สุขภาพดี ไม่มีไวรัส

สุขภาพดี ไม่มีไวรัส เสริมภูมิต้านทานด้วย คิวเซเว่น คอม?

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
28/07/2021

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ

🇹🇭 ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 📆
วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2564
รวม 16,533 ราย จำแนกเป็น
ติดเชื้อใหม่ 16,331 ราย
ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 202 ราย
ผู้ป่วยสะสม 514,498 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
หายป่วยกลับบ้าน 10,051 ราย
หายป่วยสะสม 333,268 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
เสียชีวิต 133 ราย
#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19
#ศูนย์ข้อมูลCOVID19
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ #ไทยรู้สู้โควิด

27/07/2021

UPDATE: คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติส่งหนังสือแนวทางฉีดวัคซีนสลับชนิดถึงผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ กลุ่มเสี่ยงจังหวัดสีแดงเข้มรับ AstraZeneca 2 เข็ม
วันนี้ (27 กรกฎาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สธ 0410.7/ว 822 เรื่อง แจ้งแนวทางการฉีดวัคซีนโควิดที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีรายละเอียดระบุว่า
ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิดในปัจจุบันที่ยังคงระบาดต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยมีโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยส่วนหนึ่งต้องสูญเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ที่เมื่อป่วยด้วยโรคโควิดจะมีความรุนแรงของโรค และมีโอกาสเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตเพิ่มขึ้น มีอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่าคนปกติ เพื่อบริบาลระบบสาธารณสุขของประเทศไทย และเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนโควิดทุกชนิดที่มีให้บริการในประเทศไทยขณะนี้
ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 มีมติให้ฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นในบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นเข็มที่ 3 และการให้วัคซีนโควิดแบบสลับชนิด ประกอบกับในการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 มีมติเห็นชอบให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติมที่ควรได้รับวัคซีนโควิดเพิ่มเติม และจากการประชุมกระทรวงสาธารณสุขของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ครั้งที่ 273 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 และข้อสั่งการ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ให้จัดระบบการฉีดวัคซีนสลับชนิดในประชากรกลุ่มเสี่ยงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยฉีดวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 กรณีจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดในระดับควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้พิจารณาฉีดวัคซีน AstraZeneca ครบทั้ง 2 เข็ม
กรมควบคุมโรค ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงขอสรุปสาระสำคัญจากมติการประชุม และข้อสั่งการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการฉีดวัคซีนโควิดแก่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ดังนี้
1. วัคซีนที่จัดสรรในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 ขอให้เร่งรัดในกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย
ประเภทที่ 1 กลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
ประเภทที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด โดยได้รับวัคซีน Sinovac ไปแล้ว 2 เข็ม อย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป และต้องการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ประเภทที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ฉีดวัคชีน Sinovac เข็มที่ 1 และครบกำหนดนัดรับวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 2
2. การจัดบริการฉีดวัคซีนโควิดสำหรับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ให้ฉีดวัคซีนเมื่อมีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ณ คลินิกรับฝากครรภ์ของสถานพยาบาล (ANC) หรือจุดให้บริการวัคซีนปกติ (หากมีความจำเป็น) ซึ่งสามารถรับวัคซีนโควิดทุกชนิดที่มีให้บริการในประเทศไทยขณะนี้
3. การให้วัคซีนโควิดสลับชนิดในพื้นที่ ขอให้ถือแนวทาง ดังนี้
3.1 สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 10/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564) 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส แบ่งเป็น
3.1.1 กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 12 สัปดาห์ ทั้งนี้ สามารถฉีดวัคซีนด้วยชนิดหรือวิธีอื่นใดตามดุลยพินิจของแพทย์ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนและปริมาณที่มี
3.1.2 กลุ่มเป้าหมายอื่น อาจให้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม หรือให้รับวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนและปริมาณที่มี
3.2 สำหรับจังหวัดอื่นนอกเหนือจากข้อ 3.1 ให้ทุกกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 โดยให้ฉีดห่างกัน 3-4 สัปดาห์
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#โควิด19 #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19

สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 #โควิด19    #สถานการณ์โควิด19
27/07/2021

สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย
วันที่ 27 กรกฎาคม 2564

#โควิด19 #สถานการณ์โควิด19

วันนี้ยอดก็ยังคงพุ่งนะครับดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
26/07/2021

วันนี้ยอดก็ยังคงพุ่งนะครับ
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ

WORLD:               " อินเดียยืนยัน " “วัคซีนเชื้อตาย” และ                    AstraZeneca “กันตาย” ได้เกือบ 100%และได้ผ...
26/07/2021

WORLD:

" อินเดียยืนยัน "

“วัคซีนเชื้อตาย” และ

AstraZeneca

“กันตาย” ได้เกือบ 100%

และได้ผลในการสู้กับโควิดจริง
เมื่อราวเดือนเมษายนและพฤษภาคม

ปี 2021 อินเดียคือ “นรก”
หลายคนคงจดจำภาพหายนะโควิด

ในอินเดียช่วงนั้นได้

ภาพที่คนต้องแชร์ออกซิเจนกัน

และคนล้มตายมหาศาลจนเผาไม่ทัน

ซึ่งไม่แปลก

เพราะช่วงนั้นราวกลางพฤษภาคม

2021 อินเดียตรวจพบ

ผู้ติดเชื้อวันละ 400,000 คน

และมีคนตายราว 5,000 คนต่อวัน
แต่หลังจากนั้น เราก็แทบไม่ได้ยิน

เรื่องจากอินเดียอีกเลย

จะได้ยินก็แต่เชื้อ “สายพันธุ์อินเดีย”

ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเชื้อ

“สายพันธุ์เดลต้า”
แต่ความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ

เชื้อสายพันธุ์นี้นี่แหละที่ผลักดัน

อินเดียไปสู่หายนะ

ก่อนจะระบาดไปทั่วโลก
ซึ่งพอเชื้อระบาดทั่วโลก

สิ่งที่พบแทบจะพร้อมกันก็คือ

หลายประเทศที่ฉีดวัคซีนไปมากแล้ว

สามารถรับมือกับเชื้อสายพันธุ์นี้

ได้ต่างกัน
โดยบรรดาประเทศที่ฉีดวัคซีน

mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna

จะรับมือได้ดีกว่าประเทศที่ฉีด

“วัคซีนเชื้อตายจากจีน”

อย่าง Sinovac หรือ Sinopharm

อย่างเห็นได้ชัด
และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ

ประเทศรวมถึงบ้านเราถึงมองว่าการ

ฉีดวัคซีน mRNA อาจเป็นทางออก

ของวิกฤตนี้
แต่ข้อมูลจากอินเดียดูจะพิสูจน์ว่า

ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น…
อินเดียสู้เดลต้าได้แม้ไร้ mRNA
ทุกวันนี้ ณ กลางเดือนกรกฎาคม


2021 อินเดียมียอดผู้ป่วยต่อวัน

ลดลงแค่ราวๆ วันละ 40,000 กว่าคน

ยอดผู้ตายเหลือแค่ราววันละ 500 คน

และลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ

ที่โควิดที่ระบาดอยู่ในอินเดียหลักๆ

คือโควิดสายพันธุ์เดลต้า

(จริงๆ ไวรัสพัฒนาไปเป็นเดลต้าพลัส

และคัปป้าแล้วในอินเดีย

แต่ไม่ขอเล่าลงรายละเอียดในที่นี้)
และอินเดียไม่มีการฉีดวัคซีน mRNA

แม้แต่เข็มเดียว!
ถามว่าแล้ว “อินเดียฉีดอะไร?”
อธิบายง่ายๆ เร็วๆ คือ

อินเดียฉีดวัคซีน AstraZeneca

เวอร์ชันที่ผลิตในอินเดียที่เรียกว่า

‘Covishield’ ประมาณ 50%

ของเข็มที่ฉีดทั้งหมด

ฉีดวัคซีนเชื้อตายของอินเดีย

เองที่เรียกว่า ‘Covaxin’

