ดีบูน ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ เอ็น ข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูก นิ้วล๊อก

ดีบูน ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ  เอ็น ข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูก นิ้วล๊อก ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ดีบูน ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ เอ็น ข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูก นิ้วล๊อก, ศูนย์การแพทย์, Bangkok.

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สุขภาพกระดูกและข้อ ดี-บูน "D-BOONE"
แก้ปัญหา โรคหมอนรองกระดูกทับเส้น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยด์ กระดูกพรุน กระดูกบาง นิ้วล๊อก รองช้า

โยคะขั้นพื้นฐานโยคะ เป็นการสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียวซึ่งการฝึกโยคะจะประกอบด้วย...
03/09/2017

โยคะขั้นพื้นฐาน

โยคะ เป็นการสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียวซึ่งการฝึกโยคะจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การออกกำลังกายหรือการฝึกท่าโยคะ การหายใจหรือลมปราณ การทำสมาธิ โดยการฝึกท่าโยคะจะกระตุ้นอวัยวะและต่อมต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น สุขภาพจึงดีขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับมารดาที่ตั้งครรภ์เป็นอย่างยิ่ง

โยคะพื้นฐานสำหรับมารดาตั้งครรภ์ จึงเป็นส่วนหนึ่งในโครงการตั้งครรภ์คุณภาพ

ท่าที่ 1
เหยียดขาตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างเท้าที่พื้นแขนเหยียดตรงข้างลำตัว (ให้จิตอยู่ที่นิ้วโป้งเท้า...หายใจเข้าทางจมูกให้ท่องป่องออก) หายใจเข้า
หายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ (ท้องแฟบเข้า) ปลายเท้าซ้ายชี้ลง ปลายเท้าขวาชี้ขึ้น
หายใจเข้าทางจมูก (ท้องป่องออก) ปลายเท้าซ้ายชี้ขึ้น ปลายเท้าขวาชี้ลง (ทำ 10 ครั้ง)

ท่าที่ 2
นั่งเหยียดขาตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างเท้าที่พื้นแขนเหยียดตรงข้างลำตัว (ให้จิตอยู่ที่ข้อเท้าซ้าย หายใจเข้าทางจมูกให้ท้องป่องออก)
หายใจออกทางปากอย่างช่า ๆ (ท้องแฟบเข้า) ให้ดึงข้อเท้าซ้ายเข้าหาตัว มือขวาจับที่ข้อเท้าซ้าย มือซ้ายกอดเข่าซ้ายแน่น
หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ (ท้องป่องออก) เหยียดเท้าซ้ายออก (ทำ 10 ครั้ง) แล้วจึงเปลี่ยนไปทำเท้าขวา (อีก 10 ครั้ง)

ท่าที่ 3
นั่งโดยเอาฝ่าเท้าประกบกัน เข่าสองข้างแยกออก (ให้จิตอยู่ที่หัวเข่า กายใจเข้าทางจมูก ให้ท้องป่องออก)
หายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ (ท้องแฟบเข้า) ให้ใช้มือทั้งสองข้างช้อนเข่ามากอดไว้
หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ (ท้องป่องออก) ให้เอามือทั้งข้าง กดหัวหัวเข่าลงให้มากที่สุด (ทำ 10 ครั้ง)

ท่าที่ 4
นั่งเหยียดขาตรงไปข้างหน้าหลังตรงแขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือหงายขึ้น (ให้จิตอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือ หายใจเข้าทางจมูก ให้ท้องป่องออก)
ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ กำมือให้แน่น โดยให้นิ้วทั้ง 4 กำหัวแม่มือไว้
หายใจเข้าทางจมูกให้แบมือออก (ทำ 10 ครั้ง )

ท่าที่ 5
นั่งเหยียดขาตรงไปข้างหน้าหลังตรงแขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างคว่ำลง (ให้จิตอยู่ที่ข้อมือ หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ ให้ท้องป่องออก)
ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ พร้อมกับคว่ำมือซ้ายลง กระดกมือขวาขึ้นข้อมืออยู่คู่กัน
หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ คว่ำมือขวาลง กรดกมือซ้ายขึ้นข้อมืออยู่คู่กัน (ทำ 10 ครั้ง)

ท่าที่ 6
นั่งขัดสมาธิ หลังตรงแขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างหงายขึ้น (ให้จิตอยู่ที่ข้อศอก หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ ให้ท่องป่องออก)
ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ พร้อมกับยกมือขวาไปแตะด้านหลังให้ลึกที่สุด มือซ้ายเหยียดตรงอย่างเดิม
หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ พร้อมกับยกมือซ้ายไปแตะด้านหลังให้ลึกที่สุด มือขวากลับมาเหยียดตรงอย่างเดิม (ทำ 10 ครั้ง)

ท่าที่ 7
นั่งขัดสมาธิ หลังตรง มือ 2 ข้างจับที่หัวไหล่ (ให้จิตอยู่ที่หัวไหล่ หายใจออกทางจมูกอย่างช้า ๆ ให้ท้องแฟบเข้า)
หายใจเข้าท้องป่องออกมือแตะที่หัวไหล่ หนีบข้อศอกลงแนบกับลำตัว
หายใจออกมือยังแตะที่หัวไหล่ ยกศอกขึ้นหลังมือแนบใบหู (ทำ 10 ครั้ง)

ท่าที่ 8
ต่อจากท่าที่ 7 มือแตะที่หัวไหล่ หมุนข้อศอกไปข้างหน้า 10 ครั้ง
มือแตะที่หัวไหล่ หมุนข้อศอกไปข้างหลัง 10 ครั้ง (ท่านี้หายใจปกติ)

ปรึกษาโรคกระดูกฟรี 098 285 3356 กิ๊ฟท์

โรคกระดูกพรุน  ป้องกันได้ 100 %    ปัจจุบันนี้ มีอีกโรคที่ติดอันดับหนึ่งในสิบที่ทำให้เสียชีวิตในผู้สูงอายุ คือโรคกระดูกพ...
31/08/2017

โรคกระดูกพรุน ป้องกันได้ 100 %

ปัจจุบันนี้ มีอีกโรคที่ติดอันดับหนึ่งในสิบที่ทำให้เสียชีวิตในผู้สูงอายุ คือโรคกระดูกพรุน ซึ่งฟังดูแล้ว เหมือนเป็นโรคที่ไกลตัว และไม่น่ากลัว จึงไม่มีใครตระหนักสักเท่าไร แต่จะรู้ไหมว่าโรคนี้ใกล้ตัวเรามาก และเป็นขึ้นมาแล้วทำให้ร่างกายพิการ กระดูกสันหลัง ยุบ ทรุด คด และเสียชีวิตเร็วขึ้น โรคกระดูกพรุนนี้ อาจเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดทั้งชีวิต

ในชีวิตประจำวัน คนเราจะรับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอ ในการเสริมสร้างมวลกระดูก และส่วนใหญ่จะเน้นดูแลตนเองในความสวยงามเป็นหลัก ซึ่งในอนาคตการเกิดภาวะโรคกระดูกพรุนจะเป็นได้ง่าย ซึ่งในคนไข้บางรายที่มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรงต้องทานยาแคลเซียม นานหลายปีทีเดียวกว่ากระดูกจะแข็งแรงและต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาจำนวนมาก ส่วนคนไข้ที่กระดูกสันหลังทรุด ยุบ และหัก แต่จะไม่สามารถเสริมสร้างให้กระดูกสันหลังตรงได้

ภาวะมวลกระดูกที่ลดลงของผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุน คือ โรคที่กระดูกมีเนื้อกระดูกลดลงไม่ว่าจากสาเหตุใด โดยเฉพาะกระดูกข้อสะโพก กระดูกสันหลัง และกระดูกข้อมือ เนื้อกระดูกจะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ ทำให้โครงสร้างของกระดูกพรุนทำให้กระดูกสันหลังโก่ง และกระดูกข้อสะโพก กระดูกข้อมือแตกหักได้ง่ายขึ้น

ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกข้อสะโพกจะหักง่ายเวลาล้ม“กระดูกข้อสะโพกจะหักง่ายเวลาล้ม”

กระดูกเป็นอวัยวะที่สำคัญกับร่างกายเรามาก เพราะเป็นส่วนประกอบหลักที่มีอยู่ ทั่วร่างกายทำหน้าที่หลักในการประคองให้ร่างกายทรงตัว ในการยืน นั่ง นอน ได้ ช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงการเคลื่อนไหว เดิน วิ่ง ได้อย่างคล่องตัว กระดูกของคนประกอบไปด้วยโปรตีน collagen ซึ่งสร้างโยงเป็นใยโดยมี calcium phosphate เป็นสารที่ทำให้กระดูกแข็งแรง และทนต่อแรงดึงรั้งของกล้ามเนื้อและเอ็นในร่างกาย แคลเซียมจะมีอยู่ในกระดูก ร้อยละ 99 และอยู่ในเลือดร้อยละ 1

ในวัยเด็กจนถึงช่วงหนุ่มสาว กระบวนการสร้างมวลกระดูก จะมากกว่าการทำลายหรือการสลายของมวลกระดูก ร่างกายจะสะสมโครงสร้างกระดูก ทำให้เนื้อกระดูกมีความหนาแน่น จนกระทั่งถึงอายุ 30 ปี จะเป็นช่วงที่ร่างกายมีโครงสร้างมวลกระดูกหนาแน่นที่สุด

โดยผู้ชายจะมีมวลกระดูกมากกว่าผู้หญิง จากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงถดถอยของการสร้างมวลกระดูก กระบวนการสร้างกระดูกจะลดลง ทำให้มวลกระดูกค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จากการสลายของมวลกระดูก ตั้งแต่อายุเลย 30 ปี เป็นต้นไป

ในผู้หญิง ที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรืออายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จะเป็นช่วงที่เสียมวลกระดูกเร็วมากกว่าปกติเนื่องจากฮอร์โมนที่ต่ำลง ผู้หญิงจึงมีกระดูกพรุนและกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนได้มากกว่าผู้ชาย

ก่อนที่คนเราจะไปถึงจุดที่เป็นโรคภาวะกระดูกพรุน เราควรกลับมาดูแลกระดูกให้แข็งแรงไว้ในทุก ๆ วัยของเรา และควรป้องกันภาวะโรคกระดูกพรุนกัน
การดูแลและป้องกันภาวะกระดูกพรุน

รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่ม สาว ซึ่งเป็นช่วงที่ควรสร้างความหนาแน่นของกระดูกมากที่สุดคือ ประมาณวันละ 1,000 มิลลิกรัม แต่ผู้หญิงในช่วงวัยหมดประจำเดือน ( อายุ 50-55 ปี ) ควรรับประทานแคลเซียมวันละ 1,500 มิลลิกรัม โดยรับประทานปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ กุ้งแห้ง กุ้งฝอย กะปิ เต้าหู้เหลือง เป็นต้น
การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เช่น การวิ่งเบา ๆ การเดินเร็ว ที่มีการลงน้ำหนักบนกระดูก การออกกำลังกายให้ประโยชน์ในสองด้าน ก็คือ ด้านแรกช่วยให้มีความคล่องแคล่วและมีกำลังกล้ามเนื้อมากขึ้น ทำให้โอกาสเสียหลักหกล้มลดลง และด้านถัดมา การออกกำลังกายจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างมวลกระดูกมากขึ้น ทั้งนี้ ชนิดของการออกกำลังกายที่เหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัว สภาพร่างกายเดิม
หยุดสูบบุหรี่ หยุดดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ควรดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ
ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป
การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมเพื่อเพิ่มมวลกระดูก โดย แคลเซียมที่ใช้ควรเป็นแคลเซียมแอลทรีโอเนต เพราะการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ได้ดีกว่าแคลเซียมอื่น ๆถึง 9 เท่า ช่วยลดการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ดี การทานแคลเซียมต้องทานไปเรื่อยๆ ในทุกๆ วันให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

อาการเตือนของโรคกระดูกพรุน

“ ไม่มีการแสดงอาการใด ๆ ” โดยส่วนมากผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะมาพบแพทย์ด้วยการหกล้มหรือกระแทกไม่รุนแรงแต่เกิดกระดูกหักตาม ข้อมือ ข้อสะโพก หรือ มาพบแพทย์เพราะมีปัญหาว่าตัวเตี้ยลง เพราะหลังค่อมหรือหลังโก่ง

มวลกระดูกไม่สามารถสร้างให้เพิ่มขึ้นได้ในชั่วข้ามคืนจะต้องค่อย ๆ สะสมมวลกระดูกอย่างช้า ๆ เป็นเวลานาน และควรทานอาหารเสริมแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูก และลดการเกิดโรคกระดูกพรุน

Posted in ข้อมูลความรู้
ปรึกษาฟรี กิ๊ฟ 098 285 3356
Id Line: chayanid15

8 ท่าโยคะลดพุง สำหรับสาววัย 30 ขึ้นไป พุงหาย แถมช่วยคลายปวดหลัง!       ย่างเข้าเลข 3 เมื่อไหร่ เป็นใครก็ต้องรู้สึกหวั่นใ...
29/08/2017

8 ท่าโยคะลดพุง สำหรับสาววัย 30 ขึ้นไป พุงหาย แถมช่วยคลายปวดหลัง!


ย่างเข้าเลข 3 เมื่อไหร่ เป็นใครก็ต้องรู้สึกหวั่นใจทุกทีค่ะ ไหนจะพุงที่เริ่มย้อย จากที่ไม่เคยมีมาก่อน ไหนจะอาการปวดหลัง ที่ถามหาแทบทุกวัน เรียกได้ว่า เข้าเลขสามแล้ว อาการนู่นนี่ตามมาไม่มีหยุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพราะวัยที่เปลี่ยนไป ปัจจัยหลายๆ อย่างของร่างกายเราก็เปลี่ยนตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานของร่างกายที่เริ่มเสื่อมลง หรือระบบเผาผลาญที่เริ่มทำงานไม่เป็นปกติ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แน่นอนว่า เราต้องหาทางฟื้นฟูร่างกายค่ะ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ดีเลยก็คือ โยคะ นี่ล่ะ!

บอกเลยว่า สาววัยเลข 3 ต้องหันมาโยคะให้มากขึ้นค่ะ เพราะโยคะไม่เพียงช่วยแก้อาการปวดของเราได้เท่านั้น (คลิกอ่าน 5 ท่า โยคะ หลังออกกำลังกายเสร็จ แก้ปวดหลัง แก้ปวดตัว ยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายหายปวด!) แต่โยคะยังช่วยดีท็อกซ์ (คลิกอ่าน รวมคลิป โยคะ ดีท็อกลำไส้ ลดหน้าท้องให้แบนราบ แถมเบิร์นไขมันทั่วตัว!) แถมยังช่วยลดพุงได้อีกด้วย! ซึ่ง 8 ท่าโยคะนี้ เป็นท่าง่ายๆ ที่จะช่วยสลายพุงของสาววัยเลข 3 ให้หายไป!



ท่าที่ 1
นอนคว่ำ วางฝ่ามือไว้ด้านหน้า ยกลำตัวช่วงบนขึ้นจากพื้น หน้ามองตรง เปิดอก เปิดไหล่ ยืดหลัง ค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำ 3 ครั้ง

ท่าที่ 2
นั่งหลังตรง ขาทั้งสองข้างเหยียดไปด้านหน้า จากนั้นก้มตัวลงมือทั้งสองข้างจับที่ปลายเท้า ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง

ท่าที่ 3
นอนหงาย ยกเข่าขึ้นแนบอก มือทั้งสองข้างกอดเข่าไว้ ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง

ท่าที่ 4
1. นอนคว่ำ วางฝ่ามือแนบข้างลำตัว งอข้อศอก

2. เหยียดแขนขึ้นตรง ดันลำตัวและขา แหงนหน้าขึ้น เปิดอก เปิดไหล่ ยืดหลัง ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก แล้วจึงกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 5 ครั้ง

ท่าที่ 5
นั่งหลังตรง ขาขวาพับเข้าหาตัว ขาซ้ายเหยียดไปด้านหลัง ยกปลายเท้าซ้ายขึ้น มือทั้งสองข้างวาดไปด้านหลังจับปลายเท้าซ้ายไว้ ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง แล้วสลับข้าง

ท่าที่ 6
นั่งหลังตรง ขาขวาพับเข้าหาตัว ขาซ้ายเหยียดตรงไปด้านหลัง ยกปลายเท้าซ้ายขึ้น มือทั้งสองข้างวางแนบพื้นไปด้านหลัง บริเวณต้นขา ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง แล้วสลับข้าง

ท่าที่ 7

นั่งขัดสมาธิ โดยให้ปลายเท้าทั้งสองข้างประกบกันไว้ที่ด้านหน้า จากนั้นโน้มตัวมาด้านหน้าใช้มือจับปลายเท้าทั้งสองข้างไว้ ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง

ท่าที่ 8
ยืนตรง เหยียดแขนขึ้นด้านบน ประนมมือทั้งสองข้าง จากนั้นค่อยๆ เอนลำตัวไปด้านหลัง เงยหน้า มองไปด้านบน ค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้าออก ทำซ้ำ 5 ครั้ง

เรียบเรียงข้อมูลโดยทีมงาน women.truelife.com

ลองทำกันดูนะคะ..
16/08/2017

ลองทำกันดูนะคะ..

 #อาการปวดเข่า  #เข่าเสื่อม #ฟื้นฟูหลังจากผ่าตัดเข่า!เสียงดังในข้อเข่า ,ปวดตึง , บวม , เจ็บแป๊ปๆรอบเข่า , นั่งพับเพียบไม...
24/07/2017

#อาการปวดเข่า #เข่าเสื่อม #ฟื้นฟูหลังจากผ่าตัดเข่า!
เสียงดังในข้อเข่า ,ปวดตึง , บวม , เจ็บแป๊ปๆรอบเข่า , นั่งพับเพียบไม่ได้ , เคลื่อนไหวไม่สะดวก , ขาไม่มีแรง
#อาการและอาการแสดงเป็นอย่างไร
1. อาการปวด เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด มักปวดมากขึ้นเมื่อใช้งานและลดลงหลังจากการพัก
2. ข้อยึดติด ถ้าเป็นมากมุมของการเหยียดงอเข่าจะลดลง เคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันลำบาก
3. ข้อบวม อาจพบเป็นๆหายๆ เกิดจากเยื่อบุข้อมีการอักเสบหรือมีการสร้างน้ำไขข้อเพิ่มขึ้น
4. มีเสียงหรือมีความรู้สึกว่ากระดูกเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหวข้อ
5. ถ้าเป็นรุนแรง ข้อจะผิดรูป ขาโก่ง
6. ข้อหลวม รู้สึกไม่มั่นคงเวลายืนหรือเดิน เนื่องจากเอ็นรอบๆข้อหย่อน
7. กล้ามเนื้อรอบๆข้อมีขนาดเล็กลงและไม่มีแรง
-เมื่อต้องเคลื่อนไหวจะมีเสียงเสียงลั่นในข้อ
-มีอาการกดเจ็บ
-เข่าอ่อนแรงและเสียมวลกล้ามเนื้อ
-ข้อเข่าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มที่ เสียความยืดหยุ่น ข้อติดหรือขยับได้ยาก มักจะเกิดขึ้นเวลาเช้าหรือต้องนั่งเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความยากลำบากเวลาเดิน ขึ้นบันได หรือลุกจากเก้าอี้
#ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง
1. อายุ การเกิดข้อเข่าเสื่อมจะพบมากตามอายุที่เพิ่มขึ้น
2. เพศ พบในเพศหญิงบ่อยกว่าเพศชาย
3. พันธุกรรม อาจมีคนในครอบครัวเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมร่วมด้วย
4. ภาวะอ้วน น้ำหนักตัวที่มากขึ้นทำให้ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักและแรงกดทับมากขึ้น
5. การได้รับบาดเจ็บ เช่น การมีเอ็นไขว้หรือหมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาด หรือมีกระดูกผิวข้อแตก
# # ปรึกษาเราได้เลย ... ฟรี !!
💢สนใจติดต่อคุณกิ๊ฟท์
📲โทร 098 285 3356

👴🏻โรคเข่าเสื่อม👴🏻🔅เป็นโรคที่พบในผู้ที่สูงอายุ แต่ก็สามารถพบในผู้ที่มีอายุน้อยซึ่งจะพบในผู้ที่มีโรคข้อเรื้อรัง เช่น โรครู...
22/07/2017

👴🏻โรคเข่าเสื่อม👴🏻
🔅เป็นโรคที่พบในผู้ที่สูงอายุ แต่ก็สามารถพบในผู้ที่มีอายุน้อยซึ่งจะพบในผู้ที่มีโรคข้อเรื้อรัง เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์
🔅หรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อเข่า โดยมากผู้หญิงจะมีโอกาศเป็นข้อเสื่อมได้มากกว่าผู้ชาย
🔅เนื่องจากความแข็งแรงของกระดูก และกล้ามเนื้อน้อยกว่าผู้ชาย
❌สาเหตุ❌
💉-พันธุกรรมและความผิดปกติแต่กำเนิดบางชนิด เช่น ขาหรือเข่าผิดรูป
💉-อายุและเพศ โดยเมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองของกระดูกอ่อนก็ลดลง
💉-น้ำหนักตัวมาก
💉-ประวัติการบาดเจ็บที่ข้อเข่า ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมได้สูง โดยอาจเป็นผลจาก
💉-การบาดเจ็บ โดยถึงแม้ร่างกายจะมีการซ่อมแซมตัวเองหลังการบาดเจ็บ โครงสร้างข้อเข่าก็อาจไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
💉-ได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง
💉-การใช้ข้อเข่าหักโหมซ้ำๆ หรือท่าทางบางอย่างที่ต้องงอเข่ามากเกินไป เช่น การคุกเข่า หรือนั่งยองๆ ซึ่งทำให้เข่าต้องรับแรงกดสูงกว่าปกติเป็นเวลานานหรือบ่อยครั้ง
💥อาการ💥
👉🏻ข้อเข่าผิดรูปอาการปวดเข่า เป็นอาการที่สำคัญ
👉🏻เริ่มแรกจะปวดเมื่อยตึงด้านหน้า และด้านหลังของเข่า หรือบริเวณน่อง
👉🏻เมื่อเป็นมากจะปวดเข่าเมื่อเคลื่อนไหว ลุกนั่ง หรือเดินขึ้นบันไดไม่คล่องเหมือนเดิม
👉🏻มีเสียงในข้อ เมื่อเคลื่อนไหวผู้ป่วยจะรู้สึกมีเสียงในข้อและปวดเข่า
อาการบวม
👉🏻ถ้าข้อมีการอักเสบก็จะเกิดข้อบวม
👉🏻ข้อเข่าโก่งงอ อาจจะโก่งด้านนอกหรือโก่งด้านใน ทำให้ขาสั้นลงเดินลำบากและมีอาการปวดเวลาเดิน
👉🏻ข้อเข่ายึดติด ผู้ป่วยจะไม่สามารถเหยียดหรืองอขาได้สุด
❌ต้องการเพิ่มแคลเซียมกระดูกและข้อให้แข็งแรง❌

👏🏻"ดีบูน" คือทางเลือก👏🏻
📌สนใจสั่งซื้อ ดีบูน ทิ้งชื่อและเบอร์
โทร : 098 285 3356 กิ๊ฟท์จ้า

โรคนิ้วล๊อค คืออะไร มาดูอาการ สาเหตุ กลุ่มเสี่ยง อาจมีผังผืดเกาะได้ค่ะ อ่านได้เลยค่ะ.... กดแชร์ได้นะค่ะต้องฟื้นฟูป้องกัน...
22/07/2017

โรคนิ้วล๊อค คืออะไร มาดูอาการ สาเหตุ กลุ่มเสี่ยง อาจมีผังผืดเกาะได้ค่ะ อ่านได้เลยค่ะ.... กดแชร์ได้นะค่ะ

ต้องฟื้นฟูป้องกันก่อนนะค่ะ ...ไม่งั้นจะเป็นเหมือนในภาพค่ะ
มือ” ถือได้ว่าเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งของ หรือใช้งานในกิจกรรมอื่นๆ ทั้งเด็กที่จะต้องใช้มือในการเขียนหนังสือ ผู้ใหญ่คนทำงานที่ต้องใช้มือกับแป้นพิมพ์ เขียนงานเอกสาร หรือใช้ในงานด้านต่างๆ ตลอดจนแม่บ้านที่ทำงานบ้าน ซักผ้าบิดผ้า หิ้วถุงจ่ายตลาด
ภาวะนิ้วล็อค เป็นกลุ่มอาการหนึ่งที่เกิดกลุ่มคนที่ใช้มือในการทำงานอย่างหนัก ก็จะพบว่ามีอาการเจ็บและมีเสียงดังกึก ทำให้เส้นเอ็นไม่โก่งตัวออกเมื่องอนิ้ว แต่เมื่อมีการอักเสบเส้นเอ็นจะบวมและหนาตัว ทำให้ลอดผ่านห่วงลำบาก จึงรู้สึกเจ็บและเกิดอาการนิ้วล็อคตามมา ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะแม่บ้าน ส่วนในผู้ชายมักจะพบในผู้ที่มีอาชีพที่ต้องใช้มือหนักๆ เช่น พนักงานพิมพ์ดีด นักกอล์ฟ
โดยส่วนใหญ่เกิดในผู้หญิงอายุ 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะแม่บ้านที่ใช้มือทำงานอย่างหนัก เช่น หิ้วตะกร้าจ่ายกับข้าว ชอปปิ้ง บิดผ้า ส่วนในผู้ชายมักพบในอาชีพที่ใช้มือทำงานหนักๆ มีการจับ ออกแรงบีบอุปกรณ์ซ้ำๆ เช่น คนทำสวนใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ ช่างที่ใช้ไขควงหรือเลื่อย พนักงานพิมพ์ดีด นักกอล์ฟ ช่างงานฝีมือ นักยูโด และหมอนวดแผนโบราณเป็นต้น
ในแต่ละกิจกรรมจะใช้งานแต่ละนิ้วไม่เหมือนกัน จึงทำให้เกิดนิ้วล็อคที่ตำแหน่งนิ้วต่างกันด้วย เช่น อาชีพครู หรือนักบริหาร มักเป็นนิ้วล็อคที่นิ้วโป้งขวา เพราะใช้เขียนหนังสือมาก และใช้นิ้วโป้งกดปากกานานๆ ส่วนแม่บ้านซักบิดผ้า มักเป็นที่นิ้วชี้ซ้ายและขวา แต่ทั้งนี้ภาวะดังกล่าวไม่มีอันตรายใดๆ เพียงแต่ให้ความรู้สึกเจ็บปวด และใช้มือได้ไม่ถนัด เป็นโรคที่สามารถป้องกัน และรักษาให้หายได้ ถ้ารู้จักวิธีดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
ในระยะแรกจะมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือ กำมือไม่ถนัด หรือกำได้ไม่เต็มที่โดยเฉพาะตอนเช้าหลังตื่นนอน พอใช้มือไปสักพักก็จะกำมือได้ดีขึ้น เวลางอที่จะเหยียดนิ้วมือมักจะได้ยินเสียงดังกึก ต่อมาจะมีอาการนิ้วล็อค คือ เวลางอนิ้วจะเหยียดขึ้นเองไม่ได้ มักเกิดกับมือข้างถนัดที่ใช้งาน ซึ่งอาจเป็นเพียงนิ้วเดียว หรือเป็นพร้อมกันหลายนิ้วก็ได้ บางรายอาจรุนแรงถึงนิ้วบวมชา ติดแข็งจนใช้งานไม่ได้
โรคนิ้วล็อค
เป็นโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยกับทุกเพศทุกวัย แต่จะส่วนใหญ่จะพบได้มากในกลุ่มคนวัยทำงาน โรคนี้ไม่ได้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่หากใครก็ตามที่เป็นโรคนี้แล้ว มือของคุณจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เต็ม 100 % เพราะจะทั้งเจ็บปวด ทั้งน่ารำคาญ ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้สะดวก แถมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อจะได้ไม่เกิดการผิดพลาดในการหยิบจับ ส่วนสาเหตุของการเกิดนิ้วล็อคนั้นก็จะมาจากการทำงานที่ต้องใช้นิ้วซ้ำๆ กันบ่อยๆ ทำให้นิ้วเกิดการเกร็ง ซึ่งจะทำให้ ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ จนสุดท้ายก็นำไปสู่การเป็นภาวะนิ้วล็อคได้

อาชีพอะไรบ้างที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ้วล็อค

1. นักกอล์ฟ (Golfer)
นักกอล์ฟส่วนใหญ่จะพบว่าตัวเองมีอาการเป็นนิ้วล็อค สาเหตุก็เพราะนักกอล์ฟที่ตีกอล์ฟ และ ทำการฝึกซ้อมมากๆ เป็นเวลานานๆ การเกร็งมือจับไม้กอล์ฟไว้แน่นๆ การออกแรงสวิงมากเกินไป และการหวดวงสวิงซ้อมติดต่อกันทุกๆ วัน ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลทำให้เกิดการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นที่ข้อนิ้วมือ ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดนิ้วล็อคก็คือ การเลือกไม้กอล์ฟที่หนักเกินกำลังของวงแขนและมือ
โดยส่วนใหญ่ท่านนักกอล์ฟจะเลือกไม้ที่มีความหนัก เช่น ไม้กอล์ฟก้านเหล็กที่ความแข็งของก้านตั้งแต่ 5.5 – 6.5 ขึ้นไป เพื่อหวังระยะในการตีแต่ละครั้ง ทุกครั้งที่หวดซ้อมลูกและโดนลูกไม่เต็มใบ แรงสั่นหรือแรงช็อคของไม้จะส่งถึงมือและข้อนิ้วโดยตรงเป็นเหตุให้เกิดโรคนิ้วล็อคในระยะยาว

2. หมอนวดแผนโบราณ (Massager)
นวดแผนโบราณเป็นอาชีพที่ต้องใช้กำลังจากนิ้วมืออย่างมากที่สุด คนที่จะทำการนวดได้จะต้องเป็นคนที่มีพลังจากแรงกดของมือค่อนข้างหนักมาก โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่โป้ง ข้อนิ้วมือแรกและหลังข้อนิ้วที่สอง เพราะต้องใช้นิ้วเหล่านี้ทำการกดบีบ ตัดเส้นให้กับลูกค้าที่มีอาการเส้นตึงทั้งหลาย
โดยเฉพาะการนวดเท้าซึ่งผู้ที่มีเท้าแข็งและหนา คนที่นวดจึงต้องออกแรงใช้นิ้วมือนวดอย่างมาก แม้ว่าจะมีไม้นวดเท้าออกมาช่วย แต่อาชีพนวดแผนโบราณนั้น ก็ยังคงเสี่ยงต่อการเกิดนิ้วล็อคอยู่ดี เพราะไม่ใช่แค่ส่วนเท้าอย่างเดียวที่ต้องนวด แต่หมายถึงทั้งร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าที่มือต้องทำหน้าที่บีบนวดคลายเส้น

3. ช่าง (Craftsman, Mechanic)
อาชีพช่างนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มืออย่างหนัก เพราะต้องอยู่กับเครื่องมือที่ต้องใช้แรง โดยเฉพาะงานอย่างช่างฝีมือหรือช่างเครื่อง ที่วัน ๆ ต้องอยู่กับไขควง ประแจ สิ่ว กบไสไม้ ขวาน หรือค้อนต่าง ๆ ยิ่งงานใดที่ต้องการความประณีต ละเอียดอ่อน ยิ่งทำให้มือต้องใช้งานหนักมากยิ่งชึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงความเสียหายที่มือจะต้องได้รับนั่นเอง ยิ่งใช้งานอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการพัก ก็จะทำให้เกิดอาการนิ้วล็อคขึ้นได้

4. นักยูโด (Judo, Jujitsu)
นักยูโดก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องฝึกฝนกำลังข้อมือกำลังแขน และกำลังนิ้วเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้มีความแข็งแรงมากพอที่จะจับคู่ต่อสู้ทุ่มลงไปนอนกับพื้นได้ ซึ่งนักยูโคต้องใช้มือกำตรงชายเสื้อชุดยูโด (กิ) แล้วฉุดกระชากดึงในท่วงท่าที่หลากหลายรูปแบบเพื่อให้คู่ต่อสู้เสียหลัก ซึ่งบางครั้งคู่ต่อสู้บิดตัวทำให้ชายเสื้อม้วนรัดที่กำปั้นและข้อมือ
ซึ่งทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ กีฬายูโดเป็นกีฬาที่ต้องใช้กำลังนิ้วติดต่อกับเป็นเวลานานไม่ว่าจะเป็นในเวลาแข่งหรือในเวลาซ้อม อีกทั้งนักยูโดจะฝึกกำลังนิ้ว ด้วยการนำเอายางในจักรยานมาผูกเข้ากับเสา แล้วดึงขึ้นลงอยู่ตลอดทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคนิ้วล็อคได้มากกว่าอาชีพอื่น ๆ

5. แม่บ้าน (Housewife)
อาชีพแม่บ้านเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นนิ้วล็อค ซึ่งหากเราดูกันอย่างผิวเผินแล้วจะคิดว่าอาชีพนี้ไม่น่าจะเกิดอันตรายกับนิ้วมือได้ แต่คุณอย่าลืมว่าอาชีพแม่บ้านนั้น งานหลักที่ต้องทำคือทำงานในบ้าน ไม่ว่าจะทำกับข้าว จ่ายตลาด ทำความสะอาดบ้าน แต่ในทุกรายละเอียดของการทำงานนั้นเต็มไปด้วยสภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ้วล็อคไดเทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนที่หิ้วตะกร้าหรือหิ้วถุงเดินตลาด
การทำกับข้าวที่ต้องใช้แรงผัด แรงกวน หรือการซักผ้า บิดผ้า ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดนิ้วล็อคได้ทั้งสิ้นตลอดเวลาในการทำงาน ที่สำคัญอาชีพแม่บ้านนั้นไม่เคยมีวันหยุด จะต้องทำซ้ำๆ แบบนั้นอยู่ทุกๆ วันปัจจุบันนี้จึงจะพบว่าแม่บ้านเป็นจำนวนมาก ที่จะป่วยเป็นโรคนิ้วล็อคอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

#ยินดีให้คำแนะนำ ปรึกษา ฟรี..!! โทรเลย!!
📌สนใจสั่งซื้อ ดีบูนเน่ 📌
โทร : 0982853356 กิ๊ฟท์จ้า
Id line : chayanid15

ที่อยู่

Bangkok
10150

เบอร์โทรศัพท์

+66982853356

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดีบูน ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ เอ็น ข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูก นิ้วล๊อกผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ดีบูน ศูนย์ฟื้นฟูกระดูกและข้อ เอ็น ข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูก นิ้วล๊อก:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram