03/12/2025
✅ “การแมะ” (Pulse Palpation) คืออะไร — เวอร์ชันวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ
Pulse palpation คือการประเมินคุณภาพของคลื่นชีพจร (pulse wave characteristics) โดยใช้นิ้วตรวจที่ radial artery บริเวณข้อมือ ซึ่งแพทย์สามารถอ่านข้อมูลได้มากกว่าแค่ “ชีพจรเร็ว/ช้า” เช่นเดียวกับวิธีตรวจระบบหัวใจและหลอดเลือดในเวชปฏิบัติทั่วไป (cardiovascular physical examination)
การแมะในมุมวิทยาศาสตร์คือการตรวจองค์ประกอบต่อไปนี้:
⸻
🔬 1) Pulse Waveform Analysis (ลักษณะคลื่นชีพจร)
แพทย์ใช้ปลายนิ้วรับรู้คุณสมบัติต่าง ๆ ของคลื่นชีพจร เช่น:
• Rate (จำนวนครั้งต่อนาที)
• Rhythm (สม่ำเสมอหรือไม่ เช่น arrhythmia)
• Amplitude (แรงกระแทกของชีพจร → pulse pressure)
• Contour (รูปทรงของคลื่น เช่น rapid upstroke, slow rising pulse)
• Tension / Vascular tone (การตึงตัวของหลอดเลือด)
สิ่งนี้สอดคล้องกับการประเมินในอายุรศาสตร์ เช่น
• strong pulse → high stroke volume
• weak pulse → low cardiac output, dehydration
• bounding pulse → vasodilation
• thready pulse → peripheral vasoconstriction
⸻
🔬 2) Autonomic Nervous System Activity (สัญญาณจากระบบประสาทอัตโนมัติ)
รูปแบบของชีพจรสามารถสะท้อนการทำงานของ sympathetic vs parasympathetic เช่น
• ชีพจรเร็ว: sympathetic activation (stress, fever, inflammation)
• ชีพจรช้า: parasympathetic dominance (athletes, fatigue, hypothyroid)
• ชีพจรตึง/แข็ง: elevated vascular tone
• ชีพจรอ่อน: poor peripheral perfusion
ตรงนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมหมอถึงจับได้ว่า
“ร่างกายกำลังเครียด ป่วย มีการอักเสบ หรืออ่อนล้า”
⸻
🔬 3) Peripheral Circulation Assessment (ประเมินการไหลเวียนเลือดปลายมือ)
การแมะช่วยตรวจ:
• การไหลเวียนเลือดส่วนปลาย (peripheral perfusion)
• อุณหภูมิผิวหนัง (บ่งภาวะ vasoconstriction/vasodilation)
• ปริมาณเลือดในระบบ (intravascular volume status)
• ความยืดหยุ่นหลอดเลือด (arterial compliance)
จึงสามารถใช้บอกภาวะ:
• dehydration
• anemia
• shock early stage
• stress-induced vasoconstriction
• poor circulation
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูล “วัตถุประสงค์” ที่ตรวจได้จาก radial pulse จริง ๆ
⸻
🔬 4) Three-level Pressure Palpation (การกด 3 ระดับ)
แพทย์ใช้น้ำหนักนิ้ว 3 ระดับ ได้แก่
light pressure – medium pressure – deep pressure
เชิงวิทยาศาสตร์คือ:
• ตื้น (light) → ตรวจความดันชีพจร, vasodilation
• กลาง (medium) → ประเมิน waveform amplitude จริง
• ลึก (deep) → ตรวจ perfusion ลึก, blood volume, vascular tone
การใช้แรงกดต่างระดับทำให้แพทย์อ่านคุณสมบัติหลอดเลือดและระบบไหลเวียนได้ละเอียดขึ้น เหมือนการทำ manual hemodynamic assessment
⸻
🔬 5) Multi-point Pulse Reading (ตรวจหลายตำแหน่งเพื่ออ่านหลายสัญญาณ)
แม้ไม่ใช่ตำแหน่งอวัยวะแบบ TCM แล้ว แต่การตรวจ 2–3 จุดใกล้ radial artery มีความหมายทางกายวิภาคจริง:
ต่างตำแหน่งให้สัญญาณที่ต่างกัน เช่น
• ตื้น/ลึกไม่เท่ากัน
• ความแรงของคลื่นสะท้อนเปลี่ยนตามความสูง–ต่ำของหลอดเลือด
• ประเมิน arterial stiffness ได้ดีขึ้นเมื่ออ่านหลายจุด
จึงเป็นเทคนิคที่แพทย์ใช้เพื่อ “เพิ่มความแม่นยำของการตีความ waveform” เหมือนการอ่านหลาย lead ใน ECG (แต่เป็นแบบสัมผัส)
⸻
⭐ สรุปแบบใช้กับคนไข้ให้ดูโปรและวิทยาศาสตร์
“Pulse palpation คือการอ่านคุณภาพคลื่นชีพจร เช่น ความแรง ความเร็ว ความสม่ำเสมอ ความตึงตัวของหลอดเลือด และการไหลเวียนปลายมือ ข้อมูลเหล่านี้บอกได้ทั้งระบบหัวใจ การไหลเวียนเลือด และสภาวะของร่างกาย เช่น ภาวะเครียด อ่อนล้า หรือการอักเสบ คล้ายกับการทำ hemodynamic assessment โดยใช้ปลายนิ้วของแพทย์แทนเครื่องมือค่ะ”