26/07/2021
WORLD:
" อินเดียยืนยัน "
“วัคซีนเชื้อตาย” และ
AstraZeneca
“กันตาย” ได้เกือบ 100%
และได้ผลในการสู้กับโควิดจริง
เมื่อราวเดือนเมษายนและพฤษภาคม
ปี 2021 อินเดียคือ “นรก”
หลายคนคงจดจำภาพหายนะโควิด
ในอินเดียช่วงนั้นได้
ภาพที่คนต้องแชร์ออกซิเจนกัน
และคนล้มตายมหาศาลจนเผาไม่ทัน
ซึ่งไม่แปลก
เพราะช่วงนั้นราวกลางพฤษภาคม
2021 อินเดียตรวจพบ
ผู้ติดเชื้อวันละ 400,000 คน
และมีคนตายราว 5,000 คนต่อวัน
แต่หลังจากนั้น เราก็แทบไม่ได้ยิน
เรื่องจากอินเดียอีกเลย
จะได้ยินก็แต่เชื้อ “สายพันธุ์อินเดีย”
ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเชื้อ
“สายพันธุ์เดลต้า”
แต่ความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ
เชื้อสายพันธุ์นี้นี่แหละที่ผลักดัน
อินเดียไปสู่หายนะ
ก่อนจะระบาดไปทั่วโลก
ซึ่งพอเชื้อระบาดทั่วโลก
สิ่งที่พบแทบจะพร้อมกันก็คือ
หลายประเทศที่ฉีดวัคซีนไปมากแล้ว
สามารถรับมือกับเชื้อสายพันธุ์นี้
ได้ต่างกัน
โดยบรรดาประเทศที่ฉีดวัคซีน
mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna
จะรับมือได้ดีกว่าประเทศที่ฉีด
“วัคซีนเชื้อตายจากจีน”
อย่าง Sinovac หรือ Sinopharm
อย่างเห็นได้ชัด
และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ
ประเทศรวมถึงบ้านเราถึงมองว่าการ
ฉีดวัคซีน mRNA อาจเป็นทางออก
ของวิกฤตนี้
แต่ข้อมูลจากอินเดียดูจะพิสูจน์ว่า
ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น…
อินเดียสู้เดลต้าได้แม้ไร้ mRNA
ทุกวันนี้ ณ กลางเดือนกรกฎาคม
2021 อินเดียมียอดผู้ป่วยต่อวัน
ลดลงแค่ราวๆ วันละ 40,000 กว่าคน
ยอดผู้ตายเหลือแค่ราววันละ 500 คน
และลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ
ที่โควิดที่ระบาดอยู่ในอินเดียหลักๆ
คือโควิดสายพันธุ์เดลต้า
(จริงๆ ไวรัสพัฒนาไปเป็นเดลต้าพลัส
และคัปป้าแล้วในอินเดีย
แต่ไม่ขอเล่าลงรายละเอียดในที่นี้)
และอินเดียไม่มีการฉีดวัคซีน mRNA
แม้แต่เข็มเดียว!
ถามว่าแล้ว “อินเดียฉีดอะไร?”
อธิบายง่ายๆ เร็วๆ คือ
อินเดียฉีดวัคซีน AstraZeneca
เวอร์ชันที่ผลิตในอินเดียที่เรียกว่า
‘Covishield’ ประมาณ 50%
ของเข็มที่ฉีดทั้งหมด
ฉีดวัคซีนเชื้อตายของอินเดีย
เองที่เรียกว่า ‘Covaxin’
ประมาณ 40% ของเข็มทั้งหมด
และฉีด ‘Sputnik V’ ของรัสเซีย
ประมาณ 10% ของเข็มทั้งหมด
ซึ่งโดยรวม ทั้ง AstraZeneca
และ Sputnik V คือเทคโนโลยี
ไวรัลเวกเตอร์เหมือนกัน
ดังนั้นถ้าจะสรุป
วัคซีนที่ฉีดในอินเดียคือ
วัคซีนไวรัลเวกเตอร์ 60%
และวัคซีนเชื้อตาย 40%
ไม่มีการฉีด mRNA ใดๆ
ในอินเดีย แต่ตัวเลขออกมาเห็นๆ
ว่าควบคุมสถานการณ์
โควิดสายพันธุ์เดลต้าได้
ทำไมเป็นแบบนี้!?
AstraZeneca สู้เชื้อได้
ป้องกันป่วยหนักและตาย
คำตอบคือ ผลวิจัยหลายๆ
ชิ้นที่ว่า AstraZeneca
ดูจะด้อยกว่า Pfizer
นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะตั้งแต่แรก
AstraZeneca
ก็วางตัวเองเป็น
“วัคซีนราคาถูกของ
ประเทศกำลังพัฒนา” อยู่แล้ว
คือประสิทธิภาพไม่ได้ดีกว่า
แต่ดีระดับใช้ได้ ราคาถูกกว่า
และเก็บรักษาง่ายกว่า
ซึ่งพอมีโควิดสายพันธุ์เดลต้ามา
“ประสิทธิภาพในการป้องกัน
การติดเชื้อ” ของวัคซีนทุกตัว
ลดลง อันนี้ไม่ต้องเถียง
แต่คำถามที่ตามมาคือ
ประสิทธิภาพในการป้องกัน
ป่วยหนักและตายล่ะ?
ผลวิจัยในอินเดียกับ
ตำรวจ 100,000 กว่าคนที่ได้ฉีด
วัคซีนพบว่า
ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนยี่ห้อไหน
ที่มีในอินเดีย
จะทำให้โอกาสตายจากโควิดลดลง
จริงๆ คือภูมิคุ้มกันขึ้น
อาจไม่ขึ้นพอที่จะทำให้ไม่ติดเชื้อ
แต่ทำให้ร่างกายสู้กับเชื้อได้
และไม่ตาย ไปจนถึงไม่ป่วยหนัก
ผลวิจัยดูจะสอดคล้องกับตัวเลข
ของผู้ป่วยและผู้ตายที่ลดลงแบบ
เห็นๆ และมันน่าจะไม่มีคำอธิบาย
อื่นที่ดีไปกว่า “วัคซีนได้ผลจริง”
ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตายของ
อินเดีย หรือ AstraZeneca
ผลยืนยันจากอังกฤษว่า
AstraZeneca ได้ผลจริง
ถ้าเรามาดูข้อมูลของประเทศที่ฉีด
AstraZeneca เยอะที่สุดในโลก
อย่างอังกฤษ
(น่าจะเกิน 70-80% ของวัคซีน
ที่ฉีดในอังกฤษ)
ก็จะพบแพตเทิร์นเดียวกันเป๊ะ
คือตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงๆ
ไม่ใช่น้อย แต่ตัวเลขผู้ป่วยหนัก
จนต้องเข้าโรงพยาบาล และผู้ตาย
นั้นน้อยมาก
(ปัจจุบันอังกฤษตรวจเจอวันละ
ประมาณ 50,000 เคส
แต่ตัวเลขผู้ตายแค่หลักสิบ
น้อยกว่าไทยเกินครึ่งหนึ่ง)
และสถานการณ์รวมๆ ชิลล์มาก
ระดับอังกฤษทำการปลดล็อกดาวน์
โดยสมบูรณ์แล้ว
ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2021
ที่ผ่านมา และให้ยุติการใส่หน้ากาก
ด้วยซ้ำ
ดังนั้น ทั้งเคสอังกฤษและอินเดีย
ดูจะยืนยันตรงกันว่า
เราอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้
วัคซีน mRNA ขนาดนั้นในการ
“สู้โควิด”
เพราะจริงๆ AstraZeneca ก็เอาอยู่
แต่ปัญหาจริงๆ
คือเวลานี้หลายประเทศไม่มี
AstraZeneca จะฉีดกัน
เพราะประเทศผู้ผลิตหลักอย่าง
อินเดียก็กั๊กไว้ฉีดในประเทศ
ทำให้ “ขาดส่ง”
ส่วนพวกโรงงานในยุโรปก็โดน
อังกฤษแย่งไปหมด
(นี่เลยทำให้อังกฤษเป็นชาติ
ยุโรปที่คนฉีดวัคซีนไปแล้ว
น่าจะเยอะที่สุด – อย่างน้อยๆ
ก็สำหรับประเทศที่มี
ขนาดประชากรเกิน 50 ล้านคน)
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
ซัพพลายเชนระดับโลกที่
กระทบมาถึง
โรงงาน AstraZeneca ในไทย
ดังนั้น ประเด็นคือ เคสทั้ง
ในอินเดียและอังกฤษพิสูจน์พอควร
ว่า AstraZeneca เป็น “ของดี”
ที่ใช้ได้จริงแน่ๆ กับสายพันธุ์เดลต้า
และไม่ว่าจะชอบหรือไม่
ในเชิงประสิทธิภาพก็น่าจะเป็น
“วัคซีนหลักของชาติ” ได้
อย่างน้อยๆ ก็สำหรับไวรัสเวอร์ชันปัจจุบัน
(ถ้าเชื้ออัปเดตอีกก็ต้องดู
ข้อมูลแล้วว่ากันใหม่)
แต่ก็แน่นอน
ปัญหาที่ต้องจี้กันต่อไปก็คือเหล่า
ผู้มีอำนาจนั้นดีลวัคซีนกัน
ประสาอะไรให้ส่งไม่ทัน
และต้องสั่ง Sinovac
มาขัดตาทัพเรื่อยๆ แบบนี้
อ้างอิง: The Hindustan Times. 2 vaccine doses gave 95% protection from death against Covid-19's Delta variant: Centre. https://bit.ly/3hTZjYh
Mint. Covid vaccination coverage reaches 40.44 cr in India; 46 lakh doses given today. https://bit.ly/3hTZjYh
Worldometer. India. https://bit.ly/3iyiXZ2
BBC. India vaccination: Six months on, India's vaccine drive is lagging. https://bbc.in/2UAQbie
#พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า