FWD ประกันสุขภาพ สร้างมรดกให้คนที่คุณรัก ด้วยทุนประกันสูงที่สุด

FWD ประกันสุขภาพ สร้างมรดกให้คนที่คุณรัก ด้วยทุนประกันสูงที่สุด ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก FWD ประกันสุขภาพ สร้างมรดกให้คนที่คุณรัก ด้วยทุนประกันสูงที่สุด, Bangkok.

06/07/2025

ให้ทีมเราดูแล ส่งข้อความหรือโทรเลย O63-48O-19OO

เมื่อคุณเลือกที่จะไม่ทิ้งใคร เราจะไม่มีวันทิ้งคุณ | วางใจให้ FWD ดูแลคุณ ด้วยความมั่นคงทุนจดทะเบียนสูงสุดอันดับ 1 ของประ...
16/06/2025

เมื่อคุณเลือกที่จะไม่ทิ้งใคร เราจะไม่มีวันทิ้งคุณ | วางใจให้ FWD ดูแลคุณ ด้วยความมั่นคงทุนจดทะเบียนสูงสุดอันดับ 1 ของประเทศไทย

ในยุคที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับทั้ง “คุณภาพชีวิต” และ “โอกาสพัฒนาในสายอาชีพ” องค์กรที่สามารถเข้าใจและตอบโจทย์ทั้งสองเรื่องได้อย่างสมดุล กำลังกลายเป็นที่จับตามองมากขึ้นในธุรกิจประกันชีวิต และหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง คือ FWD ประกันชีวิต

ล่าสุด FWD ประกันชีวิต ได้รับรางวัลจากสององค์กรชั้นนำ คว้า รางวัล The Most Attractive Employer ในกลุ่มสำรวจ 18-22 จาก Future Trends และ Top 50 Companies in Thailand 2025 จาก WorkVenture ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อองค์กร ไม่เพียงแค่ในแง่ของภาพลักษณ์ แต่รวมถึงวัฒนธรรมการทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ภายใต้แนวคิด “Digital by Design” FWD ประกันชีวิต เดินหน้าพัฒนาองค์กรให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมวัฒนธรรมแบบ คิดต่าง เปิดรับความหลากหลาย และ มองไกลไปข้างหน้าวัฒนธรรมองค์กรของ FWD ถูกออกแบบให้เปิดกว้างสำหรับความคิดสร้างสรรค์ สนับสนุนการเติบโตในความสามารถตามสายอาชีพ และให้ความสำคัญกับการทำงานที่สอดคล้องกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพนักงานรุ่นใหม่หรือคนที่มีประสบการณ์ ต่างได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาไปพร้อมกับองค์กร

เดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FWD ประกันชีวิต ประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวว่า “เมื่อพนักงานมีความสุข การทำงานก็จะมีประสิทธิภาพ และลูกค้าก็จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด” สะท้อนวิสัยทัศน์ที่มอง ‘คน’ เป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนองค์กรอย่างแท้จริง

จากทั้งสองรางวัลที่ได้รับ บวกกับวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและแข็งแกร่ง ส่งผลให้ FWD ประกันชีวิต กลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่น่าทำงานที่สุดของไทย ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของเราที่ให้ความสำคัญกับการรับฟังและเข้าใจมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน เราจึงสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง และทำให้พนักงานรู้สึกมั่นใจและอยากเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับ Vision ของ FWD ประกันชีวิต ที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต

ในยุคที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับทั้ง “คุณภาพชีวิต” และ “โอกาสพัฒนาในสายอาชีพ” องค์กรที่สามารถเข้าใจแล.....

22/05/2025
10 เทคนิค ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บอกลาท้องผูกง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง‼พฤติกรรมการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ส่งผลต่อการขับถ่า...
01/06/2021

10 เทคนิค ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บอกลาท้องผูกง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง‼
พฤติกรรมการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ส่งผลต่อการขับถ่ายของเราอย่างมาก ซึ่งบางอย่างหลายๆท่านอาจมองข้ามไป
ในวันนี้เรามีเคล็ดลับการขับถ่ายที่จัดได้ว่าเป็นอันดับแรกๆที่เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากกับร่างกายของเรา ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆที่ท่านสามารถทำได้ด้วยตัวของท่านเอง เช่น
1.ทานอาหารเช้า ตอนเช้าลำไส้ใหญ่ทำงานมากที่สุด อาหารจะกระตุ้นกระเพาะอาหารและลำไส้ให้บีบตัวจนรู้สึกอยากถ่าย
2.หลังทานอาหารเช้าแล้วให้รอสัก 30 นาที ระหว่างรออาจเดินไปเดินมาเพื่อช่วยให้ลำไส้ได้ขยับตัว และเมื่อรู้สึกปวดถ่ายให้ถ่ายทันที เพราะความรู้สึกดังกล่าวจะอยู่กับเราแค่สองนาที
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ คนปกติควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร คนท้องผูกควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร น้ำจะช่วยให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่ายขึ้น
4. ทานผักผลไม้เป็นประจำ และควรทานพร้อมกากไม่ใช่แบบคั้นน้ำ เพื่อให้ได้รับกากใยอาหารเพียงพอต่อการขับถ่าย
5. เลี่ยงอาหารประเภทไขมัน เพราะไขมันทำให้การบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง จึงท้องอืดและผูกได้
6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วิ่งหรือเดินสัก 20 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยบริหารหัวใจและทำให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหวตัว
7. ความเครียดส่งผลให้ระบบภายในรวนหมด แถมยังทำให้ทานไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อไม่มีอาหารที่เพียงพอ แถมพักผ่อนน้อย ผสานกับความเครียด ลำไส้ก็เลยทำงานได้น้อยลงส่งผลให้ท้องผูก
8. ทานอาหารที่มีโปรไบโอติก โปรไบโอติกคือจุลินทรีย์ตัวดีที่อาศัยอยู่ในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยเศษอาหาร และดูแลการขับถ่าย ซึ่งสามารถรับเพิ่มจากภายนอกได้ เช่น ทานอาหารหมักดอง กิมจิ ผักดอง หรือทานผักผลไม้ก็จะช่วยเพิ่มจำนวนโปรไบโอติกในกระเพาะเช่นกัน
เห็นไหมคะ แต่ละหัวข้อทำตามง่ายๆ และควรทำอย่างเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย เพราะการมีสุขภาพที่ดี ต้องดูแลการขับถ่ายให้ดีขึ้นด้วย เรามาดูแลสุขภาพการขับถ่ายที่ดี ด้วยเทคนิคดีๆเหล่านี้กันนะคะ ❤
CR : https://www.interpharma.co.th/.../10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4.../

มาเพิ่มประสิทธิภาพให้..สมองด้วยการเลือกทานอาหารที่ได้ผลอย่างที่คุณคาดไม่ถึง‼ทราบว่าทุกท่านต้องเคยได้ยิน และต้องเคยสงสัยว...
31/05/2021

มาเพิ่มประสิทธิภาพให้..สมอง
ด้วยการเลือกทานอาหารที่ได้ผลอย่างที่คุณคาดไม่ถึง‼

ทราบว่าทุกท่านต้องเคยได้ยิน และต้องเคยสงสัยว่า "การดูแลสมองมีหลายรูปแบบหลายวิธี" ทั้งการดูแลร่างกายไม่หักโหมในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกาย การจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวัน หรือการดูแลสมองด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งในการเลือกทานอาหารที่ดี จะต้องมาคู่กับการหาวัตถุดิบที่ง่าย อร่อย และสามารถทำทานได้เอง แต่ท่านทราบไหมว่า อาหารแบบใดบ้างที่คุณควรเน้นทานเป็นพิเศษ เพราะเราต้องใช้งานสมองอยู่ตลอดเวลา

วันนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าอาหารเพื่อสุขภาพแต่ละอย่าง ช่วยดูแลสมองของเราอย่างไรบ้าง เช่น

1. ปลา จริงอย่างที่เขาว่ากันว่ากินปลาแล้วจะฉลาด โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแฮริ่ง เป็นต้น ปลาพวกนี้เป็นอาหารที่ประโยชน์สูงสุดต่อสมองมาก แต่ถ้าหาปลาทะเลมารับประทานลำบาก หรือไม่มีเวลาเตรียมอาหารก็สามารถกินอาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาแทนก็ได้ค่ะ

2. ผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี ได้แก่ บลูเบอรี่ สตรอว์เบอรี เชอรี จะช่วยเสริมสุขภาพสมอง ระบบหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ช่วยลดความดันโลหิตที่สูงให้สมดุล มีวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดและระดับไอคิวได้อีด้วย ทั้งยังป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในฮิปโปแคมปัสที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความ ทรงจำ โดยเฉพาะบลูเบอร์รีสดดีต่อความจำระยะยาวมากที่สุด เหมาะแก่การรับประทานเป็นอาหารว่าง เพราะไม่ทำให้อ้วน และยังได้วิตามินซีเพิ่มอีกด้วย

3. ผักโขม ช่วยลดอาการความจำเสื่อมโดยเฉพาะในผู้หญิง มีการวิจัยพบว่าหญิงวัยกลางคนที่รับประทานผักโขมร่วมกับผักใบเขียวชนิดอื่นๆ เป็นประจำ ช่วยลดอาการความจำเสื่อมไปได้ถึง 2 ปี ผักโขมมีเอนไซม์ที่ดีต่อความแข็งแกร่งของปลายเซลล์ประสาท และเสริมความแข็งแรงตัวรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ทั้งยังมีกรดโฟลิกสูงที่ดีต่อการจำ ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย นักประสาทวิทยาแนะนำให้กินผักโขมอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะผักโขมที่ปลูกแบบออร์แกนิก ไร้สารพิษตกค้าง

4. ไข่ เป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยพัฒนาระบบการทำงานของสมอง โดยล่าสุดนี้พบว่าสาร “โคลิน ” ในไข่ไก่จะทำหน้าที่สำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง และความจำ โดยมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ในสหรัฐอเมริกา ค้นพบว่าสมองของทารกที่มารดารับอาหารที่มีโคลินนั้นจะมีพื้นที่การจดจำและควาสามารถในการจำมากกว่า... ไข่ไก่สามารถให้พลังงานนานนับหลายชั่วโมง ไม่ทำให้หิวบ่อยๆ และไม่ต้องกลัวโคเลสเตอรอลสูงอีกด้วย

5. อาหารแบบเมดิเตอร์ริเนียน ที่เน้นน้ำมันมะกอก สุดยอดน้ำมันที่สกัดจากพืชโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสมองในปริมาณสูง เป็นส่วนประกอบสำคัญ ส่วนผสมอื่นๆ ของอาหารปะเภทนี้จะเน้นผักและผลไม้ โดยเฉาะมะเขือเทศ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสมองและลดอาการสมองเสื่อมได้ คนที่บริโภคแบบเมดิเตอร์ริเนียนนี้เป็นประจำจะช่วยลดอัตราการเป็นโรคความจำ เสื่อมหรือหลงลืมได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

6. แครอท หากต้องการกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างสดชื่นแบบเร่งด่วน ควรรับประทานผลไม้สด โดยเฉพาะแครอทสด โดยรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นให้มีความจำที่ดีได้

7. พืชตะรกูลถั่ว อาทิ ฮาเซลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเมีย และวอลนัท ที่ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งถั่ว ล้วนเป็นแหล่งรวมโปรตีน มีไฟเบอร์สูง และมีไขมันดีมาก เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ช่วยทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงขณะที่โปรตีนและไขมันช่วยให้ร่างกายสมดุล สงบ ผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีวิตามินอีที่สำคัญต่อกระบวนการคิดและจำ

8. อาหารประเภทธัญพืช เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดงา มีโปรตีนสูง มีไขมันดี และวิตามินเอสูง ขณะเดียวกันก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มสารอาหารกระตุ้นสมองอย่าง แมกนีเซียม ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดี เต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร มีปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม รวมทั้งยังมีโอเมก้าสูง และจะดีมากหากรับประทานเป็นอาหารเช้า เพื่อเพิ่มพลังในวันใหม่

9. แอปเปิ้ล การทานแอปเปิลวันละ 2-3 ลูก หรือการดื่มน้ำแอปเปิลวันละประมาณ 2 แก้ว มีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างสื่อประสาทใบสมองที่มีชื่อว่า “ อะเซทิลโคลีน ” ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสามารถเรียนรู้ในการจำ และการเรียนรู้ และยังเพิ่มประสิทธิภาพความจำของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส จึงช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้

10. ช็อกโกแลต รู้หรือไม่คะว่าช็อกโกแลตมีส่วนช่วยกระตุ้นสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยระบบหมุนเวียนเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ ที่สำคัญช่วยพัฒนาความจำได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังที่ผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน และเซโทโรนิน ที่เป็นสารแห่งความสุขในสมอง ทำให้อารมณ์ดี โดยพกแท่งเล็กๆไว้ในกระเป๋าไว้กินเวลาว่างเมื่อต้องการความสดชื่นจะช่วยผ่อน คลายสมอง

11. แปะก๊วย เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า อาการหลงๆลืมๆจึงนิยมแนะนำให้ใช้เพื่อปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิตในสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด ส่งผลต่อการกระทำงานและประสิทธิภาพของสมอง และยังมีการสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อบำรุงสมองอีกด้วย

การดูแลสมองไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป หากเราเลือกทานอาหารที่ล้วนมีประโยชน์อย่างหลากหลายเหล่านี้

เพราะการดูแลสมองจะต้องทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด เพราะการดูแลความจำ และการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่ทุกท่านอยากมี

แล้วท่านละคะ มีวิธีการดูแลสมองกันอย่างไรบ้าง❤

สุดยอดเคล็ดลับแพทย์แนะ .. ทานบรอกโคลี่แบบสด "ดีที่สุด"จากสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบัน เราจึงต้องหาเคล็ดลับดีๆจากทาง...
31/05/2021

สุดยอดเคล็ดลับแพทย์แนะ .. ทานบรอกโคลี่แบบสด "ดีที่สุด"
จากสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบัน เราจึงต้องหาเคล็ดลับดีๆจากทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำมาเป็นเกราะป้องกันให้แก่เราอย่างดีที่สุด และเชื่อถือได้อย่างมากที่สุด
ซึ่งในหลายๆปัจจัยที่จะช่วยให้เราสุขภาพดี พร้อมสู้ทุกปัญหาได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรกๆ คือ "การทานอาหาร" หากคัดสรรเลือกทานแต่สิ่งที่มีประโยชน์ แน่นอนว่าเราจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีจนคุณคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน
นอกจากการทานอาหารที่ดีด้วยแล้ว เราควรจะมีเคล็ดลับการทานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไปอีก อย่างเช่น เคล็ดลับจากทางแพทธ์ผู้เชี่ยวชาญที่เรานำมาแชร์ในวันนี้ค่ะ
.
"หมอบรรจบ" แนะดื่มน้ำบร็อกโคลีปั่นช่วยขับสารพิษจากการสูดดมฝุ่นจิ๋วเข้าไปสะสมในร่างกาย ระบุบร็อกโคลีมีสารซัลโฟราเฟน ช่วยขับสารก่อมะเร็งและสารระคายเคือง แต่หากกินสุกจะไร้ประสิทธิภาพ เพราะสารดังกล่าวจะถูกความร้อนทำลาย
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ (CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีผลกระทบและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากร่างกายสูดดมฝุ่นละออง PM 2.5 เข้าไปในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง จะเป็นเหตุทำให้เกิดการอักเสบในช่องทางเดินหายใจ เป็นโรคหืดหอบ หลอดเลือดอักเสบ เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ ขณะที่มีการศึกษาในมหาวิทยาลัยเซาเปาลู ประเทศบราซิล พบว่า การใช้ชีวิตในเมืองท่ามกลางมลภาวะอากาศ เพิ่มอัตราการเกิดโรคหัวใจเฉียบพลันมากขึ้น ร้อยละ 75 เทียบกับเมืองที่มีอากาศสะอาด ผลจาก PM 2.5 ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ไขมันเลือดสูงผิดปกติ เกิดการดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น และเกิดโรคไขมันพอกตับเพิ่มขึ้น ดังนั้น มีวิธีป้องกันง่ายๆ คือพยายามไม่รับฝุ่นละออง PM 2.5 เข้าร่างกาย โดยการใส่หน้ากากกันฝุ่น N95 อย่างถูกวิธี โดยต้องไม่ให้อากาศลอดผ่านด้านข้างของผ้าปิดปากเลยซึ่งทำได้ยาก แต่อีกทางหนึ่งของการดูแลตนเองก็คือใช้อาหารเป็นยา โดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เพื่อขจัดสารพิษในร่างกาย
นพ.บรรจบกล่าวว่า งานวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ในจีนเมื่อปี 2014 พบว่า การกินน้ำบร็อกโคลีสามารถเพิ่มอัตราการขับสารพิษออกทางปัสสาวะ เพราะบร็อกโคลีมีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งออกฤทธิ์ช่วยให้ตับและเซลล์เยื่อบุสลายสารพิษไป จึงสามารถช่วยขับสารก่อมะเร็งเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 และขับสารระคายเคืองเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 สารนี้ไม่ทนความร้อน การกินสุกจึงไม่มีประสิทธิภาพ โดยสารซัลโฟราเฟนจะอยู่ในบร็อกโคลีสดเท่านั้น
"ดังนั้น วิธีการทำน้ำบร็อกโคลี โดยให้สารซัลโฟราเฟนยังคงอยู่ คือนำบร็อกโคลีสดล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีซเพื่อรักษาคุณค่าสารอาหาร และนำมาปั่นแยกกาก อาจนำผลไม้ชนิดอื่นมาผสมรวม เช่น แอปเปิล ฝรั่ง ฯลฯ อาจบีบมะนาวลงไปเพื่อปรุงรส ทำดื่มเป็นประจำวันละ 1 ถ้วยตวง จะช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกายได้"
นพ.บรรจบกล่าวว่า ยังมีอาหารอื่นที่ช่วยขับสารพิษนี้ ได้แก่ อาหารที่อุดมสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะขามป้อม แครอต ฟักทอง ปวยเล้ง อาจกินกรดไขมันจำเป็น เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันงาม้อน หรืองาขี้ม้อน(น้ำมันชนิดหนึ่งที่สกัดจากเมล็ดพืชที่มีชื่อว่า งาม้อน เป็นพืชตระกูลเดียวกับสะระแหน่ หรือมินต์) อะโวคาโด เพื่อปรับสมดุลของไขมันในเลือด เป็นต้น ลดการกินอาหารปิ้ง ย่าง ทอด สารใส่สี ใส่กลิ่น ผงชูรสซึ่งเร่งปฏิกิริยาอักเสบในร่างกาย
ยังมีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัย ที่จะใช้ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) โดยในสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการการพัฒนาชุดความรู้ด้านประสิทธิภาพของหน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก โดย ศ.ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.ขนิษฐา พันธุรี Thaneyhill ภาควิชาเคมีคลีนิก คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
คณะผู้วิจัยได้นำหน้ากากป้องกันฝุ่นชนิดต่างๆ มาทดสอบประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายจากฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ในอากาศ ทำการศึกษา โดยใช้เครื่องมือเก็บตัวอย่างอากาศ คือ AIRmetrics MiniVol portable Sampler และเก็บอากาศในช่วงที่อากาศเชียงใหม่มีมลภาวะระดับสูง (เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2551) โดยเปรียบเทียบระดับ 24 ชั่วโมงของ PM 2.5 ในตัวอย่างอากาศที่เก็บเมื่อมีหน้ากากป้องกันฝุ่น กับ ตัวอย่างอากาศเมื่อไม่มีหน้ากาก จากการทดสอบประสิทธิภาพของการใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นชนิดต่างๆ พบว่ามีหน้ากากบางชนิดสามารถลดระดับ 24 ชั่วโมงของอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ในอากาศได้
ผลจากการวิจัยครั้งนี้มีข้อแนะนำได้ว่า อาจใช้หน้ากากชนิด 3M 8210 หรือ 3M 9002A หรือหน้ากากชนิดที่ใช้ทั่วไปในห้องผ่าตัด (Durat mask) เพราะสามารถลดระดับของอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยหน้ากากชนิด 3M 8210 หรือ 3M 9002A สามารถกรองอนุภาค PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่หน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด (Dura mask) ลดระดับ PM 2.5 ลงไปได้ปานกลาง แต่อาจจะเพิ่มขึ้นได้โดยเพิ่มผ้าเช็ดหน้าหรือ กระดาษทิชชูประกบลงไปในหน้ากากชนิดนี้ ส่วนการใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า หรือหน้ากากผ้าที่ประชาชนทำขึ้นมาเอง ไม่สามารถป้องกันอันตรายจากฝุ่น PM 2.5 ในอากาศได้
นอกจากฝุ่นควัน มลภาวะที่ต้องป้องกันแล้ว ยังมีเชื้อโรคและเชื้อหวัดอีกมากมาย ที่เราไม่อาจทราบเลยว่า "เราติดเชื้อโรคมาหรือยัง" ทั้งนี้ เราควรสร้างเกราะป้องกันจากภายนอกและภายในให้แข็งแรงอยู่เสมอ ก่อนอื่น เราควรเริ่มจากการดูแลตัวเองด้วยเคล็ดลับสุดยอดนี้ก่อน มารังสรรค์เมนูทานผักบรอคโคลี่สดกันดีกว่าค่ะ ❤

เจ้าก้อนเล็กๆที่เราเห็นเนี่ย ฆ่าคนมาเป็นล้านคนแล้วนะ คนเสียชีวิตด้วยโรคนี้มีเยอะพอๆกับฮิตเลอร์กวาดล้างเผ่าพันธุ์ยิวเลยก็...
11/05/2021

เจ้าก้อนเล็กๆที่เราเห็นเนี่ย ฆ่าคนมาเป็นล้านคนแล้วนะ คนเสียชีวิตด้วยโรคนี้มีเยอะพอๆกับฮิตเลอร์กวาดล้างเผ่าพันธุ์ยิวเลยก็ว่าได้ แถมโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโลกด้วย

พอดีรุ่นพี่หมอเวรที่แผนกสมองของ โรงพยาบาลรามคำแหง Ramkhamhaeng Hospital เพิ่งทำเคสคนไข้เสร็จ แล้วหมอไปป๊ะแกพอดี ก็เลยสอบถามแกว่าเวลาลิ่มเลือดอุดตัน มันตันมากขนาดไหน ? แกก็เลยขอคนไข้แล้วส่งรูปมาให้หมอเวรดูนี่แหละ

เจ้านี่คือลิ่มเลือดที่เข้าไปอุดตันเส้นเลือดในสมอง มีอีกชื่อนึงว่า stroke และไม่ว่าจะหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันก็นับว่าเป็น Stroke ทั้งนั้นเพราะทำให้สมองขาดเลือด

สาเหตุก็มีหลายอย่าง ทั้งไขมันไปอุดตัน ทั้งความดัน ที่ทำให้เส้นเลือดไม่สามารถส่งผ่านเลือดไปสู่สมองได้ นึกภาพเหมือนท่อน้ำที่บ้านเรามีไขมันอุดตัน แล้วเวลาอาบน้ำฟอร์เดรนมันปล่อยน้ำลงพื้นไม่ทัน อะไรแบบนั้นแหละที่อาการโรคนี้มันทำกับคนไข้

สมองเราเปิดทำการ 24 ชม.เหมือนเซเว่นไม่มีหยุดทำการ หากขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง สมองก็จะเริ่มค่อยๆตายไปทีละส่วน และเนื้อสมองไม่ใช่หางจิ้งจกที่เสียหายไปแล้วจะงอกใหม่ได้ สมองส่วนไหนตายแล้วคือตายเลยไม่มีใบชุบ ฉะนั้นคนไข้ที่เป็น Stroke มา อาการของแต่ละคนก็จะหนักไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าลิ่มเลือดมันไปอุดตันแล้วทำให้สมองบริเวณไหนตายก่อน

ปกติถ้าเจอคนไข้เป็น Stroke มา หากไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมง ก็เสี่ยงที่จะทำให้เนื้อสมองมักจะตายถาวร และพิการไปตลอดชีวิต และบางรายก็อาจเสียชีวิตลงได้เลยเช่นกัน ฉะนั้นอย่างที่หมอเวรย้ำบ่อยๆ
“เจอใครเป็น Stroke พาไปหาหมอให้เร็วที่สุด ไปให้ไว...และไปให้ถูกที่”
เพราะถ้าไปรพ.ที่ไม่มีหมอเฉพาะทางอยู่ก็รักษาไม่ได้ ต้องเสียเวลาส่งตัวคนไข้ไปรพ.อื่น ทำให้เนื้อสมองตายไปตามเวลาที่สูญเสียไปก่อนจะเจอหมอ

รวมถึงบางรพ.ถึงแม้มีหมออยู่ แต่ไม่มีเครื่องมือพร้อม ก็รักษาไม่ได้อีก หยั่งในรูปนี้คือวิธีการรักษาแบบ Thrombectomy เป็นการสอดสายเข้าไปในเส้นเลือด เพื่อลากลิ่มเลือดที่อุดตันออก และให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองต่อได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลก ทำให้คนไข้ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว และบาดเจ็บน้อยมากๆด้วยนั่นเอง

ที่เล่ามาทั้งหมดไม่ใช่ไรเพราะวันนี้เป็นวันโรคหลอดเลือดสมองโลกด้วย ก็เลยอยากเขียนอะไรให้พวกเราได้ตระหนักถึงโรคนี้กันหน่ะ คือหยั่งเราๆอ่ะคงไม่ได้เป็นกันง่ายๆหรอก หมอเข้าใจ แต่ถ้าวันนึงคุณพ่อคุณแม่เราเกิดฉุกเฉินเป็น Stroke ขึ้นมา คุณรู้หรือยังว่าควรต้องพาท่านเข้ารพ.ไหนดี ที่มีเครื่องมือครบและมีหมอสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง ?

ผู้เชี่ยวชาญแนะการสร้างภูมิคุ้มกันจากอาหาร... สำคัญมากการเลือกทานอาหารส่งผลโดยตรงกับภูมิคุ้มกันในร่างกาย ‼️ผู้เชี่ยวชาญท...
26/04/2021

ผู้เชี่ยวชาญแนะการสร้างภูมิคุ้มกันจากอาหาร... สำคัญมาก

การเลือกทานอาหารส่งผลโดยตรงกับภูมิคุ้มกันในร่างกาย ‼️
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหาร เหล่าแพทย์ชื่อดังจากทั่วโลก หรือแม้แต่กูรูทางด้านโภชนาการต่างๆจะแนะนำเสมอว่า ควรเลือกทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่จะแข็งแรงได้อย่างไร และแข็งแรงจากจุดใดบ้าง เป็นคำถามที่หลายๆท่านค้นหาคำตอบ ซึ่งหัวข้อที่เราจะพูดถึงในวันนี้คือระบบภูมิคุ้มกันที่เราจะต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงและมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

หลายๆ ท่านคงทราบดีกันอยู่แล้วว่าการทานอาหารมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา แต่จะมีผลไปในทางด้านที่ดีหรือไม่ดี และมีผลกระทบกับระบบภูมิคุ้มกันของเรามากน้อยเพียงใด วันนี้เรารวบรวมข้อมูลจากต่างประเทศมาให้ได้ศึกษากันค่ะ

การทานอาหารเพื่อให้มีผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน จะทำงานคล้ายๆกับการทานอาหารเพื่อดูแลระบบสุขภาพอื่นๆ รูปแบบการบริโภคอาหารหรืออาหารแต่ละชนิดมีความเชื่อมโยงและอาจจะทำให้ โรคต่างๆ อาการแพ้ และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องและมีความเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิม เช่น การทานหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง การบริโภคอาหารจำพวก น้ำตาล เกลือที่มีการแต่งเติมสูง หรืออาหารที่มีแคลอรี่สูงมาก จะทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารมีความเสี่ยงในการอักเสบและอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยเรื้อรังที่จะตามมาได้อย่างง่ายดาย หรือแม้แต่การทานอาหารน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ เช่น วิตามินดี , สังกะสี และวิตามินซี ก็นำมาสู่การเจ็บป่วยที่ไม่คาดคิดในภายหลังได้

กล่าวง่ายๆ คือ เราทานอาหารที่เป็นจำพวกไขมันอิ่มตัวสูง หรือมีสารเจือปนมากๆ ไม่ดีต่อร่างกาย จะก่อให้เกิดการอักเสบ ทำลายจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เป็นเหตุของการยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่เป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง แต่หากเราทานอาหารที่มีประโยชนและก่อให้เกิดจุลินทรีย์ดีในปริมาณมาก สิ่งเหล่านี้ก็จะมีบทบาทสำคัญที่จะไปพัฒนาระบบการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดีมากขึ้น

การทานอาหารเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยการเพิ่มสารอาหารที่ลดการอักเสบของลำไส้ และเป็นประโยชน์ต่อแบคทีเรียในลำไส้ ได้แก่
-ผัก ผลไม้ Super foods ที่อุดมไปด้วยหลากหลายวิตามินสารอาหาร
-อาหารจำพวกถั่วต่างๆ และธัญพืช
- น้ำมันมะกอก แหล่งรวมสุดยอดสารอาหารที่ดีต่อแบคทีเรียในลำไส้ เป็นต้น

ที่สำคัญคืออาหารเหล่านี้นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วย "ลดความเครียด" "ช่วยให้การทำงานของระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติมากขึ้น" นำไปสู่การทำงานของภูมิคุ้มกันที่ดีต่อสุขภาพในขั้นสุด

นอกจากนี้การปฎิบัติตัวให้มีสุขภาพดีอยู่สม่ำเสมอ เช่นการเพิาช่มการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพอื่นๆด้วย จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มและเสริมเกราะป้องกันด้วยภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของโรคต่างๆที่จะเกิดตามมาอีกด้วย

เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรามาเสริมภูมิคุ้มกันด้วยตัวเองที่เริ่มต้นจากการทานอาหารที่ดีแบบง่ายๆ ใครมีสูตรเพิ่มเกราะให้ร่างกายแบบครบสูตร นำมาแชร์ให้ทราบ เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะคะ ❤️

5 คู่มือปฏิบัติที่แพทย์ทั่วโลกแนะ ใช้ชีวิตให้ห่างไกล Covid-19 ‼ในสถานการณ์ที่ Covid-19 กำลังกลับมาระบาดครั้งใหญ่ เราจะต้...
21/04/2021

5 คู่มือปฏิบัติที่แพทย์ทั่วโลกแนะ ใช้ชีวิตให้ห่างไกล Covid-19 ‼
ในสถานการณ์ที่ Covid-19 กำลังกลับมาระบาดครั้งใหญ่ เราจะต้องเรียนรู้การรับมือกันอย่างจริงจังมากขึ้น สิ่งที่ทีมแพทย์ทั่วโลกจะช่วยแนะนำได้ คือการให้ทุกคนดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 😷😷

✅ ล้างมือสะอาด ห่างไกลผู้ไอ-จามลดโอกาสติดโควิด-19
ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ ย้ำว่า การล้างมือให้สะอาด อยู่ห่างไกลผู้ที่ไอและจาม และให้บุตรหลานอยู่บ้านหากล้มป่วย จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งไข้หวัดใหญ่ได้ อย่าลืมกฏ 20 วินาทีในการล้างมือให้สะอาดทุกซอกทุกมุม และเช็ดมือด้วยผ้าหรือทิชชูที่แห้งสะอาด แต่ถ้าเข้าถึงน้ำและสบู่ไม่ได้ ให้เลือกใช้น้ำยาล้างมือ ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้นอย่างน้อย 60%

✅ รับมืออย่างไรถ้ามีการไอ-จาม⁉️
ถ้าเป็นคนไอ-จาม ควรใช้ช่วงข้อพับข้อศอกป้องจมูกและปาก เพื่อป้องกันละอองน้ำมูกแพร่กระจาย โดยทาง WHO ยอมรับว่า การไอแต่ละครั้งจะพ่นละอองออกมาได้ไกลถึง 6 เมตร ส่วนการจามไปได้ไกลถึง 8 เมตร และเมื่อไวรัสกระจายอยู่ในอากาศ มันสามารถอยู่ได้นานหลายชั่วโมงายในละอองน้ำมูก หรือบนพื้นผิวที่มันสัมผัส

แต่ถ้าดวงดีมีคนมาไอ-จามใกล้ๆ ดร. แอนน์ ชูแชด (Dr. Ann Schuchat) จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC บอกว่า ละอองน้ำมูกสามารถแพร่กระจายผ่านอากาศได้ ขณะที่ทางองค์การอนามัยโลก หรือ WHO แนะว่าควรจะห่างจากคนรอบข้างอย่างน้อย 3 เมตร เพื่อที่จะไม่ต้องสูดละอองน้ำมูกจากการจามใครโดยไม่จำเป็น ถ้าเป็นไปได้และไม่ดูประหลาดไป ถ้าเห็นใครไอ ให้หันศีรษะหรือหันทั้งตัวหลบไปจากคนๆนั้น พร้อมทั้งอาจจะใช้ผ้าเช็คหน้าหรือทิชชูป้องปากและจมูกตัวเองไว้ด้วยก็ได้

✅ ถ้าครอบครัวป่วยทำอย่างไร⁉️
ให้สังเกตอาการสำคัญ ถ้าเริ่มไอ มีไข้ หรือหายใจติดขัด ควรปรึกษาแพทย์ทันที และให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องที่เตรียมไว้ให้แยกกับสมาชิกในครอบครัว CDC ระบุว่าส่วนใหญ่แล้วคนไข้สามารถฟื้นตัวได้ที่บ้าน แต่ระหว่างนี้ผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อให้คนในบ้าน

✅ ทักทายอย่างไรให้ห่างไกลโควิด-19⁉️
ดร.ซิลวี ไบรอันด์ ผู้อำนวยการฝ่ายการระบาดใหญ่ องค์การอนามัยโลก แนะ 4 วิธีทักทายให้ห่างไกลโรค ได้แก่ การใช้ข้อศอกแตะกัน หรือ bumping elbows, การโบกมือทักทาย, การโค้งคำนับ และการไหว้แบบไทย ส่วนเมื่อวันอังคารผู้ว่าการรัฐเนบราสกา พีท ริกเกตส์ โพสต์วิดีโอของเขาบนทวิตเตอร์ทักทายด้วยการให้ข้อศอกแตะกันนำเทรนด์ ส่วนที่อิหร่านและเลบานอน มีกระแสการทักทายแบบใช้เท้าแตะกันเพื่อทักทาย ซึ่งเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาท วิลเลียม แฮนสัน เปิดเผยกับ CNN ว่าถ้าเลือกได้ควรทักทายแบบให้มือผายออกมาแทนที่จะคว่ำมือ และควรสบตาคู่สนทนาเพื่อแสดงความจริงใจและใส่ใจ ในช่วงที่การสัมผัสกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

✅ถ้าเกิดการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสใกล้ถึงชุมชนที่อยู่ จะทำอย่างไร⁉️
CDC แนะว่า เตรียมการในบ้านตัวเองไว้ก่อน อย่างการเลือกห้องสำหรับกักตัวผู้ติดเชื้อจากสมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัว และถ้ามีใครรู้สึกไม่สบาย พยายามแยกตัวเองออกจากคนในครอบครัวให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ การเตรียมอาหารพร้อมทานไม่เสียง่าย อุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำ ยาและเวชภัณฑ์ พวกยาแก้หวัดลดไข้ และหลีกเลี่ยงการไปยังพื้นที่คนพลุกพล่านหากไม่จำเป็น

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
🔰🔰🔰 วิธีป้องกัน (Covid-19) เบื่องต้น 👇👇👇
เบื้องต้นทุกคนสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ดังนี้
✔️ เลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
✔️ เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นที่เป็นรังโรค และเมืองอื่น ๆ ในประเทศจีนที่มีการระบาด
✔️ ระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่
✔️ ควรล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที
✔️ งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
✔️ เลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน
✔️ ทานอาหารสุก สะอาด ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก
✔️ ควรดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
✔️ หลังจากกลับจากต่างประเทศภายใน 14 วัน หากมีอาการป่วยควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และแจ้งรายละเอียดว่าเราเคยไปต่างประเทศมาแม้ว่าประเทศนั้นจะไม่มีการติดเชื้อก็ตาม
✔️ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยตรง ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันเชื้อในละอองฝอยจากเสมหะหรือสารคัดหลั่งเข้าตา

🔰🔰 มีวิธีป้องกันอื่นๆอีกหรือไม่⁉️⁉️
🔵 อย่าเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง
🔵 หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะร่วมกับใคร
🔵 ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
🔵 ทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ, สวิตช์ไฟ, ลูกบิดประตูด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
🔵 สร้างภูมิต้านทานด้วยการออกกำลังกาย กินผักผลไม้ พักผ่อนเพียงพอ ไม่เครียด

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
🍀🍀 สุดท้ายนี้ทางเราขอแนะนำว่า “อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป” และอย่าลืมติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนจะเชื่อในทันที นะคะ🥰
🔰🔰 เรามาทำตามคำแนะนำของเเพทย์กันนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงเเละป้องกันให้ห่างจาก โควิด-19 ในการใช้ชีวิตที่ดีและปลอดภัยห่างโรค ขอให้ทุกท่านดูเเลสุขภาพ ทานอาหาร ออกกำลังกาย ผักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ กันค่ะ😊😊
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

ที่อยู่

Bangkok
10150

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ FWD ประกันสุขภาพ สร้างมรดกให้คนที่คุณรัก ด้วยทุนประกันสูงที่สุดผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง FWD ประกันสุขภาพ สร้างมรดกให้คนที่คุณรัก ด้วยทุนประกันสูงที่สุด:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

เราไม่ใช้วัตถุเจือปนอาหารทุกชนิด!!

ผักนาโน 100% ไม่มีสารปรุงแต่ง หนึ่งเดียวที่ไม่ใส่แม้วัตถุเจือปนอาหารทุกชนิด!! สินค้าคุณภาพจากนวัตกรรมการผลิตนาโน ดีไฮเดรชั่น ไม่ผ่านความร้อนสูง จึงเป็นที่มาของผงผักสกัดคงคุณค่าสูงสุด ร่วมพัฒนาและสนับสนุนข้อมูลโดยกรมวิชาการเกษตร และนักวิชาการไทยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