16/10/2025
ชอบมากบทความนี้ …ขออนุญาตเจ้าของและให้Cr.FB เจาะเวลาหาอดีตนะคะ
คนเราไม่ต้องมี “หมวก”อะไรมาสวม …แต่มี“ใจ”ในการดูแล กายและใจของผู้อื่น เท่าที่เราจะทำได้
ไม่ได้ให้ “แบก” ความทุกข์ ทั้งหมดของเขามานะคะ
Bach Foundation สอนPracttioner อย่างเราว่า …ให้เอาตัวลอยขึ้นมาอยู่เหนือ “สามเหลี่ยมแห่งปัญหานั้นๆ…แล้วนำความรู้ พลังBach Flower Remedy ลองมาเทียบดูกับปัญหานั้นๆ” แล้วเราจะช่วย clients (ผู้ที่มารับความรู้-การบำบัดจากเรา) ได้ โดยที่เราไม่ต้องจมไปกับเขา แต่เราพร้อมจะมีความสุขกับความสดชื่น การตื่นรู้ การปรับตัวของ Clients ของเรา
นี่คือ “ชีวิต”ในอนาคต ที่เราอยากทำมากที่สุด
ได้เห็นชีวิตคนกลับมามีความสุข แล้วเราก็พลอยสุขไปด้วยกับเขา
***บทความนี้ ทำให้นึกได้ถึงการดูแล “ผู้ที่ดูแลผู้ป่วย” …เขาคือคนที่ต้องการกำลังใจมากนะคะ
ผู้ป่วย เขาป่วย เราให้อภัยเขาเสมอเพราะเรารู้ว่เขาเจ็บ เขาป่วย
แต่ผู้ที่ต้องดูแลเขา ที่หนี “อารมย์ของผู้ป่วย“ไม่ได้ นี่สิ…เขาควรช่วยเหลือตัวเองด้วยนะคะ… บทความต่อไป จะมาshare ประสบการณ์การดูแล ”ผู้ดูแลผู้ป่วย“ กันคะ
มาติดตามกันนะคะ
“ผมชื่อเฮนรี่ อายุ 79 ปี ผมทำงานทำความสะอาดห้องน้ำที่โรงพยาบาลโอ๊ควูดมา 12 ปีแล้ว กะของผมเริ่มตอนตี 4 ผมถูพื้น เติมสบู่ เช็ดกระจก ไม่มีใครเห็นผม ไม่มีใครพูดกับผม ผมคือชายที่หายไปกับกระเบื้อง”
“เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมเจอบางอย่างในถังขยะห้องน้ำหญิง มันไม่ใช่ขยะ แต่เป็นกระดาษโน้ตขยำเขียนด้วยลายมือสั่น ๆ ว่า
‘แม่... หนูทำไม่ได้แล้ว เคมีบำบัดทำให้หนูแย่มาก หนูออกจากคลินิกแล้ว ตอนนี้นั่งอยู่ในลานจอดรถ หนูเหนื่อยเหลือเกิน รักแม่นะ’
ผมยืนนิ่ง หัวใจเต้นแรงเหมือนกลอง ผมจำเสียงนั้นได้ดี เป็นเสียงของหญิงสาวที่ผมเห็นเมื่อวานในห้องน้ำนี้ เธอหน้าซีด กุมท้อง ร้องไห้อย่างเงียบ ๆ อยู่ในห้องแคบ ๆ ผมเห็น... แต่ไม่ได้พูดอะไร แค่ก้มหน้าถูพื้นต่อไป
ผมรีบวิ่งไปลานจอดรถ กวาดตามองหาทุกคัน แล้วก็เห็น รถเก๋งสีเงิน เครื่องยนต์ยังติดอยู่ กระจกขึ้นฝ้า ข้างในมีหญิงสาวเอนตัวอยู่บนพวงมาลัย น้ำตาเปียกเต็มหน้า
ผมเคาะกระจก เธอสะดุ้ง ผมยกขวดน้ำที่พกติดตัวขึ้นให้ดู (ผมพกไว้เสมอ เพราะข้ออักเสบกำเริบถ้าไม่ดื่มน้ำ) เธอส่ายหัว “ไปเถอะค่ะ”
แต่ผมไม่ไป ผมเคาะขวดน้ำอีกครั้ง “หนูต้องการสิ่งนี้ และผมก็อยากนั่งอยู่กับหนู” แล้วผมเปิดประตูเข้าไป ไม่ใช่ในฐานะภารโรง แต่ในฐานะชายคนหนึ่งที่เคยฝังลูกสาวตัวเองบ่นท้อเนื่องป่วยเพราะมะเร็ง
ผมนั่งข้าง ๆ เธอ ไม่เทศนา ไม่สั่งสอน แค่ยื่นขวดน้ำให้ แล้วพูดว่า “ลูกสาวผมชื่อแมรี่ อายุ 28 เธอสู้มา 18 เดือน หนูไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะ ไม่ใช่วันนี้”
เธอร้องไห้หนัก ผมอยู่ตรงนั้น 20 นาที จนเธอกระซิบเบา ๆ ว่า “หนูจะกลับเข้าไปข้างในค่ะ”
ผมเดินไปส่งเธอถึงหน้าคลินิก พยาบาลร้องอุทาน “ซาร่าห์! เราตามหาคุณทั้งวันเลย!”
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมมาทำงานตามปกติ หัวหน้าพยาบาลมาหาผม “ซาร่าห์ถามหาคุณค่ะ เธอกลับมารับการรักษาแล้ว” แล้วเธอยื่นซองจดหมายให้ผม ข้างในมีเงิน 100 ดอลลาร์ “จากคุณแม่ของซาร่าห์ เธอบอกว่า ‘ให้เขาเถอะค่ะ นี่คือค่าน้ำ... และค่าความหวัง’”
ผมไม่รับเงินนั้น แต่บ่ายวันเดียวกัน มีผู้หญิงคนหนึ่งในเสื้อโค้ตเก่า ๆ เข้ามาในห้องน้ำ เธอยื่นกระติกกาแฟให้
“ลูกชายฉันก็สู้กับมะเร็งเหมือนกันค่ะ ฉันเลยชงเพิ่มไว้ให้คุณด้วย”
จากนั้นเรื่องนี้ก็เริ่มแพร่ไปทั่ว พยาบาลเอาแท่งกราโนล่าไว้ในห้องเก็บของ หมอคนหนึ่งให้เสื้อกันหนาวตัวเก่าเมื่อเห็นผมหนาว วันหนึ่ง อาสาสมัครวัยรุ่นมานั่งข้างผมตอนผมถูพื้น เธอบอกว่า “หนูมาที่นี่เพราะคุณค่ะ คุณทำให้หนูเข้าใจว่า ‘ความเมตตา’ ไม่ได้หมายถึงการกระทำยิ่งใหญ่ แต่มันคือการมองเห็นคนอื่นจริง ๆ”
วันนี้ผมยังคงทำความสะอาดห้องน้ำเหมือนเดิม แต่ตอนที่เติมสบู่ ผมเห็น “คน” มากกว่าสิ่งของ พยาบาลที่ร้องไห้ในห้อง พ่อที่เดินวนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน คนไข้ที่นั่งนิ่งมองพื้น
ผมยื่นขวดน้ำให้ แล้วพูดว่า “คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ”
สัปดาห์นี้ ซาร่าห์ทิ้งโน้ตไว้บนอ่างล้างมือว่า
“เฮนรี่ หนูเข้าสู่ระยะพักฟื้นแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำวันนั้น มันไม่ใช่แค่น้ำ แต่มันคือแพชีวิตของหนู”
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือ
คุณไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง ไม่ต้องมีงบประมาณ หรือแสงไฟส่องถึง เพื่อจะเปลี่ยนชีวิตใครสักคน
คุณแค่ต้องหยุดถูพื้นสักครู่... เพื่อมองเห็น “คน” ที่อยู่ตรงหน้า มือที่เงียบที่สุด... มักเป็นมือที่ประคองโลกเอาไว้
– เฮนรี่
ขอให้เรื่องนี้ได้ส่งต่อถึงหัวใจของใครอีกหลายคน
Astonishing
โดย แมรี่ เนลสัน
Kind and Gentle Souls Around the World
เจาะเวลาหาอดีต ถอดความและภาพประกอบ