ประมาณ 40% ของเข็มทั้งหมด
และฉีด ‘Sputnik V’ ของรัสเซีย

ประมาณ 10% ของเข็มทั้งหมด

ซึ่งโดยรวม ทั้ง AstraZeneca

และ Sputnik V คือเทคโนโลยี

ไวรัลเวกเตอร์เหมือนกัน

ดังนั้นถ้าจะสรุป

วัคซีนที่ฉีดในอินเดียคือ

วัคซีนไวรัลเวกเตอร์ 60%

และวัคซีนเชื้อตาย 40%

ไม่มีการฉีด mRNA ใดๆ

ในอินเดีย แต่ตัวเลขออกมาเห็นๆ

ว่าควบคุมสถานการณ์

โควิดสายพันธุ์เดลต้าได้
ทำไมเป็นแบบนี้!?

AstraZeneca สู้เชื้อได้

ป้องกันป่วยหนักและตาย

คำตอบคือ ผลวิจัยหลายๆ

ชิ้นที่ว่า AstraZeneca

ดูจะด้อยกว่า Pfizer

นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะตั้งแต่แรก

AstraZeneca

ก็วางตัวเองเป็น

“วัคซีนราคาถูกของ

ประเทศกำลังพัฒนา” อยู่แล้ว

คือประสิทธิภาพไม่ได้ดีกว่า

แต่ดีระดับใช้ได้ ราคาถูกกว่า

และเก็บรักษาง่ายกว่า
ซึ่งพอมีโควิดสายพันธุ์เดลต้ามา

“ประสิทธิภาพในการป้องกัน

การติดเชื้อ” ของวัคซีนทุกตัว

ลดลง อันนี้ไม่ต้องเถียง

แต่คำถามที่ตามมาคือ

ประสิทธิภาพในการป้องกัน

ป่วยหนักและตายล่ะ?
ผลวิจัยในอินเดียกับ

ตำรวจ 100,000 กว่าคนที่ได้ฉีด

วัคซีนพบว่า

ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนยี่ห้อไหน

ที่มีในอินเดีย

จะทำให้โอกาสตายจากโควิดลดลง

จริงๆ คือภูมิคุ้มกันขึ้น

อาจไม่ขึ้นพอที่จะทำให้ไม่ติดเชื้อ

แต่ทำให้ร่างกายสู้กับเชื้อได้

และไม่ตาย ไปจนถึงไม่ป่วยหนัก
ผลวิจัยดูจะสอดคล้องกับตัวเลข

ของผู้ป่วยและผู้ตายที่ลดลงแบบ

เห็นๆ และมันน่าจะไม่มีคำอธิบาย

อื่นที่ดีไปกว่า “วัคซีนได้ผลจริง”

ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตายของ

อินเดีย หรือ AstraZeneca
ผลยืนยันจากอังกฤษว่า

AstraZeneca ได้ผลจริง
ถ้าเรามาดูข้อมูลของประเทศที่ฉีด

AstraZeneca เยอะที่สุดในโลก

อย่างอังกฤษ

(น่าจะเกิน 70-80% ของวัคซีน

ที่ฉีดในอังกฤษ)

ก็จะพบแพตเทิร์นเดียวกันเป๊ะ
คือตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงๆ

ไม่ใช่น้อย แต่ตัวเลขผู้ป่วยหนัก

จนต้องเข้าโรงพยาบาล และผู้ตาย

นั้นน้อยมาก

(ปัจจุบันอังกฤษตรวจเจอวันละ

ประมาณ 50,000 เคส

แต่ตัวเลขผู้ตายแค่หลักสิบ

น้อยกว่าไทยเกินครึ่งหนึ่ง)
และสถานการณ์รวมๆ ชิลล์มาก

ระดับอังกฤษทำการปลดล็อกดาวน์

โดยสมบูรณ์แล้ว

ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2021

ที่ผ่านมา และให้ยุติการใส่หน้ากาก

ด้วยซ้ำ
ดังนั้น ทั้งเคสอังกฤษและอินเดีย

ดูจะยืนยันตรงกันว่า

เราอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้

วัคซีน mRNA ขนาดนั้นในการ

“สู้โควิด”

เพราะจริงๆ AstraZeneca ก็เอาอยู่
แต่ปัญหาจริงๆ

คือเวลานี้หลายประเทศไม่มี

AstraZeneca จะฉีดกัน

เพราะประเทศผู้ผลิตหลักอย่าง

อินเดียก็กั๊กไว้ฉีดในประเทศ

ทำให้ “ขาดส่ง”

ส่วนพวกโรงงานในยุโรปก็โดน

อังกฤษแย่งไปหมด

(นี่เลยทำให้อังกฤษเป็นชาติ

ยุโรปที่คนฉีดวัคซีนไปแล้ว

น่าจะเยอะที่สุด – อย่างน้อยๆ

ก็สำหรับประเทศที่มี

ขนาดประชากรเกิน 50 ล้านคน)

และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา

ซัพพลายเชนระดับโลกที่

กระทบมาถึง

โรงงาน AstraZeneca ในไทย
ดังนั้น ประเด็นคือ เคสทั้ง

ในอินเดียและอังกฤษพิสูจน์พอควร

ว่า AstraZeneca เป็น “ของดี”

ที่ใช้ได้จริงแน่ๆ กับสายพันธุ์เดลต้า
และไม่ว่าจะชอบหรือไม่

ในเชิงประสิทธิภาพก็น่าจะเป็น

“วัคซีนหลักของชาติ” ได้

อย่างน้อยๆ ก็สำหรับไวรัสเวอร์ชันปัจจุบัน

(ถ้าเชื้ออัปเดตอีกก็ต้องดู

ข้อมูลแล้วว่ากันใหม่)
แต่ก็แน่นอน

ปัญหาที่ต้องจี้กันต่อไปก็คือเหล่า

ผู้มีอำนาจนั้นดีลวัคซีนกัน

ประสาอะไรให้ส่งไม่ทัน

และต้องสั่ง Sinovac

มาขัดตาทัพเรื่อยๆ แบบนี้

อ้างอิง: The Hindustan Times. 2 vaccine doses gave 95% protection from death against Covid-19's Delta variant: Centre. https://bit.ly/3hTZjYh
Mint. Covid vaccination coverage reaches 40.44 cr in India; 46 lakh doses given today. https://bit.ly/3hTZjYh
Worldometer. India. https://bit.ly/3iyiXZ2
BBC. India vaccination: Six months on, India's vaccine drive is lagging. https://bbc.in/2UAQbie


#พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

"ทรงพระเจริญ"เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕...
03/06/2020

"ทรงพระเจริญ"
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ฟู้ด แมทริกซ์ โกลบอล จำกัด

โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด ,ไข้หวัดใหญ่ , โรคไข้เลือดออกมักแพร่ระบาดในฤดูฝน ป้องกันได้ด้วย1)ทานอาหารที่มีประโย...
03/06/2020

โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด ,ไข้หวัดใหญ่ , โรคไข้เลือดออก
มักแพร่ระบาดในฤดูฝน

ป้องกันได้ด้วย
1)ทานอาหารที่มีประโยชน์
2)พักผ่อนให้เพียงพอ
3)ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และ 4)ทาน โภชนเภสัช Q7 ทุกวัน เสริมภูมิคุ้มกันไวรัส
และเพิ่มจำนวน เซลล์เพชฌฆาต NK Cell

ไม่ได้ขู่! แพทย์เตือนโควิด-19 ระบาดรอบ 2 แน่ แนะรัฐอย่าผ่อนคลายเร็ว อย่าปกปิดความจริงดูเต็มๆได้ที่https://ch3thailandnew...
29/05/2020

ไม่ได้ขู่! แพทย์เตือนโควิด-19 ระบาดรอบ 2 แน่ แนะรัฐอย่าผ่อนคลายเร็ว อย่าปกปิดความจริง
ดูเต็มๆได้ที่
https://ch3thailandnews.bectero.com/news/190608
#ข่าวช่อง3 #เที่ยงวันทันเหตุการณ์

  Normal
27/05/2020

Normal

องค์การอนามัยโลกเตือนอย่าชะล่าใจไวรัสโควิด-19 อาจกลับมาระบาดรุนแรงในระดับสูงสุดอีกครั้ง ทุกประเทศยังต้อ....

ที่อยู่

Bangkok
10520

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สุขภาพดี ไม่มีไวรัสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram