11/09/2025
เรื่องของ ริดสีดวงทวาร
𝟒 ระยะ ริดสีดวงทวารหนัก 𝐇𝐞𝐦𝐨𝐫𝐫𝐡𝐨𝐢𝐝𝐬
คุณอยู่..ระยะไหน? 🚽🩸
------------------------------
โรคริดสีดวงทวารหนัก เป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดทรมาน ทั้งยังรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่สามารถรักษาให้หายได้หากรู้วิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งริดสีดวงระยะต้นๆ สามารถรักษาและบรรเทาอาการได้ด้วยตนเองและการใช้ยา
อาการริดสีดวงทวารหนักคือ ภาวะหลอดเลือดดำที่ทวารหนักปูด และผนังหลอดเลือดปริแตกในขณะขับถ่ายอุจจาระ จึงทำให้มีเลือด 🩸 ออกเป็นครั้งคราว อาจมีหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้
ชนิดของริดสีดวงทวาร
------------------------------
🚽 1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไป ตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้ และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุดจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน
🚽 2. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็นและคลำได้ หลอดเลือดที่โป่งพองจะถูกคลุมด้วยผิวหนังจึงอาจเกิดความเจ็บปวดได้ เพราะผิวหนังมีปลายประสาทรับความรู้สึก
ริดสีดวงแบบภายในสามารถแบ่งตามระยะความรุนแรงของโรคได้เป็น 4 ระยะ ได้ดังนี้
---> 🩺 ระยะที่ 1 หลอดเลือดที่โป่งพอง ยังเกิดอยู่ภายในทวารหนักและลำไส้ตรง และยังไม่มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมา สามารถรักษาโดยการให้ยา หรือฉีดยาเข้าไปในตำแหน่งที่มีเลือดออกได้
---> 🩺 ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงปลิ้นโผล่ออกมาอยู่ที่ปากทวารหนักในขณะถ่ายอุจจาระ แต่หัวที่โผล่ออกมานี้สามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เองหลังจากขับถ่ายอุจจาระเสร็จ สามารถรักษาโดยใช้วิธียิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมาได้ ซึ่งจะทำให้หัวริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปเอง หรือสามารถรักษาได้ด้วยวิธีการรับประทานยา
---> 🩺 ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงจะไม่สามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนักเองได้หลังจากขับถ่ายอุจจาระเสร็จ แต่ยังสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการรับประทานยาหรือผ่าตัด
---> 🩺 ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงจะกลับเข้าไปภายในทวารหนักไม่ได้ และจะค้างอยู่ที่ปากทวารหนัก ถึงแม้จะใช้นิ้วช่วยดันแล้วก็ตาม ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดมาก หัวริดสีดวงอาจจะเน่าจากการขาดเลือด สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการรับประทานยาหรือผ่าตัด
ริดสีดวงทวาร เกิดจากพฤติกรรม?
-----------------------------------
🔸 อาชีพ ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องยืนนาน ๆ หรือ นั่งนานๆ จะมีผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณปากทวารไหลกลับสู่หลอดเลือดดำในช่องท้องช้าลง โดยทั่วไปหลอดเลือดดำมีลิ้นเพื่อให้เลือดดำไหลกลับได้ทางเดียวแต่เมื่อการไหลของเลือดดำช้าลงประกอบกับมีความดันในช่องท้องสูงจึงเกิดการคั่งของหลอดเลือดดำบริเวณกลุ่มหลอดเลือดปากรูทวารหนักส่งผลให้กลุ่มหลอดเลือดดำโป่งพองจนเกิดอาการของโรค
🔸 เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับแข็งหรือโรคตับอักเสบไวรัสบี ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะสุดท้าย และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมาก ๆ จะส่งผลไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้องเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก
🔸 พฤติกรรมการขับถ่าย เช่น นั่งถ่ายเป็นเวลานานๆ ท้องผูกเป็นประจำ
🔸 หญิงตั้งครรภ์
การดูแลตนเองเมื่อเป็นริดสีดวง
-----------------------------------
🚽 การนั่งแช่ในน้ำอุ่น ♨️ โดยผสมด่างทับทิมลงในน้ำอุ่นให้เป็นสีชมพูจางๆ จากนั้นนั่งในน้ำอุ่นที่ผสมด่างทับทิมเป็นเวลา 15-30 นาที ควรนั่งทั้งตอนก่อนขับถ่ายอุจจาระและหลังขับถ่ายอุจจาระ
🚽 การเหน็บยาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ หรือมียาชา, สเตียรอยด์เป็นส่วนผสม เพื่อรักษาริดสีดวง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ในขั้นตอนการเหน็บยาต้องล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอด้วยสบู่อ่อนๆ และซับให้แห้ง หรือสวมถุงมือยางให้เรียบร้อย
🚽 การกินยารักษาริดสีดวง ที่มีส่วนผสมของ Diosmin และ Hesperidin ซึ่งผู้ป่วยสามารถแจ้งอาการกับเภสัชกรในร้านยาได้เพื่อรับยาและวิธีการรับประทานที่เหมาะสม หากมีอาการปวดริดสีดวง ท้องผูก หรือเลือดออก 🩸 เภสัชกรจะพิจารณาจ่ายยาบรรเทาตามอาการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Paracetamol, ยาบรรเทาอักเสบลดปวดกลุ่ม NSAIDs, ผง fiber , ยาระบาย MOM เป็นต้น
🚽 กรณีเลือดออกมากจนมีอาการซีด เภสัชกรอาจจะเพิ่มยาบำรุงเลือดให้
ถ้ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรพบแพทย์เพื่อตรวจด้วยเครื่องส่องตรวจทวารหนักถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ 🩺 ถ้าเป็นมากแพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงให้ฝ่อไป, ใช้ยางรัด ทำให้หัวฝ่อ, ใช้แสงเลเซอร์รักษา, การผ่าตัด เป็นต้นค่ะ