี่ยง... เรายังจะใช้มันอยู่หรือไม่?”

🟡 ผิวมะกรูดคืออะไร?
ผิวของมะกรูด (Citrus hystrix) มีน้ำมันหอมระเหยจำนวนมาก ซึ่งประกอบด้วย:
Limonene – กลิ่นหอมสดชื่น แต่ก่อการระคายผิวได้
Citronellal, β-pinene, sabinene – สารหอมระเหยทั่วไปในพืชตระกูลส้ม
Furanocoumarins – สารไวแสง ที่อาจทำให้เกิดผื่นหรือผิวไหม้เมื่อสัมผัสแสงแดด (Phytophotodermatitis)
แม้กลิ่นจะหอม สดชื่น และมีคุณค่าในอโรมาเธอราพี
แต่เมื่อนำมาใช้ โดยตรงกับผิวบอบบางของคุณแม่หลังคลอด — ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

🚫 ทำไม “ห้ามใส่ผิวมะกรูด” ในลูกประคบหลังคลอด?

1️⃣ กลิ่นแรง-ระคายผิวง่าย
น้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูดมีความเข้มข้นสูง
อาจทำให้คุณแม่เกิด ผื่น แสบ คัน ระคายเคือง โดยเฉพาะหากผิวมีแผลหรือผิวบางหลังคลอด
2️⃣ ไม่มีสรรพคุณหลักที่จำเป็นหลังคลอด
ตามตำรายาไทย ผิวมะกรูด ไม่เน้นเรื่องขับน้ำคาวปลา
ไม่เด่นเรื่องการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด หรือบรรเทาอาการปวดเมื่อย
3️⃣ เสี่ยงผิวไหม้เมื่อโดนแสง UV
มีสาร Furanocoumarins ที่อาจทำให้เกิด Phytophotodermatitis
ซึ่งส่งผลให้ผิวไหม้ แสบ รอยด่างดำ หากออกแดดหลังประคบ
4️⃣ กลิ่นแรงอาจรบกวนทารกแรกเกิด
กลิ่นแรงอาจกระทบต่อ ระบบหายใจของลูกน้อย โดยเฉพาะแม่ให้นมที่ลูกอยู่ใกล้ตัวเกือบตลอดเวลา

✅ สรุปชัด ๆ
ผิวมะกรูดไม่เหมาะในสูตรประคบหลังคลอด เพราะ…
❌ ระคายเคืองผิวบอบบาง
❌ ไม่มีฤทธิ์เด่นด้านฟื้นฟูหลังคลอด
❌ มีสารไวแสงเสี่ยงผิวไหม้
❌ อาจรบกวนลูกน้อย

หากใส่จะต้องเจือจางความเข้มข้นก่อนเท่านั้น และไม่ควรใส่น้ำมะกรูดโดยตรงอย่างยิ่ง

🌿 แล้วใช้สมุนไพรอะไรแทนดี?
เลือกสมุนไพรที่ ตอบโจทย์ฟื้นฟูหลังคลอดได้ดีกว่า เช่น
-ไพล=ลดปวด บวม อักเสบ
-ขมิ้นชัน=ฆ่าเชื้อ ขับน้ำคาวปลา
-ใบส้มป่อย / ตะไคร้ =ไล่ลม บรรเทาอาการหนาวสะท้าน
-ข่า / การบูรธรรมชาติ=กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต กระจายกองลม

💡 ถ้าต้องการ “กลิ่นหอม” เพิ่มเติม เลือกใช้สมุนไพรที่อ่อนโยนกว่า เช่น:
✅ ใบเตย – หอมละมุน ไม่ระคายเคือง
✅ อบเชย – หอมอุ่น ช่วยกระตุ้นเลือดลม
✅ พิมเสน / การบูรธรรมชาติ – สดชื่น ใช้น้อย ๆ ก็พอ

📣 แล้วถ้าใครถามว่า...
"ก็ใช้ผิวมะกรูดมาตลอด... ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร?"

คำตอบที่ดีที่สุดคือ:
🧠 เราไม่ได้ “ปฏิเสธภูมิปัญญา”
แต่เรา เลือกต่อยอดอย่างมีวิจารณญาณ
สิ่งที่เรา รู้มากขึ้นในวันนี้ คือ...
สารบางชนิดในผิวมะกรูดอาจ ก่อให้เกิดการระคายเคืองและไวแสงผิวของคุณแม่หลังคลอด อ่อนบางเป็นพิเศษ
ลูกน้อยไวต่อกลิ่นและสารเคมี
มีสมุนไพร ทางเลือกอื่น ที่ปลอดภัยและตรงจุดกว่า

❤️ เพราะการดูแล “คุณแม่หลังคลอด” คือศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนเราไม่ได้ดูแลแค่ร่างกาย
แต่ดูแลชีวิตใหม่อีกชีวิตที่เพิ่งเกิดมา
การเปิดใจเรียนรู้ คือหัวใจของผู้ดูแลที่แท้จริง
การเลือกใช้สมุนไพรอย่างปลอดภัย คือความกล้าหาญของคนที่ “รักภูมิปัญญา” อย่างแท้จริง

🟩 ก้อนเมฆขอสรุปอีกครั้ง:
ผิวมะกรูด ไม่เหมาะ กับผิวแม่หลังคลอด
ไม่จำเป็นต้องใช้เพื่อ “คงสูตรเดิม”
ปรับใช้ให้ปลอดภัย คือการเคารพภูมิปัญญาอย่างแท้จริง
✨ เพราะเราไม่ได้ยึดติดกับสูตร... แต่เรายึดมั่นในการ “ดูแลผู้อื่นอย่างดีที่สุด”

เนื่องจากช่วงนี้เจอเคสสโตรกค่อนข้างบ่อยในคลินิกเลยอยากมาแชร์ความรู้เรื่อง…🧠 หลอดเลือดหมายเลข 10: จุดเสี่ยงสำคัญของโรคสโต...
29/09/2025

เนื่องจากช่วงนี้เจอเคสสโตรกค่อนข้างบ่อยในคลินิกเลยอยากมาแชร์ความรู้เรื่อง…
🧠 หลอดเลือดหมายเลข 10: จุดเสี่ยงสำคัญของโรคสโตรก
📍 หลอดเลือดหมายเลข 10 คืออะไร?
หลอดเลือดหมายเลข 10 หมายถึง หลอดเลือดแดงแยกคาโรติด (Carotid Bifurcation)
เป็นบริเวณที่ หลอดเลือดแดงคาโรติดร่วม (Common Carotid Artery) แยกออกเป็น 2 สาขา:
Internal Carotid Artery (ICA) – นำเลือดไปเลี้ยงสมอง
External Carotid Artery (ECA) – นำเลือดไปเลี้ยงใบหน้าและศีรษะ
ตำแหน่งนี้อยู่ใกล้ ระดับกระดูกสันหลัง C3–C4 ใต้ มุมขากรรไกรล่าง ซึ่งสามารถตรวจได้ง่ายจากภายนอก
❗ ทำไมหลอดเลือดตรงนี้ถึงสำคัญ?
จุดแยกคาโรติดมักเกิด การสะสมของไขมันและหินปูน (Plaque/Calcification) มากกว่าบริเวณอื่น
การไหลเวียนของเลือดในจุดนี้มีลักษณะ ปั่นป่วน (Turbulent Flow) → เสี่ยงต่อการสะสมคราบไขมัน
ถ้าคราบไขมันหลุด → ไปอุดหลอดเลือดในสมอง → เกิด สโตรก (Stroke) ชนิดขาดเลือด

🔍 การตรวจและการวินิจฉัย
ใช้เครื่อง Doppler Ultrasound เพื่อตรวจหาความตีบและการไหลเวียนของเลือดบริเวณ bifurcation
เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บและใช้ประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

⚠️ กระบวนการเกิดหินปูนในหลอดเลือด
ไขมันเลว (LDL) สะสมในผนังหลอดเลือด
ร่างกายเกิดการอักเสบ → ดึงเม็ดเลือดขาวมาเก็บ → เกิด foam cells
เกิด คราบพอก (plaque) ที่ผนังหลอดเลือด
เมื่อสะสมนาน แคลเซียมจะจับเพิ่ม → กลายเป็น หินปูน (Vascular Calcification)
หลอดเลือดตีบ แข็ง → ลดการไหลเวียนเลือด → เสี่ยงหัวใจขาดเลือดหรือ stroke

🔥 ปัจจัยเสี่ยงหลักผลกระทบ
🚬 สูบบุหรี่ทำลายเยื่อบุหลอดเลือดโดยตรง
🍔 ไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะ LDL สูง
🧂 ความดันโลหิตสูง ทำให้ผนังหลอดเลือดเสียหาย
🧁 เบาหวาน เพิ่มการอักเสบเรื้อรัง
🪑 ขาดการออกกำลังกาย ทำให้การเผาผลาญแย่ลง
👴 อายุ ความเสี่ยงเพิ่มตามอายุ
👨‍👩‍👧‍👦 พันธุกรรม หากครอบครัวเคยมีโรคหัวใจหรือ stroke

✅ สรุป:
หลอดเลือดแยกคาโรติด (Carotid Bifurcation) เป็นจุดสำคัญในการตรวจพบคราบไขมันหรือหินปูนที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ได้ การตรวจจุดนี้ด้วยอัลตราซาวด์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคร้ายแรงนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง

🌿ยาไทยช่วยได้ไหม?
ยาจากแพทย์แผนไทยหรือสมุนไพรบางชนิดสามารถช่วย
ลดไขมันในเลือด
ช่วยต้านการอักเสบ
ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต
แต่ ไม่สามารถแทนยารักษาหลักจากแพทย์แผนปัจจุบันได้ทั้งหมด

🔍 การใช้ยาสมุนไพรในบริบทโรคหลอดเลือดสมอง:

1. กรณี "ก่อนเป็น" (เชิงป้องกัน stroke)
เป้าหมาย: ลดปัจจัยเสี่ยง เช่น ไขมัน, ความดัน, น้ำตาล

2. กรณี "หลังเป็น stroke แล้ว"
เป้าหมาย: ฟื้นฟูร่างกาย, ลดภาวะแทรกช้อน
ยาแผนไทยที่ใช้ร่วมในการฟื้นฟู เช่น:
ㆍยาหอมเทพจิตร / ยาหอมนวโกฐ - ช่วยให้สดชื่น ฟื้นสติ
ㆍยาธาตุบรรจบ - บำรุงธาตุ ปรับสมดุล
ㆍยาบำรุงโลหิต / ยาบำรุงหัวใจ - บางตำรับใช้เพื่อส่งเสริม
การไหลเวียนโลหิต
ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของ แพทย์แผนไทยที่มีใบ
ประกอบวิชาชีพ
โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่รับยาต้านเกล็ดเลือด (Aspiin,
Clopidogrel) หรือยาควบคุมความดัน/เบาหวาน

28/09/2025

การเคี่ยวยา ทอดยาเพื่อการสกัดสารสำคัญของสมุนไพร ทำไมเราถึงมองตำรับยาเก่าๆว่ามีความขลัง มีความน่าศรัทธา เพราะหมอยามิใช่เพียงทำยาให้แล้วเสร็จ แต่หมอยาไทยสมัยก่อนใช้จิตในการปรุงยา ซึ่งในปัจจุบันเรามักจะเห็นยารูปแบบนี้ ในหมอที่มีความชำนาญด้านการปรุงยาแบบเฉพาะราย ซึ่งไม่ได้ใช้แค่ความสามารถ แต่หมอยาใช้จิตใจในการปรุงยาลงไปด้วย วันนี้ก้อนเมฆจะพามารู้จักกับวิธีใช้จิตปรุงยากัน ☁️✨

🧘‍♀️ จิตใจที่ควรมีในการเคี่ยวยาไทย 5 ประการ คือ?
1. ใจสงบ
ก่อนลงมือเคี่ยวยา ควรทำจิตให้สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน
หากมีอารมณ์ร้อน โมโห หรือเศร้า ควรรอให้ใจเย็นลงก่อน
เพราะเชื่อว่า “จิต” ของผู้ทำ จะส่งผลถึง “ฤทธิ์ของยา” ที่ได้
2. มีเมตตา
ทำด้วยเจตนาให้ “ช่วยเหลือผู้อื่น” ไม่ใช่เพื่อหวังผลกำไรอย่างเดียว
ถ้าเป็นยากินหรือใช้กับคนอื่น ต้องตั้งใจให้ผู้ใช้หายดีหรือสบายขึ้น
ครูยาโบราณบางสายจะ “อธิษฐาน” หรือ “ว่าคาถา” ก่อนและระหว่างทำ เพื่อส่งเมตตาไปในยาด้วย
3. รู้จัก "เคารพ" สมุนไพร
สมุนไพรถือเป็นของมีชีวิต และมี "จิตวิญญาณ"
ต้องรู้จักเคารพธรรมชาติ ไม่ควรเด็ด ขุด หรือใช้แบบล้างผลาญ
ก่อนเก็บสมุนไพรโบราณจะมีการกล่าวขออนุญาตเสมอ เช่น
“ขอเจ้าของต้น ขอดินฟ้า ขอสรรพสิ่งทั้งหลาย อนุญาตให้นำไปใช้รักษาโรค”
4. มีสติระลึกถึงครู
ระลึกถึงครูบาอาจารย์ แพทย์แผนโบราณ หรือผู้ถ่ายทอดความรู้
เพื่อให้ตัวยาเกิดผลเต็มที่ และป้องกันความผิดพลาด
การไหว้ครูหรือสวดมนต์ก่อนทำ ถือเป็นการตั้งจิตและระลึกถึงสายครู
5. ตั้งใจและใส่ใจในกระบวนการ
เคี่ยวยาไม่เหมือนต้มน้ำธรรมดา ต้องอาศัยความใส่ใจทุกขั้นตอน
เช่น ไฟอ่อน ไฟกลาง ระยะเวลา การคนให้ยาสุกพอดี
ถ้าทำแบบลวกๆ ยาที่ได้อาจขาดฤทธิ์หรือเสื่อมคุณภาพ

🪷 ตัวอย่าง "การตั้งจิต" แบบง่ายก่อนเคี่ยวยา
✨ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวในใจ:
“ขอให้ยานี้เกิดผลดีแก่ผู้รับ ขอให้โรคภัยเบาบาง
ขออานิสงส์นี้ส่งถึงครูบาอาจารย์และเจ้าของตำรับ
ขอธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยประสิทธิ์ประสาทฤทธิ์ยา
ข้าพเจ้าขอทำด้วยใจบริสุทธิ์ มีเมตตา ขอให้สำเร็จโดยธรรม”

📜 สรุปสั้น ๆ: "จิต 5 ประการ" ที่ควรมีในการเคี่ยวยาไทย
ลำดับ จิตใจที่ควรมี ความหมาย
1 สงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่รีบร้อน
2 เมตตา ทำเพื่อช่วยคน ไม่หวังผลล้วน ๆ
3 เคารพธรรมชาติ ขอบคุณสมุนไพรและโลก
4 ระลึกถึงครู ไหว้ครูหรือกล่าวคำขอพร
5 ใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ทำลวก ๆ ทำด้วยความตั้งใจ

ทั้งนี้การตั้งจิตทำสมาธิจะทำให้หมอยาจดจ่อกับการปรุงยาในครั้งนั้นๆ เพื่อความแม่นยำและไม่ผิดพลาดเพราะนั่นคือความหวัง และชีวิตของคนไข้นั่นเองค่าา😊

27/09/2025

ก้อนเมฆอยากอะไรกับจิตใจของคุณ☁️?

เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนตรงหน้าอาจกำลังต่อสู้
กับอะไร การกระทำเพียงเล็กๆน้อยๆไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม คำพูดที่ดี ส่งพลังบวกให้กับอีกฝ่าย หรือการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจกลายเป็น
พลังใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับใครบางคนได้
เราควรใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจ ไม่ด่วนตัดสินผู้อื่นจากสิ่งที่เห็นภายนอกและไม่ลืมที่จะเลือกใช้ความเมตตาเป็นภาษากลางในทุกความสัมพันธ์
เพราะความเมตตาที่มอบให้ อาจเป็นสิ่งเล็กน้อยในสายตาของเรา แต่สำหรับใครบางคน มันอาจกลายเป็น "เรื่องราวดี ๆ" ที่มีคุณค่าและ….เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ก้อนเมฆขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะเจอกับอะไรขอให้ยืนหยัดในความเป็นตัวเอง อย่าให้ใครมามีอิทธิพลต่อหัวใจของเรามากขนาดนั้น บางทีมันก็บอบบางเกินกว่าจะเอาทุกเรื่องมาใส่ใจ ใจเขาใจเรามันอาจจะดูเป็นคำเชยๆ แต่คำๆนี้ใช้ได้จริงๆในการอยู่ร่วมกับคนในสังคมเสมอ☁️💖

Credit Art :
#หนังสือเล่มสีแดงที่เป็นเพื่อนบรรเทาทุกข์บาดแผลทางใจ
#บทความดีๆ #หนังสือเล่มโปรด

อาชีพที่ทรงคุณค่า…จะให้คนอื่นตีตราหรือคุณจะสร้างคุณค่าให้กับมัน เป็นกำลังใจให้หมอสายนวดทุกคน #เก้าอี้นวดไฟฟ้าลองนั่งแล้ว...
23/09/2025

อาชีพที่ทรงคุณค่า…จะให้คนอื่นตีตราหรือคุณจะสร้างคุณค่าให้กับมัน เป็นกำลังใจให้หมอสายนวดทุกคน
#เก้าอี้นวดไฟฟ้าลองนั่งแล้วสบายมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เก้าอี้นวดยังทำไม่ได้คือการแต่งรสมือของหมอ #เรียนรู้พัฒนาอยู่เสมอ

อวสานอาชีพหมอนวดไทย? – เมื่อความจริงกำลังไล่ล่าเรา
“อีก 5–10 ปีข้างหน้า…เราจะยังมีงานนวดอยู่ไหม?”
คำถามนี้ ไม่ใช่แค่เสียงกระซิบ แต่คือเสียงเตือนจากความจริงที่กำลังไล่ล่าอาชีพหมอนวดและแพทย์แผนไทยทุกคน
1. มรดกโลก…แต่หมอนวดไทยยังจน
ปี 2019 UNESCO ขึ้นทะเบียนนวดไทย (Nuad Thai) เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ 🎉
ทั้งโลกยอมรับว่าเรามีของดี
แต่ความจริงที่เจ็บปวดคือ…
หมอนวดจำนวนมากยังต้องทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อแลกค่าแรงที่แทบไม่พอค่าข้าว–ค่าห้อง
สงครามราคา ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น แต่ราคานวดกลับดันไม่ขึ้น เพราะร้านแข่งกันตัดราคา ลูกค้าก็เลือกแต่ถูก ๆ
2. ไทยกำลังแก่…แต่หมอนวดก็แก่ตาม
ประเทศไทยก้าวสู่ “ซูเปอร์เอจจิ้ง โซไซตี้” แล้ว 🧓🏻👵🏻
ผู้สูงอายุทะลุ 20% ของประชากรในปี 2024 และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ความต้องการดูแลสุขภาพเพิ่ม → ดีมานด์นวดก็ควรเพิ่ม
แต่ปัญหาคือ…
หมอนวดส่วนใหญ่ก็อายุ 40–50+ ร่างกายล้า ทำงานไม่ไหว ลูกค้าก็ไม่มั่นใจคุณภาพ
ขณะที่เด็กยุคใหม่ไม่อยากเข้าวงการ เพราะภาพลักษณ์ต่ำ รายได้ไม่มั่นคง
3. ท่องเที่ยวไทย…ยังไม่กลับมาจุดพีก
ใช่ครับ คนเริ่มกลับมาเที่ยวไทย
แต่ตัวเลขจริงคือ 1 ม.ค.–ก.ย. 2025 นักท่องเที่ยวต่างชาติยัง ลดลง ~7% จากปีก่อนหน้า และปีนี้คาดมีแค่ 33 ล้านคน…
ยังไม่ถึงจุดพีกก่อนโควิด (เกือบ 40 ล้าน)
ร้านนวดที่เคยพึ่งแต่นักท่องเที่ยว…วันนี้แทบหายใจไม่ออก
4. เทคโนโลยี…คู่แข่งที่ไม่เหนื่อย
หุ่นยนต์นวด, เก้าอี้นวดอัจฉริยะ, แอป AI Wellness
วันนี้ไม่ใช่เรื่องในหนังอีกต่อไป แต่ ขายจริง ใช้งานจริง
เก้าอี้นวดบางรุ่นสแกนร่างกาย ปรับแรงกดอัตโนมัติ และใช้งานได้หลายปี
หุ่นยนต์นวดเริ่มถูกทดลองในโรงพยาบาล–คลินิกบางแห่งแล้วด้วย
คำถามคือ…
ลูกค้าจะเลือกหมอนวดที่เหนื่อยง่าย ติดอารมณ์ หรือเก้าอี้ที่ไม่เคยบ่น ไม่เคยป่วย?
5. กฎหมายที่สูงเหมือนกำแพง
หมอนวดและแพทย์แผนไทยไม่ได้สู้กับตลาดเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องสู้กับ ข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ
• การโฆษณาคลินิกต้องขออนุมัติจากกรม สบส. ห้ามโอ้อวด ห้ามชวนเชื่อเกินจริง
• สถานพยาบาลเล็ก ๆ ถูกบังคับเข้าสู่ระบบภาษี–ค่าธรรมเนียม
• ขณะที่รายได้ต่อหัวลูกค้ากลับลดลง
ผลคือ…ร้านเล็ก ๆ ปิดตัวต่อเนื่อง หมอนวดตกงานไม่หยุด
6. ภาพลักษณ์ที่ยังไม่หายไป
แม้เราจะภูมิใจที่ “นวดไทยคือมรดกโลก”
แต่ในสายตาคนจำนวนมาก คำว่า “หมอนวด” ยังถูกตีตรา
เป็นงานใช้แรง ไม่มั่นคง บางทียังถูกโยงกับภาพลบทางเพศ
นี่คือกำแพงทางวัฒนธรรมที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเข้ามา
7. โลกของลูกค้า…เปลี่ยนไปแล้ว
ลูกค้าสมัยนี้ไม่ได้ต้องการแค่ “นวดแล้วสบาย”
แต่ต้องการ Wellness Experience
อยากได้ทั้งการนวด + โภชนาการ + สมาธิ + Breathwork
ถ้าหมอนวดหยุดอยู่กับแค่ท่า–เทคนิคเดิม ๆ
เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังทันที
8. แล้วอนาคตคืออะไร?
คำว่า “อวสานหมอนวดไทย” อาจไม่ใช่การหายไป
แต่มันคือ อวสานของหมอนวดแบบเก่า ๆ
หมอนวดที่ไม่พัฒนา จะ “หายไป”
หมอนวดที่ยังรอร้านจ่ายวันละ 300–400 จะ “หายไป”
หมอนวดที่ไม่ยกระดับตัวเองเป็น นักบำบัด จะ “หายไป”
ในขณะเดียวกัน…
หมอนวดที่ กล้าเรียนรู้ใหม่ ๆ
หมอนวดที่ เชื่อมศาสตร์ไทยกับวิทยาศาสตร์
หมอนวดที่ สร้างแบรนด์ตัวเอง ไม่ใช่แค่แรงงาน
คือคนที่จะ อยู่รอดและรุ่งเรือง
สรุป
อาชีพหมอนวดไทย…กำลังยืนอยู่บน “ทาง 3 แพร่ง”
ทางหนึ่ง จะเหลือเพียงความทรงจำ
อีกทางหนึ่ง จะวิวัฒน์กลายเป็นอาชีพแห่งอนาคต
คำถามคือ…
คุณเลือกจะเดินทางไหน?
รจนา: หมอกันต์
แพทย์แผนไทยและผู้ก่อตั้ง UNTERNATIVEMEDICIEN
บทความหน้า พบกันในหัวข้อ ทางรอดหมอนวดไทย Checklist ชีวิตหมอนวด ค้นหาปัญหาในตัวหมอนวดเอง และแนวทางแก้ไข้
กดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามไว้ เพื่อไม่พลาดตอนต่อไป
คอมเม้นท์ 33 เพื่อเชื่อมโยงกับเพจ แพทย์ไม่มีทางเลือก
มาร่วมกันสร้างชุมชนแห่งการพัฒนาตนเองของหมอนวดไปพร้อมกัน

🔥 วิทยาศาสตร์อยู่ไฟ: ถอดบทเรียนจากภูมิปัญญาไทยสู่การแพทย์สมัยใหม่☁️🌈✨“ความร้อนนั้นไม่ใช่แค่ไล่หนาวหรือสืบสานภูมิปัญญา......
23/09/2025

🔥 วิทยาศาสตร์อยู่ไฟ: ถอดบทเรียนจากภูมิปัญญาไทยสู่การแพทย์สมัยใหม่☁️🌈✨

“ความร้อนนั้นไม่ใช่แค่ไล่หนาวหรือสืบสานภูมิปัญญา...แต่เป็นกุญแจสู่การฟื้นฟูสุขภาพคุณแม่ยุคใหม่

📖 คำภีร์ปฐมจินดากล่าวไว้อย่างไร?

ในโลกของการแพทย์แผนไทย "คำภีร์ปฐมจินดา" ถือเป็นหนึ่งในคัมภีร์สำคัญที่พูดถึงการดูแลหญิงหลังคลอดไว้อย่างละเอียด โดยเฉพาะแนวคิด “อยู่ไฟ” หรือ yu fai ซึ่งเชื่อมโยงกับธาตุทั้ง 4 — ดิน น้ำ ลม ไฟ

ในช่วงหลังคลอด ร่างกายหญิงจะมีภาวะ “ธาตุไฟพร่อง” ทำให้หนาวสั่น ปวดเมื่อย และมดลูกเข้าอู่ช้า การอยู่ไฟจึงเป็นเหมือนการ “ชาร์จพลังไฟให้ร่างกาย” ด้วยการใช้ความร้อนและสมุนไพรหลากหลายรูปแบบ เพื่อฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก

🔬 เมื่อวิทยาศาสตร์ส่องไฟให้ภูมิปัญญา

แม้ว่า "การอยู่ไฟ" จะดูเหมือนวิถีโบราณ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยไขคำตอบว่า ความร้อนและสมุนไพร จริง ๆ แล้วมีประโยชน์ทางกายภาพอย่างไรบ้าง

📌 ตัวอย่างงานวิจัยที่น่าสนใจ:

🔥 Hot Sitz Bath vs Cold Compress (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
พบว่า การประคบร้อนบริเวณฝีเย็บหลังคลอด ช่วยลดอาการปวดและบวมได้ดีกว่าการใช้ความเย็น — สะท้อนความเชื่อเรื่องความร้อนช่วยสมานแผลได้อย่างชัดเจน!

🌡️ การประคบร้อน / ทับหม้อเกลือ
งานวิจัยจากจีนและอินโดนีเซียเผยว่า การให้ความร้อนบริเวณหน้าท้องและเชิงกราน ช่วยกระตุ้นมดลูกให้หดตัวเร็วขึ้น เพิ่มการไหลเวียนเลือด และอาจส่งเสริมการผลิตน้ำนม

🌿 อบสมุนไพรหลังคลอด
สมุนไพรเช่น ไพล ขมิ้น ตะไคร้ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยให้ร่างกายขับของเสียทางเหงื่อ ลดความเครียดและปวดเมื่อย

🧪 การอยู่ในสภาพแวดล้อมอบอุ่น
อุณหภูมิที่เหมาะสมหลังคลอดช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (postpartum depression) และทำให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น

💡 มิติใหม่ของ “การอยู่ไฟ” สู่แนวทางผสมผสาน (Integrative Medicine)

ไม่ใช่แค่ "ร้อน" แล้วจบ... แต่ต้อง "ร้อนอย่างเข้าใจ"

ในโลกของการแพทย์แผนปัจจุบัน การดูแลหลังคลอดคือการใส่ใจเรื่องสุขภาพกายและใจอย่างรอบด้าน และเมื่อภูมิปัญญาไทยอย่างการอยู่ไฟมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ “เข้ากันได้” กับวิทยาศาสตร์ ก็ถึงเวลาแล้วที่แพทย์แผนไทยจะ...

✅ ปรับใช้การอยู่ไฟอย่างปลอดภัยและทันสมัย

ตรวจร่างกายก่อนเริ่มอยู่ไฟ
โดยเฉพาะแผลฝีเย็บหรือแผลผ่าคลอด ควรหายดีแล้วจึงเริ่มกระบวนการฟื้นฟูด้วยความร้อน

ควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม
ใช้ผ้าห่อหม้อเกลือให้ดี ป้องกันผิวไหม้ และระวังไม่ให้ถ่านร้อนจนเกิดควันพิษ

เลือกสมุนไพรอย่างมีเหตุผล
สมุนไพรที่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ เช่น ไพล ตะไคร้ ขิง มีฤทธิ์ต้านอักเสบ กระตุ้นมดลูก และบำรุงน้ำนม

ทำงานร่วมกับทีมแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยเฉพาะกรณีที่แม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน ความดัน หรือมีปัญหาด้านสุขภาพจิต

🎯 อยู่ไฟ = ภูมิปัญญาที่ควรอยู่ต่อ

การอยู่ไฟตามคำภีร์ปฐมจินดาไม่ใช่แค่พิธีกรรมโบราณ แต่มีรากฐานทางวิชาการรองรับหลายประการ หากนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม ด้วยมาตรฐานที่ปลอดภัย และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์

อยู่ไฟ... อาจเป็น "สะพานเชื่อม" ระหว่างศาสตร์เก่าและแพทย์สมัยใหม่
เพื่อส่งเสริมสุขภาพคุณแม่ให้ฟื้นคืนได้อย่างอ่อนโยนและมีพลัง

🌈 ก้อนเมฆขอทิ้งท้ายว่า ☁️สุขภาพของแม่... คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ทั้งชีวิต☁️

การอยู่ไฟไม่ใช่แค่การรักษาตามธรรมเนียม แต่คือการมอบพื้นที่ให้แม่ได้ฟื้นร่างกาย ฟื้นใจ และกลับมามีสมุฏฐานธาตุเจ้าเรือนเดิมที่สมบูรณ์อีกครั้ง

เมื่อภูมิปัญญาเก่าได้รับการยอมรับด้วยวิทยาศาสตร์ และเมื่อแพทย์แผนไทยกับแผนปัจจุบันไม่ยืนคนละขั้ว แต่เดินร่วมกัน — สิ่งที่ได้อาจไม่ใช่แค่แม่ที่แข็งแรง... แต่คือสังคมที่ฟื้นคืนพลัง

อยู่ไฟ ไม่ได้อยู่เพื่ออดีต แต่อยู่เพื่ออนาคต

– ก้อนเมฆอยากบอกอะไรกับสุขภาพของคุณ? ☁️

ตำราวิชาการ สุคนธบำบัด โดย สำนักการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขอ่าน หรือ ดาวน์โหล...
19/09/2025

ตำราวิชาการ สุคนธบำบัด โดย สำนักการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

อ่าน หรือ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ => https://drive.google.com/file/d/1JVogLA_5NClLYd8gDF5aG39h1Txbc75G/view?usp=sharing

แนวทางเวชปฏิบัติกลุ่มอาการปวดเรื้อรังและกล้ามเนื้อ โดยสมาคมการศึกษาเรื่องความปวดแห่งประเทศไทยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ ลิ้งค...
19/09/2025

แนวทางเวชปฏิบัติกลุ่มอาการปวดเรื้อรังและกล้ามเนื้อ โดยสมาคมการศึกษาเรื่องความปวดแห่งประเทศไทย

สามารถดาวน์โหลดได้ที่ ลิ้งค์ใต้คอมเม้นท์

19/09/2025

ที่อยู่

Bangkok
10330

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Cloud Vetchalagonผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram