Caremarkpharma ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Caremarkpharma, เภสัชกรรม / ร้านขายยา, 390/4 ห้อง K01-K02 โครงการ Village Saimai 56 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ, Bangkok.

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)        สะเก็ดเงิน คือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เซล...
29/10/2025

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
สะเก็ดเงิน คือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวของเซลล์รวดเร็วผิดปกติ จนเกิดเป็นผื่นแดง แห้ง คัน เป็นแผ่นนูนหนาขึ้น ตกสะเก็ดเป็นสีเงินหรือสีขาวลอกออกเป็นขุย โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคไม่ติดต่อ ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมโรคให้สงบลงได้
___________________________

สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ผิวดี โดยเข้าใจผิดว่าเซลล์ผิวดีเป็นแบคทีเรียหรือไวรัสที่รุกรานจากภายนอกจนทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังพอกพูนเป็นแผ่นหนากลายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบสะเก็ดเงินที่แห้ง ตกสะเก็ด และลอกออกเป็นขุย และมีปัจจัยภายนอกที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดโรคได้ มีดังนี้

1. การบาดเจ็บของผิวหนัง เช่น การเกา การถู การเสียดสี รอยถลอก แผลผ่าตัด เป็นต้น
2. ภาวะเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น ในขณะตั้งครรภ์ ขณะมีรอบเดือน หรือการรับประทานยาคุมกำเนิด
3. การติดเชื้อโดยเฉพาะเชื้อสเตปโตคอคคัส (Streptococcus) ในระบบทางเดินหายใจ
4. โรคอ้วน
5. ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม beta-blocker, ยารักษาโรคซึมเศร้า
6. อาหารบางชนิดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
7. ความเครียดรุนแรง
8. แสงแดดที่ร้อนเกินไปจนทำให้เกิดผิวไหม้
9. การสัมผัสสารเคมี หรือสารระคายเคืองต่าง ๆ
10. ภูมิอากาศ
___________________________

อาการของโรคสะเก็ดเงิน
สะเก็ดเงิน มีอาการแสดงและความรุนแรงของโรคแตกต่างกันตามชนิด อวัยวะที่พบโรค ความรุนแรง ขนาด การกระจายตัวของโรค และความระยะเวลาการดำเนินโรค โดยทั่วไป สัญญาณและอาการของโรคสะเก็ดเงินคือผื่น หรือแผ่นผิวหนังอักเสบที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

1. ผื่นที่มีวงขอบเขตชัดเจนมีสะเก็ด ผิวหนังด้านบนหลุดลอกออกเป็นขุย แต่เกล็ดผิวหนังด้านล่างจะเกาะติดกันแข็งเป็นแผ่นหนา
2. ผื่น หรือแผ่นผิวหนังอักเสบที่ทำให้ผิวแห้ง แตก คัน แสบร้อนบริเวณผิวหนัง
3. ผื่น หรือแผ่นผิวหนังอักเสบที่หากเกา อาจทำให้เกิดแผลฉีกขาด และมีเลือดไหล
4. ผื่น หรือแผ่นผิวหนังอักเสบที่มีอาการเจ็บแสบอย่างรุนแรง ปวดบวม และมีไข้ร่วม
5. ผื่น หรือแผ่นผิวหนังอักเสบที่ทำให้สีผิวเปลี่ยนสี เช่น ผื่นสีม่วง ตกสะเก็ดเป็นขุยสีขาว ผื่นสีแดงหรือชมพู ตกสะเก็ดเป็นขุยสีเงิน
6. ผื่น หรือแผ่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่เป็น ๆ หาย ๆ 2 - 3 สัปดาห์จนถึงหลายเดือน อาการจึงค่อยทุเลาลงแล้วกลับมาเป็นใหม่
___________________________

ชนิดของสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินสามารถจำแนกออกได้หลายชนิด ตามลักษณะภายนอกที่ปรากฎและการกระจายตัวของโรค ดังต่อไปนี้

1. สะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (Plaque psoriasis/Psoriasis vulgaris) เป็นสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคเป็นผื่นแดง แผ่นหนา ขยายตัวอย่างช้า ๆ ขอบชัด หลายรูปทรง ปกคลุมด้วยขุยขาว หรือขุยเงินบริเวณหนังศีรษะ ลำตัว ข้อศอก แขนขา หลังส่วนล่าง หัวเข่า บริเวณที่มีการเสียดสีกันของผิวหนัง โดยสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนาเป็นสะเก็ดชนิดที่พบบ่อยที่สุดถึงร้อยละ 80-90 ของสะเก็ดเงินทั้งหมด
2. สะเก็ดเงินชนิดขนาดเล็ก (Guttate psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคเป็นผื่นแดง หรือตุ่มแดงแข็งทรงหยดน้ำขนาดเล็กไม่เกิน 1 เซนติเมตร เป็นขุยขาวกระจายตามลำตัว แขนขา และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยพบว่าผู้ที่เป็นสะเก็ดเงินชนิดขนาดเล็กมักมีสาเหตุจากการติดเชื้อสเตปโตคอคคัสในระบบทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อน
3. สะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคเป็นตุ่มหนองอักเสบบวมแดงขนาดเล็ก 2-3 มิลลิเมตรจำนวนมาก กระจายตัวทั่วบริเวณผิวหนัง ลำตัว แขนขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ใต้เล็บ มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน หากสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนองเห่อมาก อาจมีไข้ร่วม
4. สะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงลอกทั้งตัว (Erythrodermic psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินชนิดรุนแรงที่มีรอยโรคเป็นผื่นแดง คัน ลอกเป็นขุยขาวถึงกว่าร้อยละ 90 ของร่างกาย โดยอาจเป็นทั้งแบบสั้นหรือเฉียบพลัน หรือแบบระยะยาวหรือเรื้อรัง และอาจมีอาการเริ่มต้นจากการเป็นสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนานำมาก่อน อาจมีตุ่มหนอง อาการอ่อนเพลีย และมีไข้สูงร่วม
5. สะเก็ดเงินบริเวณซอกพับ (Inverse psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินเรื้อรังที่มีรอยโรคเป็นผื่นแดงขึ้นเป็นหย่อม ๆ มักไม่ค่อยมีขุย ขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่มีการเสียดสีและมีเหงื่อออก เช่น ตามซอกพับต่าง ๆ ของร่างกาย ใต้ราวนม รักแร้ ขาหนีบ ร่องก้น
6. สะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar psoriasis)เป็นสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคเป็นผื่นแดง ขอบชัด ขึ้นที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นขุยขาว ลอกออกเป็นขุย โดยผื่นสะเก็ดเงินอาจลามมาที่บริเวณหลังมือ หรือหลังเท้าได้
7. เล็บสะเก็ดเงิน (Psoriatic nails) เป็นสะเก็ดเงินที่เล็บมือ เล็บเท้า ที่ทำให้เกิดความผิดปกติของเล็บ เช่น เล็บผิดรูป เล็บร่อน เล็บเป็นหลุม เล็บหนาผิดปกติ และผิวหนังบริเวณเล็บเปลี่ยนสี
8. สะเก็ดเงินที่คาบเกี่ยวกับโรคเซ็บเดิร์ม (Sebopsoriasis)เป็นสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคเป็นตุ่มบนหนังศีรษะ ใบหน้า หู และหน้าอก ลอกออกเป็นขุยเหลืองของคราบไขมัน อันมีสาเหตุเกิดจากโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) หรือโรคผื่นแพ้ไขมัน
___________________________

การรักษาโรคสะเก็ดเงิน
วิธีการรักษาสะเก็ดเงินจะขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์โดยพิจารณาจากผลการวินิจฉัยชนิดของสะเก็ดเงิน รวมถึงระดับความรุนแรง และอาการข้างเคียงอื่น ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อควบคุม ยับยั้งไม่ให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วเกินไปจนทำให้ผิวหนังลอกและตกสะเก็ด มีการรักษาหลายแบบ ได้แก่

1. ยาทาภายนอก (Topical medications) เช่น ยาทากลุ่มคอติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids), ยาทากลุ่มอนุพันธุ์วิตามิน D (Calipotriol), ยาทากลุ่มแอนทราลิน (Anthralin, dithranol), ยาที่มีส่วนผสมของน้ำมันทาร์ (Tar), ยาทากลุ่ม Calcineurin inhibitor (Tacrolimus, pimecrolimus), สารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง (Skin moisturizer)
2. การรักษาด้วยการฉายแสงอาทิตย์เทียม (UV Phototherapy), การฉายรังสีอัลตราไวโอเลต เอ พูว่า (PUVA Therapy), การฉายแสง Excimer light
3. การรักษาด้วยยาชนิดรับประทานและยาฉีด (Oral and injected medications)
___________________________

ภาวะแทรกซ้อนของสะเก็ดเงิน
ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน มีความเสี่ยงสูงที่จะมีโรคหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น
- โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) ที่ทำให้มีอาการปวด บวม และตึงตามข้อ ปลายนิ้ว หรือกระดูกสันหลัง
- การเปลี่ยนแปลงของสีผิวชั่วคราว (Temporary skin color changes)
- โรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคตาแดง (Conjunctivitis)เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis) หรือม่านตาอักเสบ (Uveitis)
- โรคอ้วน (Obesity)
- เบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 diabetes)
- ความดันโลหิตสูง (High blood pressure)
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease) โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke
- กลุ่มโรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคเซลิแอค (Celiac) โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Sclerosis) หรือโรคโครห์น (Crohn’s disease)
- โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า (Depression)
___________________________

การป้องกันสะเก็ดเงิน
ปัจจุบันยังไม่พบวิธีการป้องกันโรคสะเก็ดเงิน แต่การหมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย สุขภาพผิว การพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสะเก็ดเงินได้ ทั้งนี้หากสงสัยว่ามีอาการหรือมีความเสี่ยงเป็นโรคสะเก็ดเงิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
___________________________

ที่มา
https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/psoriasis
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/psoriasis

#ร้านยาเพิ่มสิน #สายไหม #สายไหมวัชรพล #ร้านยาสายไหม #สายไหมเพิ่มสิน #แคร์มาร์ค

15/10/2025
🎉 FLASH SALE 10-12 OCT 25 🎉เพราะสุขภาพรอไม่ได้ รากฐานความแข็งแรงจากภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญพิเศษ วิตามินช่วยเสริมภูมิคุ้ม...
10/10/2025

🎉 FLASH SALE 10-12 OCT 25 🎉
เพราะสุขภาพรอไม่ได้ รากฐานความแข็งแรงจากภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญ
พิเศษ วิตามินช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เฉพาะลูกค้าสมาชิกร้านยาแคร์มาร์ค ฟาร์มาเท่านั้น ‼️

อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่คุณรักนะคะ 💌
เพราะเราคือร้านยาแคร์คุณมาก 🫶💞

______________________

หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถสอบถามเภสัชกรได้เลยนะคะ 😊

#ร้านยาเพิ่มสิน #สายไหม #สายไหมวัชรพล #ร้านยาสายไหม #สายไหมเพิ่มสิน #แคร์มาร์ค

 #มะเร็งเต้านม (Breast Cancer)___________________________มะเร็งเต้านมจัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของผู้หญิง และเนื...
07/10/2025

#มะเร็งเต้านม (Breast Cancer)
___________________________
มะเร็งเต้านมจัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของผู้หญิง และเนื่องในวันที่ 7 ตุลาคม เป็นวันมะเร็งเต้านมสากล (World Breast Cancer Day) ร้านยาแคร์มาร์ค ฟาร์มาขอใช้พื้นที่นี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนหันสามาใส่ใจสุขภาพเต้านมของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม มักไม่มีอาการเริ่มแรกแสดงให้เห็น อาจคลำพบเพียงก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ อาจกดเจ็บหรือไม่ก็ได้ ผู้หญิงหลายคนจึงมองข้ามคิดว่าเป็นเรื่องปกติ จนโรคมะเร็งร้ายลุกลามมากแล้ว จึงค่อยตัดสินใจพบแพทย์ ส่งผลให้การรักษาล่าช้าและอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
การป้องกันมะเร็งเต้านมที่ทำได้
- ตรวจเต้านมด้วยตนเอง: หมั่นตรวจคลำเต้านมทุกเดือน เพื่อสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
- พบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรอง: ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมอย่างน้อยปีละครั้ง
___________________________

#ผู้ที่ควรตรวจมะเร็งเต้านม

กลุ่มทั่วไป (ความเสี่ยงปานกลาง)
- ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจแมมโมแกรมทุก 1–2 ปี
- ผู้หญิงอายุ 50–74 ปี ควรตรวจแมมโมแกรมทุก 2 ปีอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 25-30 ปี
- มีญาติสายตรง (แม่, พี่สาว, น้องสาว, บุตรสาว) เป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่
- ญาติสายตรงมีการกลายพันธุกรรม BRCA1 หรือ BRCA2 เป็นบวก
- เคยได้รับรังสี (Radiation therapy) บริเวณทรวงอกช่วงอายุ 10–30 ปี
- เคยได้รับฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) เป็นเวลานาน เช่น ในผู้หญิงข้ามเพศ หรือ HRT หลังวัยหมดประจำเดือน
- มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมเองมาก่อน
- เคยตรวจชิ้นเนื้อแล้วพบภาวะเสี่ยงสูง เช่น Atypical Ductal Hyperplasia (ADH) และ Lobular Carcinoma in Situ (LCIS)
___________________________

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งเต้านม
1. การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เพิ่มความเสี่ยงราว 7–10% ต่อการดื่ม 1 แก้ว/วัน
2. โรคอ้วน โดยเฉพาะหลังหมดประจำเดือน เพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งกระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านม
3. ไม่ออกกำลังกาย
4. มีประจำเดือนเร็ว (ก่อนอายุ 12 ปี) หรือหมดหลังอายุ 55 ปี

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองทุกเดือน หากพบความผิดปกติเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

1. มีก้อนที่เต้านมหรือรักแร้
2. รูปร่างหรือขนาดของเต้านมหรือหัวนมเปลี่ยนไป
3. มีน้ำ เลือด หรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากหัวนม
4. สีหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมที่เปลี่ยนไป
___________________________

การตรวจเต้านมด้วยตนเอง สามารถทำไ้ด้ ดังนี้
1. การตรวจแบบก้นหอย: คลำจากบริเวณหัวนม วนออกตามเข็มนาฬิกา จนถึงบริเวณรักแร้
2. การตรวจแบบแนวนอนขึ้นลงขนานกับลำตัว: ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง คลำสลับขึ้นลง ให้ทั่วทั้งเต้านม
3. การตรวจแบบรัศมีรอบเต้านม: เริ่มจากส่วนบนเต้านมเข้าหาฐาน และขยับนิ้วหัวแม่มือจากฐานถึงหัวนม ทำซ้ำเป็นรัศมีรอบเต้านม
#ระยะและอาการของมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมมีทั้งหมด 5 ระยะ โดยเริ่มจากระยะที่ 0 ไปจนถึงระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย และแต่ละระยะก็มีความแตกต่างกัน ดังนี้

- มะเร็งเต้านมระยะ 0: มะเร็งเต้านมระยะแรก หรือระยะที่เรียกว่า DCIS ซึ่งเป็นระยะที่เซลล์มะเร็งเพิ่งเริ่มก่อตัวและยังอยู่เฉพาะที่ หากตรวจพบในระยะนี้ มีโอกาสรักษาให้หายได้มากถึง 99% เพราะเป็นระยะที่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง

1. มะเร็งเต้านมระยะ 1: ระยะที่เริ่มมีการลุกลามออกไปยังเนื้อเยื่อฐานราก แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง ขนาดก้อนมะเร็งที่ตรวจพบในระยะนี้ส่วนใหญ่ไม่เกิน 2 ซม. มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้เช่นเดียวกับระยะ 0

2. มะเร็งเต้านมระยะ 2: ขนาดของก้อนมะเร็งอาจใหญ่กว่า 2 ซม. แต่ไม่เกิน 5 ซม. และยังไม่มีการแพร่กระจาย ผู้ป่วยบางคนอาจตรวจพบขนาดก้อนมะเร็งที่เล็กกว่า 2 ซม. ได้ แต่อาจมีภาวะของการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้ว หากยังไม่มีการแพร่กระจายมีโอกาสรักษาให้หายได้ดีกว่า

3. มะเร็งเต้านมระยะ 3: ผู่ป่วยในระยะนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มคลำพบก้อน ซึ่งเป็นระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองรักแร้มากกว่า 4 ต่อมขึ้นไป โอกาสในการรักษาให้หายขาดลดลง มีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำและเกิดการกระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้

4. มะเร็งเต้านมระยะ 4 (ระยะสุดท้าย): เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ และเป็นระยะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อาการของมะเร็งเต้านมในระยะที่ 0-1 ส่วนใหญ่แล้วจะยังไม่มีอาการที่ชัดเจน และยังไม่พบก้อนเนื้อ การตรวจพบรอยโรคมะเร็งเต้านมในระยะนี้ มักมาจากการตรวจสุขภาพหรือทำแมมโมแกรม

อาการของมะเร็งเต้านมในระยะที่ 2 จะเริ่มมีสัญญาณเตือนที่ชัดขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่คลำพบก้อนที่บริเวณเต้านมหรือรักแร้ แต่ไม่รู้สึกเจ็บ บางคนอาจมีรูปร่างของเต้านมที่เปลี่ยนไปและมีรอยรูขุมขนชัดขึ้นเหมือนเปลือกผิวส้มที่มองเห็นได้ชัดเจน

อาการของมะเร็งเต้านมในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มมีการลุกลามของเซลล์มะเร็งไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง มีอาการหัวนมยุบตัว ผิวหนังแข็งหรือหนา มีสีผิวเปลี่ยนไปหรือเกิดแผลที่รักษาไม่หายขาด คลำเจอก้อนเนื้อ และอาจมีของเหลวไหลออกจากหัวนม

หากมะเร็งเริ่มมีการกระจาย การรักษาและโอกาสในการหายขาดก็จะยิ่งลดลงด้วย
___________________________

#การรักษาตามระยะของมะเร็งเต้านม
การรักษาโรคมะเร็งเต้านมมีหลายแนวทาง แพทย์อาจพิจารณาตามระยะของโรคและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

1. การผ่าตัดเต้านมและต่อมน้ำเหลือง: การผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม ปัจจุบันมี 2 วิธี คือการผ่าตัดแบบดั้งเดิม และวิธีผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscopic Breast Surgery)
2. การฉายแสง: แพทย์จะพิจารณาในกรณีที่ตรวจพบขนาดก้อนมะเร็งที่ใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร และมีการกระจายของมะเร็งไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้ว ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการฉายแสงรักษามะเร็งเต้านมติดต่อกัน 4-5 สัปดาห์ ตามการวินิจฉัยของแพทย์
3. เคมีบำบัด (Chemotherapy): แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีนี้รักษาผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งมีแนวโน้มจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หรือมีความเสี่ยงสูงต่อการกลับมาเป็นซ้ำหลังการผ่าตัด โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่ยังคงเหลืออยู่ในร่างกาย
4. การรักษามะเร็งเต้านมด้วยวิธีมุ่งเป้า (Targeted Therapy): เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์มะเร็งที่มีคุณสมบัติเฉพาะ การใช้ยามุ่งเป้าจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างตรงจุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และลดผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติ
5. ภูมิคุ้มกันบำบัด: เป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การระรักษาวิธีนี้ให้ผลการรักษาที่ดีในบางราย แต่ยังเป็นแนวทางใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม

___________________________

ที่มา
https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/breast-cancer
https://msc.healthcare/breast-cancer-stages/

#ร้านยาเพิ่มสิน #สายไหม #สายไหมวัชรพล #ร้านยาสายไหม #สายไหมเพิ่มสิน #แคร์มาร์ค #มะเร็งเต้านม

 #โรคพิษสุนัขบ้า  ___________________________โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากผู้ป่วยสัมผัสกับสัตว์ โดยติดเชื้อผ่านการถูกสัตว์กัด ข่...
28/09/2025

#โรคพิษสุนัขบ้า
___________________________

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากผู้ป่วยสัมผัสกับสัตว์ โดยติดเชื้อผ่านการถูกสัตว์กัด ข่วน หรือน้ำลายกระเด็นเข้าบาดแผล ถูกสัตว์เลียบริเวณเยื่อบุตา จมูก หรือปาก หรือรับประทานเนื้อสัตว์ดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก ประสาทหลอน อัมพาต โดยโรคพิษสุนัขบ้าสามารถรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรค แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
สัตว์ที่อาจเป็นพาหะของโรคพิษสุนัขบ้าได้แก่ สัตว์จำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว ค้างคาว สุนัขจิ้งจอก แรคคูน และสัตว์ป่าหลาย ๆ ชนิด สุนัขจรและแมวจรมีแนวโน้มที่จะเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าสู่คนได้สูง
อาการของโรคพิษสุนัขบ้า จะยังไม่แสดงออกในทันทีหลังจากที่ได้รับเชื้อ โดยผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการประมาณ 3 สัปดาห์ ไปจนถึง 3 เดือนหลังได้รับเชื้อ ในบางรายอาจใช้เวลาร่วมปีกว่าที่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะแสดงอาการ ขึ้นอยู่กับขนาด จำนวน และตำแหน่งของบาดแผล โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยงจำนวนมาก (Richly innervated area) โดยเชื้อโรคจะแพร่กระจายจากบาดแผลเข้าสู่ระบบประสาทและสมอง อาการของโรคพิษสุนัขบ้าแบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้

1. ระยะแรกเริ่ม (Prodromal phase)
ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าในระยะแรกเริ่ม จะมีอาการไม่จำเพาะ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยตามตัว กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ระคายเคืองบริเวณที่ถูกสัตว์กัดเป็นอย่างมาก มีอาการเจ็บแปลบคล้ายหนามทิ่มตำ ระยะนี้ อาจกินระยะเวลาเฉลี่ย 2-10 วัน

2. ระยะที่มีอาการทางระบบประสาท (Acute neurologic phase) ระยะนี้มีอาการ 2-7 วัน
ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าในระยะนี้ จะมีอาการแบ่งได้ 2 ประเภท
- ภาวะสมองอักเสบ (Encephalitis) ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ กลัวลม กลัวน้ำ กล้ามเนื้อกระตุก กล้ามเนื้อหดเกร็ง เพ้อ เห็นภาพหลอน นอนไม่หลับ
- ภาวะอัมพาตแบบกล้ามเนื้ออ่อนแรงปวกเปียก (Flaccid paralysis) ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อหดตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง

3. ระยะโคม่า (Coma)
ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าในระยะนี้ จะพบภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ระบบหายใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น และมักเสียชีวิตภายใน 2 สัปดาห์
ข้อควรปฏิบัติเมื่อถูกสัตว์ที่มีความเสี่ยงกัด
1. ล้างแผลด้วยน้ำ และฟอกสบู่หลาย ๆ ครั้ง ให้สะอาดลึกถึงก้นแผลอย่างน้อย 15 นาที เช็ดแผลให้แห้ง และใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น กลุ่มยาโพวิโดนไอโอดีน (Povidone-iodine)
2. หากสัตว์ที่กัดมีเจ้าของ ให้สอบถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และคอยสังเกตอาการของสัตว์ที่กัดอย่างน้อย 10 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์ไม่มีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า
3. รีบพบแพทย์ให้เร็วเพื่อรับการป้องกัน และรักษาที่ถูกต้อง โดยแพทย์พิจารณาทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า กลุ่มยา Post-exposure prophylaxis/PEP รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และยาปฎิชีวนะ โดยหากสัตว์ที่กัดมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า แพทย์อาจพิจารณาให้ยาอิมมูโนโกลบุลิน (Immunoglobulins) ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อพิษสุนัขบ้าร่วมด้วย
การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าสามารถป้องกันได้ โดยการดูแลสุขภาพอนามัยของสัตว์เลี้ยงให้ปลอดภัย และให้อยู่ห่างจากสัตว์ป่า เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับสัตว์ติดเชื้อ รวมทั้งปฏิบัติตามข้อปฎิบัติต่าง ๆ ดังนี้
- หากมีสัตว์เลี้ยง ให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องการโรคพิษสุนัขบ้าจนครบตามจำนวนเข็มที่สัตวแพทย์กำหนดและฉีดซ้ำทุกปี
- จัดที่อยู่อาศัยให้สัตว์เลี้ยง ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงไปในที่สาธารณะ
- ไม่สัมผัสสัตว์ป่า/สัตว์จร หรือปล่อยให้สัตว์เลี้ยงสัมผัสกับสัตว์ป่า/สัตว์จรจัด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรค
- หากพบสัตว์จรจัด ที่ต้องสงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่รับผิดชอบทันที
- แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบป้องกันล่วงหน้าในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สัตวแพทย์ ผู้ที่ทำงานในสวนสัตว์ ผู้ที่ทำงานในห้องทดลองที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกลที่มีการระบาดของโรคและผู้ที่ชื่นชอบการตั้งแคมป์ เดินป่า เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ยังไม่มียารักษาในปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับเชื้อโดยที่ไม่ได้รับการป้องกันและรักษาอย่างทันท่วงทีมักเสียชีวิตเกือบทุกราย ดังนั้นหากมีการสัมผัสกับสัตว์ที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า แนะนำให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อพิจารณาฉีดวัคซีนและหรือยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดยเร็วที่สุด
___________________________
ที่มา:
https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/rabies
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/579

#ร้านยาเพิ่มสิน #สายไหม #สายไหมวัชรพล #ร้านยาสายไหม #สายไหมเพิ่มสิน #แคร์มาร์ค #พิษสุนัขบ้า

ที่อยู่

390/4 ห้อง K01-K02 โครงการ Village Saimai 56 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ
Bangkok
10220

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 23:00
อังคาร 08:00 - 23:00
พุธ 08:00 - 23:00
พฤหัสบดี 08:00 - 23:00
ศุกร์ 08:00 - 23:00
เสาร์ 08:00 - 23:00
อาทิตย์ 08:00 - 23:00

เบอร์โทรศัพท์

+66955646325

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Caremarkpharmaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Caremarkpharma:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram